เย่เทียนหลงไม่ได้พูดอะไรมีเพียงคิ้วเท่านั้นที่ขมวดเข้าหากัน แต่เย่ชิงหนิวที่อยู่ข้างๆ กลับเดินวนกลับไปกลับมาด้วยความร้อนรนกระวนกระวายใจราวกับมดที่อยู่บนกระทะร้อน ปากพูดพร่ำบ่นอุบอิบออกมาสีหน้าเป็ห่วงกังวล
ส่วนผู้าุโสูงสุดคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างๆ ล้วนมองไปยังเส้นทาง์ด้วยอาการร้อนรนกระวนกระวายใจไม่ต่างกัน ต่างเริ่มด่าทอเหล่ายอดฝีมือระดับขอบเขตาาจักรพรรดิที่ทำหน้าที่คอยคุ้มครองพวกเย่ชิงอู่ เยว่ชิงเฉิงขึ้นมาภายในใจ เกิดเหตุการณ์ผิดปกติเช่นนี้ขึ้นพวกเขาน่าจะรีบพาตัวเหล่านายน้อยและคุณหนูทั้งหลายออกมาให้เร็วที่สุดถึงจะถูก
ถูเสินเว่ยที่อยู่ข้างๆ เส้นทาง์สีหน้าก็ดูไม่ดีสักเท่าไร ครั้งนี้จ้าวเทวะออกคำสั่งอย่างเด็ดขาดว่าจะต้องนำสมบัติล้ำค่าระดับสูงสุดนั้นกลับมาให้ได้ ดังนั้นพวกเขาองครักษ์แห่งเทพทั้งสี่ล้วนออกมานั่งรักษาการณ์ด้วยตนเองที่นี่
เพียงแตู่เาสุสานทวยเทพเกิดเหตุการณ์ผิดปกติขึ้นเช่นนี้ภายในใจของเขาเริ่มอยู่ไม่เป็สุขและร้อนรนกระวนกระวายใจขึ้นมาเช่นเดียวกัน
เผ่าคนเถื่อนและเผ่าปีศาจก็ร้อนรนกระวนกระวายใจไม่ต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเผ่าคนเถื่อนนายน้อยใหญ่ว่าที่หัวหน้าเผ่ารุ่นต่อไปของพวกเขายังติดอยู่ภายใน ูเาลูกนี้โอนเอนสั่นไหวไปมาอย่างต่อเนื่องและถ้าหากมันพังทลายลงมากลบฝังผู้คนทั้งหมดที่อยู่ภายในเล่า...พวกเขาจะกลับไปบอกกล่าวรายงานแก่ท่านหัวหน้าเผ่าอย่างไร?
.................................
ไม่ใช่ว่าพวกเย่เทียนชิง เย่ชิงอู่ เยว่ชิงเฉิงไม่ได้รู้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับูเาสุสานทวยเทพ และไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่รีบทำการกลับออกไปในทันทีที่สังเกตเห็นความผิดปกติ
เพียงแต่ว่า...เมื่อพวกเขารู้สึกได้ถึงสิ่งผิดปกติก็ไม่สามารถที่จะทำการกลับออกไปได้แล้ว!
เมื่อูเาสุสานทวยเทพเริ่มโอนเอนสั่นไหวขึ้นเหล่ายอดฝีมือระดับขอบเขตาาจักรพรรดิที่ทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองต่างก็เดินมาข้างกายของพวกเขาพร้อมกับโคจรพลังปราณรบขึ้นทั่วร่างเตรียมพร้อมที่จะพาพวกเขาพุ่งทะยานกลับออกไปจากเส้นทาง์
เพียงแต่...ประกายแสงสีขาวปรากฏขึ้นอย่างฉับพลัน ลานกว้างในห้องโถงใหญ่ของเส้นทาง์พลันปรากฏผู้คนจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนออกมาจนทำให้ลานกว้างกลายเป็แออัดเบียดเสียดยัดเยียดกันขึ้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหมอกสีขาวที่เริ่มหนายิ่งขึ้นกว่าเดิม มองไปทางใดก็มีแต่เงาร่างของคนเต็มไปหมดทุกที่ ปรากฏการณ์แปลกประหลาดเช่นนี้ทำให้พวกเขาไม่กล้าที่จะขยับเขยื้อนใดๆ ทำได้แค่เพียงเข้ามารวมกลุ่มกันแล้วเตรียมการป้องกันขึ้น
“มันเกิดอะไรขึ้น! ทำไมถึงกลับมาที่เดิม? กลับมายังเส้นทาง์อีกได้อย่างไร? พวกเรายังไม่ได้ทะลวงผ่านด่านทั้งหมดเลย? เวลาก็ยังไม่หมด? มารดามันเถอะ! ข้ายังไม่ได้สมบัติล้ำค่าเลยสักชิ้น อย่างนี้ไม่ดีแน่ เริ่มใหม่ๆ” ในเวลานี้เองเสียงก่นด่าที่เป็เอกลักษณ์ของอิ่นซาดังขึ้นภายในลานกว้างของห้องโถงใหญ่บนเส้นทาง์ เสียงร้องก่นด่าของเขาทำให้ทุกคนเข้าใจได้ถึงเื่ราวแปลกประหลาดที่เกิดขึ้น
พวกเขาดันถูกส่งกลับมาอยู่ที่เส้นทาง์อีกครั้ง เมื่อสักครู่ถูกเหตุการณ์แปลกประหลาดในด่านที่เก้าจนทำให้ไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวได้ จากนั้นแสงสว่างสีขาวปรากฏขึ้นแล้วพวกเขาก็กลับมายังเส้นทาง์อีกครั้ง
“อย่างนี้ไม่ถูกต้อง ไม่ใช่ท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่พูดว่าูเาสุสานทวยเทพในครั้งนี้จะมีสมบัติล้ำค่าระดับสูงสุดปรากฏออกมามิใช่รึ? แล้วมันเกิดอะไรขึ้น พวกเรากำลังทำการทะลวงด่านอยู่มิใช่รึ? แปลกประหลาดจนเกินไปแล้ว! หืม? เส้นทางเชื่อมต่อไปยังด่านทดสอบเข้าไม่ได้แล้ว? มันเื่บ้าอะไรกันอีกล่ะทีนี้?” เสียงของถูเฮยดังขึ้นมาจากทางด้านขวา ครั้งนี้แม้จะได้รับสมบัติล้ำค่าระดับศักดิ์สิทธิ์มาชิ้นหนึ่งแล้วแต่ถ้าไม่ได้รับสมบัติล้ำค่าระดับสูงสุดแล้วกลับไปทั้งๆ อย่างนี้ เขาไม่รู้ว่าจะไปพบหน้าจ้าวเทวะอย่างไรดี ดังนั้นจึงร้องขึ้นด้วยความร้อนใจเช่นกัน
“ไม่ยุติธรรม ยังไม่หมดเวลาพวกข้ายัง้าทะลวงผ่านด่านทดสอบ” เสียงของเย่เชียงดังขึ้นเป็เสียงที่สาม ยังหาเย่ชิงหานไม่พบก็ถูกส่งกลับออกมาแล้ว ถ้าหากกลับออกไปทั้งๆ อย่างนี้เขาไม่รู้ว่าจะมีหน้าไปพบเย่เทียนหลงและเย่ชิงหนิวอย่างไร ดังนั้นเขาจึงร้องขึ้นอย่างร้อนใจเช่นเดียวกัน
เสียงของเย่เชียงกลับทำให้เย่เทียนชิงรู้สึกยินดีขึ้นมา เย่เชียงอยู่ไม่ห่างจากพวกเขามากนักเย่เทียนชิงจึงรีบพาพวกเย่ชิงอู่เยว่ชิงเฉิงเดินตรงเข้าไปหาเขาโดยทันที
“พวกเ้าทำไมถึงยังอยู่ที่นี่กันอีก? ไร้สาระสิ้นดี!”
เมื่อมองเห็นเหล่านายน้อยและคุณหนูของตระกูลทั้งหลาย เย่เชียงแทบอยากด่าทอถึงบุพการีออกมาเสียให้ได้ ยิ่งสถานการณ์ชุลมุนวุ่นวายเช่นนี้พวกเด็กๆ ยังอยู่ที่นี่ยิ่งจะเพิ่มความยุ่งยากขึ้นไปอีก
“ท่านลุงสาม หานน้อยล่ะ?”
“น้าหญิงโหรว เย่ชิงหานล่ะ?
เย่ชิงอู่และเยว่ชิงเฉิงเมื่อเดินเข้าไปเริ่มมองหาเย่ชิงหานขึ้นในทันที เพียงแต่ดวงตากลอกกลิ้งไปมามองหาอยู่หลายรอบกลับไม่เจอเงาร่างที่คุ้นเคยจึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นอย่างกระวนกระวายใจ
“พวกเรายังหาเย่ชิงหานไม่เจอ...พวกเ้ายืนอยู่เฉยๆ ก่อนอย่าเพิ่งส่งเสียง ตอนนี้สถานการณ์ชุลมุนวุ่นวายและไม่ชอบมาพากลมาก อาจจะมีเื่ใหญ่เกิดขึ้นอีกไม่นานนี้!” เย่เชียงส่ายหัวไปมา จากนั้นราวกับว่าััถึงบางสิ่งขึ้นมาได้รีบพูดสั่งกำชับขึ้นในทันที พร้อมทั้งสั่งการให้ยอดฝีมือของตระกูลเย่ทุกคนโคจรพลังปราณรบเตรียมรอเอาไว้
คนของเขตปกครองเทพาคนอื่นๆ ก็เหมือนจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้เช่นเดียวกันจึงได้หยุดการพูดคุยลง จากนั้นเริ่มทำการจับตาดูสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นโดยรอบทั้งสี่ทิศอย่างระมัดระวัง
ส่วนถูเฮยและอิ่นซาไม่ได้ร้องโวยวายใดๆ ขึ้นมาอีก แต่เริ่มหันมาออกคำสั่งให้คนของตนเองระแวดระวังภัยขึ้น เพียงชั่วครู่ห้องโถงใหญ่ของเส้นทาง์จึงเริ่มค่อยๆ เงียบสงบลง แต่ละขุมกำลังต่างเริ่มเตรียมตัวกันอยู่อย่างลับๆ รอคอยกันอยู่อย่างเงียบๆ
เพราะพวกเขาพบว่าหมอกสีขาวที่อยู่บนเส้นทาง์เริ่มเบาบางลงไปทุกที ในขณะเดียวกันกลิ่นไอพลังกดดันสายหนึ่งเริ่มแผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งลานกว้างของห้องโถงใหญ่
กลิ่นไอพลังที่ััได้คือกลิ่นไอพลังของผู้ฝึกยุทธ์ระดับเทพ
“สวัสดีทุกๆ คน ข้าคือท่านลู่ซีผู้ยิ่งใหญ่ที่เฝ้ารักษาอยู่ภายในูเาสุสานทวยเทพแห่งนี้ สมบัติล้ำค่าระดับสูงสุดจะปรากฏออกมาในวันนี้ หลังจากวันนี้ไปข้าจะไปจากูเาสุสานทวยเทพแห่งนี้แล้ว และูเาสุสานทวยเทพจะไม่มีอีกต่อไป ครั้งนี้เป็โอกาสครั้งสุดท้ายที่พวกเ้าจะได้เสาะหาสมบัติ อีกสักพักข้าจะโยนสมบัติล้ำค่าออกมาหนึ่งร้อยชิ้น ครึ่งชั่วโมงหลังจากนี้ผู้ใดได้รับสมบัติล้ำค่าไว้ในมากที่สุดจะเป็ผู้ชนะ! และจะมีโอกาสได้รับสมบัติล้ำค่าระดับสูงสุดด้วย ขอให้ทุกคนโชคดี!”
เสียงที่ดังขึ้นโดยฉับพลันราวกับฟ้าที่ผ่าลงกลางดึก ผ่าจนทุกคนตกตะลึงพรึงเพริด ผ่าจนทุกคนมึนงงเลือนราง ผ่าจนทุกคนหัวใจย้ายมาอยู่ลูกกระเดือก
สมบัติล้ำค่าร้อยชิ้น? สมบัติล้ำค่าระดับสูงสุดจะปรากฏออกมา กฎกติกาเดิมเปลี่ยนแปลงไปแล้ว?
ถูเฮยเริ่มยิ้มขึ้นมา ยิ้มอย่างมีความสุข ยิ้มอย่างเบิกบานใจ ยิ้มอย่างเจิดจรัส
กฎกติกาเปลี่ยนแปลงเป็ง่ายดายถึงเพียงนี้? นี่มันไม่ต่างจากการมอบสมบัติล้ำค่าระดับสูงสุดให้ตนเองและให้นครแห่งเทพเลยด้วยซ้ำ? เขาและเสว่อู๋เหินร่วมมือกันบวกกับพลังรบที่แข็งแกร่งของนครแห่งเทพ สุดท้ายแล้วชัยชนะจะต้องตกมาอยู่ที่นครแห่งเทพอย่างไม่ต้องสงสัย
หัวหน้าผู้นำกองกำลังของเผ่าปีศาจแทบอยากจะร้องไห้ออกมา เมื่อสักครู่ที่อยู่ภายในด่านที่เก้าพวกเขาล้วนเสียหายอย่างหนักแล้ว ตอนนี้ต้องมาต่อสู้ตะลุมบอนเช่นนี้อีก เผ่าปีศาจคงไม่ต่างจากลูกที่มารดาไม่รักถูกคนรังแกอยู่ร่ำไป ครั้งนี้กลับไปยังเผ่าปีศาจจะต้องถูกเทพปีศาจลงโทษอย่างหนักเป็แน่แท้!
ความคิดของหมันก้านเริ่มขัดแย้งกันขึ้นในตนเอง จะเอาหรือไม่เอาดี? เป็ตัวเลือกที่ยากแสนยาก หากไม่เอาเขาไม่มีหน้ากลับไปอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกียรติและศักดิ์ศรีที่เขาจะเอากลับคืนมานั้นจะไปหามาจากไหน? แต่ถ้าหากเอาเขาก็กลัวว่าจะมีสภาพเหมือนลูกน้องสองคนที่นอนตายเป็ก้อนเนื้อเน่าเปื่อยเืไหลออกจากทวารทั้งเจ็ด
อิ่นซากลับหัวเราะขึ้นอย่างแปลกประหลาด หัวเราะจนร่างกายสั่นเทิ้มขึ้น ต่อสู้ตะลุมบอนยกพวกเข้าห้ำหั่นกันก็ดีน่ะสิ ถ้าหากไม่ตะลุมบอนนัวเนียเขาจะมีโอกาสให้ฉกฉวยโอกาสได้อย่างไร? ในด่านที่เก้านครแห่งเทพแสดงพลังรบที่แข็งแกร่งไร้คู่ต่อกรออกมาให้เห็น ตอนนี้จึงกลายเป็ภัยคุกคามอันดับหนึ่งของทุกขุมกำลัง อีกสักครู่ถ้าหากตนเองยุยงใส่ไฟสักหน่อย สุดท้ายแล้วใครจะเป็ผู้กุมชัยชนะที่แท้จริงก็ยังไม่แน่!
เย่เชียงร้อนรนขึ้นในทันที สมบัติของล้ำค่าอะไรเขาล้วนไม่อยากได้ทั้งนั้น เขาอยากได้เพียงเย่ชิงหานกลับมา ตอนนี้ผู้เฝ้ารักษาของูเาสุสานทวยเทพแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ยอมให้พวกเขาเข้าไปทำการทะลวงผ่านด่านอีกต่อไปแล้ว แล้วเขาจะไปตามหาเย่ชิงหานได้อย่างไร? ครั้นแล้วเขาจึงร้องออกมาด้วยความร้อนรนกระวนกระวายใจ “ท่านผู้าุโ ข้าไม่้าสมบัติของล้ำค่าใดๆ ทั้งนั้น ข้าขอร้องท่านผู้าุโอนุญาตให้ข้าทำการทะลวงผ่านด่านทดสอบต่อไป ข้าเพียงแค่มาตามหาคนเท่านั้น!”
เยว่ชิงเฉิงก็ร้อนรนกระวนกระวายใจเช่นเดียวกันใบหน้าขาวซีดเผือด แต่เนื่องจากความร้อนรนกระวนกระวายใจจึงทำให้ใบหน้ามีสีเืแดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย เพียงแต่อยู่ต่อหน้าผู้าุโมากมายนางเป็หญิงสาวนางหนึ่งจะให้ร้องะโเสียงดังออกมาได้อย่างไรกัน ดังนั้นใบหน้านางจึงแดงขึ้นเรื่อยๆ เพราะความอึดอัดร้อนรนที่อยู่ภายในใจ แดงยิ่งกว่าดอกท้อที่อยู่บนศีรษะของนางหลายเท่านัก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้