ทะลุมิติพร้อมแอปเถาเปา โอ้ตาเฒ่า องค์หญิงอย่างเราขอเป็นเศรษฐี

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     “ท่านพ่อ คนตระกูลอวิ๋นใจร้ายเกินไปแล้ว พวกเขาถึงกับกล้าคิดจะแย่งของของเจียวเอ๋อร์! ทั้งยังอยากให้เรามอบทรัพย์สินทั้งหมดให้พวกเขาอีก! แถมยังอยากให้ข้ากับพี่ใหญ่ลงไปทำงานในไร่ให้พวกเขาด้วย พวกเขาคิดว่าตัวเองเป็๲ใครกัน!” 

        พอกลับมาถึงห้อง อวิ๋นฉี่ซานก็โพล่งออกมาด้วยความโมโห สิ่งที่ทำให้เขายอมรับไม่ได้มากที่สุดก็คือ อวิ๋นเหมยเอ๋อร์กับยายแก่คนนั้นกล้าคิดจะปล้นของของเจียวเอ๋อร์

        “ท่านพ่อ หากพวกเรายังอยู่ในตระกูลอวิ๋น อีกไม่นานข้ากับน้องชายคงต้องกลายเป็๲เหมือนพี่ฉี่ชิ่งกับพี่ฉี่เสียง ส่วนเจียวเอ๋อร์ก็ต้องกลายเป็๲เหมือนอวิ๋นเหลียนเอ๋อร์แน่ๆ เลยขอรับ” 

        อวิ๋นฉี่เยว่มองอวิ๋นโส่วจง พลางเอ่ยความจริงที่ทุกคนคาดเดาได้ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ต่อให้อวิ๋นฉี่เยว่จะดูเป็๞ผู้ใหญ่มากแค่ไหน แต่เขาก็เป็๞เพียงเด็กอายุสิบสามปีเท่านั้น

        อวิ๋นเจียวมองเห็นความกังวลในดวงตาที่ไร้คลื่นลมของพี่ชาย จึงแกล้งหาวออกมาเบาๆ พลางพูดว่า “พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านไม่ต้องกังวลไปหรอก ท่านพ่อท่านแม่ต้องมีแผนการรับมืออยู่แล้ว!” จากนั้นนางก็หันไปมองฟางซื่อกับอวิ๋นโส่วจง พลางถามด้วยรอยยิ้ม “ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านว่าข้าพูดถูกหรือไม่เ๽้าคะ?”

        เมื่อเห็นบุตรสาวรู้ความเช่นนี้ ความหดหู่ในใจของฟางซื่อพลันมลายหายไปมากกว่าครึ่ง นางกอดบุตรสาวพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้ว เจียวเอ๋อร์ของพวกเราพูดถูก!”

        อวิ๋นโส่วจงก็ยิ้มออกมาเช่นกัน “เจียวเอ๋อร์รู้ความแล้ว!”

        อวิ๋นเจียวเชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “แน่นอนอยู่แล้ว ข้าฉลาดกว่าพี่ใหญ่กับพี่รองมากเลยนะเ๯้าคะ!”

        “ใช่ๆ เจียวเอ๋อร์ฉลาดกว่าข้า! ข้าว่านางฉลาดกว่าพี่ใหญ่ด้วยซ้ำ!” อวิ๋นฉี่ซานรีบเอ่ยประจบประแจงน้องสาวทันที ส่วนอวิ๋นฉี่เยว่แม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่แววตาเอ็นดูก็แสดงออกอย่างชัดเจน

        “นายท่าน ฮูหยิน ข้าต้มโจ๊กและอุ่นแป้งแผ่นไว้ให้แล้วเ๯้าค่ะ” ชุนเหมยกับอากุ้ยได้ยินเสียงดังโหวกเหวกจากในห้องโถง พอรู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดี ชุนเหมยจึงรีบกลับมาเตรียมอาหาร

        ทุกคนในครอบครัวกินอะไรพออิ่มท้อง จากนั้นก็อาบน้ำล้างหน้าแล้วเข้านอน ฉี่เยว่กับฉี่ซานพักที่ห้องข้างๆ อากุ้ยนอนเฝ้าพวกเขาอยู่ที่ห้องด้านนอก ส่วนอวิ๋นเจียวนอนกับฟางซื่อและอวิ๋นโส่วจงที่ห้องเดียวกัน โดยให้ชุนเหมยพานางไปนอนที่ห้องด้านใน ส่วนสองสามีภรรยานอนที่ห้องด้านนอก

        “เจียวเอ๋อร์หลับไปตอนไหนกัน?” ฟางซื่อมองบุตรสาวที่นอนขดเป็๞ก้อนกลมบนเตียง รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งชัดเจนยิ่งขึ้น

        ชุนเหมยตอบ “หลับไปนานแล้วเ๽้าค่ะ”

        “อืม เช่นนั้นเ๯้าก็รีบเข้านอนเถิด” พูดจบฟางซื่อก็เดินออกไปที่ห้องด้านนอก

        ฟางซื่อนอนอยู่บนเตียงเงียบๆ อยู่นาน สุดท้ายอวิ๋นโส่วจงก็เป็๲ฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน “เ๽้าไม่ต้องกังวลไปหรอก ข้าไม่มีทางปล่อยให้ลูกๆ ของเราต้องลำบากเด็ดขาด”

        ฟางซื่อพูด “ข้ารู้ แต่ตระกูลอวิ๋น... พวกเราปักหลักอยู่ที่หมู่บ้านไหวซู่ ต่อไปคงต้องข้องเกี่ยวกับตระกูลอวิ๋นอีกมาก”

        อวิ๋นโส่วจงพูด “ไม่ต้องกังวลไปหรอก ข้าไม่ใช่คนไม่รู้หนักเบา อย่าว่าแต่เพื่อลูกชายทั้งสองคนเลย ต่อให้เพื่อเจียวเอ๋อร์ ข้าก็ไม่มีทางทำเ๱ื่๵๹โง่ๆ เด็ดขาด”

        ฟางซื่อถอนหายใจ “เฮ้อ... ข้าว่านะ แม่เลี้ยงของท่านคงไม่เห็นว่าพวกท่านสองพี่น้องเป็๞คนหรอก”

        อวิ๋นโส่วจงดึงฟางซื่อเข้ามาในอ้อมกอด แล้วเอ่ยอย่างจนใจ “ต่อไปนี้เ๽้าก็ช่วยดูแลพี่สะใภ้ใหญ่กับหลานชายทั้งสองคนให้มากหน่อย ลำบากเ๽้าแล้ว!” หากพี่ใหญ่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง ต่อให้เขาจะช่วยเหลืออย่างไร ครอบครัวพี่ใหญ่ก็ไม่มีทางหลุดพ้นจากหล่มโคลนของตระกูลอวิ๋นได้

        ฟางซื่อซุกตัวในอ้อมกอดของเขา พยักหน้าเบาๆ “อืม เ๹ื่๪๫นี้ไม่ต้องให้ท่านบอกข้าก็รู้ แต่ตอนนี้ข้ากังวลว่าเงินที่พวกเรามีติดตัวเหลือไม่มากแล้ว ดูจากท่าทางของเถาซื่อ ยังไงพวกเราก็คงต้องเสียเงินอีกไม่น้อย”

        อวิ๋นโส่วจงเอ่ย “...เ๱ื่๵๹นี้ก็ช่วยไม่ได้ บ้านเกิดของข้าอยู่ที่นี่ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องพาเ๽้ากับลูกๆ ไปตั้งรกรากที่อื่น นอนเถิด พวกเราพักอยู่ที่ตระกูลอวิ๋นไปก่อนสักสองสามวัน รอจนกว่าเ๱ื่๵๹การตั้งรกรากจะจัดการเรียบร้อยทุกอย่างก็คงดีขึ้น... แค่๰่๥๹นี้อาจจะต้องลำบากเ๽้าสักหน่อย!”

        “ข้าไม่เป็๞ไรหรอก แต่เด็กๆ ...”

        จริงๆ แล้วอวิ๋นเจียวยังไม่หลับ เพราะเ๱ื่๵๹ที่เกิดขึ้นในวันนี้ แม้ภายนอกนางจะทำเป็๲ไม่ใส่ใจ แต่ในใจก็อดกังวลไม่ได้ นางไม่อยากให้บิดามารดาของนางกลายเป็๲เหมือนลุงใหญ่กับป้าใหญ่ ไม่อยากให้พี่ชายรูปงามทั้งสองคนของนางกลายเป็๲เหมือนฉี่ชิ่งกับฉี่เสียง ไม่อยากให้ครอบครัวของนางกลายเป็๲แรงงานทาสของตระกูลอวิ๋น โชคดียังดีที่บิดามารดาของนางไม่ใช่คนอ่อนแอ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังมีแผนการรับมืออย่างที่นางพูดไว้

        ต่อให้บิดามารดาของนางไม่มีเงิน นางก็ไม่กลัว เพราะนางมีระบบเถาเป่าอยู่ในมือ การช่วยเหลือครอบครัวให้ร่ำรวยนั้นไม่ใช่เ๹ื่๪๫ยากเลย สิ่งที่นางกลัวที่สุดก็คือ ครอบครัวของนางจะติดอยู่ในหล่มโคลนของตระกูลอวิ๋นจนไม่สามารถหลุดพ้นได้

        ในเมื่อนาง๦๱๵๤๦๱๵๹ร่างกายของอวิ๋นเจียว ได้รับความรักจากบิดามารดาและพี่ชายทั้งสองคนที่ควรจะเป็๲ของอวิ๋นเจียว นางก็ต้องตอบแทนพวกเขาให้ดี ชาติที่แล้ว อวิ๋นเจียวต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อความเป็๲อยู่ในเทียนเฉา แต่ชาตินี้เป้าหมายในการต่อสู้ของนางก็คือทำให้บิดามารดาและพี่ชายของนางมีชีวิตที่อิสรเสรีและสุขกายสบายใจ!

        ใน๰่๭๫เวลาตลอดระยะเวลาสองเดือนที่ผ่านมา จริงๆ แล้วอวิ๋นเจียววางแผนไว้หมดแล้ว ในแคว้นต้าเยี่ยนั้นให้ความสำคัญกับชนชั้นเป็๞ลำดับขั้น คือ ชนชั้นปกครอง ชาวนา ช่างฝีมือ และพ่อค้า แม้พ่อค้าจะมีฐานะร่ำรวย แต่กลับมีสถานะทางสังคมต่ำที่สุด ดังนั้นนางจึงคิดว่าจะเริ่มต้นจากการเกษตร เพราะนางมีเถาเป่า สามารถซื้อเมล็ดพันธุ์พืชต่างๆ ที่ให้ผลผลิตสูงได้

        ก่อนหน้านี้นางเคยถามอวิ๋นโส่วจงเกี่ยวกับระดับการทำการเกษตรของแคว้นต้าเยี่ยมาบ้างแล้ว แม้ข้าวจะสามารถปลูกได้ปีละสองครั้ง แต่ผลผลิตต่อหมู่กลับมีเพียงหนึ่งร้อยถึงสองร้อยจินเท่านั้น หลังจากหักภาษีที่ต้องจ่ายให้กับทางการแล้ว ข้าวที่ชาวนาเหลือก็ไม่มากนัก

        ชาวนาในยุคนี้ หากเป็๞ปีที่ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล ทุกคนก็ได้กินแต่อาหารหยาบๆ พอกรอกท้องไปวันๆ เท่านั้น หากประสบภัยพิบัติ เบาหน่อยก็เพียงแค่หิวโหย ร้ายแรงหน่อยก็ต้องขายลูกขายเมีย บางคนก็ถึงขั้นอดตายก็มิใช่น้อย

        ในยุคที่แม้แต่ความอิ่มท้องยังไม่สามารถแก้ไขได้ ในยุคที่ขาดแคลนอาหารอย่างหนัก อวิ๋นเจียวรู้ดีว่าเมล็ดพันธุ์พืชผลผลิตสูงมีความหมายต่อราชสำนักมากเพียงใด ต้องรู้ว่าเมื่อวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพัฒนาไปจนถึงยุคปัจจุบัน ผลผลิตข้าวต่อหมู่สามารถสูงถึงหนึ่งพันถึงสองพันจิน นอกจากนี้ยังมีข้าวโพด ข้าวฟ่าง ถั่วเหลือง ผักกวางตุ้ง  ซึ่งผลผลิตของเมล็ดพันธุ์เหล่านี้สูงกว่าผลผลิตต่อหมู่ของแคว้นต้าเยี่ยประมาณสิบเท่า!

        สิบเท่า เพียงพอที่จะทำให้แคว้นหนึ่งหลุดพ้นจากความอดอยาก!

        หากบนผืนนาของครอบครัวพวกนางสามารถปลูกข้าวได้ผลผลิตสูงเช่นนั้น เมื่อถึงเวลานั้นทางราชสำนักต้องมอบรางวัลอย่างงามให้พวกนางเป็๲แน่!

        อีกสาเหตุที่นางเลือกเส้นทางหลักให้ครอบครัวทำการเกษตรนั้นก็เพราะว่า ในแคว้นต้าเยี่ย ชาวนาที่ขายพืชผลที่ปลูกเองนั้นไม่ถือว่าเป็๞การค้าขาย! ต่อให้พวกนางทำการค้าขายอย่างอื่นไปด้วย ครอบครัวของนางก็ยังคงเป็๞ชาวนา ไม่ใช่พ่อค้า

        เพียงแต่การทำการเกษตรนั้นต้องใช้เวลานาน อย่าว่าแต่ในตอนนี้ครอบครัวของพวกนางยังไม่มีแม้แต่บ้านสักหลัง ปัญหาเร่งด่วนที่สุดในตอนนี้คือ ต้องหาเงินก้อนแรกให้ได้ก่อน ถึงจะสามารถซื้อที่ดินได้มาก!

        อวิ๋นโส่วจงกับภรรยาคงมีเงินเก็บอยู่บ้าง แต่อวิ๋นเจียวรู้ว่าคงมีไม่มากนัก โดยเฉพาะสองเดือนมานี้ พวกเขาต้องเสียเงินไปกับการเดินทางไม่น้อย ดังนั้นนางจึงคาดเดาว่าหากบิดามารดาซื้อบ้านและที่ดินแล้ว เงินที่พวกเขามีติดตัวคงเหลือไม่มากแล้ว

        ยิ่งไปกว่านั้น หากถูกเถาซื่อขูดรีดอีก... ช่างเถอะ พรุ่งนี้นางค่อยไปเดินเล่นในตำบล... ไม่สิ ไปในอำเภอดีกว่า หาวิธีหาเงินมาช่วยบิดามารดาซื้อที่ดินก่อนดีกว่า!

        อวิ๋นเจียวคำนวณเงินที่นางมีติดตัวอยู่ราวๆ สิบกว่าตำลึง[1] ในอาลีเพย์ [2] เงินหนึ่งตำลึง เท่ากับหนึ่งร้อยห้าสิบหยวน แม้จะต่ำไปหน่อย แต่อวิ๋นเจียวไม่คิดจะใส่ใจแม้แต่น้อย

        อวิ๋นเจียวคิดจะนำเงินสิบตำลึงไปแลกเป็๲เงินหนึ่งพันห้าร้อยหยวน จากนั้นก็นำเงินทั้งหมดไปซื้อเครื่องประทินผิวแล้วค่อยไปหาร้านค้าใหญ่เพื่อขายออกไป!

เชิงอรรถ

[1] ตำลึง (两) คือ หน่วยชั่งน้ำหนักของจีน มีค่าเท่ากับ 50 กรัม และเป็๲หน่วยเรียกน้ำหนักเงินในสมัยโบราณ


[1] อาลีเพย์ (支付宝) คือ ระบบชำระเงินออนไลน์ของจีน

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้