หลังจากคืนนั้นหวังเฟยมิได้ร่ำสุราลดน้อยลง ราวกับว่าการเมามายได้กลายเป็กิจวัตรของเขาไปเสียแล้ว
หลังมื้ออาหารเช้าของท่านอา เจียลี่นำสุราขวดใหม่เข้ามาให้เขา หลังบ่าวรับใช้ทั้งสองกลับไปทำงานที่โรงถลุงแร่ ท่านอาอยู่เพียงลำพังในห้องรับรองแขกกว้างขวางเมื่อนางมาถึง เขาสวมเสื้อผ้ามีราคาอย่างผู้ดี เสื้อผ้าขาวสะอาดรับกับผิวสีน้ำผึ้งสมชายชาตรี ถึงจะซูบผอมกว่าเมื่อหลายเดือนก่อนเพราะพิษรักทำร้ายจิตใจ ใบหน้าคร้ามคมที่มีหนวดแซมเทากลับแลดูมีชีวิตชีวา
“นี่เป็ค่าสุรา... เ้าไม่ต้องนำเงินของเ้าไปซื้อสิ่งใดให้ข้า เป็ถึงคนใหญ่คนโตของราชสำนัก ข้าได้รับเงินเดือนมากกว่าเ้าหลายเท่า” หวังเฟยยื่นถุงผ้าให้นาง เหรียญเหล็กกลมทำให้มันหล่นตุบลงบนโต๊ะ ตามน้ำหนักของมัน
“ข้าไม่มีเื่ให้ใช้เงิน ข้าวปลาอาหารในบ้านข้า ท่านย่าเป็ผู้จับจ่ายให้ทุกคนในบ้าน ข้าแทบจะไม่ต้องรับผิดชอบอะไร”
“ข้าให้เ้านำเงินไปซื้อเสื้อผ้า เครื่องประดับเสียใหม่ เ้านำไปซื้อของของเ้าเสีย ไยเ้าไม่รับเงินข้า”
“ท่านอาเป็ผู้มีพระคุณของสกุลเยี่ย ชั่วชีวิตนี้คงชดใช้ท่านไม่หมด ข้าไม่อาจรับ...” นางเงียบไป เห็นใบหน้าเข้มเครียดของเขากำลังต่อว่านางเื่มากนัก นางมีเหตุผลประหลาดพิสดารของนางให้เขาครุ่นคิดไปกับนางอยู่เสมอ
“เงินมากมายของท่านอา เคยให้กับท่านอาหญิงไว้ครั้งหนึ่ง นางนำไปซื้อข้าวปลาอาหาร ประทังชีวิตพวกข้าทั้งครอบครัว ข้ารอดตายซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะท่านอา... ข้ารับไว้ไม่ได้จริง ๆ เ้าค่ะ” นางยกมือทั้งสองขึ้นประสานกัน ก้มศีรษะ ท่านอาก็ปรามนาง ไม่ยอมให้นางคารวะเขาอีก เมื่อนางทำมันทุกเช้าค่ำที่พบเขา นางยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าตนเป็ชายชราาุโ
“ความรู้สึกที่ข้ามีต่อลี่จิ่นยามนี้ คือชิงชังนางเข้ากระดูกดำ แต่ถึงข้าจะเคียดแค้นท่านอาหญิงของเ้าอย่างไร มันก็ไม่สมควรถ้าข้าจะมาลงที่เ้า เป็ผู้ใหญ่รังแกเด็ก”
หวังเฟยส่ายหน้าไปมา เหนื่อยหน่ายจะต่อรองกับนาง เขาวางถุงเงินนั้นไว้บนโต๊ะ คิดว่านางอาจเปลี่ยนใจรับเงินของเขาในภายหลัง ด้วยความเป็ผู้อ่อนน้อมถ่อมตนและเชื่อฟัง
เจียลี่กำลังจะอายุครบสิบแปดปี มารดาของนางอายุสามสิบห้าปีเท่ากันกับเขา โดยทั่วไปหญิงสาวล้วนออกเรือนกันแล้ว พวกนางมีสามีั้แ่อายุสิบห้าปี รู้เื่ราวใต้เตียงบนเตียงเป็อย่างดี เขาก็คงไม่อยากให้เจียลี่ดำเนินรอยตามท่านอาหญิงของนางผู้ไม่เป็โล้เป็พาย ไม่ออกเรือน ไม่ทำสิ่งใดนอกจากแต่งตัวสวยลวงหลอกผู้ดีมีเงิน ไล่ตามหนุ่มเศรษฐีไปวัน ๆ
เมื่อการบ้านการเรือนของเจียลี่นับว่าไม่น้อยหน้าบุตรสาวผู้อื่นในเมือง นางทำงานเก่ง ทำกับข้าวอร่อย นางมีสติปัญญาฉลาดเฉลียว ปัญหาของนางมีเพียงเื่เดียว
“ข้าเป็อย่างที่ท่านพูด อย่างที่พวกเขาพูด อย่างที่ใคร ๆ ปฏิบัติต่อข้า ไม่ผิดในเื่นี้ ข้าเป็เพียงหญิงพิการ...” นางเงียบไป ก้มหน้าลงมองชายผ้าสีเขียวอ่อนที่คลุมข้อเท้า นางชิดปลายเท้าเข้าหากันอย่างกระดากอาย
“ไม่มีค่าในสายตาผู้ใด”
“พูดอะไรของเ้า แลเห็นว่าเดินได้คล่องแคล่ว แม้ไม่ว่องไว ใครใช้ให้เ้าวิ่งะโตีลังกา แสดงวิทยายุทธ เป็สตรีควรก้าวเดินเชื่องช้า เรียบร้อยดังผ้าพับไว้ ก็ถูกต้องแล้ว เ้าใช่ขาพิการจริง ๆ เสียเมื่อไร”
ท่านอาไม่ชอบสีหน้าของนาง กลายเป็ผู้ไร้ความมั่นใจผิดจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง เขาเดินไปคว้าไหสีน้ำตาล หยิบจอกสุราส่งให้นางริน อนุญาตนางให้จิบสุรา ชื่นชมทัศนียภาพด้านหน้าเรือนกว้างขวางเป็เพื่อนเขา
“... ผู้คนพูดกันั้แ่ข้ายังเล็ก ข้าก้าวขาเดินไม่เหมือนผู้อื่น ข้าเดินเหมือนแมวย่อง หากใครไม่รู้จักข้า ก็จะไม่รู้ว่าข้อเท้าซ้ายของข้ามีปัญหา”
นางพูดเื่การเดินของนาง ทั้งที่ไม่เคยถามนางมาก่อนเลยสักครั้ง แก้มแดงปลั่งของนางหลบเลี่ยงเขา เมื่อสบประสานสายตา นางก้มหน้าลงอย่างเจียมตน วางจอกสุราลงบนโต๊ะ เขายังคงยืนจ้องหน้านาง เจียลี่ยิ่งประหม่าอาย
“อื้ม... ข้ามีความคิดว่าเ้าช่างงดงามอ่อนหวาน ถึงขั้นว่าอาจเป็หญิงงามล่มเมืองได้ แต่ดูสภาพของเ้าสิ”
‘หญิงพิการ’
‘ยัยขาเป๋’
‘มิน่า... ถึงเข้าวังไม่ได้’
‘ดูขาเ้าสิ ฮ่า ๆ’
นางปิดตาลงเมื่อถ้อยคำมากมายดังก้องในโสตประสาท มิอาจหยุดความคิดลงสักชั่วขณะ เสียงหัวเราะเยาะนางเนิ่นนานนับสิบปี นางถูกรังแกเป็ประจำ
หวังเฟยมิได้หมายความเช่นเดียวกับที่นางคิด
ในชุดสีสันสดใสปกปิดมิดชิด มีรอยขาดเพียงเล็กน้อยหากไม่มองใกล้ ๆ ไม่สามารถเห็นว่ามันเคยขาด เจียลี่เป็หญิงประหยัด รู้จักเก็บออม นางเย็บปักทำงานฝีมือของนางได้ดี ตามความนิยมของชุดเซินอี[1]ซึ่งเป็การนำเสื้อและกระโปรงเย็บเข้าด้วยกัน ปิ่นปักผมดอกไม้ของนางก็เข้ากับใบหน้าสวยหวาน ริมฝีปากอมแดงอมชมพูของนางแลดูนุ่มนิ่ม น่าลิ้มลองชิมกว่าอาหารของนางเสียอีก
“ทำไมเ้าไม่ลองปรนนิบัติข้าด้วยวิธีอื่น ไม่ดีกว่าหรือ? เจียลี่ งานดูแลความสะอาดให้บ่าวรับใช้ทำไป”
“ท่านอาจะให้ข้าทำอะไร?” คำถามเต็มใบหน้าของนาง หวังเฟยถอนหายใจหนัก
“เอาเถอะ เ้าคงจะไม่รู้เื่รู้ราว ให้เ้าไปว่าจ้างโสเภณีในเมืองมาบำรุงบำเรอข้าดีกว่า”
เจียลี่เบิกตากว้างใ นางละล่ำละลักพูด “ ไม่ ๆ ท่านอา ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้าพอรู้เื่ราวระหว่างชายหญิง ข้าเคยอ่านตำรากามารมณ์ด้วย ข้าเพียงเห็นว่าไม่เหมาะ หญิงขาไม่ดีอย่างข้า ไม่คู่ควรกับผู้ดีอย่างท่าน”
“อย่างไรถึงจะเหมาะ?”
“อย่างไรก็ไม่เหมาะ” ในน้ำเสียงที่แ่เบาลงนั้นไม่ได้กระด้างกระเดื่องต่อท่านอาแม้แต่น้อย นางรู้ว่าเขาอาจโกรธนางและไล่ตะเพิดนางได้ หลังจากที่เหล้าเข้าปากแล้วเขาจะกลายเป็คนละคนทีเดียว นางรีบแก้ต่าง “ท่านอาหวังเปรียบดังเทวดาของเจียลี่ผู้แสนต่ำต้อย ข้ามิบังอาจ”
“เทวดาบ้าบออะไรของเ้า เลิกพร่ำเพ้อพรรณนาเื่บุญคุณนี่เสียที ท่านอาขี้เมาของเ้าน่ะ...” ร่างสูงโน้มลงหานาง กระซิบข้างหูทีละคำ “อสุรกายจากขุมนรกทีเดียว”
กว่าจะเจียลี่จะเข้าใจท่านอาผู้ไม่ได้ดูแคลนนางเหมือนกับที่ผู้อื่นรังเกียจนาง หัวใจดวงน้อยเต้นเร็วแรง น้ำเสียงะเือารมณ์ของเขา ยากเกินต้านทานไหว
“ข้าชอบกลิ่นสาวน้อยตัวหอม ๆ อย่างเ้าซะด้วย”
ใบหน้างามแดงซ่านไปจนถึงใบหูโดยไร้สาเหตุ เจียลี่ไม่ได้หลบเลี่ยงท่านอา นางหัวเราะ พูดอึกอัก “คือข้า... พึ่งไปคลุกขี้วัวมา จะหอมได้ยังไงกัน...”
“อื้ม... เหม็น... เน่า... เ้า...” มือหนายกขึ้นขยี้จมูก มองเห็นชายเสื้อด้านล่างมีรอยเปรอะเปื้อนดินโคลน “ไม่กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยเสียก่อนมาพบข้า มายืนถกเถียงข้า... กับกลิ่นขี้วัวของเ้าทำไม...”
“ข้ากลัวท่านกระหายสุรา อาละวาดบ่าวรับใช้ ตะเพิดพวกเขาไปอีก ข้าจึงรีบมา” นางพูดความจริงด้วยรอยยิ้มใสซื่อ ท่านอาถอยหนีนาง โบกมือไล่ หันไปคว้าสุราขึ้นกระดก เพื่อดับกลิ่นเหม็นเน่า ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้ทำให้พื้นเรือนสกปรก เขาผู้หลงมัวมายไปกับสาวน้อย ไยพึ่งได้กลิ่นขี้วัว!
[1] ชุดเซินอีและชุดหูฝูได้รับความนิยมในสมัยชุนชิวจ้านกว๋อ โดยการนำเสื้อและกระโปรงมาเย็บเป็ชุดเดียวกัน เซินอีแปลว่าชุดรัด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้