“ตะ แต่ว่าเรือนเล็กหลังนั้นทั้งเก่าและทรุดโทรม แน่ใจหรือขอรับว่านางจะอยู่ได้”
“นั่นมันเื่ของนาง ไม่ใช่ธุระของข้า เอารายงานนี้ไปส่ง อีกสองวันข้าต้องรู้ความเคลื่อนไหวของกองทัพแคว้นอู๋อย่างละเอียด”
“ขอรับท่านแม่ทัพ”
วันถัดมา
เมื่อหลินอิงตื่นขึ้นมา ก็มีสาวใช้เข้ามาแจ้งว่านางต้องย้ายไปที่เรือนพักด้านหลัง เดิมทีหลินอิงก็มิได้อยากอยู่ร่วมกับเขาอยู่แล้ว นางจึงย้ายไปโดยไม่มีคำถาม แต่เมื่อเดินไปที่เรือนเล็กด้านหลังก็ใเล็กน้อย
“ถึงแล้วเ้าค่ะฮูหยิน ข้าน้อยขอตัวก่อน”
“เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนสิแล้ว… ไม่มีสาวใช้หรือคนอื่นที่จะมาช่วยทำความสะอาดเลยหรือ เดี๋ยวก่อนสิเ้าอย่าพึ่งไป”
เมิ่งหลินอิงยืนมองสภาพเรือนเล็ก ที่เก่าและทรุดโทรม ที่นี่ดูไม่ต่างกับจวนเดิมที่นางจากมาก เพียงแค่ดีกว่านิดหน่อย
“เอาเถอะ อย่างน้อยหลังคาก็ไม่รั่ว แค่ต้องกวาดถูทำความสะอาดนิดหน่อย รีบทำเถอะ”
“แต่ว่า… นี่มันเกินไปแล้วนะเ้าคะ ท่านเป็ถึงฮูหยินของเขาแต่กลับให้ท่านมาอยู่ในที่แบบนี้”
“ทำไมเล่าไม่ดีหรือ เรือนเก่าของท่านแม่ทรุดโทรมยิ่งกว่านี้อีก เ้าจำไม่ได้หรือ อย่างน้อยก็แค่ต้องตัดหญ้ารอบ ๆ แต่ด้านในเหมือนจะยังใหม่อยู่นะ”
“คุณหนูท่านก็มองทุกอย่างในแง่ดีเหลือเกินนะเ้าคะ ช่างเถอะ ข้าเองเ้าค่ะ”
เรือนหลังนี้แม้จะเก่า แต่ก็ไม่ถึงกับอยู่ไม่ได้ ตัวเรือนยังแข็งแรงแค่ไม่มีคนดูแล โชคดีที่ยังไม่เก่าจนหลังคารั่วเหมือนห้องของมารดานางที่สกุลเมิ่ง แม้ในตอนนั้นนางอยากจะขึ้นไปซ่อมเอง แต่ก็กลัวคานไม้ที่ง่อนแง่นในจวนสกุลเมิ่งจะล้มลงมาจนเรือนพังเสียก่อน
หากเป็เช่นนั้นมารดาของนางคงแย่ยิ่งกว่าเดิม แต่หลังจากที่นางแต่งออกมา ฮูหยินใหญ่รับปากแล้วว่า จะให้ท่านแม่ของนางย้ายมาอยู่เรือนตะวันตก ซึ่งเป็เรือนที่ใหญ่และมีสาวใช้คอยดูแล
“คุณหนูเ้าคะ ตรงนั้นหญ้ารกมากท่านอย่าเข้าไปดีกว่า ข้าเข้าไปทำเองเ้าค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปเก็บของข้างใน”
“เ้าค่ะ”
หลินอิงแยกกับผิงเพ่ย เก็บกวาดของในเรือนให้พออยู่ได้ นางค่อย ๆ ดึงของและห่อผ้าที่รกรุงรังด้านในออกมา ไม่ทันระวังจึงถูกตะขาบที่ซ่อนอยู่ในห่อผ้ากัด
“โอ๊ย! ผิงเพ่ย!”
“คุณหนู ท่านเป็อะไรไปเ้าคะ”
เมื่อผิงเพ่ยเดินมา ก็ต้องใเพราะตรงหน้าคือตะขาบตัวใหญ่ที่พึ่งกัดขาของเมิ่งหลินอิงไป
“ผลัวะ!”
“คุณหนูท่านเป็อย่างไรบ้างเ้าคะ ข้าจะรีบล้างแผลให้ท่าน ยาล่ะ ยา…อยู่ที่ไหนละนี่”
“ไม่ต้องตื่นเต้น แค่ตะขาบตัวเดียวเองข้าไม่ทันระวัง”
“เคราะห์ซ้ำกรรมซัดจริง ๆ ทำไมชีวิตของพวกเราถึงไม่มีเื่ดีบ้างเลยนะ”
“เอาเถอะผิงเพ่ย อย่างน้อยที่นี่ก็ยังมีห้องครัวและเราก็มีเงิน เอาไว้ทำความสะอาดเสร็จแล้ว เ้าก็ออกไปซื้อของมาทำของอร่อย ๆ กิน ดีหรือไม่”
“คุณหนูท่านก็ช่างปลอบข้าเหลือเกินนะเ้าคะ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเจ็บมากแท้ ๆ”
“รีบล้างแผลก่อนเถอะ ยังเหลืออีกไม่มากแล้วเ้าจะได้นั่งพักด้วย”
“เ้าค่ะ”
สองวันถัดมา
หลิวเว่ยหยางมิได้สนใจเื่ของเมิ่งหลินอิง ที่พึ่งย่ายไปอยู่ที่เรือนด้านหลังอีกเลย เขาแทบจะลืมนางไปแล้วด้วยซ้ำ หากไม่มีจื่อรั่วที่มาเตือนว่าในวันพรุ่งนี้เขาและนางต้องเข้าวัง เพื่อไปรับตำแหน่งฮูหยินตราตั้งชั้นพิเศษ ที่ท่านอ๋องเป็ตัวแทนฝ่าามอบให้ฮูหยินแม่ทัพหลิว
“พรุ่งนี้หรือ ข้าลืมไปสนิทเลย เช่นนั้นเ้าก็ไปแจ้งนางเถอะ”
“เอ่อ ข้าน้อยหรือขอรับ”
“เอาเถอะข้าไปเองก็ได้ ถึงอย่างไรก็ต้องไปไหนมาไหนด้วยกันอยู่ดี ต่อให้อึดอัดแค่ไหนก็เลี่ยงไม่ได้อยู่ดี”
แม่ทัพหลิวเดินไปยังเรือนด้านหลัง ซึ่งเขาไม่เคยเดินมาที่นี่นานแล้ว เดิมทีเคยเป็เรือนพักของแม่นมที่ดูแลเขามาั้แ่เด็ก หลังจากนางเสียไปก็ไม่มีใครกล้ามาพักที่นี่อีกเลย แต่เมื่อจะเดินเข้าประตูวงพระจันทร์เข้าไป ในตอนนี้กลับได้ยินเสียงหัวเราะของสตรีดังออกมา ซึ่งทำให้เขารู้สึกแปลกใจไม่น้อย
“เ้าต่างหากเล่า หัวยุ่งเหมือนผักกาดเลย”
“คุณหนูท่านอย่าเอาแต่เล่นสิเ้าคะ…ท่านแม่ทัพ!”
หลินอิงสะดุ้งสุดตัว เมื่อรู้ว่าผู้ใดที่เดินเข้ามา เมื่อนางหันมาก็ใกับบุรุษหนุ่มในชุดลำลองสีเข้ม ผมที่ถูกจัดทรงและรวบด้วยกวานสีเงินครึ่งศีรษะ ใบหน้าคมคายหล่อเหลา ไม่ต่างกับวันแต่งงานเดินเข้ามาใกล้ ๆ นาง
“นี่พวกเ้า… ทำอะไรกันอยู่ ที่นี่...”
เขามองไปรอบ ๆ เรือนหลังเล็ก ซึ่งก่อนหน้านี้แทบจะไม่ใช่ที่สำหรับคนอยู่ แต่บัดนี้พวกนางเก็บกวาดจนเรียบ และตอนนี้เหมือนจะกำลังยกหน้าดินเพื่อปลูกบางอย่าง ใบหน้าของคุณหนูเมิ่งที่เข้าพิธีแต่งงานกับเขา ตอนนี้เปื้อนมอมไปด้วยดินอยู่เต็มแก้ม จนไม่เห็นความงามในวันส่งตัวที่เขาจำได้
“ข้า… ก็แค่ปลูกผัก”
“ปลูกผัก หึ ไม่คิดว่าคุณหนูจวนเศรษฐีเช่นเ้า จะจับจอบขุดดินเป็ด้วย ช่างเป็เื่ที่น่าแปลกเหลือเกิน เ้าตั้งใจทำให้ใครดูงั้นหรือ เสแสร้งไปก็ไร้ประโยชน์”
“ท่านแม่ทัพ หากท่านไม่มีธุระอันใดก็หลีกไปเถอะเ้าค่ะ ข้ากำลังยุ่งอยู่ไม่ว่างรับแขก หลีก!”
นางจงใจกระแทกจอบในมือ ซึ่งให้ผิงเพ่ยไปซื้อมาวันก่อนใส่หน้าเท้าของเขา หลิวเว่ยหยางถอยหลบจนเริ่มโมโห
“พอแล้ว! ข้ามาที่นี่ย่อมมีธุระ ตามข้าออกมานี่ ทางที่ดีเช็ดหน้าเช็ดตาให้ดูเหมือนคนเสียก่อน แล้วค่อยมาคุยกัน”
หลินอิงกำจอบในมือแน่นด้วยความโกรธ เมื่อแม่ทัพหนุ่มหันไปนางจึงรีบยกขึ้นทำท่าจะฟาด แต่เขากลับหันมาเสียก่อน นางจึงรีบยกลงทันที
“ข้าจะไปรอที่โต๊ะหน้าเรือน อย่าให้ข้าต้องรอนาน”
พูดแล้วก็เดินหันหลังออกไปทันที เขาไม่ลืมสังเกตว่าพวกนางใช้เวลาแค่สองวัน แต่กลับทำให้ที่นี่น่าอยู่ไม่ต่างกับตอนที่แม่นมของเขาพัก เพราะการตายของนางในครั้งนั้น ทำให้เขาไม่อยากเห็นเรือนหลังนี้อีก ไม่คิดว่าจู่ ๆ วันนี้มันจะกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง
“มันเคยงดงามขนาดนี้จริง ๆ หรือ”
แม่นมฮ่าวหลิงเลี้ยงดูเขามาั้แ่เด็ก หลังจากบิดาของเขาสิ้นไปพร้อมกับโรคระบาดในกองทัพ เขาไม่รับตำแหน่งอ๋องแทนบิดา ตามที่ฮ่องเต้ซึ่งถือเป็พระเชษฐาของบิดาจะมอบให้
ดังนั้นฝ่าา จึงประทานยศแม่ทัพใหญ่รักษาดินแดนต้าเฟิงให้เขา และส่งชิงอ๋องที่ไม่ได้เื่มาอยู่ที่นี่ หมายจะให้เรียนรู้จากเขา แต่ท่านอ๋องกลับไม่เอาไหน วัน ๆ สนใจแต่สุรานารีและอบายมุข เขาคิดว่านี่คงจะเป็แผนการของฝ่าา ที่อยากให้เขากลับคืนสู่ตำแหน่งอ๋องนั่นเอง
“ท่านมีธุระอะไรก็รีบพูดเถอะเ้าค่ะ”
หลิวเว่ยหยางใเล็กน้อย เมื่อได้ยินเสียงของหลินอิงที่เดินมาด้านหลัง เขามองไปรอบ ๆ เรือนที่สะอาดและเริ่มมีดอกไม้ในสวน หลังจากพวกนางกำจัดวัชพืชออกไป ตอนนี้นางไปล้างหน้ามาแล้วเมื่อเขาหันไปก็ต้องใ เพราะไม่คิดว่าสตรีผู้นี้ จะมีใบหน้าที่หมดจดงดงามไม่ต่างกับสตรีแรกแย้ม เพียงแต่นางไม่ใช้เครื่องประทินโฉมที่ดูน่ารำคาญพวกนั้น
“ท่านแม่ทัพ!”
“นั่งก่อนสิ ข้าพูดไม่นานหรอก นั่นอะไร”
“น้ำชาอย่างไรเล่าเ้าคะ”
“ข้าหมายถึงในจานนั่น”
“วันนี้ข้าทำขนม”
“อ้อ คิดจะเอาใจข้างั้นหรือ”
“ท่านหลงตัวเองเกินไปแล้ว น้ำชานั่นข้านำมารับรองท่านตามมารยาท แต่ขนมนี่ข้าทำเองกับมือก็เลยจะเอามากินเอง ไม่ได้เอามาให้ท่านสักหน่อย เชิญว่าธุระของท่านมาได้แล้วเ้าค่ะ”