จิ้งโม่เกิดความสงสัยยามที่เกิดเื่นี้ “ยามนั้น ใครเป็คนจัดการเื่ศพของคุณหนูเจียงหรือขอรับ มีใครเห็นบ้างหรือไม่ยามที่หมอตำแยนำร่างของคุณหนูไปทำความสะอาด แต่พอกลับมาก็บอกว่านางตายเสียแล้ว รองแม่ทัพเจียงเป็ไปได้หรือไม่ขอรับ ที่เื่นี้จะมีคนที่ไม่้าให้น้องสาวของท่านมีชีวิตอยู่ เพราะนางคือคุณหนูใหญ่ของตระกูลเจียง ที่ในอนาคตจะถูกจับจ้องจากเชื้อพระวงศ์และตระกูลขุนนางนะขอรับ”
“หรือว่า!! คุณชายขอรับจากที่จิ้งโม่พูดมา หากสิ้นคุณหนูไปคนที่จะถูกให้ความสำคัญ ย่อมเป็คุณหนูจากบ้านนายท่านรอง และตอนนี้มีหลายตระกูลรวมถึงตำหนักขององค์ชายหลายคน ที่กำลังคิดจะส่งแม่สื่อมาทาบทามนางมิใช่หรือขอรับคุณชาย” หลี่อี้ลองคิดตามคำถามของจิ้งโม่เขาก็คิดถึงบ้านรองของน้องชายนายท่านใหญ่คนเดียวเท่านั้น
“หมายความว่าบ้านรอง วางแผนเอาไว้ั้แ่แรกงั้นหรือ พวกมันช่างใจกล้าเกินไปแล้ว อยากมีอำนาจเหนือบ้านหลัก ถึงกับคิดสังหารน้องสาวข้าั้แ่นางเกิด จิตใจอำมหิตเกินไปแล้ว เื่ของหมอตำแยที่ทำคลอดให้ท่านแม่คนของท่านพ่อไปตามหาไม่พบ หลังจากที่จัดงานฝังศพให้กับน้องสาวของข้า” เจียงหยวนพอจะรู้มาั้แ่เด็กว่าบ้านรองนั้นอิจฉาท่านพ่อเพียงใด
“หากเป็เช่นนั้นมีความเป็ไปได้ว่า หมอตำแยทำการสับเปลี่ยนทารก นางไม่กล้าพอที่จะสังหารคุณหนูจึงพานางหลบหนีไป และเลี้ยงดูคุณหนูจนนางเติบโต จากนั้นความรู้สึกผิดในใจ ทำให้หมอตำแยสารภาพความจริง ส่งผลให้คุณหนูออกเดินทางเข้าเมืองหลวง เพื่อตามหา
พวกท่านก็เป็ได้นะขอรับรองแม่ทัพเจียง” มู่ฉีคิดว่าเื่นี้มีความเป็ไปได้อย่างมาก
“ใช่! ถ้าเป็อย่างที่พวกเ้าพูด น้องสาวของข้านางยังมีชีวิตอยู่แน่ ๆ ข้าต้องไปพบท่านพ่อเพื่อบอกเกี่ยวกับเื่นี้ รบกวนพวกเ้าสองคนตามข้าไปด้วยได้หรือไม่” เจียงหยวนรู้สึกมีความหวังที่จะได้เจอน้องสาว
“พวกข้ายินดีขอรับ” ในที่สุดพวกเขาก็มีข่าวดีส่งให้เ้านายแล้ว
“อืม ขอบใจมากพวกเราไปที่กระโจมของท่านพ่อกันเถิด”
“ขอรับ”
เจียงหยวนแม้จะมิได้เชื่อ ที่คนของสหายพูดมาทั้งหมด แต่เมื่อพิจารณาบางข้อก็มีจุดให้น่าสงสัยอยู่เช่นกัน ฉะนั้นการนำเื่ดังกล่าวไปหารือกับบิดาของตน ย่อมเป็ทางออกที่ดีที่สุดในยามนี้ เพราะเจียงหยวนรู้ดีว่าในใจของบิดา ก็เสียใจและคิดถึงน้องสาว
มากเช่นกัน
เจียงเล่อคนสนิทของแม่ทัพใหญ่ ยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้ากระโจม เขาจะไม่รู้สึกแปลกใจหากบุตรชายของเ้านาย จะมาพบบิดาเพียงลำพัง แต่วันนี้ด้านหลังของคุณชาย กลับมีคนที่ไม่รู้จักติดตามมาถึงสองคน
“คาราวะคุณชายขอรับ”
“อืม เจียงเล่อตอนนี้ท่านพ่ออยู่คนเดียวหรือมีแขก”
“เรียนคุณชาย นายท่านทำงานอยู่ด้านในเพียงลำพังขอรับ”
“ขอบใจมาก พวกเ้าสองคนตามข้าเข้าไปด้านในเถิด หลี่อี้เ้าอยู่เฝ้าด้านหน้ากับเจียงเล่อ อย่าเพิ่งให้ใครเข้าพบจนกว่าข้าจะกลับออกมา” เจียงหยวนเฝ้าระวังทุกฝีก้าวเพื่อป้องกันคนของบ้านรอง
“ทราบแล้วขอรับคุณชาย”
“คุณชายรีบเข้าไปพบนายท่านเถิดขอรับ เื่ที่ท่านกังวลบ่าวจะเฝ้าระวังเป็อย่างดี มิให้ใครเข้าใกล้กระโจมนี้ได้แน่” หลี่อี้เข้าใจคำสั่งนี้ดี
“พรึ่บ! คารวะท่านพ่อ/คารวะท่านแม่ทัพใหญ่ขอรับ”
“หืม อาหยวนมีเื่อะไรหรือไม่ ถึงได้มาพบพ่อยามนี้แล้วเ้า พาใครมาด้วยล่ะนั่น พ่อไม่คุ้นหน้าทั้งสองคนเลย” แม่ทัพใหญ่เอ่ยถามบุตรชายที่พาคนแปลกหน้าเข้ามาพบกับตน
“เรียนท่านพ่อ ทั้งสองคนนี้เป็คนของอาเหยียนขอรับ ที่ข้าพาพวกเขาเข้ามาพบท่านพ่อในเวลางานเช่นนี้ เป็เพราะมีเื่เกี่ยวกับกุญแจหยกอายุยืนของตระกูลเจียงของเราขอรับ”
“ลองเล่ารายละเอียดมาสิว่าเกิดอะไรกับเื่นี้ แล้วอาเหยียนอยากรู้เกี่ยวกับกุญแจหยกอายุยืนด้วยเหตุใด” พอได้ยินบุตรชายพูดถึงเื่นี้แม่ทัพใหญ่วางตำราลงและถามอย่างจริงจัง
“พวกเ้าเล่าให้ท่านพ่อฟังอย่างที่เล่าไปก่อนหน้านี้เถิด ท่านพ่อจะได้พิจารณาว่ามีทางเป็ไปได้หรือไม่” เจียงหยวนให้จิ้งโม่กับมู่ฉีเป็คนเล่ารายละเอียดกับบิดาเอง
“ขอรับ เรียนท่านแม่ทัพใหญ่ เื่นี้เกิดจากนายน้อยที่กำลังทำภารกิจอยู่ที่เมืองเฉียนโจว และด้วยความบังเอิญในวันที่เดินทางไปถึงที่นั่น นายน้อยได้ยินหญิงสาวนางหนึ่ง พูดถึงเื่ข่าวลือและนางคิดว่าน่าจะเป็ฝีมือของคน จากคำพูดนี้ของนางนายน้อยจึงให้ตงลู่สะกดรอยตามไป เพราะเกิดความสงสัยว่าเหตุใดนางถึงไม่กลัวเช่นชาวบ้านคนอื่น ๆ นอกจากนี้ตงลู่เห็นนางมีกุญแจหยกอายุยืน และพูดถึงการเข้าเมืองหลวง เพื่อตามครอบครัวที่แท้จริงโดยใช้หยกชิ้นนั้นเป็หลักฐานขอรับ”
“หญิงสาวชาวบ้านจะมีหยกชิ้นนั้นได้อย่างไร ในเมื่อมันเป็ของขวัญที่ตระกูลเจียงจะทำขึ้น ยามที่มีบุตรหลานในตระกูลคลอดลูกออกมาเท่านั้น ตงลู่อาจจะมองผิดไปก็เป็ได้พวกเ้าไม่คิดเช่นนั้นหรือ” แม่ทัพใหญ่ยังไม่คิดเชื่อว่าที่ตงลู่เห็นจะเป็หยกของตระกูลเจียง
“ท่านแม่ทัพใหญ่ตงลู่จะมองผิดได้อย่างไรขอรับ พวกเราถูกฝึกฝนมาอย่างหนัก หากมองผิดการทำภารกิจย่อมล้มเหลวนะขอรับ และเื่นี้พวกข้าทำการสืบจากตระกูลอื่น ๆ ทั้งหมดแล้ว พวกเขาล้วนใช้ทองคำมีเพียงตระกูลเจียงเท่านั้นที่ยังใช้หยก ข้ากับมู่ฉีจึงมาขอพบรองแม่ทัพโดยตรงเพราะไม่อยากแอบสืบอย่างลับ ๆ” จิ้งโม่พยายามอธิบายกับแม่ทัพใหญ่
“ท่านพ่อคนของอาเหยียน ตั้งข้อสังเกตว่ามีคนไม่้าให้น้องสาวมีชีวิตอยู่ เพราะจะเป็อุปสรรคต่อบุตรสาวของพวกเขา สำหรับเพิ่มอำนาจให้ตนเอง ท่านพ่อย่อมรู้ดีว่าบุตรสาวของแม่ทัพใหญ่เช่นท่าน ย่อมมีหลายฝ่ายจับจ้องอยากเกี่ยวดองด้วยทั้งนั้นมิใช่หรือขอรับ”
เจียงหยวนเริ่มพูดให้บิดาคิดตาม
“ท่านแม่ทัพใหญ่ พวกข้าคิดว่ามีความเป็ไปได้อย่างมาก ที่บุตรสาวของท่านจะถูกสับเปลี่ยนกับศพทารก จากแผนการร้ายของผู้ไม่หวังดีในวันที่ฮูหยินคลอด แต่คนที่นำคุณหนูไปตัดใจทำร้ายเด็กไม่ลงจึงเลี้ยงดูไว้เอง อาจจะด้วยความรู้สึกที่ติดตามหลอกหลอน สุดท้าย
จึงยอมบอกความจริงกับคุณหนูก็ได้ขอรับ” จิ้งโม่คิดว่าต้องเป็เช่นนี้แน่
“เรียนท่านแม่ทัพใหญ่หญิงสาวคนนั้น อายุเลยวัยปักปิ่นมาเกือบหนึ่งปีแล้ว เมื่อลองพิจารณาเื่อายุของคุณหนูเจียง ก็ถือว่าใกล้เคียงกันมากนะขอรับ” มู่ฉีเปรียบเทียบเื่อายุของทั้งสองคน ยิ่งคิดว่ามีความเป็ไปได้สูงอย่างมาก
“คนที่ไม่อยากให้บุตรสาวของข้าเป็อุปสรรคงั้นหรือ จะเป็ใครไปไม่ได้นอกจากเ้าคนขี้อิจฉานั่น หากพวกมันคือคนที่คิดทำร้ายบุตรสาวของข้าจริงละก็ พวกมันทั้งครอบครัวไม่ว่าจะหัวหงอกหัวดำ ต้องชดใช้ด้วยชีวิตเท่านั้น สิบกว่าปีที่ฮูหยินต้องอยู่กับความเสียใจ หากไม่ใช่
เพราะมีอาหยวนอยู่ นางคงตรอมใจตายไปนานแล้ว และสิบกว่าปีที่บุตรสาวของข้าต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก อยู่ที่ไหนสักแห่งทั้งที่ชีวิตของนางควรอยู่อย่างสุขสบาย มีบ่าวคอยรับใช้เช่นคุณหนูในห้องหอคนอื่น อาหยวน” แม่ทัพใหญ่ยามนี้คล้ายได้ปลดบางสิ่ง ที่ต้องทนมาหลายปีออกไปบ้างแล้ว
“ขอรับท่านพ่อ”
“พ่อรู้ว่าตอนนี้เ้ากำลังคิดอะไรอยู่ พ่ออนุญาตให้เ้าหยุดพักผ่อน และพาหลี่อี้ติดตามไปรออาเหยียนกลางทาง เพื่อรับน้องสาวของเ้ากลับบ้านอย่างปลอดภัยเถิด ส่วนแม่ของเ้าพ่อจะค่อย ๆ คุยกับนางเอง” คนเป็พ่อแค่มองสายตาของบุตรชาย ทำไมจะไม่รู้ว่า้าสิ่งใด เนื่องจากตัวของแม่ทัพใหญ่เอง หากไม่ติดว่าต้องสะสางกองโต ย่อมอยากไปพบเด็กสาวคนนี้ด้วยตนเองแน่
“ขอบคุณท่านพ่อ ข้าจะพาน้องสาวกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน หากมีใครคิดจะทำร้ายนางอีกครั้ง มีเพียงความตายที่พวกมันจะได้รับ ข้ากับหลี่อี้จะออกเดินทางคืนนี้ รบกวนท่านบอกกับท่านแม่ด้วยนะขอรับ”
“อืม เ้าไปเตรียมตัวเถิดอาหยวน”
“ข้าขอตัวก่อนขอรับ”
“ส่วนพวกเ้าสองคนข้าต้องขอบใจมาก ที่นำเื่นี้มาบอกเอาไว้นายน้อยของพวกเ้ากลับมาถึงเมืองหลวง ข้าจะเชิญมาทานอาหารที่จวนเป็การขอบคุณอีกครั้งก็แล้วกัน” เื่นี้แม่ทัพใหญ่จะลืมได้อย่างไร
“พวกเรายินดีเป็อย่างมากที่ได้ทำภารกิจในครั้งนี้ขอรับ ขอแสดงความยินดีกับท่านแม่ทัพใหญ่ล่วงหน้า ที่จะได้เจอคุณหนูเจียงอีกครั้งด้วยขอรับ” แต่สิ่งสำคัญคือพวกเขาสองคนต้องรีบส่งจดหมายถึงเ้านายเป็การด่วน
“ขอบใจ ๆ”
“เช่นนั้นพวกข้าสองคนต้องขอตัวก่อนนะขอรับ อย่างไรเสียก็ต้องส่งข่าวรายงานให้นายน้อยได้ทราบด้วยขอรับ” พวกเขาจะชักช้าไม่ได้เด็ดขาด เพราะต้องเขียนรายละเอียดทั้งหมดลงไป
“ฝากขอบใจอาเหยียนแทนข้าด้วยก็แล้วกัน”
“ทราบแล้วขอรับท่านแม่ทัพใหญ่”
แม้จิ้งโม่กับมู่ฉีจะดีใจที่ภารกิจของตนในครั้งนี้จะสำเร็จ แต่คนที่ดีใจมากคงหนีไม่พ้นเจียงหยวน ยามเดินออกมาด้านนอก เขาทำเพียงเรียกหลี่อี้ให้เดินตามกลับไปที่พัก และสั่งให้เตรียมสัมภาระเท่านั้น ทำเอาบ่าวคนสนิทถึงกับงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้นกับเ้านาย แต่ก็ได้รู้เมื่อถึงเวลาออกเดินทาง หลี่อี้ดีใจกับเ้านายของตนที่จะได้เจอคุณหนูเสียที ส่วนแม่ทัพใหญ่กำลังเตรียมคำพูด ที่ต้องบอกกับฮูหยินของตนรวมถึงมารดาที่แก่ชราไปมาก อย่างน้อยเมื่อรู้ข่าวดีอาจทำให้มารดาสุขภาพแข็งแรงก็เป็ได้
