รูม่านตาหดลงอย่างไม่รู้ตัวสายตาของพวกเขาจ้องเขม็งไปที่ธูปสองดอกสุดท้าย
การลงมีดสองครั้งสุดท้ายผ่าถูกทั้งคู่!!!
ทั้ง 10 มีดผ่าถูกทุกมีด!!!
ร่างกายของพวกเขาเกิดอาการกระตุกอย่างรุนแรงบรรยากาศภายในห้องราวกับเพิ่งผ่านยุคน้ำแข็งทำให้ทุกคนกลายเป็รูปปั้นน้ำแข็งการหายใจหยุดชะงัก การกระทำหยุดนิ่ง สภาพภายในห้องเรียนเงียบงันอย่างน่ากลัว
ผ่านไปไม่กี่วินาทีภายในห้องพลันเกิดเสียงร้องะโด้วยความยินดีดังสนั่นขึ้น
เสียงก้าวเท้าเมื่อสักครู่ถึงกับใไปกับเสียงกรีดร้องนี้เสียงก้าวเท้าเ่าั้จึงหยุดชะงักไปชั่วครู่ หลังจากนั้นจึงกลายเป็เสียงชุลมุนและเพียงไม่นานก็หายไปกับทางเดินของตึก ราวกับเป็การวิ่งหนีอย่างหมดสภาพ
ณ เวลานี้ ทุกคนต่างปลดปล่อยความรู้สึกตื่นเต้นอย่างเต็มที่ความนิ่งเงียบเมื่อสักครู่ทำให้ความบ้าคลั่งในจิตใจของพวกเขาถูกกดทับไว้อย่างอึดอัดและเวลานี้จึงถูกปลดปล่อยราวกับูเาไฟะเิ เป็การปะทุอย่างดุเดือด
“ผ่า 10 มีดถูก 10 ครั้ง!!!”
มีนักศึกษาชายคนหนึ่งะโขึ้นบนเก้าอี้แล้วร้องะโเสียงสูงนักศึกษาชายคนอื่นต่างกำหมัดแน่น ส่วนนักศึกษาหญิงต่างโผกอดเข้าหากันพร้อมน้ำตาที่ไหลรินณ เวลานี้ ในใจของพวกเขาเหลือเพียงความตื่นเต้นเท่านั้น
เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องดังสนั่นจนแทบจะทำให้หูหนวกจิตใจของท่านฉางไท่ที่ถูกฝึกฝนมาอย่างยาวนานก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นมาเช่นกันใบหน้าของท่านมีรอยยิ้มจางๆ อยู่ตลอด เพราะนี่เป็ผลงานที่เกิดจากลูกศิษย์ของตนเองแล้วคนที่เป็อาจารย์อย่างตนจะไม่ตื่นเต้นดีใจได้อย่างไรกัน
มีผู้สืบทอดวิชาแล้ว
ท่านบรมครูทั้งหลาย ท่านเห็นแล้วหรือยัง?วิชาของท่านอวี๋ซินของพวกเรามีผู้สืบทอดแล้วอีกทั้งศิษย์ยังเชื่อมั่นว่าวิชาของพวกเราจะสามารถพัฒนาให้เจริญรุ่งเรืองด้วยน้ำมือของเขา
อย่างแน่นอน!!!
ทั้งสองข้างแก้มของหลี่ชิงเมิ่งก็มีริ้วแดงๆปรากฏขึ้น เธอมองหลินเยว่โดยไม่สามารถสงบอารมณ์ตื่นเต้นของตนเองอย่างยาวนานพร้อมยิ้มน้อยๆนี่เป็ครั้งแรกที่เธอเห็นคนที่มีเสน่ห์ส่วนตัวรวมทั้งคนที่สามารถสร้างความศรัทธาได้มากขนาดนี้อีกทั้งคนผู้นี้ยังเป็ผู้ชายคนหนึ่ง
บางทีอาจจะไม่มีเื่ไหนที่เขาทำไม่สำเร็จหรอกนะ
หลี่ชิงเมิ่งคิดอย่างเงียบๆสายตาที่เธอมองหลินเยว่ยิ่งมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
เมื่อเห็นทุกคนกำลังกรีดร้องแสดงความยินดีให้กับตนหลินเยว่จึงเกิดความตื้นตันอยู่ในใจ ผ่า 10 มีด ถูก 10 ครั้งเขาก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าตนเองจะทำผลงานได้ขนาดนี้ หากเป็เมื่อหนึ่งเดือนก่อน เขาคงไม่กล้าคาดหวังว่าวันนี้ตนเองจะสามารถทำได้จนถึงขั้นนี้แต่ทว่าตอนนี้เขากลับทำสำเร็จแล้วอีกทั้งสิ่งที่เขาได้รับมันมากกว่าสิ่งที่เขาคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้มากยิ่งนัก
และวันนี้หลินเยว่ก็อยู่กับนักศึกษาของท่านฉางไท่ตลอดทั้งวันตอนกลางวันพวกเขาทานอาหารด้วยกัน ตอนบ่ายก็สนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันสายตาของพวกเขาแต่ละคนที่มองหลินเยว่ไม่เหลือความเคลือบแคลงสงสัยอีกแล้วอีกทั้งยังมีความเลื่อมใสศรัทธาอย่างลึกซึ้ง
เป็ความเลื่อมใสศรัทธาต่อผู้ที่แข็งแกร่งมากกว่าและก็เป็ผู้ที่แข็งแกร่งไร้เทียมทานที่สามารถทำได้ทุกอย่าง
ตอนบ่ายหลินเยว่ออกมาจากห้องเรียนด้วยสภาพที่ทุกๆคนต่างห้อมล้อมติดตามเขาอยู่
หลังจากหลินเยว่ขึ้นรถแล้วเขามองนักศึกษาทั้งหลายที่ไม่ยอมจากไปอยู่เป็นานจากทางกระจกมองหลังเขารู้สึกตื้นตันในใจเป็อย่างมาก พวกเขาต่างฝากความหวังไว้บนตัวของเขาและตัวเขาเองก็กลายเป็เป้าหมายของพวกเขาเ่าั้ สิ่งที่เขาทำสำเร็จในระดับสูงจึงกลายเป็เป้าหมายที่พวกเขาเ่าั้้าไขว่คว้าหากเขายังพัฒนาตนเองต่อไปเรื่อยๆ คนอื่นๆ ก็ต้องพัฒนาตามขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
ทันใดนั้น หลินเยว่ก็รู้สึกว่าบนบ่าของเขามีภาระอันหนักหน่วงขึ้นอีกอย่างหนึ่ง
ภารกิจอันยิ่งใหญ่ เขาต้องต่อสู้อีกยาวไกลนัก!
หลินเยว่รำพึงออกมา เขาถอนสายตากลับคืนแล้วขับรถมุ่งหน้าไปยังที่ทำงานของฉินเหยาเหยา
เมื่อรถสีบรอนซ์เงินหายลับไปกับประตูใหญ่ของมหาวิทยาลัยนักศึกษาทั้งหลายต่างรู้สึกใจหวิวและเสียใจ นักศึกษาชายรู้สึกหดหู่จนก้มศีรษะลงส่วนนักศึกษาหญิงกลับตาแดงๆ
ไม่มีใครพูดออกมาอยู่นานพอสมควร
สุดท้าย หลี่ชิงเมิ่งจึงถอนหายใจเบาๆเสียงถอนหายใจของเธอเต็มไปด้วยความนัยนับไม่ถ้วน
เธอพูดกับรุ่นน้องของเธอ“ทุกคนกลับไปทานอาหารเย็นเถอะนะ หลังจากนั้นค่อยไปเรียนต่อ”
ขณะที่พูด เธอก็หมุนตัวเดินไปยังทิศทางหนึ่ง
เสียงพูดของหลี่ชิงเมิ่งทำให้ทุกคนหลุดออกมาจากความเศร้าที่เกิดจากการลาจากและมีนักศึกษาหญิงคนหนึ่งถามหลี่ชิงเมิ่งทันที “รุ่นพี่คะรุ่นพี่รู้เบอร์โทรศัพท์ของรุ่นพี่หลินเยว่หรือเปล่าคะ?”
“นั่นสิ รุ่นพี่รู้หรือเปล่าคะ?บอกพวกเราได้ไหมคะ?”
“รุ่นพี่ต้องรู้แน่ๆ เลย เพราะรุ่นพี่เป็ศิษย์พี่ศิษย์น้องกันน่ะ......”
นักศึกษาหญิงทุกคนต่างห้อมล้อมหลี่ชิงเมิ่งให้อยู่ตรงกลางแล้วก็ตั้งคำถามจ้อกแจ้กออกมาทันที
เมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นแต่ละคู่หลี่ชิงเมิ่งก็รู้สึกอึดอัดอยู่ในใจ หลังจากนั้นจึงหลุดปากพูดออกมา “ไม่รู้......”
เมื่อประโยคนี้ถูกเอ่ยออกมาสีหน้าของนักศึกษาสาวทั้งหลายจึงมีแต่ความผิดหวังส่วนตัวหลี่ชิงเมิ่งกลับใกับคำตอบของตนเองมากยิ่งกว่า
ทำไมเธอถึงได้ตอบอย่างนี้ไปล่ะ?
เบอร์โทรศัพท์ของหลินเยว่ถูกบันทึกไว้อย่างชัดเจนในโทรศัพท์ของเธอ
หลี่ชิงเมิ่งรู้สึกว่าสมองของเธอมีแต่ความสับสนเป็ความสับสนที่ไม่เคยมีมาก่อน ในใจของเธอก็อึดอัดเป็อย่างมากเธอไม่รู้ว่าตัวเธอเองกำลังเป็อะไร เธอ้าหาสถานที่เงียบๆเพื่อทบทวนความคิดของตนเอง
ดังนั้น หลี่ชิงเมิ่งจึงแหวกทางจากรุ่นน้องของเธอแล้วก็มุ่งหน้ากลับหอพักของตนเองอย่างหมดสภาพ
“เฮ่อ! รุ่นพี่ก็ไม่รู้น่ะ!” หลังจากที่หลี่ชิงเมิ่งจากไปแล้ว จึงมีนักศึกษาหญิงคนหนึ่งพูดอย่างเศร้าใจ
“ก็นั่นน่ะสิ น่าเสียดายจริงๆรุ่นพี่คนนั้นเก่งสุดยอดมากเลยนะ แล้วยังมีเงินเยอะด้วย”นักศึกษาหญิงอีกคนพูดพร้อมดวงตาเป็ประกายระยิบระยับ
“ฉันว่าพวกเราน่าจะไปถามอาจารย์นะอาจารย์ต้องรู้เบอร์โทรศัพท์ของรุ่นพี่แน่ๆ” มีหญิงสาวที่สวมแว่นตาคนหนึ่งพูดอย่างตื่นเต้น
“นั่นสิ!”
เมื่อนักศึกษาคนอื่นๆ ได้ยินประโยคนี้แล้วดวงตาของพวกเธอจึงเป็ประกายอย่างมีความหวัง หลังจากนั้นจึงไม่มีการพูดอะไรต่อแต่กลับมุ่งหน้าไปยังห้องทำงานของอาจารย์ฉางไท่ทันที
ขณะที่หลินเยว่กำลังขับรถอยู่บนท้องถนนเขาก็เอาแต่ดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือ ถนนอันแสนน่าโมโหของคุนิพอถึงเวลาเลิกงานก็ติดเป็บ้า ตอนนี้เหลืออีก 10 นาทีก็จะถึงเวลาเลิกงานของฉินเหยาเหยา แต่จากการคาดการณ์สภาพรถติดในตอนนี้เขาน่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 20 นาทีถึงจะเดินทางถึงที่ทำงานของเธอ
หลินเยว่ยิ่งร้อนใจก็ยิ่งรู้สึกไร้ทางออกเพราะเขาได้แต่รออยู่บนรถอย่างหงุดหงิดเท่านั้นเขาไม่ได้บอกฉินเหยาเหยาไว้ก่อนว่าจะไปรับเธอ เพราะตอนแรกเขาคิดว่าจะสร้างความเซอร์ไพรส์ให้เธอ
อารมณ์ดีที่มีมาทั้งวันก็ถูกบรรยากาศรถติดทำลายจนหมดสิ้น
หากรู้อย่างนี้เขาจะไม่ซื้อรถยนต์หรอกขี่จักรยานดีกว่าตั้งเยอะ!
ในที่สุด เมื่อผ่านไป 3 นาที การจราจรบนท้องถนนก็กลับมาลื่นไหลเป็ปกติหลินเยว่จึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
มีอยู่วันหนึ่งที่มีการพูดถึงงานของตนเองฉินเหยาเหยาบอกหลินเยว่ว่าเธอทำงานที่ร้านหยกแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า “ซ่างเป่าไจ”หลินเยว่รู้จักร้านซ่างเป่าไจอยู่เหมือนกัน ร้านนี้มีชื่อเสียงเหมือนหรงเล่อเซวียนแต่ทว่ากลับทำเพียงธุรกิจด้านหยกอัญมณีเท่านั้นไม่เหมือนกับหรงเล่อเซวียนที่มีท่านเฮ่อทำธุรกิจด้านวัตถุโบราณอีกด้วย
ในที่สุดหลินเยว่ก็รู้ว่าเพราะเหตุใดทำไมเขาถึงไม่เคยเจอฉินเหยาเหยาบนถนนหินหยกในอำเภอชางเลยเนื่องจากร้านซ่างเป่าไจไม่ได้เปิดร้านบนถนนหินหยกแต่กลับไปเปิดร้านในย่านธุรกิจโดยตรง โดยผลิตสินค้าระดับบน การที่หลินเยว่ไม่เคยเจอฉินเหยาเหยาจึงเป็เื่ปกติ
ร้านซ่างเป่าไจก็เป็ร้านที่เป็เซียนพนันหินหยกคนหนึ่งเปิดขึ้นถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็ปรมาจารย์แห่งหยก แต่ทว่าทั้งความสามารถและประสบการณ์ก็ไม่ได้น้อยไปกว่าปรมาจารย์แห่งหยกเลยมิฉะนั้นแล้วก็ไม่มีทางจะเปิดร้านที่มีขนาดใหญ่โตขนาดนี้ได้
เมื่อมาถึงร้านซ่างเป่าไจหลินเยว่ก็ได้ยินเสียงคนถกเถียงกัน และก็ทำให้เขาต้องขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“เหยาเหยา วันนี้ผมขอเลี้ยงข้าวเธอนะ ได้ไหมล่ะ?”เป็เสียงของชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง
“ขอโทษค่ะ ผู้จัดการซ่าง คืนนี้ฉันมีธุระแล้ว”เสียงของฉินเหยาเหยามีแต่ความเ็า น้ำเสียงของเธอมีแต่ความหนักแน่นเด็ดขาด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้