หนึ่งวันก่อนที่ฝูซินอี๋จะต้องเดินทางไปชนบท
ฝูเจิ้นห่าววางหนังสือพิมพ์ที่กำลังอ่านลงบนโต๊ะอาหาร"พรุ่งนี้ลูกก็จะต้องเดินทางแล้ว ยังมีของอะไรที่ขาดอีกไหม พ่อจะได้ให้แม่กับพี่ชายลูกไปจัดการซื้อมาให้"
ฝูซินอี๋เดินเข้ามานั่งที่โต๊ะอาหารและตอบคำถาม"แม่กับพี่เตรียมให้ครบแล้วครับ ผมไม่ได้้าอะไรเพิ่ม"
“ซินอี๋…ลูกไปอยากจะกินอะไรเป็มื้อเย็น แม่จะออกไปซื้อมาทำให้กิน”หม่ายี่หรานถามลูกชายคนรอง
“คุณแม่ทำอะไรผมก็ชอบหมดครับ"ฝูซินอี๋กล่าวและกินข้าว
“วันนี้น้องรองอยากออกไปเที่ยวด้านนอกกับพี่ไหม พี่ชายคนนี้วางทั้งวัน” ฝูซินหยวนถามน้องชายคนรอง วันนี้เขาไม่ได้ออกไปทำงาน เขาอยากจะพาน้องชายคนรองออกไปเที่ยวก่อนที่น้องรองจะเดินทาง
“ผมก็วางครับ วันนี้ผมจะไม่ไปโรงเรียน ผมจะอยู่เป็เพื่อนพี่รองทั้งวันเลยครับ”ฝูซินหรงที่นั่งอยู่ข้างๆพี่ชายคนรองกล่าวและพร้อมจะหยุดเรียน เพื่ออยู่กับพี่ชาย
"ทุกคนไม่ต้องมาอยู่เป็เพื่อนผมหรอกครับ มีงานก็ไป ต้องไปโรงเรียนก็ไปเถอะครับ ไม่ต้องเป็ห่วงผม วันนี้ผมอยากออกไปเดินเล่นด้านนอกคนเดียว ก่อนที่จะต้องไปจากที่นี่ และไม่รู้ว่าจะได้กลับมาอีกตอนไหนด้วย ผมเื่อยากใช่เวลาในตอนนี้ให้มากขึ้นครับ” ฝูซินอี๋บอกกับทุกคนในครอบครัว ที่แสดงอาการเป็ห่วงเขา ั้แ่รู้ว่าเขาอกหักและ้าเดินทางไปชนบท
สมาชิกทุกคนมองหน้ากันและนิ่งเงียบ กินข้าวเช้ากันตามปกติและพากันออกไปทำงานและไปโรงเรียน
…
ฝูซินอี๋ที่เหลือตัวเองอยู่ในบ้านคนเดียว ได้ลุกจากที่โต๊ะไปที่ห้องนอน เปลี่ยนเสื้อผ้าและออกจากบ้าน ฝูซินอี๋เดินออกจากบ้านไปตามทาง ก่อนจะมาหยุดที่หน้าบ้านของตระกูลจ้าว ฝูซินอี๋หยุดมองอยู่หน้าบ้านตระกูลจ้าวและมองเข้าไปด้านใน ก่อนจะมองเห็นภาพของจ้าวมู่กับหญิงสาวข้างกาย กำลังคุยกัน ทำให้เป็การตอกย้ำความเ็ปในใจฝูซินอี๋อย่างแสนสาหัส
หลังจากมองเห็นภาพนั้นแล้ว ทำให้ฝูซินอี๋เข้าใจมากขึ้น ว่าเขาตัดสินใจถูกแล้ว ที่เขาจะหนีออกไปจากความเ็ปที่เป็อยู่ ไปเป็ยุวชนผู้มีการศึกษา เพื่อที่จะได้ทำงานให้หนักและลืมความรักที่ไม่สนหวังของตัวเอง และการเข้าร่วมกับโครงการส่งเสริมการศึกษาและพัฒนาชนบทของรัฐบาล เป็ทางออกเดียวที่เขาคิดออกในตอนนี้แล้ว
ฝูซินอี๋คิดได้ก็เดินออกมาจากภาพที่ได้เห็นด้วยใจที่หนักอึ้ง เขาเดินไปยังสวนสาธารณะเล็กๆ ไม่ไกลจากบ้าน ที่ที่เขาและจ้าวมู่เคยใช้เวลาด้วยกันในวัยเด็ก
แสงแดดยามสายสาดส่องลงมากระทบใบหน้าของฝูซินอี๋ เขานั่งลงบนม้านั่งไม้เก่าๆปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับความทรงจำภาพวันเก่าๆผุดขึ้นมาในหัวราวกับภาพยนตร์ที่กำลังถูกฉายซ้ำๆ
ทันใดนั้นเสียงคุ้นเคยก็ดังขึ้น“ซินอี๋! มานั่งทำอะไรตรงนี้?”
ฝูซินอี๋เงยหน้าขึ้น คนที่ที่เขาไม่อยากเจอที่สุดในตอนนี้ หลับมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า จ้าวมู่ยืนอยู่ตรงนั้นรอยยิ้มสดใสประดับอยู่บนใบหน้า รอยยิ้มที่ทำให้ฝูซินอี๋หลงรัก รอยยิ้มที่ตอนนี้เป็ของคนอื่นแล้ว
“จ้าวมู่…”ฝูซินอี๋เอ่ยเรียกชื่อเพื่อนเสียงเบาๆอยากกับไม่รู้ว่าเสียงของตัวเองหายไปไหนแล้ว
“ได้ยินว่านายจะไปชนบทเหรอ? จริงเหรอ?”จ้าวมู่ถามด้วยน้ำเสียงเป็ห่วงและเดินเข้ามานั่งข้างๆเพื่อนสมัยเด็กของตน
ฝูซินอี๋มองใบหน้าของจ้าวมู่ ก่อนจะพยายามเก็บซ่อนความรู้สึกที่แท้จริง เอาไว้ภายใต้รอยยิ้มของตัวเอง“อืม ฉันต้องไปแทนพี่ชายนะ พี่ชายเป็ลูกชายคนโตของบ้าน จะปล่อยให้ไปอยู่ที่ชนบท ที่ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาปักกิ่งตอนไหนได้ยังไง”ฝูซินอี๋กล่าวและพยายามที่จะส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ ในคำพูดของเขาเป็ทั้งเื่จริงและคำโกหก
จ้าวมู่พยักหน้าและขมวดคิ้วเล็กน้อย"นายไม่กลัวเหรอ ที่ต้องไปอยู่ชนบท ฉันได้ยินมาว่าที่นั่นลำบากมากเลยนะ และยังไม่รู้ว่าจะได้กลับมาตอนไหนด้วย นายอยากเชื่อในสิ่งที่รัฐบาลบอกละ คนที่ไปเป็ยุวชนที่กลับมาเยี่ยมบ้าน ต่างบอกว่าถูกรัฐบาลหลอกให้ไปทั้งนั้น"
ฝูซินอี๋ยิ้มกลับคำถามของเพื่อนชาย และพูดว่า"ฉันคิดดีแล้ว จะได้กลับมาหรือไม่ได้กลับมาก็…ไม่เป็ไร"
"ถ้านายตัดสินใจดีแล้ว..งั้นฉันขอให้นายเดินทางปลอดภัยนะ ไว้กลับมาค่อยเจอกันใหม่”จ้าวมู่กล่าวอวยพรเพื่อนรักในวัยเด็ก
ทั้งสองพูดคุยกันอีกเล็กน้อย ก่อนที่จ้าวมู่จะหันไปหาหญิงสาวที่ยืนรออยู่ไม่ไกล
“ฉันไปก่อนนะ พอดีเราจะไปดูหนังที่เข้ามาใหม่กันนะ”จ้าวมู่กันมาบอกฝูซินอี๋และลุกเดินไปหาคนรักที่ยืนรออยู่ไม่ไกล
ฝูซินอี๋มองตามแผ่นหลังของจ้าวมู่ ที่เดินจากไปพร้อมกับคนรัก น้ำตาที่กลั้นไว้ไหลอาบแก้มอย่างห้ามไม่อยู่ ความเ็ปในใจมันมากมายเกินกว่าที่เขาจะรับไหว
ทันใดนั้น ความรู้สึกอุ่นๆ ก็ไหลลงมาจากจมูก ฝูซินอี๋ยกมือขึ้นััที่จมูกพบว่าเป็เืกำเดา เขาไม่ได้ใ กลับยกมือขึ้นปาดเืออกอย่างเชื่องช้า เืสีแดงสดเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าสีเทาที่เขาใส่อยู่ และนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เืกำเดาไหล ทำให้ฝูซินอี๋ไม่ได้ใ กลับอาการของตัวเอง
ฝูซินอี๋เช็ดเือยู่นานจนมันหยุดไหลแล้ว ถึงได้ลุกขึ้นยืน เดินโซซัดโซเซกลับบ้าน ความเ็ปในใจมันหนักอึ้ง ราวกับมีก้อนหินถ่วงอยู่ในอก มากกว่าอาการปวดหัวที่กำลังเป็อยู่ในตอนนี้มาก
…
ฝูซินอี๋กลับมาถึงบ้าน ในเวลานี้ยังไม่มีใครกลับมาสักคน เขาเดินเข้าห้องนอน เดินไปล้มตัวลงเตียง กลับนอนไม่หลับทั้งๆ ที่ร่างกายตั้งการพักผ่อน เขาเอาแต่คิดถึงเพื่อนสมัยเด็กคนนั้น ที่เดินหัวเราะออกไปกับผู้หญิงคนนั้น