“ยาสมุนไพรทั้งหมดที่เ้า้าอยู่ตรงนั้น! ”
เสียงของเยี่ยโยวเหยาเย็นเฉียบ เหลือบไปยังโต๊ะที่อยู่ห่างไกล
ซูจิ่นซีมองตามสายตาของเยี่ยโยวเหยา ก็เห็นกองยาขนาดใหญ่วางอยู่จริงๆ
เมื่อครู่ตอนเข้ามานางรู้สึกตึงเครียดแม้ว่าระบบถอนพิษจะตรวจพบว่ามียาสมุนไพรมากมายที่นี่ ทว่าซูจิ่นซีก็ไม่ได้คิดอย่างละเอียดเลยที่แท้เยี่ยโยวเหยาได้เตรียมยาสมุนไพรที่นาง้าทั้งหมดไว้พร้อมแล้ว เขาเรียกนางมาเพื่อให้มาปรุงยาถอนพิษ
เพียงแต่ การปรุงยาถอนพิษไม่จำเป็ต้องรีบร้อนถึงเพียงนี้กระมัง?
“ท่านอ๋อง ที่แท้ก็เื่นี้เองหรือเพคะ? ท่านให้คนนำยาสมุนไพรไปส่งที่เรือนอวิ๋นไคก็ได้แล้วเมื่อหม่อมฉันปรุงยาถอนพิษเสร็จก็จะส่งมาให้ท่าน เหตุใดจะต้องพยายามถึงขั้นเสียเวลาดึกดื่นถึงเพียงนี้ด้วยเล่าเพคะ? ”
ซูจิ่นซีพูดไปด้วยพร้อมกับตรวจสมุนไพรไปด้วย
แม้ว่าระบบการถอนพิษจะตรวจสอบว่าวัตถุดิบยาทั้งหมดนั้นใช้ได้ ทว่าซูจิ่นซีก็ยังต้องตรวจสอบด้วยตนเองอีกครั้ง
ประการแรก เพื่อป้องกันในกรณีที่ระบบเกิดความผิดพลาดเนื่องจากอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดอีกประการหนึ่งก็เป็เพราะความเคยชินของมืออาชีพเช่นกัน
“ก็ปรุงเสียที่นี่! ”
เยี่ยโยวเหยายังคงเล่นหมากรุกผู้เดียว ั้แ่ต้นจนจบสายตาของเขาจับจ้องอยู่บนกระดานหมากรุกด้านหน้าตลอด
“อะไรนะ? ท่านอ๋อง ท่านไม่ได้พูดเล่นใช่หรือไม่เพคะ?ตอนนี้มันยามสามแล้วนะเพคะ ให้ปรุงยาถอนพิษตอนนี้? พิษในร่างกายของท่านไม่ใช่ว่าพึ่งจะได้รับมาในวันสองวันนะเพคะเวลาเพียงเล็กน้อยก็ไม่ทำให้ถึงกับชีวิตท่านหรอก จำเป็ต้องรีบใช้อันใดเพียงนั้นหรือ?หากข้านำยาสมุนไพรกลับไป พรุ่งนี้ปรุงเสร็จแล้วค่อยส่งกลับมาให้ท่านก็ไม่ได้ทำให้มันล่าช้าเลยนะเพคะ เหตุใดจะต้องรีบร้อนด้วย! ”
“ข้าบอกว่าตอนนี้ก็ต้องตอนนี้! ”
เยี่ยโยวเหยากล่าวอย่างใช้อำนาจ ไม่ง่ายเลยที่ซูจิ่นซีจะปฏิเสธ
เป็บ้าหรืออย่างไร?
ดึกเพียงนี้แล้วยังไม่ให้คนพักผ่อน?
ก่อนหน้านี้เป็เื่อาการป่วยของเฉินไท่เฟย กอปรกับเื่อาการป่วยของฮองเฮาในวังหลวงตอนนี้ยังมีคดีที่ถูกบีบบังคับให้ทำภายในหนึ่งเดือน นางต้องหาผู้ร้ายตัวจริงที่วางยาพิษร้ายแรงนี้ให้กับฮองเฮาร่างกายและจิตใจของซูจิ่นซีอ่อนล้าเกินพอแล้วเวลานี้กลางดึกยังไม่ยอมให้นางพักผ่อนดีๆ อีก ซูจิ่นซีชักจะหงุดหงิดจริงๆ เสียแล้ว
ทว่าความฉลาดทางอารมณ์ของซูจิ่นซีนั้นสูงมาก นางรู้ว่าที่นี่ นางไม่สามารถที่จะแสดงอาการโกรธและะเิอารมณ์ออกมาได้นางจึงระงับความโกรธในใจไว้
ซูจิ่นซีอธิบายกับเยี่ยโยวเหยาด้วยความอดทนเป็อย่างมาก “ท่านอ๋อง ตอนนี้ดึกมากแล้ว เมื่อคนอ่อนล้า เวลาทำงานก็ง่ายที่จะทำผิดพลาดหากยาถอนพิษที่ทำขึ้นภายใต้สภาพร่างกายเช่นนี้เกิดข้อผิดพลาด มันคงไม่ดีต่อท่านใช่หรือไม่?ท่านว่า... ”
คำพูดสุดท้ายของซูจิ่นซียังไม่ทันได้พูดจบ ดวงตาที่เ็าของเยี่ยโยวเหยาก็กวาดมาทางนางราวกับใบมีดคมซูจิ่นซีใสั่นไปทั้งตัว ไม่ทันได้เอ่ยคำใด คำพูดนั้นก็ทะเลาะกับปลายลิ้นของนางไปรอบหนึ่งนางจึงกลืนมันกลับเข้าไป
เออ!
สามารถเล่นงานนางได้อย่างสง่างามเ็าเสียจริง?
แม้แต่นายทุนที่ชั่วร้าย ก็ไม่มีการบังคับคนให้ทำงานล่วงเวลากระมัง?
อยากจะกัดเขาสักครั้งเสียจริง
ซูจิ่นซีทำได้เพียงพร่ำบ่นในใจกลับไปกลับมา ทว่าคำพูดที่รุนแรงเหล่านี้ ซูจิ่นซีไม่กล้าพูดเล่นออกไปแม้แต่คำเดียวในความเป็จริงเมื่อต้องเผชิญหน้ากับการใช้อำนาจบาตรใหญ่ของเยี่ยโยวเหยาซูจิ่นซีก็ทำได้เพียงประนีประนอมและยอมจำนนเท่านั้น
แก้มนางพองไปครึ่งวันแล้ว สุดท้ายซูจิ่นซีก็พูดขึ้น “เอาเถิด! ได้เพคะ! ถือว่าหม่อมฉันมีคุณธรรมอุทิศตนเพื่อสาธารณะประโยชน์สักครั้ง คืนนี้จะปรุงยาถอนพิษให้ท่านอ๋องก่อน ทว่าครั้งต่อไปจะไม่มีอีกหลังจากนี้หากหม่อมฉันต้องมาทำเื่ราวนอกเวลากลางดึกเช่นนี้อีก หม่อมฉันจะไม่ทำแน่นอนเพคะ!”
พูดแล้วซูจิ่นซีก็เริ่มตำยาสมุนไพร
อารมณ์ที่แสดงออกผ่านแววตาของเยี่ยโยวเหยาเปล่งประกายอย่างแปลกประหลาดซูจิ่นซีบ่นเล็กน้อย พูดหลายสิ่งหลายอย่างในลมหายใจเดียวสิ่งใดคือการอุทิศตนเพื่อสาธารณะประโยชน์ สิ่งใดคือทำงานล่วงเวลา คำพูดประเภทนี้แม้ว่าเยี่ยโยวเหยาจะฉลาดทว่าก็ยากจะเข้าใจ
ซูจิ่นซีก้มหน้าก้มตาทำแล้วทำเล่าเป็เวลานานหลังจากผ่านไปสองชั่วยามการแสดงออกที่เคร่งขรึมและจริงจังของซูจิ่นซีก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อยหางตาและคิ้วของนางค่อยๆ ปรากฏความเบิกบานใจ ซึ่งนั่นเป็ความสุขจากความสำเร็จ
สุดท้ายยาถอนพิษก็ปรุงสำเร็จแล้ว
ยามีทั้งหมดสามเม็ด ซูจิ่นซีเป็เหมือนนางกำนัลตัวน้อยที่มีความสามารถ นางถือเม็ดยาสีดำอย่างจริงจังยื่นไปตรงหน้าของเยี่ยโยวเหยา
“ท่านอ๋อง ได้ยาถอนพิษแล้วเพคะ โปรดวางใจและเสวยเถิดเพคะ! ”
เยี่ยโยวเหยาไม่ได้รับยาถอนพิษในทันที ทว่ามองไปยังซูจิ่นซีด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์
ซูจิ่นซียิ้มอย่างมั่นใจที่มุมปากของตน นางพยักหน้า และแสดงสีหน้ายืนยันให้เยี่ยโยวเหยา
“ท่านอ๋อง ยาถอนพิษไม่มีปัญหาอย่างแน่นอนเพคะ”
สุดท้าย เยี่ยโยวเหยาก็วางใจรับยาถอนพิษไว้
ใบหน้าของซูจิ่นซีเต็มไปด้วยความภูมิใจ นางกุมมือประสานไว้ตรงหน้าด้วยความมั่นใจคอยยืนเขย่งอยู่ข้างๆ เฝ้าดูเยี่ยโยวเหยากลืนยาทั้งหมดทีละเม็ด
“ท่านอ๋อง ท่านกลั้นหายใจ แล้วเดินลมปราณเพื่อฟื้นฟูร่างกายดูสิ่งที่ติดขัดภายในบริเวณจุดตันเถียน [1] ลดลงบ้างหรือไม่เพคะ? ”
เยี่ยโยวเหยาทำตามที่ซูจิ่นซีกล่าวมาทั้งหมดในจุดตันเถียนราบรื่นกว่าเมื่อก่อนมาก ทว่าใบหน้าของเขาไม่ได้แสดงความแปลกใจเพียงพยักหน้าตอนที่ซูจิ่นซีถามเท่านั้น
ซูจิ่นซีใบหน้าเต็มไปด้วยความเบิกบานใจ กล่าวว่า “เช่นนี้ก็ถูกต้องแล้วเพคะ! ท่านอ๋อง แสดงว่าหม่อมฉันจัดยาได้ตรงตามอาการของโรคยาที่หม่อมฉันปรุงขึ้นได้ผลแล้วเพคะ เพียงแต่ผลลัพธ์ไม่เร็วนัก จะต้องค่อยๆ ดูดซึมรอให้ผ่านไปอีกสองถึงสามวัน ท่านจะพบว่าผลลัพธ์ดีกว่าตอนนี้แน่นอน!”
ซูจิ่นซีพูดไปด้วยแล้วก็หยิบถุงผ้าสีเทาอ่อนออกมาจากกระเป๋าเครื่องมือหมอ
“มาเถิดเพคะ! ถอดเสื้อผ้า นอนลงบนเตียงดีๆนะเพคะ! ”
อะไรนะ?
ใบหน้าน้ำแข็งที่เย็นเยียบของเยี่ยโยวเหยามืดมนลงทันที เขาจ้องมองั์ตาของซูจิ่นซีลมเร็วแรงดุดันพัดผ่านกะทันหัน
ซูจิ่นซีตระหนักได้ในทันทีว่าตนเองพูดผิดไป นางปิดปากอมยิ้มขำ “พรืด” ซูจิ่นซีเขย่าถุงผ้าสีเทาหม่นในมือของนาง “ท่านอ๋อง คิดทะลึ่งแล้วกระมัง? ท่านคิดไปถึงที่ใดกันเพคะ?หม่อมฉัน้าจะฝังเข็มให้ท่านเพคะ! แม้ว่าจะเสวยยาไปแล้วทว่าก็ยังมีสารพิษตกค้างในร่างกายอยู่เล็กน้อย เป็ไปไม่ได้ที่ยาจะขจัดออกจนหมดจำเป็จะต้องใช้เข็มเพื่อระบายออกถึงจะดีเพคะ”
คาดไม่ถึงว่าเยี่ยโยวเหยาจะให้ความร่วมมือเป็อย่างดี เขาวางตัวหมากรุกในมือลงไม่ช้าไม่เร็วจนเกิดไปก่อนจะเดินไปที่ข้างเตียง และเริ่มถอดเสื้อผ้าออกทีละตัว
ซูจิ่นซีไม่มีความคืบหน้าเลย แม้ว่านางจะยืนอยู่ไกลออกมายิ่งกว่านั้นยังมีฉากกั้นห้องปิดไว้อยู่ทว่าคาดไม่ถึงว่านางจะมองเห็นเงาร่างสีดำบนฉากนั้น มองแล้วยังทำให้สติหลุดไปอีก
“ยังไม่เข้ามาอีก! ”
ซูจิ่นซีฟื้นคืนสติทันทีเมื่อเสียงที่แสดงถึงการหมดความอดทนของเยี่ยโยวเหยาดังขึ้นนางกลืนน้ำลายลงลำคอที่แห้งผาก มือไม้อ่อนอยู่บ้าง ซูจิ่นซีรีบกำเข็มเงินและรวบห่อมันเข้าไปหลังฉากกั้น
หลังจากผ่านฉากกั้นเข้ามา ฝีเท้าของซูจิ่นซีก็หยุดลงทันทีเท้าทั้งสองข้างราวกับถูกราดด้วยตะกั่ว ไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้แม้แต่ก้าวเดียวรูม่านตาสีดำสว่างส่องประกายแวววับราวกับถูกดูดด้วยแม่เหล็กไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถขยับไปไหนได้เลย
แสงเทียนนวลอ่อนพริ้วไหวแ่เบา เปล่งแสงสีเหลืองเต็มไปด้วยความหวานซึ้งเพ้อฝันม่านสีม่วงเข้มกลายเป็พื้นหลังที่งดงามโดยมีบุรุษผู้นั้นหันหลังให้นางที่กำลังยืนอยู่เสื้อคลุมถูกถอดออก เหลือเพียงชุดชั้นในสีขาวราวหิมะเพียงชุดเดียวเผยผิวสีน้ำผึ้งเย้ายวนใจ ผ้าไหมสีดำและสีน้ำเงินเข้มที่ถอดออกกระจัดกระจายอยู่ด้านหลังของเขาทำให้รูปร่างยิ่งดูสูงใหญ่ ลึกลับ และไม่อาจขัดขืน แผ่นหลังกว้างใหญ่ตั้งตรงยังมีกล้ามแขนที่แข็งแรงได้มาตรฐานนั่น ภาพที่อยู่ตรงหน้านั้นสมบูรณ์แบบเสียจนราวกับไม่ใช่เื่จริงอย่างไรอย่างนั้น
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ซูจิ่นซีมองดูร่างกายของเยี่ยโยวเหยาทุกครั้งที่มองนางล้วนเหมือนกับหญิงบ้าผู้ชาย เพียงแต่ในความเป็จริงซูจิ่นซีไม่ได้บ้าผู้ชายต่อหน้าผู้ชายคนอื่นนางยังคงมีสติดี สถานการณ์นี้จะเป็เฉพาะเมื่ออยู่ต่อหน้าเยี่ยโยวเหยาเท่านั้น เเพราะนางคิดไม่ถึงว่าจะมีผู้ชายที่หล่อเหลาเช่นนี้ในโลกส่วนที่เป็แก่นสำคัญของความงามเกือบจะครอบคลุมทั้งหมดบนพื้นพิภพแล้วแทบจะถือได้ว่าเป็บุรุษสมบูรณ์แบบที่ยังดำรงอยู่
“มองพอแล้วหรือยัง? ”
เยี่ยโยวเหยาพูดอย่างใจร้อนอีกครั้ง ฟุบนอนอยู่บนเตียง
ซูจิ่นซีกลับมารู้สึกตัวและส่ายหัว แก้มของนางร้อนขึ้นมาในทันที
ซูจิ่นซีพยายามหลีกเลี่ยงสายตาไม่ให้มองเยี่ยโยวเหยา นางหยิบเข็มเงินจากกระเป๋าแพทย์ออกมาแล้ววางไว้บนโต๊ะเล็กข้างเตียง
ซูจิ่นซีค่อยๆ ยกผมยาวบนหลังของเยี่ยโยวเหยาออกอย่างระมัดระวัง เตรียมฝังเข็มให้กับเยี่ยโยวเหยา
ทว่าเมื่อเห็นฉากตรงหน้า ดวงตาทั้งสองข้างของซูจิ่นซีก็เบิกกว้างขึ้นอีกครั้งร่างกายของนางหดเกร็ง
์...
......
เชิงอรรถ
[1] จุดตันเถียนคือตำแหน่งบนร่างกายบริเวณท้องน้อยใต้สะดือ 3 ชุ่นโดยในลัทธิเต๋าได้กำหนดตำแหน่งตันเถียนในร่างกายไว้ 3 แห่งได้แก่ ตันเถียนบนอยู่บริเวณหว่างคิ้ว ตันเถียนกลางอยู่บริเวณใต้หัวใจและตันเถียนล่างอยู่บริเวณใต้สะดือ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้