“เยี่ยเสวียน หมายเลขหนึ่ง!”
“ ... อ่า?”
พอได้ยินว่า “หมายเลขหนึ่ง” เยี่ยเสวียนสะดุ้ง สีหน้าซีดขาวในทันที
เดิมเขาคิดว่ามู่หลางอาจจะมองหมายเลขผิด แต่ว่าลูกบอลเหล็กในมือของมู่หลางเขียนคำว่า “หนึ่ง” เอาไว้ตัวใหญ่มาก
เยี่ยเสวียนเหมือนถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ไม่อยากได้อะไรมักจะได้อย่างนั้นจริงๆ ทำไม์ถึงไม่เห็นใจเขาเลย?
เดิมทีเยี่ยเสวียนนั้นแค้นิอวี่มาก คิดอยากจะให้ิอวี่าเ็สาหัสต่อหน้าทุกคน แต่ว่าพอเห็นิอวี่ประลองฝีมืออย่างเด็ดขาดในใจของเขาก็เกิดความไหวหวั่น ยังไม่ทันขึ้นไปบนลานประลองเขาก็รู้สึกไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรแล้ว
ถึงแม้เยี่ยเสวียนจะติดอันดับห้าร้อยหกสิบบนตารางอันดับและมีอันดับสูงกว่าหลินเจ๋อเทียน ซึ่งนั่นทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองโดดเด่น แต่ว่าพอเห็นเพลงกระบี่ที่น่าทึ่งของิอวี่ และภาพที่หลินเจ๋อเทียนแขนขาดร้องด้วยความเ็ป เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมจึงไม่เหลือความมั่นใจอะไรเลย ใช่ ไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่นิดเดียว!
“พี่เยี่ยเสวียน ช่วยเราสั่งสอนิอวี่ทีนะ เราเชื่อมั่นในตัวท่านนะ” คนของตระกูลเยี่ยพูดให้กำลังใจเยี่ยเสวียน
“ใช่แล้ว พี่เยี่ยเสวียน เยี่ยหรงถูกเขาเล่นงานจนน่วมไปหมด ท่านจะต้องกู้หน้าตระกูลเยี่ยของเรากลับมานะ!”
“เยี่ยเสวียน ลงมือไปได้เลยเต็มที่ ไม่ต้องออมมือ”
“ ... อือ”
พอได้ยินคนในตระกูลเยี่ยให้กำลังใจ เยี่ยเสวียนก็พยักหน้าจากนั้นก็เดินขึ้นไปบนลานประลอง ซึ่งอีกฝั่งหนึ่งิอวี่ก็มารออยู่ก่อนแล้ว
ิอวี่ยืนตัวยืดตรง ลมปราณของเขาแผ่กระจายไปทั่วร่าง เขาเตรียมพร้อมรับมือไว้แล้ว
“เหอะๆ”
เยี่ยเสวียนไม่ได้คิดจะลงมือแต่อย่างใด เขายิ้มแสยะแล้วพูดว่า “ิอวี่ เ้าคิดว่าเ้าเอาชนะหลินเจ๋อเทียนได้แล้วจะอวดดีอย่างไรก็ได้เช่นนั้นหรือ? คิดว่าตัวเองเก่งมากแล้วใช่ไหม? เขาติดอันดับที่แปดร้อยสามสิบสองบนตารางอันดับนักรบของราชสำนัก แล้วเ้ารู้หรือเปล่าว่าข้าติดอันดับที่เท่าไร?”
ิอวี่ยืนมองเยี่ยเสวียนอย่างเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไรเลย
“อันดับของข้าอยู่ในแปดร้อยอันดับแรก อันดับที่เจ็ดร้อยแปดสิบห้า! ถึงจะห่างกันไม่มาก แต่ก็ต่างกันอยู่ ข้าแข็งแกร่งกว่าหลินเจ๋อเทียนมาก” เยี่ยเสวียนหรี่ตา ตัวเลขอันดับพวกนี้ทำให้เขามีความมั่นใจ
“ร้ายกาจมาก”
เยี่ยเสวียนเอียงคอ แล้วพูดว่า “ในเมื่อเ้ารู้แล้วว่าข้าร้ายกาจก็น่าจะรู้จักถอย ข้าจะเอาชนะเ้านั้นมันง่ายมาก แต่ข้าเป็คนใจกว้าง การที่เ้าทำร้ายน้องชายของข้า มันไม่ได้หมายความว่าข้าจะต้องตาต่อตาฟันต่อฟันกับเ้า หากจองเวรกันต่อไปไม่รู้ว่าจะไปหยุดที่ตรงไหน? วันนี้ขอแค่เ้าขอโทษเยี่ยหรงแล้วยอมแพ้ เื่นี้ข้าก็จะไม่ถือสาเ้า”
“เอ๊ะ?”
ทุกคนในตระกูลเยี่ยอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้ คำพูดของเยี่ยเสวียนนั้นฟังดูก็มีเหตุผล แต่ทำไมถึงได้รู้สึกแปลกๆ ?
ิอวี่ยิ้ม “หากข้าพูดว่า ไม่ล่ะ?”
เยี่ยเสวียนสะดุ้ง แต่ยังคงตะคอกออกไปว่า “ข้าให้ทางเลือกกับเ้าแล้ว หากเ้ายังไม่รู้จักเจียมตัว ข้าก็จะเล่นงานเ้าให้น่วม!”
พริบตาเดียว สายตาของเยี่ยเสวียนก็เล็กเท่ารูเข็ม ะเืสยบของขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นเจ็ดถูกเปิดออก แรงกดดันอันมหาศาลกดลงไปที่หัวของิอวี่ เพราะ้าให้สภาพจิตใจของิอวี่นั้นแตกสลาย
“อย่างนี้นี่เอง”
แต่ิอวี่กลับไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว เขาพยักหน้า จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “ข้าเองก็จะให้ทางเลือกกับเ้าเหมือนกัน ตอนนี้คุกเข่าต่อหน้าข้า ขอขมาในการเสียมารยาทของเ้าก่อนหน้านี้ จากนั้นก็ยอมแพ้แล้วลงจากลานประลองนี้ไป ไม่อย่างนั้นข้าก็ไม่รังเกียจที่จะตัดแขนขวาของเ้าเช่นกัน”
“อะไรนะ ... ”
ทุกคนตะลึงกันไปหมด คิดไม่ถึงเลยว่าิอวี่จะพูดอะไรโหดๆ แบบนี้ออกมา เขาไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของเยี่ยเสวียนเลย!
ส่วนเยี่ยเสวียนก็รู้สึกหัวชาไปหมด เดิมเขาคิดว่าถ้าขู่ให้ิอวี่กลัวแล้วก็จะล่าถอยไปเอง แต่ิอวี่กลับโหดกว่าเขามาก ไม่เพียงไม่ได้รับผลกระทบแต่ยังบอกให้เขาคุกเข่าด้วย!
“เ้า ... มีสิทธิอะไรให้ข้าคุกเข่า ก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยบอกให้เ้าคุกเข่าเลย”
เยี่ยเสวียนพูดแบบนี้ออกมาโดยไม่รู้ตัว แต่พอพูดออกมาแล้ว เขาถึงได้รู้สึกว่าคำพูดของเขานั้นเหมือนกำลังต่อรองอยู่เลย เพราะมันหมายถึงว่ากำลังจะยอมแพ้!
“แต่ข้าจะให้เ้าคุกเข่า”
น้ำเสียงที่เ็า มันเหมือนกำลังบีบเยี่ยเสวียน!
ถึงแม้เยี่ยเสวียนจะไม่ได้คิดลงมือกับเขา แต่ิอวี่ก็รู้ว่าที่จริงฝ่ายตรงข้ามก็อยากจะลงมือกับเขานานแล้ว ก่อนหน้านี้ที่หลินเจ๋อเทียนลงมือหนักหน่วงขนาดนั้น สาเหตุก็มาจากคนคนนี้เอง ตอนนี้เขาให้เยี่ยเสวียนคุกเข่าขอขมาให้องค์ชายสิบเจ็ดต่อหน้าคนสามหมื่นคน ต้องยอมรับว่าเขาวางแผนร้ายก็เพื่อให้โอกาสอีกฝ่ายได้สำนึกผิด
เยี่ยเสวียนค่อยๆ เดินถอยหลัง ในใจเกิดความอับอายที่รุนแรงมาก เขาจะไม่คุกเข่า เขาไม่มีทางขายหน้าต่อหน้าคนสามหมื่นคนแน่ เขาทำไม่ได้!
พอคิดได้แบบนี้เยี่ยเสวียนก็คิดจะลงไปด้านล่างลานประลอง แต่ทันใดนั้นเองเขาก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมา ิอวี่พุ่งมาพร้อมกระบี่ในมือของเขาที่เตรียมแทงเข้ามาที่แขนขวาของเยี่ยเสวียน!
เยี่ยเสวียนตะลึงไป เขาเห็นกระบี่ของิอวี่กำลังพพุ่งเข้ามา เห็นสายตาที่เย็นะเืของิอวี่ก็เกิดความทระนงตนขึ้นมา แต่พอคิดถึงสภาพของหลินเจ๋อเทียนที่อยู่ต่อหน้ากระบี่เล่มนี้ เขาก็ไม่ได้รู้สึกอยากจะสู้ด้วยเลย สภาพจิตใจของเขาแทบจะะเิ!
ทุกสิ่งทุกอย่างดูแตกสลายไปหมด เหลือแค่ความปรารถนาที่จะอยู่รอดต่อไปได้เท่านั้น มีเพียงความปรารถนาที่อยากจะมีชีวิตต่อไป
“ตึ่ง” เยี่ยเสวียนคุกเข่าลงกับพื้นในทันที
กระบี่เฟิงโหวหยุดอยู่หน้าหัวไหล่ข้างขวาของเยี่ยเสวียน หลังจากที่เขาคุกเข่าลง ศักดิ์ศรีสุดท้ายของเขาก็แตกสลายจนไม่เหลือเลย
เจตนาเดิมของเขาคือการแสดงความสามารถในงานประลองยุทธ์ของราชสำนัก แต่ตอนนี้ ท่ามกลางผู้คนนับหมื่นคน เขาเลือกที่จะลดเกียรติและศักดิ์ศรีโดยคุกเข่าลง ยอมถูกคนเป็พันคนนินทาว่าร้าย คนกว่าหมื่นคนหัวเราะเยาะเย้ย กลายเป็เื่ตลกหลังอาหารของคนหลายคน?
เขาจะกลายเป็ตัวตลกไปตลอดชีวิต!
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ... ”
เยี่ยเสวียนหัวเราะอย่างบ้าคลั่งและดูเศร้า “ข้าคุกเข่าให้เ้าแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า! ไสหัวไป ข้าจะไสหัวไปเดี๋ยวนี้เลย เ้าทำอะไรข้าไม่ได้แล้ว ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
ระหว่างที่พูด เยี่ยเสวียนก็หดตัวเป็ก้อนกลมๆ จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังแล้วก็กลิ้งตกลงจากลานประลองไป
ในลานประลองเงียบกริบ ได้ยินแค่เสียงของใบไม้ที่ร่วงหล่น จากนั้นก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันเกิดขึ้น
ที่ลานผู้ชม สีหน้าของทุกคนในตระกูลเยี่ยนั้นแย่มาก!
เดิมทีพวกเขาอยากให้เยี่ยเสวียนกู้หน้า คิดไม่ถึงเลยว่าเขากลับเลือกที่จะคุกเข่า ขายหน้ามากที่สุด เดิมคิดว่าเขาคือคนที่มีพร์มากในหมู่ผู้น้อยในตระกูลที่มีอยู่ แต่ตอนนี้เขามันก็แค่คนไม่เอาไหน ขี้ขลาดตาขาว!
ทุกคนอดสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ไม่ได้ ยังไม่ทันได้ประลองฝีมือกันเลย เยี่ยเสวียนกลับเลือกวิธีประนีประนอม การคุกเข่าต่อหน้าคนนับหมื่น มันเป็ความอับอายระดับไหนกัน?
เยี่ยเสวียนหัวเราะแบบน่าอนาถ ทั้งยังกลิ้งลงจากลานประลองอย่างอัปยศ นั่นทำให้ทุกคนรู้ว่า เยี่ยเสวียนเป็บ้าไปแล้ว!
ก่อนหน้านี้หลินเจ๋อเทียนเป็คนที่มีท่าทีกระฉับกระเฉงและมีชีวิตชีวามากแค่ไหน ส่วนเยี่ยเสวียนก็เป็ความภาคภูมิใจของตระกูลเยี่ย พวกเขาแข็งแกร่งมาก แต่สองคนนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าิอวี่ คนหนึ่งกลายเป็คนพิการ อีกคนเป็บ้า ตกลงิอวี่เป็ใครกันแน่?
สายตาของทุกคนที่มองไปยังิอวี่นั้นเริ่มเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ใครจะไปคิดว่าองค์ชายสิบเจ็ดที่ใครต่อใครบอกว่าเขาเป็คนไม่เอาไหน จะมีความสามารถที่น่ากลัวขนาดนี้ได้
“ิอวี่”
เยี่ยซีที่อยู่ไม่ไกลพูดพึมพำ สายตาของนางเริ่มเย็นะเืลง
“พวกเ้าดูนั่น”
มีหลายคนที่สังเกตการณ์เก่ง อีกทั้งเยี่ยซีก็อยู่ท่ามกลางสายตาของคนจำนวนมาก ต่อให้สายตาจะเปลี่ยนไปแค่นิดเดียวก็ถูกจับสังเกตได้ง่าย ทำให้หลายคนหันไปมองที่เยี่ยซีในทันที
“ซวยแล้ว คราวนี้ิอวี่แย่แน่ ใครจะคิดว่าการประลองตัดสิน เยี่ยซีจะได้มาเจอกับิอวี่ ถึงเวลานั้นิอวี่เละแน่!”
“ข้าว่าก็ไม่แน่นะ ดูจากเมื่อครู่ิอวี่เองก็แข็งแกร่งเหมือนกัน ดูไปแล้วก็มีความสามารถที่จะสู้กับเยี่ยซีได้อยู่นะ” มีคนพูดขึ้นมาอย่างไม่มั่นใจ
ส่วนอีกคนกลับส่ายหน้า “เหอะๆ เ้าพูดแบบนี้เพราะเ้าไม่เคยเห็นเยี่ยซีลงมือเลยสินะ เ้าไม่รู้หรอกว่ามันแข็งแกร่งแค่ไหน! อีกเดี๋ยวเ้าก็ดูเยี่ยซีประลองกับซ่งซูเหลียนแล้วกัน ถ้าเกินห้าลมหายใจถือว่าข้าแพ้เลย”
“แข็งแกร่งขนาดนั้นเลย” คนๆ นั้นเหมือนไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไร
หลังจากทุกคนพูดคุยวิจารณ์กัน มู่หลางก็เดินขึ้นไปบนลานประลองแล้วพูดว่า “ต่อไป การประลองของกลุ่มที่สอง เยี่ยซี ซ่งซูเหลียน เตรียมตัวประลองได้”
“ขอรับ”
ซ่งซูเหลียนยกมือคำนับ จากนั้นก็เดินขึ้นลานประลองไป เมื่อเขาสะบัดมือ กระบี่เล่มหนึ่งปรากฏขึ้นมา พริบตาเดียว ลมปราณกระบี่ที่คมคายกระจายออกมารอบรัศมีหลายเมตร
ซ่งซูเหลียน เป็ผู้มีความสามารถรุ่นใหม่ของตระกูลซ่ง เป็ผู้กล้าขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่เจ็ด มีพลังเทียบเท่าราชสีห์หนึ่งพันเจ็ดร้อยตัว ติดตารางอันดับที่เจ็ดร้อยห้าสิบของราชสำนัก ถือว่าเป็คนที่ได้รับความนับถืออย่างมาก
ซ่งซูเหลียนเดินมาคำนับให้กับเยี่ยซี แล้วพูดด้วยความเคารพว่า “ได้ยินชื่อเสียงของคุณหนูมานาน วันนี้มีโอกาสได้ประลองกับท่านถือเป็เกียรติของข้า หวังว่าคุณหนูเยี่ยจะไม่ออมมือ สู้กับข้าอย่างเต็มที่”
“เ้าไม่คู่ควร” เยี่ยซีพูดอย่างเรียบง่าย
คิดไม่ถึงเลยว่าคำพูดที่ดูนอบน้อมของเขา กลับได้คำตอบที่เ็าจากเยี่ยซีกลับมา ถึงแม้ซ่งซูเหลียนจะสุภาพแต่เขาก็เป็ชายหนุ่มเืร้อน!
จากนั้นเขาก็ไม่ได้เกรงใจอะไรอีก เขาพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น ข้าก็จะลงมือแล้วนะ”
พูดจบ ซ่งซูเหลียนก็ตวัดมือม้วนกระบี่ออกไปราวกับอสรพิษมีชีวิตพุ่งแทงไปที่เยี่ยซี ระหว่างที่พุ่งแทงออกไปก็พลิกแพลงไปมาไม่หยุด เพราะการพลิกแพลงแบบนี้มีความรวดเร็วอย่างมากจนเกิดเป็ภาพซ้อนถึงเจ็ดสายพุ่งตรงไปยังหน้าอกของเยี่ยซี
“กระบี่คลื่นเจ็ดสาย”
ทักษะการต่อสู้สูงสุดของตระกูลซ่ง กระบี่คลื่นเจ็ดสาย ถือเป็ทักษะการต่อสู้หลิงระดับกลางที่แข็งแกร่งมากอย่างหนึ่ง ลมปราณจะแฝงอยู่ในตัวกระบี่และพลิกแพลงด้วยความเร็วจนแปลงออกมาเป็คลื่นกระบี่เจ็ดสาย ซึ่งแต่ละสายราวกับมีพลังกระบี่ที่แท้จริง
พลังของกระบี่นี้หากคิดอยากจะหนีมันยากยิ่งกว่ายากอีก หากคิดจะต้านทานก็เท่ากับต้านกระบี่เจ็ดเล่ม ยากที่จะรับมือได้
ทันทีที่เขาลงมือ ซ่งซูเหลียนก็เลือกใช้เพลงกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาอย่างไม่มีหมกเม็ด เพื่อให้เยี่ยซีรู้ว่าเขาซ่งซูเหลียนเองก็ไม่ธรรมดา!
“ช้าเกินไป”
ทันใดนั้นเองเยี่ยซีก็ปรากฏตัวขึ้นมาบริเวณด้านหลังของซ่งซูเหลียนราวกับเป็เงาตามตัว กระบี่ที่ออกจากฝักแล้วเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นมาในมือของนาง
เกิดาแที่เปื้อนเืจากการถูกฟันที่หัวไหล่ด้านซ้ายของซ่งซูเหลียน จากนั้นเขาก็ล้มลงกับพื้นไปแบบไร้เรี่ยวแรง
“อะไรกัน!”
ทั้งๆ ที่ตั้งใจดูอยู่ แต่ทุกคนกลับเห็นแค่เยี่ยซีโผล่ไปอยู่ด้านหลังของซ่งซูเหลียน จากนั้นซ่งซูเหลียนก็ล้มลงไปอย่างประหลาด ั้แ่ต้นจนจบ พวกเขาไม่เห็นท่าทางการชักกระบี่ของเยี่ยซีเลย!