สายฟ้าแลบแปลบปลาบออกมาจากตัวของซั่งกวานจือหนิง ทั้งพลานุภาพยังมหาศาลเกินพรรณนา!
ครั้นเห็นว่าสายฟ้านั้นสังหารจูชิงมิได้ ความผิดหวังประจักษ์ชัดแจ้งในแววตาซั่งกวานจือหนิง นางอุตส่าห์อดกลั้นต่อความเ็ปเพราะหวังว่าจักสามารถใช้พลังต้องห้ามปลิดชีพจูชิงได้
ทว่ากายาของจูชิงแข็งแกร่งยิ่งกว่าที่ซั่งกวานจือหนิงคิดเอาไว้มากโข โดยเฉพาะอย่างยิ่งแขนขวาซึ่งผสานสองอักขระาหลัวโหวเข้าไว้ด้วยกัน ความแกร่งกล้านั้นเทียบเท่ากับศัสตราวุธ์!
แม้ว่าสายฟ้าของนางจักน่าพรั่นพรึง หากพลังส่วนใหญ่ถูกแขนขวาของจูชิงต่อต้านเอาไว้อย่างสมบูรณ์แบบ!
“เ้าจงใจงั้นหรือ!” จูชิงแค่นเสียงหึ
“หึ คราวหน้าเ้าไม่มีทางโชคดีแบบนี้แน่” ซั่งกวานจือหนิงแสยะยิ้มเ็า
เกาะหลัวโหวเต็มไปด้วยอันตรายมากมาย ถึงเป็ซั่งหวานจือหนิงเองก็ใช่ว่าจะอยู่รอดได้ครบสามสิบสอง ดังนั้นพ่อของนางจึงผนึกสิ่งต้องห้ามเอาไว้ในตัว เมื่อใดก็ตามที่ซั่งกวานจือหนิงตกอยู่ในอันตราย พลังต้องห้ามจะถูกปลดปล่อยออกมาเพื่อปกป้องซั่งกวานจือหนิง
อัสนีนั้นเป็เพียงหนึ่งในพันของพลังต้องห้าม กระนั้นแล้วก็เกือบจะสังหารจูชิงได้สำเร็จ
จูชิงมิกล้าคิดจินตนาการ ถ้าเขา้าฆ่าซั่งกวานจือหนิงหรือคิดทำร้ายนางเข้าให้จริงๆ เขาจะต้องเจอกับพลังต้องห้ามผิดแผกพิสดารปานใด
จูชิงตัวสั่นสะท้านอย่างอดมิได้ นางปีศาจผู้นี้รับมือได้ยากยิ่งกระไร!
“รีบปล่อยข้าซะ แล้วข้าจะถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น” ซั่งกวานจือหนิงออกคำสั่งขณะถลึงตามองจูชิง
“คิดว่าข้าจะเชื่อเ้าหรือ?” จูชิงกลอกตา บนหน้าเขามีคำว่า ‘โง่’ เขียนอยู่หรือไร ซั่งกวานจือหนิงถึงได้คิดว่าเขาจะเชื่อคำโกหกของนาง
“พลังต้องห้ามที่ผนึกในตัวข้า พลานุภาพเหนือฟ้าเกินหยั่งถึง เ้าไม่มีทางทำอะไรข้าได้” ซั่งกวานจือหนิงพูด
“งั้นหรือ?” มุมปากของจูชิงเหยียดยกยิ้มขึ้น
“เพี้ยะ!” จากนั้นจูชิงพลันง้างมือตบบั้นท้ายของซั่งกวานจือหนิงเข้าให้ทีหนึ่ง
พลานุภาพของพลังต้องห้ามที่ซ่อนอยู่ในร่างกายของซั่งกวานจือหนิงนั้นน่ากลัวก็จริง แต่ถ้ามิได้ทำอะไรซั่งกวานจือหนิงจนถึงแก่ชีวิต พลังต้องห้ามย่อมไม่ส่งผล ยกตัวอย่างเช่นตบบั้นท้ายนางเมื่อครู่
ฝ่ามือเมื่อครู่นั้นไม่เจ็บก็จริง แต่สำหรับซั่งกวานจือหนิงมันคือความอัปยศ มิสู้ฆ่านางให้ตายเสียยังดีกว่า เมื่อเห็นใบหน้าของนางกลายเป็สีแดงก่ำ ก็ทำให้จูชิงสะใจยิ่งนัก
ซั่งกวานจือหนิงดิ้นไปดิ้นมาอยู่หลายหน ทว่าก็เปล่าประโยชน์ ไม่รู้ว่าจูชิงใช้อะไรมัดมือกับเท้าของนางเอาไว้ มิว่าจักปลดปล่อยพลังลมปราณมากแค่ไหนก็ทำลายมันไม่ได้เลย!
“อย่าเปลืองแรงเลย เ้าตัดมันไม่ขาดหรอก” จูชิงหัวเราะ
สิ่งที่ใช้มัดมือกับเท้าของซั่งกวานจือหนิงมิใช่สิ่งพิเศษอันใด หากเป็หนวดของปลาัทองที่แม้แต่แขนขวาของจูชิงที่ผสานสองอักขระาหลัวโหวยังทำลายมันมิได้ ฉะนั้นอย่าได้เอ่ยถึงซั่งกวานจือหนิงที่จะใช้พลังลมปราณทำลายมันเลย
“กินสิ!” จูชิงหยิบไข่อีกากระหายเืใส่ปากซั่งกวานจือหนิง!
“อื้อๆๆ!” ซั่งกวานจือหนิงพูดอู้อี้ๆ นางอยากจะคายมันออกมา ทว่าท้องของนางกลับมิอยากทำเช่นนั้น ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างจ้องเขม็งมองจูชิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าด้วยความโมโห
“ยังจะดื้ออีก!” จูชิงส่ายศีรษะ ง้างมือตบบั้นท้ายของซั่งกวานจือหนิงอีกฉาดหนึ่ง
ความรู้สึกทั้งนุ่มทั้งเด้ง จูชิงหลงรักความรู้สึกนี้เข้าให้แล้วสิ
“ไอ้หัวขโมย รอก่อนเถอะ ข้าจักขยี้เ้าให้แหลกคามือ!” ซั่งกวานจือหนิงคำราม
จูชิงกลอกตา “เ้าเอาเวลาด่าข้าไปหลอมลมปราณในไข่อีกากระหายเืเถอะ”
“เ้า...” ซั่งกวานจือหนิงอยากจะด่าอีกสองสามคำ ทว่าจูชิงนั่งทำกรรมฐานเข้าสู่สภาวะบำเพ็ญเพียรแล้ว
“ไอ้หัวขโมยนั่น...” ซั่งกวานจือหนิงตะลึงงัน ปกติแล้วจอมยุทธ์ทั่วไปต้องทำสมาธิสักพักหนึ่งถึงจะเริ่มบำเพ็ญเพียร ทั้งนี้ก็เพื่อให้ร่างกายและจิตใจสงบมากเพียงพอ ทว่าจูชิงกลับบำเพ็ญเพียรได้ในทันที กระทั่งนางเองยังทำเช่นนั้นไม่ได้ ส่วนมากผู้ที่ทำได้ล้วนแล้วแต่เป็ผู้เยี่ยมยุทธ์ที่มีประสบการณ์ในการบำเพ็ญเพียรขั้นสูงทั้งนั้น
ซั่งกวานจือหนิงส่ายศีรษะ แสงจันทร์แสงหนึ่งสาดส่องลงบนร่างของจูชิง ่กลางระหว่างคิ้วเปรียบดั่งน้ำวนกลืนกินแสงจันทร์ด้วยความบ้าคลั่ง
“แสงจันทร์ เ้านั่นกลืนแสงจันทร์ได้อย่างนั้นหรือ!” ซั่งกวานจือหนิงเบิกตาทั้งสองกว้าง นางเพิ่งรู้ว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้ามิได้ด้อยความสามารถอย่างที่คิดไว้
ผู้ที่สามารถกลืนกินแสงจันทร์ได้ อย่างน้อยๆ ก็ต้องเป็จอมยุทธ์ขั้นหลอมลมปราณ นางไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีจอมยุทธ์ขั้นหลอมกายาที่สามารถกลืนกินแสงจันทร์ได้ด้วย
ภายใต้แสงจันทร์เย็นะเื แสงอันน่าสะพรึงกลัวเปล่งประกายออกมาจากตัวของจูชิง ซั่งกวานจือหนิงเห็นภาพดังนั้นแล้วคล้ายกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะหนึ่ง
“ไอ้หัวขโมยนั่นหล่อเหลาขนาดนี้เชียวหรือ” จู่ๆ ประโยคนี้ก็ผุดขึ้นมาในหัวของซั่งกวานจือหนิง
ความคิดที่ผุดขึ้นมานั้นทำให้ซั่งกวานจือหนิงรู้สึกประหลาด “ข้าคิดแบบนั้นได้อย่างไร ข้าต้องเสียสติเป็แน่ ใช่แล้วข้าเสียสติไปแล้ว”
“เ้าหนู เ้าคงคิดไม่ถึงใช่หรือไม่ว่านางจักมีพลังต้องห้ามซ่อนอยู่ในตัว” เฒ่าปีศาจพูดอย่างเป็ปีติ
จูชิงเหลือบมอง “ถ้าท่านรู้อยู่แล้ว เหตุใดถึงไม่บอกข้า?”
เฒ่าปีศาจหัวเราะฮ่าๆ “กินน้ำจากร่องน้ำ เรียนรู้อุปสรรค ในการประมือกับจอมยุทธ์หนุ่มสาวจักประมาทมิได้เป็อันขาด ผู้าุโของพวกเขามักผนึกพลังเหนือชั้นเอาไว้ในกายา เมื่อใดก็ตามที่ชีวิตตกอยู่ในอันตราย พลังที่ซ่อนอยู่ก็จักประจักษ์”
จูชิงพยักหน้า เขาจับพลัดจับผลูพบพลังต้องห้ามที่ซ่อนอยู่ในตัวของซั่งกวานจือหนิงโดยบังเอิญ
พอมาลองคิดๆ ดูแล้ว ถึงเขาจักมิได้ช่วยซั่งกวานจือหนิงในตอนนั้น ลำพังเพียงอัสนีที่ซ่อนอยู่ในร่างของนาง อีกากระหายเืพวกนั้นย่อมไม่มีทางฆ่านางได้
แค่นึกถึงพลานุภาพของสายฟ้า จูชิงยังหวาดหวั่นไม่หาย ถ้ามิใช่เพราะแขนขวาของเขาผสานสองอักขระาหลัวโหวไว้ เขาไม่มีทางต่อต้านพลังของมันได้อย่างแน่นอน
เพลานี้ซั่งกวานจือหนิงมิต่างอะไรกับเม่นที่มีหนาม จูชิงทำอะไรนางไม่ได้เลย
ทว่ายังดีที่มีหนวดปลาัทองมัดมือกับเท้านางเอาไว้อยู่ ถึงเพลานี้ขั้นบำเพ็ญเพียรของซั่งกวานจือหนิงจะถูกยับยั้งอยู่ในขั้นเคลื่อนย้ายลมปราณเพราะอยู่บนเกาะ ทว่าแม้นนางจักเป็ขั้นสร้างลมปราณสูงสุดก็มิอาจทำลายพันธนาการนี้ได้โดยง่าย
จูชิงทดสอบมาก่อนหน้านี้แล้ว หนวดของปลาัทองนั้นแข็งแกร่งมาก แม้แต่สองอักขระาหลัวโหวก็ยังทำอะไรไม่ได้ ถ้ามิใช่เพราะทัณฑ์์ทำลายร่างปลาัทองพร้อมตัดหนวดของมันขาด เป็ไปมิได้เลยที่จูชิงจักใช้พลังของตัวเองตัดหนวดปลาัทองออกจากตัวมันได้
จูชิงเห็นเฒ่าปีศาจไม่พูดอะไรต่อเขาก็มุ่งความสนใจไปกับการหล่อหลอมแสงจันทร์ หินโลหิตที่อยู่ตรงหน้าอกหล่อหลอมกักเก็บพลังที่อยู่ในแสงจันทร์อย่างต่อเนื่อง
ขั้นหลอมกายาสามชั้นฟ้านับว่าเป็ขั้นพลังต่ำที่สุด ถึงจอมยุทธ์ส่วนใหญ่บนเกาะนี้จะถูกยับยั้งขั้นบำเพ็ญเพียรให้อยู่ในขั้นเคลื่อนย้ายลมปราณ แต่ก็ยังแข็งแกร่งยิ่งกว่าจูชิงหลายเท่านัก
ทั้งบนเกาะหลัวโหวมิได้มีแค่เพียงจอมยุทธ์ หากยังมีอสูรดึกดำบรรพ์เป็จำนวนมาก ถ้าจูชิงไม่อยากตาย เขาก็ต้องแข็งแกร่งให้ได้โดยเร็ว!
“อักขระาหลัวโหว!” แสงจันทร์แปรเปลี่ยนเป็ลมปราณหลั่งไหลเข้าไปในร่างกายของจูชิง อักขระาหลัวโหวทั้งสองที่ผสานอยู่บนแขนขวาสาดแสงโลหิตเจิดจรัส
“พลังของอักขระาหลัวโหวกำลังเพิ่มสูงขึ้น!” ม่านตาของจูชิงหดเล็กเหลือเท่ากับรูเข็ม รู้สึกประหลาดใจกับการเปลี่ยนแปลงของอักขระาหลัวโหว
“เฒ่าปีศาจ นี่มันเื่อะไรกัน เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าพลังของอักขระาหลัวโหวเพิ่มมากขึ้น?” จูชิงรีบถาม
เฒ่าปีศาจเม้มปาก “อักขระาหลัวโหวเป็พื้นฐานของ《เคล็ดวิชา์าหลัวโหว》ความลึกลับของมันเหนือขอบเขตของศาสตร์ทั่วไป เ้าค่อยๆ เรียนรู้และซึมซับมันไปทีละขั้นเถอะ”
เสียงทุ้มของเฒ่าปีศาจดังสะท้อนออกมาจากศิลาผนึกิญญาพิชิต์ ดูเหมือนเขาไม่อยากพูดอะไรมาก หลังจากอธิบายเสร็จเสียงก็เงียบไป
ครั้นลมปราณหลั่งผสาน อักขระาหลัวทั้งสองก็เปล่งแสงสว่างจรัสจ้ามากยิ่งขึ้น พลังของอักขระาหลัวโหวแกร่งกล้าขึ้นเช่นกัน!
“หรือว่าจักสามารถเพิ่มพลังขึ้นได้อีก!” จูชิงตะลึงพร้อมกับใช้ลมปราณหล่อหลอมอักขระาหลัวโหวไม่ขาดสาย
ทว่าไม่นานนัก จูชิงก็พบว่าไม่ว่าเขาจักใช้ลมปราณมากขนาดไหน พลังของสองอักขระาหลัวโหวกลับไม่เพิ่มขึ้นอีกแล้วคล้ายกับมาถึงขีดจำกัด
“แปลกยิ่ง!” จูชิงเกาหัวอย่างไม่เข้าใจ
ถึงจะไม่รู้ว่าเหตุใดถึงสามารถเพิ่มพลังอักขระาหลัวโหวได้อย่างต่อเนื่อง แต่หลังจากที่ใช้ลมปราณหลอมอักขระาหลัวโหว จูชิงััได้ว่าพลังที่แขนขวาพุ่งทะยานสูงขึ้นหลายเท่าต่างกับก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
ครั้นจูชิงลืมตาขึ้น ท้องฟ้าก็เปลี่ยนสีเสียแล้ว!
“ผ่านมาหนึ่งคืนแล้วหรือ!” จูชิงถอนหายใจเล็กน้อย
ลมปราณอันเปี่ยมล้นไหลเวียนอยู่ในร่างกาย จูชิงกำหมัดแน่น เขาหลอมลมปราณมากขนาดนั้นได้ในชั่วข้ามคืนก็เพราะหินโลหิต นอกจากพลังงานส่วนน้อยที่ซึมซับเข้าไปในกายา พลังส่วนใหญ่ล้วนถูกกักเก็บเอาไว้ในหินโลหิต เมื่อมีลมปราณเพียงพอ เขาจักต้องทะลวงขั้นพลังสำเร็จในอีกไม่ช้า
“แกว๊ก!” เสียงดังสะท้อนก้องออกมาจากหุบเขา ดุจดั่งเสียงอัสนีกัมปนาทอึกทึกทั่วฟ้าดิน
เมื่อััได้ถึงพลังอันน่าสะพรึง จูชิงพลันหน้าเปลี่ยนสี เขาลืมวิบัติทางน่านฟ้าไปเสียสนิท!
อีกากระหายเืนับพันหมื่นสามารถสกัดกั้นอสูรดึกดำบรรพ์ได้โดยมิต้องสงสัย หากทว่ามิอาจสกัดกั้นอสูรดึกดำบรรพ์ที่บินได้!
“เปรี้ยง เปรี้ยง” อัสนีส่งเสียงเอ็ดอึงดุจฟ้าถล่ม ดินทลาย
จูชิงใจหายวาบ ถึงจะยังไม่เห็นตัวอสูรดึกดำบรรพ์ แต่เขาก็ััได้ว่ามันมิใช่สัตว์อสูรสามัญ มันน่ากลัวยิ่งกว่าอสูรดึกดำบรรพ์ที่เขาพบเจอก่อนหน้านี้หลายสิบเท่า!
“หรือว่าเป็เพราะการบำเพ็ญเพียรของข้าเมื่อคืนดึงดูดมันมาที่นี่?” จูชิงคิดในใจ
