“เหอะ นายดูละครมากไปแล้วล่ะ” เหยียนเจียอวี๋มองเขาอย่างดูถูก “อาสองของฉันยังไม่ได้แต่งงานเลย ไม่มีทางเป็พ่อของนายหรอก”
แต่ว่า…ในใจของเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวยังคิดว่าเป็ไปได้ แค่หน้าตาเหมือนก็มีความเป็ไปได้แล้ว ทำไมจะเป็ไปไม่ได้ล่ะ ถึงแม้จะรู้สึกหดหู่ แต่ว่าเขาก็ยังรอคอยการมาของอาสองของเหยียนเจียอวี๋
จนกระทั่งเลิกเรียนแล้ว อาสองคนนั้นก็ยังไม่มา เหยียนเจียอวี๋คิดว่าอาสองไม่ตรงต่อเวลาเลย มือก็รั้งเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวไว้ “เหนี่ยวเหนี่ยวนายอย่าเพิ่งกลับบ้านนะ รออาสองของฉันมาก่อนสิ”
เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวส่ายหน้า “แม่ของฉันจะเป็ห่วง” ในตอนที่กำลังจะไปก็ได้ยินเหยียนเจียอวี๋กำลังร้องเรียกอาสอง
ในที่สุดอาสองก็มาถึง เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวเงยหน้าขึ้นไปทางที่เหยียนเจียอวี๋ร้องเรียก ก็เจอเข้ากับร่างสูงใหญ่นั่นจริงๆ สูงมาก สูงเหมือนพ่อในความฝันของเขา แต่ว่าเขาใส่แว่นดำอยู่ทำให้มองเห็นหน้าไม่ชัด แถมข้างๆ ‘อาสอง’ ยังมีผู้หญิงยืนอยู่ข้างๆ ในตอนนั้นเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา ไม่มีทางเป็พ่อของเขาแน่ๆ
เหยียนเจียอวี๋พุ่งไปหาเหยียนจิ่งจื้อกอดขายาวๆ ของเขาแล้วยิ้มจนหน้าบาน “อาสองมาจริงๆ ด้วย” วันนี้อาสองยังคงใส่ชุดสูททางการ เนคไทธรรมดาเมื่อสวมอยู่บนตัวของเขาก็เหมือนจะมีออร่าแผ่ออกมา เหยียนเจียอวี๋ยิ้มรับสายตาอิจฉาของเพื่อนๆ ต่อมาถึงเห็นเจินเนี้ยนที่อยู่ข้างกายอาสอง
“น้าเจิน” ร้องเรียกออกไปด้วยท่าทางเรียบร้อย เขาเคยเจอเจินเนี้ยนมาบ้าง รู้ว่าเป็แฟนสาวของอาสอง
“เป็เด็กดีจริงๆ ” เจินเนี้ยนส่งของเล่นที่เตรียมมาไว้ให้เด็กน้อย เมื่อเห็นท่าทางดีใจของเขา ในใจก็รู้สึกสงบขึ้นมาแปลกๆ
“น้าเจิน น้าเจินไปย้อมสีผมมาเหรอครับ? ” จู่ๆ เหยียนเจียอวี๋ก็ถามขึ้นมา
คำถามที่ถูกส่งมาทำเอาใจของเจินเนี้ยนกระตุก “เอ่อ…เป็สีผมธรรมชาติจ้ะ มีอะไรหรือเปล่าจ้ะ?”
“ธรรมชาติเหรอครับ? ” เหยียนเจียอวี๋คว้าเส้นผมของเธอมาลูบด้วยความซุกซน “แต่ว่าครั้งที่แล้วที่ผมเจอแม่ของเหนี่ยวเหนี่ยว ผมของเธอสีดูธรรมชาติกว่านี้ตั้งเยอะ” พูดไปในที่สุดเขาก็นึกถึงเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวขึ้นมาได้
เขารีบมองไปรอบๆ ก็พบว่าเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวยังยืนตะลึงอยู่ที่เดิม ตาจ้องไปที่อาสองไม่ขยับ และในเวลานั้นเองที่อาสองถอดแว่นดำออก สายตาก็มองไปทางเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวเหมือนกัน
“อาสอง เขาก็คือเพื่อนที่ผมเคยบอกว่าเหมือนกับอามากไงครับ” เหยียนเจียอวี๋ดึงมือเหยียนจิ่งจื้อไปหาเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยว
เหยียนจิ่งจื้อบอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร เดิมคิดว่ามารับเหยียนเจียอวี๋เสร็จก็จบเื่แล้ว แต่ว่าพอเอาแว่นดำลงก็เห็นเด็กคนหนึ่งมองมาที่ตัวเอง เขาในตอนนั้นก็ได้แต่เดินไปตามการลากของเหยียนเจียอวี๋ไปทางเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยว เหมือนจริงๆด้วย ทุกวันก่อนออกจากบ้านเขาก็ได้ส่องกระจกทุกครั้ง ตอนนี้ก็มีความรู้สึกเหมือนเห็นตัวเองเวอร์ชั่นตัวเล็ก
“ฮ่าๆ” เจินเนี้ยนเองก็เดินมาตามมาแล้วคุกเข่าลงข้างตัวเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยว แล้วพูดหยอกเหยียนจิ่งจื้อเล่นว่า “จิ่งจื้อ ถ้าไม่รู้จักคุณมาหลายปี ฉันคงคิดว่านี่คือลูกนอกสมรสของคุณนะ เด็กคนนี้สวยมากจริงๆ”
“สวัสดีครับคุณอา สวัสดีครับคุณน้า” เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวทักทายอย่างมีมารยาท สายตาเล็กๆ นั่นยังคงมองไปยังใบหน้าของเหยียนจิ่งจื้ออยู่บ่อยครั้ง ถ้าหากนี่คือพ่อของเขาก็คงจะดีมากๆ เขาจะได้ถามว่าทำไมถึงไม่้าแม่ ไม่้าเขาแล้ว แม่ดีขนาดนั้น เขาก็เป็เด็กดีขนาดนี้ ไม่ควรทิ้งไปแบบนี้สิ
คิดไปคิดมา ในดวงตาของเขาก็เริ่มจะมีหยาดน้ำตาคลอ เจินเนี้ยนรีบผลักเหยียนจิ่งจื้อ “เฮ้ คุณอย่าใช้สายตาแบบนั้นมองเด็กสิคะ เขาใจนร้องไห้แล้วเนี่ย”
เหยียนจิ่งจื้อก็เหมือนจะรู้ตัวว่าท่าทางของเขาทำไม่ถูก จึงยกมุมปากขึ้นแล้วถาม “ชื่ออะไรน่ะเรา?”
“ผมชื่อเหนี่ยวเหนี่ยวครับคุณอา”
เจินเนี้ยนคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เหนี่ยวเหนี่ยวที่มาจากกลอนเหนี่ยวเหนี่ยวซีชิวเฟิง(สายลมฤดูใบไม้ร่วง)หรือเปล่า?”
เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวส่ายหน้า “เหนี่ยวเหนี่ยวมาจากกลอนจิ่งจื้อเสี้ยวเหนี่ยวเหนี่ยว(ภาพรอยยิ้ม)ครับ”
“มีกลอนแบบนี้ด้วย?” เจินเนี้ยนชะงักไปแล้วหันไปถามเหยียนจิ่งจื้อ “ข้างในกลอนเหมือนมีชื่อของคุณด้วย” แต่กลับพบว่าท่าทางของเหยียนจิ่งจื้อในตอนนี้ไม่ปกติ สีหน้าขาวซีด มือกุมหัวของตัวเองด้วยความเ็ป
“จิ่งจื้อ คุณเป็อะไร?”
เหยียนจิ่งจื้อรู้สึกว่ามีอะไรพุ่งอยู่ในสมอง ความรู้สึกเ็ปเป็จริงและรุนแรงขึ้น เขามองไปยังเด็กที่อยู่ตรงหน้า ฝืนความปวดเอาไว้ “ไม่เป็ไร ร่างกายไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเรากลับกันก่อนเถอะ”
เหยียนเจียอวี๋เห็นท่าทางของอาสองแล้วก็ไม่ดื้ออีก ยู่ปากเดินตามหลังไป แต่กลับได้ยินเสียงขอโทษของเหนี่ยวเหนี่ยวดังตามหลังมา “ขอโทษครับ เป็เพราะผมคุณอาเลยปวดหัว ผมขอโทษมากๆ ครับ”
ลูกใครกันถึงได้มีมารยาทขนาดนี้ ในตอนที่เจินเนี้ยนกำลังจะหันหัวกลับไปบอกว่าไม่ใช่ความผิดของเขาก็ได้ยินเสียงของเหยียนจิ่งจื้อ “ไม่เกี่ยวกับเธอหรอก เดิมทีอาก็ปวดหัวอยู่บ่อยๆ อยู่แล้ว”
เจินเนี้ยนใจนอ้าปากค้าง เธอเพิ่งจะเคยเห็นเหยียนจิ่งจื้อพูดกับคนแปลกหน้าได้อ่อนโยนขนาดนี้เป็ครั้งแรก ถึงแม้คนนั้นจะเป็เด็กก็ตาม ขนาดพูดกับเหยียนเจียอวี๋ก็ยังไม่อ่อนโยนแบบนี้
เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวโบกมือลาพวกเขา “บ๊ายบายเจียอวี๋ บ๊ายบายคุณอา บ๊ายบายคุณน้า”
เจินเนี้ยนหันกลับไปมองเขาอีกครั้งด้วยความรู้สึกแปลกๆ
กลับบ้านมาถึงในตอนเย็น เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวก็ตามหลังเนี่ยเซิงเสี่ยวเหมือนแมงกะแท้[1] ช่วยเธอล้างผัก ในที่สุดเนี่ยเซิงเสี่ยวก็เอ่ยปากถามบนโต๊ะอาหาร “เหนี่ยวเหนี่ยว ลูกอยากพูดอะไร? บอกมาเถอะ แม่ไม่ว่าหรอก”
เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวที่ตื่นเต้นอยู่ก็ผ่อนคลายลง แต่ก็ยังเอ่ยปากพูดอย่างระมัดระวัง “แม่ครับ แม่ว่าถ้าหากมีวันหนึ่งผมได้เจอกับพ่อ…”
“เป็ไปไม่ได้” เนี่ยเซิงเสี่ยวตัดบทเขา ทว่าทันใดนั้นก็คิดขึ้นมาได้ว่าหรือว่าจู่ๆ ก็ได้เจอกับเหยียนจิ่งจื้อ เธอจึงถามเสียงต่ำ “เหนี่ยวเหนี่ยว มีเพื่อนพูดอะไรอีกแล้วใช่ไหม?”
เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวส่ายหน้า “แต่ว่าอาสองของเหยียนเจียอวี๋หน้าตาเหมือนกับผมมาก”
“ใคร?”
“เหยียนเจียอวี๋”
“อาสองของเขาชื่ออะไรครับ?”
เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวลูบหัว จู่ๆ ก็รู้สึกหงุดหงิด ใช่สิ ควรจะถามเจียอวี๋ว่าอาสองของเขาชื่อว่าอะไร ไม่แน่แม่อาจจะรู้จัก
---
ใกล้จะถึงปิดเทอมฤดูร้อนแล้ว ชั้นเรียนที่โรงเรียนอนุบาลของพวกเขาก็ใกล้จะจบแล้ว ในตอนที่ได้ยินคุณครูพูดกับพวกเขาอย่างอดทนว่าทำอย่างไรถึงจะเป็เด็กดี เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวก็ไปสะกิดเหยียนเจียอวี๋อย่างทนไม่ไหว ถามเขาเสียงเบา “เจียอวี๋ อาสองของนายชื่อว่าอะไร?”
จู่ๆ เหยียนเจียอวี๋ก็ไม่อยากเป็เพื่อนกับเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวแล้ว เพราะว่าเมื่อวานหลังจากที่กลับไปอาสองที่รักของเขาก็ถามไม่หยุดว่าเหนี่ยวเหนี่ยวนามสกุลอะไร แล้วยังถามอีกว่าแม่ของเหนี่ยวเหนี่ยวชื่อว่าอะไร?
เพราะภารกิจที่อาสองให้กับเขามา เหยียนเจียอวี๋จึงถามเขาไป “นายพูดชื่อของแม่นายก่อน ฉันถึงจะบอกชื่อของอาสอง”
เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวรู้สึกว่าการแลกเปลี่ยนนี้คุ้มค่าจึงพยักหน้าแล้วตอบ “แม่ของฉันชื่อเนี่ยเซิงเสี่ยว เซิงที่มาจากเซิงยิน เสี่ยวที่มาจากชุนเสี่ยว” จากนั้นก็รอคำตอบจากเหยียนเจียอวี๋
ใครจะรู้ว่าเหยียนเจียอวี๋จะหัวเราะเสียงดังลั่น “เ้าโง่ ฉันไม่บอกชื่ออาสองของฉันหรอก เหอะ อาสองก็คืออาสองของฉัน” เขาหวง เมื่อวานอาสองก็พูดเสียงอ่อนโยนใส่เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยว เหอะ!
วันนี้เหยียนจิ่งจื้อไปที่บ้านของเหยียนจิ่งเสินเองถึงที่ แล้วจับเหยียนเจียอวี๋มาถาม “ภารกิจที่ให้นายไปน่ะ ทำสำเร็จไหม?”
เหยียนเจียอวี๋กะพริบตาอย่างซุกซน “อาสองมาเล่นกับผมในวันหยุดผมถึงจะบอก”
เหยียนจิ่งจื้อไม่ได้มีความอดทนขนาดนั้น จึงยกมือขึ้นมาหยิกแก้ม “นายจะพูดไม่พูด”
โหดร้าย! เหยียนเจียอวี๋พองแก้ม แล้วก็พบว่าอาสองลำเอียง ก่อนจะพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ “ชื่อเนี่ยเซิงเสี่ยว เซิงที่มาจากเซิงยิน เสี่ยวที่มาจากต้าเสี่ยว” จากนั้นแววตาของเหยียนจิ่งจื้อก็เปลี่ยนเป็ความรู้สึกหงุดหงิดที่ไม่รู้ถึงสาเหตุ ทำให้คนเห็นรู้สึกหวาดกลัวสุดขีด เหยียนเจียอวี๋จึงรีบแก้คำ “อาสองผมผิดไปแล้ว คือเสี่ยวที่มาจากชุนเสี่ยว….”
[1] แมงกะแท้หรือเรียกอีกชื่อว่าอีเหม็น จัดว่าเป็สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ไฟลัมอาร์โธรพอด มีรูปร่างคล้ายโล่ มีความยาวขนาดประมาณ 8-12 มม. โดยมีขาสามคู่และมีหนามปกคลุม สีน้ำตาลอมแก่ หากจับต้องตัวจะมีกลิ่นฉุนเหม็นเขียวหรือในบางครั้งก็มีกลิ่นเหม็นเหมือนกับอุจาระคน ชอบอาศัยรวมตัวอยู่กันเป็กลุ่มและอยู่ตามพื้นที่ชื้น ตามต้นไม้ แผ่นไม้ แผ่นหิน และมีนิสัยชอบเล่นไฟเมื่อเวลาที่ฝนตกใหม่ๆ มักจะออกมา