คิดไปคิดมา คิดแล้วคิดอีก ซูเมี่ยวเออร์พลันคิดว่า หรงซิวน่าจะบ้าไปแล้ว หรือไม่อวิ๋นอี้ก็ยั่วยวนบุรุษเก่งเกินไป
มิว่าอย่างไร นางมิมีวันยอมรับว่านางเทียบอวิ๋นอี้มิได้!
ต้องหาโอกาสพิสูจน์ว่าผู้เดียวที่คู่ควรกับหรงซิวคือนาง!
ซูเมี่ยวเออร์มองดูก้อนกระดาษสองลูกที่ถูกโยนลงพื้น นางเบะปากแรง ทั้งยังพ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่
นางหยิบก้อนกระดาษขึ้นมา ใส่เข้าไปในอก ผ่านเตียงไปแล้วเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า
ข้างในนอกจากจะมีเสื้อผ้าที่ใส่กันทั่วไปแล้ว ยังมีอีกไม่กี่ชิ้น...
ซูเมี่ยวเออร์เชี่ยวค่อยๆ เบิกตากว้าง นางใช้สองนิ้วบีบสิ่งที่ดูเหมือนผ้าคาดท้อง ทว่าดูมิใช่ แววตาของร้อนรุ่มเต็มไปด้วยความโกรธ กัดฟันแน่น
ไร้ยางอาย!
นางรู้แล้วว่าเพราะเหตุใด!
อวิ๋นอี้ต้องใช้สองสิ่งนี้ ยั่วยวนให้หรงซิวหลงจนโงหัวไม่ขึ้นเป็แน่!
ท่านยายที่บ้านบอกว่าบุรุษเป็สิ่งมีชีวิตที่ใช้ส่วนล่างคิดกันทั้งนั้น เดิมนางคิดว่าหรงซิวมิใช่คนเช่นนั้น เพราะหน้าตาที่ดูจิตใจสะอาดผ่องใส มิคิดเลยว่า...จะหนีไม่พ้นกิเลส ไปชอบนางจิ้งจอกได้!
นางโกรธมาก มิรู้ว่าเพราะเหตุใด ถึงอดคิดมิได้ว่าหรงซิวจะเป็อย่างไรใน่เวลานั้น
จะร้อนไปทั้งตัวหรือไม่?
จะกอดนางไว้แน่นหรือไม่?
จะกัดหูนางและกระซิบชื่อนางหรือไม่?
เพียงคิดสักพัก แก้มของนางก็ร้อนผ่าว แม้แต่ร่างกายของนางยังสั่นเล็กน้อย
จนกระทั่งมีลมเย็นพัดมา เหงื่อที่ร้อนเย็นลง เืที่พลุ่งพล่านค่อยๆ สงบ ซูเมี่ยวเออร์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เรียกสติกลับมา
นี่มิใช่เวลามาคิดเื่นี้ รอให้นางทำลายอวิ๋นอี้ได้แล้ว ย่อมมีเวลาพลอดรักกับหรงซิว
ผู้ใดมิใช่สตรีจอมยั่วยวนกัน?
ซูเมี่ยวเออร์หยิบเสื้อผ้าสองชิ้นที่มิมีชื่อเรียกนั้นเข้าไปในแขนเสื้อ มองไปรอบๆ กลับพบว่ามิมีหลักฐานใดๆ จึงอาศัย่ที่มิมีคน ออกไปอย่างเงียบๆ
นางเดินตรงกลับไปที่ห้องของนาง โยนเสื้อผ้าลงบนเตียง
คือสิ่งใดกัน!
รูปร่างดูเหมาะกับให้สตรีใช้ ลูกกลมนูนสองข้าง คงมิใช่สิ่งที่บุรุษใช้หรอกกระมัง?
ร่างกายบุรุษมิมีกระไรเช่นนั้นนี่!
ซูเมี่ยวเออร์หยิบที่ปิดอกสองชิ้นนั้นขึ้นมา มองซ้ายขวา มิเข้าใจ สิ่งที่นางคิดมิถึงคือ เพลานี้อวิ๋นอี้ก็ถูกถามด้วยคำถามเดียวกัน
“นี่คือสิ่งใดเพคะ ท่านพี่!”
คนที่ถามคือกู่ซือฝาน ทั้งสองคนมาแช่บ่อน้ำร้อนด้วยกัน สิ่งที่มิเหมือนกับคราก่อนคือ อวิ๋นอี้โยนชุดแปลกๆ ออกมา
อวิ๋นอี้สาธิตสวมชุดประหลาดนั่น บอกกับนางว่า "นี่เรียกว่าบิกินี่ พูดตามข้านะ บิ กิ นี่"
"......"
กู่ซือฝานริมฝีปากเกร็ง สายตาจับจ้องไปที่อวิ๋นอี้
บิกินี่เย้ายวนมาก น่าจะเป็เพราะสร้างจากโครงสร้างทางสรีระของสตรี ก้อนหิมะขาวอ่อนนุ่มที่ชูเชิด และเขาน้ำลึกลับกลางหว่างขา ถูกปกคลุมจนหมด ทว่ากลับทำให้ผู้คนเืพลุ่งพล่าน
นางหน้าแดงด้วยความละอาย อดไม่ได้ที่จะมองด้วยความสนใจ
“เหตุใดเ้ามิใส่เล่า?” อวิ๋นอี้มองนางด้วยสีหน้าขมวดคิ้วหลังจากเปลี่ยนชุด “รีบเปลี่ยนสิ เสร็จแล้วข้าจะสอนเ้าว่ายน้ำ”
“แต่...เสื้อผ้าเช่นนี้ ข้าจะกล้าใส่ได้อย่างไรเพคะ!” กู่ซือฝานทำตัวมิถูก
แม้ว่านางจะมีนิสัยตรงไปตรงมา ทว่านางยังเป็สตรี ตามแนวความคิดโบราณ สิ่งที่มิชอบที่สุดคือการเปิดเผยร่างกายของนางแก่ผู้อื่น แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็สตรีก็ตาม มันทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจ
“เหตุใดจึงใส่มิได้กัน?” อวิ๋นอี้ไม่เข้าใจ เท้าสะเอวแล้วหมุนอย่างสง่าอยู่เบื้องหน้าของนาง เผยผิวสีขาวราวหิมะ ขาเรียวยาวและบั้นท้ายแน่นๆ ให้นางเห็นจนหมด "เ้าดูสิ ข้าก็ใส่ได้มิใช่หรือ? เห้อ อย่างไรหากเ้าอยากเรียนว่ายน้ำต้องฟังข้านะ ท่านพี่สะใภ้คนนี้จะทำร้ายเ้าหรือ?"
เดิมกู่ซือฝานสวมเสื้อผ้าอย่างหนาแน่ ล้อเล่นหรือไร เสื้อผ้าเช่นนั้นหนักจะตาย มิเหมาะกับการเรียนว่ายน้ำ
อวิ๋นอี้ท่าทีหนักแน่น พูดจบ ก็พลันกอดหน้าอก แล้วมองนางด้วยความมุ่งมั่น
มองดูกู่ซือฝานที่ค่อยๆ ยอม "ได้...ข้าจะใส่เพคะ..."
นางหน้าแดง หลังจากใส่เสื้อผ้าเสร็จ นางไปยืนหน้าอวิ๋นอี้ตัวสั่นเล็กน้อย ทั้งยังรู้สึกอาย
"ดี...ไม่เลว" อวิ๋นอี้เท้าคาง มองนางพร้อมกับบีบคาง "หมุนตัวให้ข้าดูหน่อย"
“ท่านพี่!” ไม่รู้ว่าเป็เพราะความเข้าใจผิดของนางหรือไม่ ที่มักจะรู้สึกว่าน้ำเสียงของพี่สะใภ้ ราวกับกำลังแซวนาง
อวิ๋นอี้ยิ้มและตีก้นนางด้วยมือใหญ่ "มิรู้เลยนะเนี่ย เ้ารูปร่างดีเช่นนี้ น้องเก้าโชคดีจริงๆ หน้าอกและเอวนี้..."
พูดอยู่ก็เอามือไปบีบเอวนาง กู่ซือฝานใจนรีบถอยหลังไปสองสามก้าว ใบหน้าแดงก่ำของนางราวกับผิงกั่ว “เขาโชคดีกระไรเพคะ ท่านพี่เจ็ดสิถึงเรียกว่าได้พบของมีค่า เื่อย่างว่าของพวกท่านเข้ากันได้ดีเลยใช่หรือไม่เพคะ!"
"......"
อวิ๋นอี้ตะลึงกับคำถามในทันใด
นางแต่งงานมาสามปีแล้วน่ะเื่จริง ทว่าเพิ่งร่วมหอมินานนี่เอง
เป็เื่น่าอายที่จะพูดคุยกับผู้อื่นเื่นี้
อวิ๋นอี้หัวเราะอย่างเขินๆ แล้วเปลี่ยนประเด็น ผลักกู่ซือฝานลงไปในบ่อ ะโลงตามไป เริ่มสอนว่ายน้ำอย่างจริงจัง
กู่ซือฝานไม่นับว่าโง่ แขนขาประสานกันเป็อย่างดี เมื่อเรียนว่ายน้ำ ความก้าวหน้าของนางเป็เื่น่าดีใจ
หลังจาก่บ่าย การกระพือปีกในน้ำของนางดูเป็แบบแผนมากขึ้น
อาทิตย์อัสดงสาดแสงพลบค่ำสู่ความมืดมิด ทั้งคู่หมดแรง ออกมาจากบ่อ เช็ดผมลวกๆ ใส่เสื้อผ้าแล้วเดินกลับไป
ทันทีที่อวิ๋นอี้ผลักประตูออก พลันสังเกตได้ถึงความผิดปกติ
นางยืนนิ่ง กวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างปราดเปรียว
ห้องของกู่ซือฝานอยู่ติดกับนาง เปิดประตูเข้าห้องไป ไม่นานก็กลับออกมา ชะโงกหัวคุยกับนาง “ท่านพี่ ทำกระไรเพคะ?”
“มีคนมาที่ห้องข้า" อวิ๋นอี้มั่นใจ
“หา?” กู่ซือฝานร้อนรนขึ้นทันใด รีบมาหานาง เอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยเพื่อมองดูในห้อง “ยังอยู่ข้างในหรือไม่เพคะ?”
“ออกไปแล้ว” อวิ๋นอี้พูดแล้วเดินเข้าไปช้าๆ ตามด้วยกู่ซือฝาน กระซิบกับนางว่า “ท่านพี่ ลองดูสิเพคะว่ามีสิ่งใดหายหรือไม่?”
ในห้องมิมีที่คนจะซ่อนได้ คงมองออกภายในแวบเดียว หากจะแอบสิ่งของ ก็มีเพียงสองที่
อวิ๋นอี้คิดว่าไม่มีสมบัติล้ำค่ากระไร นึกมิออกว่าจะมีผู้ใดหมายตานาง นางทำเพียงเดินไปสำรวจตามปกติ ถึงหน้าตู้เสื้อผ้าก็ดึงประตูออก
บิกินี่สองตัวที่นางทำตอนเบื่อๆ ตอนไปแช่น้ำหยิบไปตัวหนึ่ง มันควรจะเหลืออีกตัว
น่าเสียดายที่ตอนนี้มันหายไปแล้ว
คนโรคจิตหรือ?
อวิ๋นอี้มุมปากกระตุก ผู้ที่มาอยู่ที่สำนักซืออี๋ล้วนเป็สตรี บุรุษมีเพียงแค่ทหารยามที่ประตู
ถึงแม้ว่าทหารยามจะกล้าหาญอย่างไร ทว่าจะกล้าขโมยชุดชั้นในของนางหรือ?
“ท่านพี่ มีของหายหรือเพคะ!” กู่ซือฝานเห็นนางยืนอยู่หน้าตู้โดยมิพูดอันใจ จึงถาม
อวิ๋นอี้เม้มปากและบอกความจริงกับนาง กู่ซือฝานปิดปากด้วยความประหลาดใจ "พระเ้า! มีคนโรคจิตเช่นนี้ด้วยหรือ! มิได้การ เื่นี้จะต้องบอกแม่นม! น่ากลัวมาก! ทุกคนล้วนเป็สตรี ผู้ใดกันที่ไร้ยางอายจนขโมยชุดชั้นในของท่าน!”
นางยิ่งดูเกินจริง ทันใดนั้นเสียงของนางพลันหยุดกะทันหัน
อวิ๋นอี้ตกตะลึงกับเสียงของนาง จนิญญาจะออกจากร่างแล้ว เหลือบตามองนาง “เ้าคิดถึงสิ่งใดกัน?”
“ท่านพี่สะใภ้ คงจะมิใช่ว่าสตรีผู้ใดแอบรักท่านหรอกนะเพคะ?"
"..." อวิ๋นอี้ขมวดคิ้วและพึมพำ "ยิ่งพูดยิ่งไปกันใหญ่..."
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้