“ศิษย์พี่โหยว ทำไมไม่เดินต่อล่ะ?” เจียงหลิวเห็นทำหน้าสงสัย
โหยวเสี่ยวโม่แม้บางทีจะประมาท ไม่ระมัดหน้าระวังหลัง แต่พออยู่ที่คนอื่น เขาเองก็พอระวังตัวบ้าง ท่าทีเ้าเจียงหลิวนี่ก็แปลกๆ จนทำให้เขาไม่วางใจ ยิ่งเป็คนจากทัพสาย์ด้วย
“ศิษย์น้องเจียง พวกเราแค่คุยกัน จำเป็ต้องไปไกลขนาดนั้นเลยหรือ?”
“เื่นี้…ไม่ปิดบังเ้าก็ได้ จริงๆ ข้ามีอะไรอยากให้เ้าดู ดังนั้นจึงอยากพาเ้าไปดูถึงที่”
เจียงหลิวหาข้ออ้างข้างๆ คูๆ อันที่จริงก่อนมาก็คิดถึงผลลัพธ์บ้างแล้ว ทีแรกไม่คิดว่าโหยวเสี่ยวโม่จะออกมาง่ายๆ ดังนั้นจึงพอคิดหาเหตุผลไว้บ้าง ตอนนี้กลับได้ใช้
“ถ้าข้าเดาไม่ผิด ทิศทางนี้น่าจะเป็ด้านหลังเขาสินะ เ้าหมายความว่าของที่พูดถึงอยู่ที่นั่นงั้นเหรอ?” โหยวเสี่ยวโม่พูดอย่างไม่น่าเชื่อ หากเขาทายไม่ผิด เจียงหลิวก็น่าจะมาสายกลางเป็ครั้งแรกเหมือนเขา
“ชะ ใช่แล้ว” เจียงหลิวตอบอย่างประหม่า
โหยวเสี่ยวโม่นิ่งเงียบมองเขา คนๆ นี้โกหกได้ไม่เนียนเอาซะเลย ดูท่าทีตื่นตระหนกเพียงนี้ ชัดเจนว่ามีปัญหา
แม้หลิงเซียวจะบอกว่าเขาโง่ แต่ถึงเขาจะโง่ยังไง แต่ก็ไม่ถึงขั้นดูไม่ออก เมื่อนึกถึงเจียงหลิวที่มาหาเขาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ดูก็รู้ว่ามีคนสั่งมา แล้วคนที่สั่งก็น่าจะเป็คนที่เกลียดเขาเข้าไส้ ทังอวิ๋นฉี ถ้าใช่นางจริง ทุกอย่างก็กระจ่าง
“ศิษย์น้องเจียง ข้าคิดว่าด้านหลังเขาไม่ไปจะดีกว่า ถึงยังไงที่นี่ก็เป็สายกลาง อย่าเดินไปเรื่อยเลย”
โหยวเสี่ยวโม่เดาว่าเจียงหลิวคงถูกทังอวิ๋นฉีขู่เข็ญมา แม้จะเห็นใจ แต่รู้ว่าอันตรายก็คงไปไม่ได้ จึงได้แต่ลองเชิงเขากลับ ให้เขาเข้าใจ
เจียงหลิวกัดปาก สีหน้าลำบากใจ
โหยวเสี่ยวโม่เห็นท่าที จึงทนไม่ไหวแล้วเอ่ยขึ้น “ข้ารู้ว่าทังอวิ๋นฉีส่งเ้ามา ถ้างั้นเอางี้ เ้าไปบอกกับทังอวิ๋นฉี ว่าข้าดูแผนเ้าออก ให้นางมาหาข้าเอง แบบนี้นางคงไม่เอาเื่เ้าแน่”
“ศิษย์พี่โหยว ไม่มีประโยชน์หรอก” เจียงหลิวคร่ำครวญมองหน้าเขา จากนั้นคอตก “ถ้าศิษย์พี่ทังรู้ว่าข้าทำตามที่นางสั่งไม่สำเร็จ นางไม่ปล่อยข้าไว้แน่ แม้ว่าข้าจะเป็ศิษย์ทัพ์ แต่พอนางรู้ว่าเรามาจากหมู่บ้านเดียวกัน นางก็เกลียดข้ามาตลอด บางทีก็พาคนมาหาเื่ข้า ถึงขั้นขู่ข้าไม่ให้ฟ้องอาจารย์”
พอฟังจบ โหยวเสี่ยวโม่คิ้วผูกเป็ปม เขาคิดไม่ถึงว่าทังอวิ๋นฉีจะเป็คนแบบนี้
เพราะเกลียดเขา จึงพาลเกลียดคนที่มาจากหมู่บ้านเดียวกัน อาศัยว่าเป็ลูกสาวเ้าสำนักรังแกศิษย์น้องเจียง พฤติกรรมเช่นนี้ช่างโหดร้าย แต่เห็นใจก็ส่วนเห็นใจ เขาก็ไร้หนทาง ถ้าไม่ใช่เพราะอยู่ใต้การดูแลของหลิงเซียว ป่านนี้ก็คงโดนเล่นงานปางตายไปแล้ว
“ศิษย์น้องเจียง ข้าว่ายังไงเ้าก็ต้องบอกเื่นี้ให้กับอาจารย์เ้านะ อาจารย์เ้าเห็นคุณสมบัติของเ้าตอนนั้นถึงเลือกเ้า คิดว่าคงให้ความสำคัญกับเ้าพอสมควร ถ้าเ้าบอกเขา เขาต้องออกโรงช่วยเ้าแน่” โหยวเสี่ยวโม่แนะนำเขาอย่างหวังดี
“ขอบคุณเ้านะ แต่นางเป็ถึงลูกสาวเ้าสำนัก ข้า…ข้าต่อกรนางไม่ไหวหรอก อาจารย์อาจจะช่วยข้า แต่ช่วยข้าไม่ได้ไปตลอด” เจียงหลิวน้ำตาคลอเบ้า แต่สายตาที่มองโหยวเสี่ยวโม่นั้นรู้สึกซึ้งใจ
เมื่อเห็นสายตาเขาเช่นนี้ โหยวเสี่ยวโม่ก็รู้สึกผิดขึ้นมา
เพราะพูดถึง ที่เขาถูกรังแกก็เพราะตัวเอง หากไม่ใช่เพราะเขาไปยั่วทังอวิ๋นฉี นางก็คงไม่พลอยเกลียดเจียงหลิวเพียงเพราะมาจากหมู่บ้านเดียวกัน เขาเองที่ทำให้เจียงหลิวซวยไปด้วย
“เอาแบบนี้ เ้าช่วยฝากคำพูดข้าไปให้นาง ข้านัดให้นางมาเจอกันที่ทางแยกที่เราเดินผ่านเมื่อครู่ ข้าจะพูดกับนางเอง”
อันที่จริงโหยวเสี่ยวโม่ก็ไม่ได้จิตใจสูงส่งเพียงนั้น พบกับทังอวิ๋นฉีนั้นเป็เื่ที่อันตรายอย่างยิ่ง แต่เจียงหลิวยังไงก็เป็เพื่อนที่มาจากที่เดียวกัน ทั้งยังเป็คนแรกที่เขาลืมตามาเจอ ตอนนั้นก็เพราะเขา ตัวเองถึงรู้ว่ามาโผล่อยู่ที่ไหน ตอนนี้กลับต้องซวยเพราะตัวเขาเอง จึงต้องรับผิดชอบ
“แบบนี้จะดีเหรอ?” เจียงหลิวเอ่ยทั้งน้ำตา
“ข้าว่าดีก็ดีสิ แม้ครั้งนี้จะไม่สำเร็จ ครั้งหน้าทังอวิ๋นฉีก็ยังมาหาเื่ข้าเช่นเดิม สู้จัดการให้จบๆ ไปเลยตอนนี้ดีกว่า”
โหยวเสี่ยวโม่ตากระตุก เดิมทีนึกว่าเจียงหลิวจะเป็ชายหนุ่มห้าวหาญอกสามศอก คิดไม่ถึงว่าจะขี้แยขนาดนี้ หยดน้ำตาเม็ดใหญ่กว่าผู้หญิงเสียอีก บทจะร้องก็ร้องเฉย
“ขอบคุณนะ!” ในที่สุดเจียงหลิวก็หยุดร้อง กล่าวขอบคุณ
“อืม เ้ารีบไปเถอะ ไม่งั้นรอนานนางจะโมโหกับเ้าอีก ข้าจะไปรอด้านหน้า” เสียดายที่เขาไม่ใช่ผู้หญิง ไม่งั้นโหยวเสี่ยวโม่คงอ่อนโยนกว่านี้ แล้วยื่นผ้าเช็ดหน้าให้
“งั้นข้าไปก่อนนะ ลาก่อนศิษย์พี่โหยว” เจียงหลิวโบกมือลาโหยวเสี่ยวโม่ จากนั้นวิ่งไปแจ้งทังอวิ๋นฉี
พอเจียงหลิววิ่งจากไป โหยวเสี่ยวโม่ก็เสแสร้งต่อไม่ไหว ใครใช้ให้ใจอ่อน ใครใช้ให้เสแสร้งเก่ง ทีนี้เป็ไงล่ะ อีกเดี๋ยวก็ต้องเจอทังอวิ๋นฉีคุณหนูเอาแต่ใจนั่น นี่มันช่าง…น่าผวา คิดๆ แล้ว โหยวเสี่ยวโม่จู่ๆ ก็คิดได้ว่าถ้าเรียกหลิงเซียวมาด้วยจะดีกว่า หากทังอวิ๋นฉีลงมือจริง อย่างน้อยก็ยังมีเขาคอยช่วย
จากนั้น กลุ่มทังอวิ๋นฉีที่เข้าใจว่าโหยวเสี่ยวโม่จะมาเพียงลำพัง คิดไม่ถึงว่าโหยวเสี่ยวโม่จะอยากดึงหลิงเซียวมาด้วย
พอคิดตก โหยวเสี่ยวโม่ก็พลางฮัมเพลงพลางเดินย้อนกลับไป
หลังจากที่เขาเดินย้อนกลับครู่เดียว มีเงาดำโผล่ออกมาจากจุดที่ทั้งสองคนยืนอยู่เมื่อครู่ เงาดำมองโหยวเสี่ยวโม่ที่เดินจากไปอย่างไร้ความรู้สึก จากนั้นก็หายไป พุ่งไปทิศทางของโหยวเสี่ยวโม่แทน
อีกฟากหนึ่ง เจียงหลิวก็นำคำพูดโหยวเสี่ยวโม่ไปแจ้งทังอวิ๋นฉี
ทังอวิ๋นฉีได้ยินว่าโหยวเสี่ยวโม่จะนัดเจอตัวเองเป็การส่วนตัว สีหน้าพลันดีใจ “ศิษย์น้องเจียง เ้าพูดจริงรึ โหยวเสี่ยวโม่จะนัดเจอข้า หรือเขาจะรู้แผนของเรา ดังนั้นจึงแกล้งพูดแบบนี้เพื่อเลี่ยงพวกข้า?”
“เป็ไปไม่ได้ เขาต้องไปแน่” เจียงหลิวก้มหน้า ดูสีหน้าเขาไม่ออก
“งั้นก็ดี ข้าจะเชื่อเ้า ข้ารู้ว่าส่งเ้าไปต้องทำสำเร็จแน่ เ้าทำดีมาก ต่อจากนี้ไม่มีเื่อะไรของเ้าแล้ว เ้าไปได้ นอกจากนี้ ข้าไม่อยากให้ใครรู้เื่นี้ เ้ารู้ใช่มั้ยว่าต้องทำอย่างไร?” ทังอวิ๋นฉีพออกพอใจตบบ่าเขาทีนึง ดีที่นางยังมีเจียงหลิวไพ่ใบนี้อยู่ ครั้งนี้ต้องให้โหยวเสี่ยวโม่เห็นดีกัน ให้เขารู้ซะบ้างว่าศิษย์พี่ใหญ่เป็ของใคร
“ข้ารู้แล้ว ศิษย์พี่ทัง” เจียงหลิวตอบรับ และเผยหน้าแสยะยิ้มออกมาแต่ไม่มีใครเห็น
จากนั้น ทังอวิ๋นฉีจึงพาพรรคพวกอีกสองคนเดินไปสถานที่ๆ โหยวเสี่ยวโม่นัดท่าทีวางมาดใหญ่โต แม้ว่าที่นั่นจะมีคนพลุกพล่าน แต่เวลานี้ทุกคนแยกย้ายกันพักผ่อน ทางไปลานประลองชัดว่าไม่ค่อยมีคนไปยามนี้แน่ โหยวเสี่ยวโม่เ้าคิดผิดเสียแล้ว
ด้วยอารมณ์พริ้มใจของทังอวิ๋นฉี ครู่เดียวทั้งหมดก็ไปถึงจุดนัดพบ
ทว่าแล้ว จุดที่ทุกคนนึกว่าโหยวเสี่ยวโม่จะยืนรออยู่ตรงนั้นกลับว่างเปล่า
“ศิษย์น้องเจียงบอกว่าโหยวเสี่ยวโม่จะยืนรอที่นี่ไม่ใช่หรือ? ทำไมไม่เห็นมีใคร หรือพวกเขาจะถูกหลอกแล้ว?” ลูกน้องเริ่มเอะใจ
“ข้าคิดว่าเจียงหลิวต้องถูกโหยวเสี่ยวโม่หลอกแน่” ลูกน้องอีกคนก็เอ่ยความเห็นตัวเอง
ทังอวิ๋นฉีสีหน้าเริ่มหวั่นไม่แน่ใจ “พวกเ้าพูดมีเหตุผล แต่จากที่ศิษย์น้องเจียงพูด โหยวเสี่ยวโม่ไม่น่าจะโกหกเขา ที่ไม่เห็นเงาเขาโผล่มา น่าจะมีเหตุผลอย่างอื่นหรือเปล่า?” ที่พูดแบบนี้ก็เพราะนางยังไม่อยากปล่อยโอกาสดีๆ แบบนี้หลุดมือไป
“ถ้างั้น เรารออีกซักหน่อยมั้ย?” ลูกน้องคนที่หนึ่งเอ่ยอย่างระวัง
“งั้นตามนี้ก็แล้วกัน” ทังอวิ๋นฉีเอ่ยเสียงเรียบ หากว่าโหยวเสี่ยวโม่กล้าหลอกนางจริง บัญชีแค้นเดิมบวกครั้งนี้ เขาไม่ได้ตายดีแน่นอน
เพียงแต่ทั้งสามคิดไม่ถึงว่า พวกเขาไม่มีทางได้เจอโหยวเสี่ยวโม่ หากแต่เป็อีกคนที่มาปรากฏตัวแทน…
…….
เื่จริงคือ ตอนที่โหยวเสี่ยวโม่เดินออกจากห้อง หลิงเซียวก็รับรู้ได้แล้ว ม่านมิติที่เขาร่ายไว้นอกจากจะบังตาได้ ยังสามารถรับรู้ได้ ว่าใครที่เข้าออกม่านมิติ ดังนั้นเขารู้ว่ามีคนมาหาโหยวเสี่ยวโม่ กลิ่นกายคนผู้นั้นเขาไม่รู้จัก แต่โหยวเสี่ยวโม่เป็คนเดินไปกับเขาเอง
พอคิดถึงจุดนี้ หลิงเซียวจึงคิดว่าไม่น่าจะปัญหาอะไร จึงไม่ได้เอะใจ จากนั้นผ่านไปครึ่งชั่วยาม หลิงเซียวเริ่มสังเกตถึงความผิดปกติ โหยวเสี่ยวโม่ยังไม่กลับมา มันเริ่มตะหงิดๆ!
คนที่โหยวเสี่ยวโม่รู้จักนั้นไม่เยอะ โดยเฉพาะคนที่สายกลาง คนที่เขารู้จักก็มีแค่ฝูจื่อหลิน ศิษย์ร่วมสายอาจารย์ซึ่งไม่น่าจะไปหาเขา อีกอย่างถ้าพวกเขาไปหาโหยวเสี่ยวโม่แล้วออกไปด้วยกัน หลิงเซียวต้องรู้แน่นอนว่าคือใคร
เมื่อรู้สึกถึงความผิดปกติ หลิงเซียวจึงร่ำลาศิษย์น้องทั้งสอง จากนั้นตามกลิ่นของโหยวเสี่ยวโม่ไป
--------------------------------------------------