แม้ว่าซ่งอี้เฉินจะมีสนมมากมายในตำหนักหลัง ทว่ากลับไร้ซึ่งอำนาจในการแต่งตั้งตำแหน่งของนางสนม ภายใต้ตำแหน่งนางสนม สามารถมอบสิ่งใดให้ได้ตามที่ใจปรารถนา เมื่อตำแหน่งไปถึงขั้นสามจะต้องได้รับความยินยอมจากไทเฮาก่อน ยามนั้นที่ต้องแต่งตั้งให้ฮวารั่วซีเป็ซูเฟย เขากับไทเฮาต้องเผชิญหน้าต่อรองกันเป็เวลานาน จนสามารถมอบตำแหน่งนี้ให้นางได้
ทว่ายามนี้ฮวารั่วซีคล้ายจะกังวลใจเล็กน้อย
เมื่อซ่งอี้เฉินนึกถึงเื่นี้ทำให้รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เดิมทีเขาคิดว่าฮวารั่วซีและเขาควรเข้าใจความคิดของกันและกัน แม้ว่าไม่ได้เอ่ยสิ่งที่นางทำ ทว่านางควรจะเข้าใจได้ด้วยตนเอง ในอดีตเมื่ออยู่ต่อหน้านาง ตัวเขาจะทำเื่อันใดก็ไม่เคยปิดบังนาง ยิ่งเื่อารมณ์ความรักยิ่งไม่เคยปิดบังเลยแม้แต่น้อย
่เวลาที่พวกเขาพบหน้าปฏิสัมพันธ์กันนั้น พวกเขาควรจะสนับสนุนซึ่งกันและกัน ทว่าเมื่อฮวารั่วซีเข้ามาอยู่ข้างกายเขา นางก็เปลี่ยนไป
สมคบคิด วางแผนการ ล้วนเป็วิธีการที่เขาเกลียดชังยิ่งนัก นางราวกับเริ่มการใช้ประโยชน์ วันนี้นางยืนอยู่ข้างกายองค์หญิงใหญ่ และช่วยจัดงานเลี้ยงร้อยบุปผา หรือว่านางกำลังพยายามเป็พวกเดียวกับองค์หญิงใหญ่?
เช่นนั้นนางเอาเขาไปไว้ที่ใดกัน?
หรือนางไม่เข้าใจว่า สาเหตุที่ตัวเขาเองยกเหยียนอู๋อวี้ขึ้นมาก็เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของไทเฮาและองค์หญิงใหญ่ ทำให้พวกเขาคิดว่าฮวารัวซีมิได้สำคัญสำหรับเขามากนัก วันหน้าหากมีความขัดแย้งกัน ย่อมไม่ยกเอานางมาข่มขู่เขา และยิ่งไม่ใช่เพราะหากเกิดการต่อสู้กันทั้งสามฝ่ายแล้วนางพลอยถูกทำร้ายไปด้วย
เขาปกป้องนางมากถึงเพียงนี้ ทว่านางกลับกังวลใจ!
ตำแหน่งนั้นสำคัญเพียงนั้นเชียวหรือ? เมื่อหลายปีก่อนเขาได้ตัดสินใจมอบตำแหน่งนั้นให้นางนานแล้ว!
เมื่อคิดถึงเื่เหล่านี้ เขาอดจ้องมองฮวารั่วซีที่นั่งอยู่ข้างกายเขาไม่ได้ จากนั้นจึงดื่มอย่างเงียบๆ พลางกวาดสายตามองไปรอบๆ หากมีความคิดอยู่บ้าง คงจะรับรู้ถึงสายตาคู่นั้นของเขา นางหันศีรษะไปทักทายเขา แสดงถึงความรักอย่างจริงใจที่แฝงไปด้วยความเ็ปใจ
ราวกับเขาได้กลับไปสู่อดีตอีกครั้งในชั่วพริบตา
ย้อนกลับไปยามนั้นเขายังเป็รัชทายาท และผู้ที่นั่งอยู่ข้างกายเขาคืออวิ๋นอู๋เหยียน ทุกครั้งที่มีการจัดงานเลี้ยง นางมักจะยืนเคียงข้างเขา คอยติดตามเขาและมองเขาด้วยสายตาและท่าทางแบบเดียวกัน
ซ่งอี้เฉินไม่ต้องแสร้งเปลี่ยนแปลงอันใด ทว่าภาพของเหยียนอู๋อวี้ที่กำลังถือภาพวาดพลันปรากฏขึ้นมาในใจของเขา
เหยียนอู๋อวี้บอกว่านั่นเป็สร้อยข้อมือของนางที่เป็การวางแผนทำร้ายนาง ดูแล้วยอดเยี่ยมนัก
ต่อมาเขาไปที่ตำหนักรับรองขององค์หญิงใหญ่และบังเอิญพบสร้อยข้อมือที่มีลูกปัดล้ำค่าสองเม็ด ซึ่งเป็รูปแบบเดียวกันกับสัญลักษณ์แทนความรักของพวกเขา แม้แต่ปมเงื่อนก็ยังอยู่เหมือนเดิม
หัวใจของเขาสงบลง จากนั้นจึงลืมตาโดยไม่ใส่ใจแววตาที่มองมาด้วยความผิดหวังของนางอีกต่อไป
ฮวารั่วซีเห็นซ่งอี้เฉินมองมาทางนาง และมองไปทางเหยียนอู๋อวี้ ผ้าเช็ดหน้าในมือนางพันเป็ก้อนโดยไม่รู้ตัว เป็เพียงแค่บุตรสาวเ้าเมือง สามารถเปลี่ยนความรักหลายปีของพวกเขาให้แตกสลายเป็ฝุ่นธุลี ภายในใจของนางนอกจากความสิ้นหวังแล้ว ยามนี้เหลือเพียงความแค้นใจเท่านั้น
ท้ายที่สุดแล้วความลำพองใจอยู่ได้ไม่นาน วันหนึ่งนางจะทำให้ทุกคนผิดหวัง
เพื่อป้องกันไม่ให้ความคิดของนางถูกเปิดเผย นางมองอู๋เจาหรงที่กำลังดื่มสุราอยู่ด้านข้างจึงขยับเข้าไปใกล้ขึ้นเล็กน้อยแล้วเรียกว่า “น้องหญิงเจาหรง”
“พี่หญิงซูเฟยมีเื่อันใดหรือ?” อู๋เจาหรงไม่แม้แต่จะเงยหน้ามอง ยามนี้นางและฮวารั่วซีมีตำแหน่งห่างกันเพียงขั้นเดียว อีกทั้งนางยังมีความโปรดปรานของซ่งอี้เฉินและการสนับสนุนจากตระกูลฝ่ายมารดาของนาง นางจึงไม่เห็นฮวารั่วซีอยู่ในสายตา ปากนั้นเอ่ยน้ำเสียงเกรงใจ ทว่าร่างกายกลับไม่ขยับทำสิ่งใดแม้เพียงนิด
ฮวารั่วซีชี้ไปยังถ้วยสุราพลางแย้มยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “วันนี้สุราไป่ฮวาหมี่เป็สิ่งที่ฮ่องเต้ทรงโปรด ไทเฮามีพระประสงค์มิให้ฮ่องเต้ทรงดื่มมากเกินไป เ้านำไปถวายฝ่าาสักจอกหนึ่งเถิด”
เมื่ออู๋เจาหรงได้ยินเช่นนี้จึงลุกขึ้นทันทีและเอ่ยว่า “จอกเดียวคงไม่พอ ต้องถวายสักสามจอก”
หลังจากเอ่ยจบก็เดินไปที่โต๊ะพร้อมขวดสุรา นางยกจอกขึ้นดื่มอวยพรองค์หญิงใหญ่ก่อน จากนั้นจึงเอ่ยกับซ่งอี้เฉินว่า “ฝ่าา หม่อมฉันถวายสุราเพคะ”
ซ่งอี้เฉินแย้มยิ้มพลางยกจอกสุราขึ้นดื่ม ความอบอุ่นที่คุ้นเคยค่อยๆ พลุ่งพล่านขึ้นในร่างกาย เขามองอู๋เจาหรงด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป
ดวงตาของอู๋เจาหรงงดงามเต็มไปด้วยเสน่หา ตอบสนองต่อสายตาของเขา พร้อมกับเดินเข้าไปหาเขาอีกครั้งพลางเอ่ยกระซิบเสียงเบา “จอกเดียวคงจะไม่พอ หม่อมฉันจะถวายให้ฝ่าาสามจอกเพคะ”
นางเอ่ยพลางเหยียดแขนถวายขวดสุราที่มีสุราอยู่เติมขวด
แขนเสื้อเลื่อนขึ้นเผยให้เห็นแขนขาวนวลราวหยกสีขาวและกลิ่นหอมที่ลอยแตะจมูกเขา ซ่งอี้เฉินรู้สึกได้ถึงแรงกระตุ้นทางอารมณ์ เขาอดโอบเอวของนางไม่ได้ มืออีกข้างหนึ่งก็ถือจอกสุราค่อยๆ ดื่มลงไป
ไม่นานตัวเขาเองพลันรู้สึกสับสน ไม่รู้ว่าเป็เพราะเหตุใด เขาจึงควบคุมตัวเองไม่ได้เมื่อเข้าใกล้อู๋เจาหรง วันนี้หลังจากดื่มสุราก็เริ่มรู้สึกเกิดอารมณ์อย่างร้อนแรงอีกครั้ง
โชคดีที่ปกติแล้วเขามีชื่อเสียงด้านหลงใหลในอิสตรี แม้จะกอดอู๋เจาหรงไว้บนตักของเขาในที่สาธารณะก็ไม่มีผู้ใดคิดว่าเป็เื่ผิดปกติ ส่วนองค์หญิงใหญ่ก็ยิ่งคุ้นเคยกับเื่ราวเช่นนี้อยู่แล้ว สายตามิได้แสดงการคัดค้านแต่อย่างใด ตรงกันข้ามบนใบหน้าของนางกลับยิ่งเผยรอยยิ้มที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
“ฝ่าา......พระองค์กอดหม่อมฉันไว้เช่นนี้ หม่อมฉันจะรินสุราให้พระองค์ได้อย่างไรเพคะ......” อู๋เจาหรงหายใจแ่เบา ร่างกายรู้สึกร้อนผ่าวเมื่อซ่งอี้เฉินโอบกอด จู่ๆ เขากลับอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ร่างของนางอยู่ในอ้อมกอดเขา นางก็อดหน้าแดงก่ำไม่ได้ ร่างกายของนางกลับอ่อนระทวยอีกครั้ง
มือของซ่งอี้เฉินลูบไล้บนผิวกายขาวเนียน หัวใจพลันเต้นแรง ลมหายใจแห่งความสุขกำลังจะท่วมท้น ซึ่งเป็การมีสติครั้งสุดท้ายของเขา
องค์หญิงใหญ่ยิ้มอย่างมีความหมายเป็นัยพลางเอ่ยว่า “ฮ่องเต้มึนเมาเล็กน้อย อู๋เจาหรงพาฮ่องเต้ไปพักผ่อนสักหน่อยเถิด”
“เพคะ......” อู๋เจาหรงตอบเสียงอ่อนโยน ขณะกำลังจะลุกขึ้นนั้น ซ่งอี้เฉินกลับอุ้มนางขึ้นโดยไม่คาดคิด เขากล่าวคำอำลากับองค์หญิงใหญ่ และเดินออกจากงานเลี้ยงร้อยบุปผาไป
องค์หญิงใหญ่มองทั้งสองคนเดินจากไป รอยยิ้มลึกซึ้งยิ่งเพิ่มมากขึ้น เมื่อไม่กี่วันก่อนเ้ากรมหยางถูกพักงาน เดิมทีคิดว่าผู้ที่เข้ามาแทนเขาคือคนของไทเฮา ไม่คาดคิดว่าเมื่อตรวจสอบกลับพบว่า หวังเทียนเหล่ยไม่มีความสัมพันธ์อันใดกับไทเฮา ปกติแล้วกรมโยธามิได้มีบทบาทที่โดดเด่นที่สุด เนื่องจากหากจะอยู่ในตำแหน่งนี้จะต้องผ่านการดำรงตำแหน่งรองเ้ากรมมาก่อน
ท่ามกลางความไม่ลงรอยกันของใต้เท้าหยางและใต้เท้าจาง ยามนั้นจึงดึงเขาเข้ามาเป็พวก ไม่คาดคิดว่าเขาจะเป็ผู้ได้รับผลประโยชน์มากถึงเพียงนี้
เมื่อรู้ว่าไม่ใช่คนของไทเฮา องค์หญิงใหญ่จึงรู้สึกสับสนอยู่ในใจ และยิ่งได้เห็นการกระทำของซ่งอี้เฉินวันนั้น นางยิ่งรู้สึกไร้ข้อผิดพลาด ทว่าความสงสัยนั้นไม่เคยจางหายไป
ดังนั้นผู้อยู่เื้ันั้นเลือกหวังเทียนเหล่ยอย่างเกินความคาดหมาย ไม่คิดว่าจะต้องเผชิญหน้ากับคนของไทเฮา ท้ายที่สุดหวังเทียนเหล่ยเองประสบความสำเร็จ ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งซ่างซู[1]อย่างมั่นคง
เช่นนั้นยิ่งทำให้องค์หญิงเกิดความสงสัยในตัวซ่งอี้เฉินมากยิ่งขึ้น เมื่อเห็นเหตุการณ์ในวันนี้ นางก็อดที่จะขบขันกับความสงสัยของตนเองไม่ได้
หากเขายังหมกมุ่นอยู่กับอิสตรีในที่สาธารณะจนควบคุมตนเองไม่ได้ แล้วจะควบคุมขุนนางในราชสำนักได้อย่างไร?
เดิมทีนางสงสัยในตัวซ่งอี้เฉินคิดว่าเขากำลังแสดงละครให้ตนเองดู ทว่าเมื่อดูอย่างละเอียดแล้ว แววตาที่เร่าร้อนคู่นั้นไม่อาจหลอกลวงผู้ใดได้
แน่นอนว่าเขาเป็เพียงบุตรชายของคนต่ำต้อย ซึ่งองค์หญิงใหญ่ดูถูกดูแคลนอยู่ในใจ ทว่าในไม่ช้าฉากแห่งความสุขความยินดีก็ได้เข้ามาแทนที่ ทำให้นางเริ่มมีอารมณ์ที่สนุกสนานเป็อย่างยิ่ง อีกทั้งยังผ่อนคลายกับทุกคนมากขึ้น หลังจากสุราถูกยกเข้ามาสามรอบ นางก็ปล่อยให้ทุกคนสนุกสนานกัน ในขณะที่ตนเองนั่งพิงเก้าอี้ หลับตาพักผ่อน โดยกำลังคิดว่าจะให้จวินอู๋เสียมารับใช้นางได้อย่างไร
เชิงอรรถ
[1] ซ่างซู เป็ตำแหน่งเ้ากรม