พื้นที่ควบคุมแรงโน้มถ่วง!
เนี่ยหลีกระตุ้นทักษะการควบคุมแรงโน้มถ่วงของแพนด้าเขี้ยวเสือออกมา เป็เหตุให้พื้นที่โดยรอบมีแรงโน้มถ่วงหนาแน่นขึ้นหลายเท่าตัว
ตูม!
ร่างทั้งร่างที่ลอยกลางอากาศของเสิ่นหนิงกระแทกลงพื้นอย่างหนักหน่วง
ชั่วขณะที่เสิ่นหนิงกำลังจะปะทะเข้ากับตน เนี่ยหลีพลันกระโจนหลบไปด้านข้าง พ้นจากรัศมีของเปลวไฟ ทว่าบนร่างกายยังคงมีรอยแผลถูกไฟลวกอยู่หลายแห่ง เนี่ยหลีแอบโล่งใจ อีกนิดเดียวก็จะกลายเป็แพนด้าย่างเสียแล้ว เห็นๆ อยู่ว่ามีพลังเพียงพอที่สามารถบดขยี้คู่ต่อสู้ของตนลงได้ ทว่าต้องเสแสร้งแกล้งทำทีเป็อ่อนด้อยกว่าอีกฝ่าย นี่ถือเป็การทดสอบฝีมือการแสดงเลยทีเดียว
ทั่วทั้งสนามประลองบังเกิดเสียงะโกระหึ่มกึกก้องขึ้น แผ่นดินสะท้านภูผาะเื เสิ่นหนิงกระแทกลงมาจนพื้นดินกลายเป็หลุมลึกรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้างกว่าสิบหมี่ เปลวไฟพวยพุ่งสูงขึ้นฟ้า ฝุ่นดินคลุ้งกระจาย
ผู้ชมลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้น ะโลั่นที่นั่นบ้างที่นี่บ้างทุกทิศทาง
“ว๊าว ช่างเป็พลังที่น่าสะพรึงกลัวนัก!”
“โอ้์ นี่ก็คือพลังของหมีปีศาจเพลิงศักดิ์สิทธิ์หรือ? ช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว!”
“แม้เขาจะเป็เพียงผู้ควบคุมจิตอสูรระดับเงินห้าดาว พลังปานนี้ เทียบได้กับระดับทองเลยทีเดียว!”
“เสิ่นหนิงชนะแน่นอน!”
“เสิ่นหนิง เสิ่นหนิง...” เสียงะโบนอัฒจันทร์ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยิ่งนานเข้าก็ยิ่งดังขึ้น
ไม่ต้องพูดถึงเงินพนัน ยังไม่ทันเริ่มสู้เนี่ยหลีก็เริ่มวิ่งหนีแล้ว ถูกเสิ่นหนิงวิ่งไล่ราวกับเป็ไก่ตื่นสุนัขกระเจิง ในใจของพวกเขาจึงคิดดูแคลนยิ่ง หากเนี่ยหลีเป็ฝ่ายชนะ เช่นนั้นก็คงไร้เหตุผลเกินไปแล้ว
เสิ่นิก็มีสีหน้ายิ้มแย้มพอใจ พยักหน้าและพูด “เสิ่นหนิงไม่เลวเลย ด้วยพลังที่เขาเพิ่งแสดงออกมานี้ น่าจะทะลวงขึ้นถึงระดับทองแล้ว ปกติคงต้องฝึกยุทธ์อย่างหนักทีเดียว หากเขาชนะเ้าเด็กจากตระกูลเทียนเหินผู้นั้นจริง กลับไปข้าจะต้องตบรางวัลให้แก่เขาอย่างงามแน่นอน!”
ได้ยินคำพูดของเสิ่นิ เสิ่นเซี่ยวที่อยู่ด้านข้างอดแสดงสีหน้าอิจฉาออกมาหลายส่วนมิได้ แม้ปกติจะฝึกยุทธ์ร่วมกับเสิ่นหนิงอยู่บ่อยครั้ง เขายังคิดไม่ถึงว่าพลังของเสิ่นหนิงจะทะลวงขึ้นถึงระดับทองแล้ว
บนอัฒจันทร์ ที่นั่งของคณะจากตระกูลเทียนเหิน หยางซินสองคิ้วขมวดมุ่นเล็กน้อย นางพึมพำพูด “เสิ่นหนิง เด็กคนนี้เพิ่งมีระดับเงินห้าดาว เหตุใดจึงสามารถแสดงพลังที่แข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้? พลังแข็งแกร่งปานนี้ เกรงว่าคงถึงระดับทองสามดาวแล้วกระมัง?”
ห่างออกไป เมื่อเยี่ยจื่ออวิ๋นเห็นภาพฉากนี้ ดวงตาก็เต็มไปด้วยความสงสัย
เวลานี้ บนลานประลอง ฝุ่นดินที่คละคลุ้งอยู่ค่อยๆ โรยตัวลงแล้ว เงาร่างหนึ่งตรงกลางค่อยๆ ชัดเจนขึ้น
พริบตานั้น เสียงผู้ชมที่เคยเดือดพล่านก็พลันนิ่งสนิท ทุกคนตะลึงงันจ้องมองใจกลางหลุมลึกนั้น
เนื่องเพราะชั่วขณะนี้ เสิ่นหนิงที่อยู่กลางหลุมลึกมีสภาพไม่ต่างกับสุนัขตายซากตัวหนึ่ง นอนนิ่งอยู่ตรงนั้นหางไม่กระดิก ร่างกายเต็มไปด้วยาแ ล้วนเป็ร่องรอยถูกไฟลวก
“นี่...”
“นี่ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่! มีใครบอกข้าได้บ้างว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่!” เสิ่นิคำรามอย่างบ้าคลั่งราวกับเป็โรคประสาท
หลังจากที่เสิ่นหนิงกระโจนขึ้นฟ้า แสดงกระบวนท่าฝนดาวตก สุดท้ายทำให้ตนเองตกลงมาจนหมดสติหรือ? หากเื่นี้แพร่สะพัดออกไป ผู้ใดจะเชื่อกัน?
เห็นภาพฉากนี้ ไม่เพียงไม่เข้าใจ หยางซิน เนี่ยไห่ เนี่ยเอินและพวกต่างก็ตะลึงจนพูดไม่ออก
“ตระกูลเสินเซิ่งคงมิใช่มีแต่คนโง่งมเช่นนี้หรอกนะ คนแรกไม่ยอมเรียกจิตอสูรของตนออกมา ก็ดันส่งตัวเองไปให้เนี่ยหลีขยี้จนสาหัส คนที่สองเรียกจิตอสูรออกมา แสดงพลังที่ไม่ด้อยไปกว่าระดับทอง ทว่าสุดท้ายกลับทำตัวเองหล่นลงมาจากฟ้าจนสลบเหมือด?”
ทว่าภาพฉากตรงหน้า พวกเขาไม่อยากเชื่อ
หยางซินดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง นางพึมพำเบาๆ “ข้าว่า เสิ่นหนิงผู้นั้นอยู่ๆ คงไม่ะเิพลังระดับทองสามดาวออกมาอย่างไม่ทราบสาเหตุได้ เป็ไปได้หรือไม่ว่าน้องเนี่ยหลีลงมือลงเท้าแล้ว?”
บนอัฒจันทร์เงียบกริบ แต่ละคนพากันเบิกตากว้าง จ้องมองลานประลอง รอจนครึ่งวันแล้วเสิ่นหนิงก็ยังไม่ลุกขึ้นมา ราวกับสุนัขตายซากตัวหนึ่ง นอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ
“ให้ตายเถอะ! เ้าขยะของตระกูลเสินเซิ่ง ลุกขึ้นมาให้บิดาเสียดีๆ!”
“มารดามันเถอะ เ้าขยะแห่งตระกูลเสินเซิ่งช่างไร้ประโยชน์ มารดามันจริงๆ!” บรรดาพวกที่เสียเงินพนันต่างก่นด่าตระกูลเสินเซิ่ง ผู้ชมบนอัฒจันทร์ต่างเริ่มทำท่าดุร้าย
“คงมิใช่ว่าสมาคมนักปรุงยาวิเศษร่วมมือกับตระกูลเสินเซิ่งต้มตุ๋นพวกเรากระมัง!”
“เป็ไปไม่ได้ ลำพังยาวิเศษในมือของสมาคมนักปรุงยาวิเศษ ก็ไม่รู้ว่าทำกำไรไปมากมายมหาศาลเท่าไหร่แล้ว? เป็เ้าขยะของตระกูลเสินเซิ่งผู้นี้ไม่ได้เื่ต่างหาก!”
ส่วนพวกที่พนันข้างเนี่ยหลี พวกเขาพากันยิ้มกว้างจนหุบไม่ได้ เนี่ยหลีช่างเป็เด็กที่โชคดีเสียนี่กระไร รอบแรกเป็เ้าโง่เสิ่นเฟยที่ไม่หลอมรวมกับจิตอสูรก็ส่งตัวขึ้นพานมาให้ รอบที่สองก็เป็เสิ่นหนิงที่รู้จักฉลาดรวมร่างกับจิตอสูรของตน สุดท้ายกลับทำตัวเองหล่นลงมาจนหมดสติ นี่ก็ส่งตัวขึ้นพานมาให้อีก
สิ่งที่พวกเขาไม่ทราบก็คือ เสินหนิงไม่ได้ทำตัวเองหล่นลงมาจนหมดสติ ทว่าถูกเนี่ยหลีวางยาแล้ว อุกกาบาตเพลิงของเสิ่นหนิงทรงอานุภาพยิ่ง อาศัยการกระโจนขึ้นสู่ที่สูงและใช้ท่าร่างที่ดิ่งลงมาเพิ่มพลังให้แก่ตน ความเร็วนี้เป็ความเร็วสูงสุดที่ระดับเงินห้าดาวผู้หนึ่งจะสามารถแสดงออกมาได้ จู่ๆ เนี่ยหลีเพิ่มแรงโน้มถ่วงดึงดูดเสิ่นหนิง เป็สาเหตุให้เสิ่นหนิงที่กำลังพุ่งตัวลงมาต้องเผชิญกับแรงโน้มถ่วงที่สูงขึ้น เขาไม่อาจแก้ไขได้ทันท่วงที จึงหล่นลงพื้นด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นจากเดิมเป็หลายเท่า ย่อมจินตนาการได้ถึงผลลัพธ์ที่ตามมา กระดูกทั้งร่างไม่แหลกเหลวก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว
เห็นเสิ่นหนิงร่วงลงพื้น มุมปากของเนี่ยหลีก็ยกสูงขึ้นเป็รอยยิ้มน้อยๆ เสิ่นหนิงหมดสติไปแล้ว เดาว่าอย่างน้อยต้องหมดสติถึงสองหรือสามวันจึงจะฟื้นได้ พื้นที่แรงโน้มถ่วงเป็สิ่งที่มองไม่เห็น ผู้คนภายนอกย่อมไม่มีทางตรวจพบการลงมือลงเท้าของเนี่ยหลี
เนี่ยหลีชนะอีกแล้ว!
“ไม่ท้าทายเอาเสียเลย!” แม้เนี่ยหลีเพิ่งอยู่ในระดับเงิน ทว่าพลังที่แท้จริงนั้นกลับเพียงพอที่จะขยี้ยอดฝีมือระดับทองสองดาวได้แล้ว ดังนั้นเสิ่นหนิงจึงห่างชั้นจากเขามากนัก ไม่อาจคุกคามเขาได้แม้แต่น้อย
หลังจากที่ได้เห็นภาพนี้ เยี่ยจื่ออวิ๋นผู้อยู่บนอัฒจันทร์ไม่เพียงไม่แปลกใจ ตรงกันข้าม กลับมีสีหน้าดังว่านางคิดเช่นนี้อยู่แล้ว ตระกูลเสินเซิ่งตกอยู่ในกำมือของเนี่ยหลีอีกครั้งหนึ่ง นางมองๆ เนี่ยหลี อดที่จะเบ้ปากขึ้นมามิได้ เนี่ยหลีเ้าบ้าผู้นี้มักทำท่าว่าทุกอย่างจะต้องตกอยู่ในกำมือของตน แม้แต่ในเื่ของความรู้สึก ก็มีความมั่นใจว่าเยี่ยจื่ออวิ๋นจะต้องชอบเขาอย่างแน่นอน ช่างน่ารำคาญใจนัก
สักวันหนึ่งตนจะต้องรักชอบเนี่ยหลีจริงๆ หรือ? ดวงตาของเยี่ยจื่ออวิ๋นแฝงแววเหม่อลอยขึ้นมาส่วนหนึ่ง ครุ่นคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในซากเมืองโบราณกู่หลัน เยี่ยจื่ออวิ๋นอดที่จะเขินอายขึ้นมามิได้ หัวใจเต้นรัวขึ้นมาอย่างบังคับไม่อยู่ เต้นตึกตักๆ
เมื่อสิ้นสุดการประลอง เนี่ยหลีชนะพนันได้เงินมาจากมือของตระกูลเสินเซิ่งอีกหนึ่งร้อยล้านเหรียญจิตอสูร
ทำให้ตระกูลเสินเซิ่งต้องเสียเงินถึงหนึ่งร้อยล้านเหรียญจิตอสูร แม้ยังไม่อาจสั่นคลอนรากฐานของตระกูลเสินเซิ่งได้ ทว่าอย่างน้อยที่สุดก็สามารถทำให้ตระกูลเสินเซิ่งต้องข้ามผ่านวันเวลาที่ยากลำบากแล้ว ต่อให้ตระกูลเสินเซิ่งเป็ตระกูลหลัก สามารถหยิบเงินสามร้อยถึงห้าร้อยล้านเหรียญจิตอสูรออกมาได้ ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว แน่นอน มูลค่าการค้าทั้งหมดที่มีอยู่ของตระกูลเสินเซิ่งย่อมมากกว่านี้มาก อาจมีถึงหมื่นล้านเหรียญจิตอสูรเลยทีเดียว แต่หากจะพูดถึงเงินสด เกรงว่าก็คงมีเพียงเท่านี้
แม้เงินหนึ่งร้อยห้าสิบล้านเหรียญจิตอสูรไม่ถือว่ามากมายสำหรับเนี่ยหลี ทว่าอารมณ์ของเนี่ยหลียังคงดีเป็พิเศษ
“ท่านผู้ช่วยเสิ่นิ ท่านออมมือ ออมมือให้ข้าชนะอีกแล้ว พี่น้องตระกูลเสินเซิ่งเกรงใจเกินไปแล้ว ให้ข้าชนะตลอดทุกครั้ง ข้าชนะจนรู้สึกไม่ค่อยเหมาะอยู่บ้างแล้ว ที่แท้ข้าตำหนิตระกูลเสินเซิ่งผิดมาตลอด ตระกูลเสินเซิ่งมิได้ขี้เหนียว ยังใจกว้างอย่างยิ่ง!” เนี่ยหลียิ้มแย้มและพูดกับเสิ่นิ
เสิ่นิสีหน้าดำคล้ำ ริมฝีปากสั่นระริกด้วยความโกรธจัด ได้ยินคำพูดเยาะเย้ยถากถางของเนี่ยหลี หากทำได้ เขาอยากจะตบจนศีรษะของเนี่ยหลีเละเป็โคลนเลยทีเดียว!
หนึ่งร้อยห้าสิบล้านเหรียญจิตอสูร เขาจะอธิบายกับท่านประมุขได้อย่างไร?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้