ในป่าที่เงียบสงบ ลมเบาๆ พัดผ่าน ใบไม้พลิ้วไหวส่งเสียงกรอบแกรบคล้ายเป็เสียงกระซิบของป่า ลู่หยวนฮวาหายใจเข้าลึก เสียงของสายลมและธรรมชาติรอบข้างค่อยๆ คลายความตึงเครียดในใจนางลงเล็กน้อย แต่ก็เพียงชั่วครู่นางรู้ดีว่าสถานการณ์ของตนในตอนนี้ไม่อาจวางใจอะไรได้
ขณะที่นางยืนอยู่ท่ามกลางทหารที่เพิ่งล้อมเข้ามา เสียงพลทหารคนหนึ่งเอ่ยชื่อ "ท่านแม่ทัพจางชิงหยวน!"
หัวใจของลู่หยวนฮวาเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง ความทรงจำเกี่ยวกับพี่ชายของนางผุดขึ้นมาในทันที
“จางชิงหยวน...” ชื่อนี้ชัดเจนในความทรงจำของนาง เขาคือเ้านายของลู่หยาง พี่ชายของนางซึ่งหายตัวอย่างเป็ปริษนาไปเมื่อสามปีก่อน
นางขยับตัวเล็กน้อย ดวงตาที่เคยเฉื่อยชาเมื่อครู่กลับเปล่งประกายขึ้น นางมองไปที่จางชิงหยวนอย่างละเอียดอีกครั้ง เขาดูเงียบขรึมและเยือกเย็น ราวกับว่าเขาคือคนที่ควบคุมทุกอย่างรอบตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ ความสงสัยผุดขึ้นในใจของลู่หยวนฮวา ว่าชายคนนี้มีบทบาทอะไรหรือไม่ในการหายตัวไปของพี่ชายของนาง
ลู่หยวนฮวาแสร้งแสดงท่าทีนอบน้อมทันที นางค่อยๆ ก้มศีรษะเล็กน้อย
“ท่านแม่ทัพ ข้าไม่มีสิ่งใดจะตอบแทนบุญคุณที่ท่านช่วยชีวิตข้าไว้ แต่ข้าขออนุญาตติดตามท่านไปยังค่ายทหารด้วยได้หรือไม่ ข้าพอจะมีความรู้เื่สมุนไพรและการรักษา หากท่าน้า จะเป็หมอยาหรือแม่ครัว ข้าทำอะไรก็ได้เพื่อเป็การตอบแทนท่าน” นางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานที่นางพยายามควบคุมไม่ให้สั่น แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความลุ้นระทึก
จางชิงหยวนยืนนิ่ง มองนางด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ริมฝีปากของเขาเม้มแน่น ขณะที่ดวงตาคู่นั้นจับจ้องไปที่ใบหน้าของลู่หยวนฮวาราวกับกำลังประเมินว่าเขาควรเชื่อใจนางหรือไม่ ความเงียบงันที่แผ่ขยายรอบตัวพวกเขายิ่งเพิ่มความอึดอัดและกดดันให้ลู่หยวนฮวา นางพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่หลบสายตาของเขา
แสงแดดที่ลอดผ่านต้นไม้ทำให้เงาบนใบหน้าของจางชิงหยวนเคลื่อนไหวเล็กน้อย สายตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงความแข็งกร้าว “ทันทีที่ถึงค่ายของข้า ข้าจะพิจารณาเองว่าเ้าทำอะไรได้บ้างในค่ายของข้า” คำตอบสั้นๆ ของเขาทำให้ลู่หยวนฮวารู้สึกโล่งใจในทันที แม้ว่าความหวาดระแวงยังคงคอยตามติดหัวใจของนางก็ตาม
เมื่อถึงค่ายิอี้ สถานที่ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางูเาสูงและป่าหนาทึบ บรรยากาศของค่ายทหารเต็มไปด้วยความเร่งรีบ เสียงดาบกระทบกันดังก้อง ทหารหลายคนกำลังฝึกซ้อม ขณะที่บางคนกำลังจัดการกับการขนส่งอาวุธและเสบียง ลู่หยวนฮวามองไปรอบๆ ด้วยความตื่นตระหนกเล็กน้อย แต่ก็พยายามทำตัวให้สงบนิ่งที่สุด
จางชิงหยวนเดินนำหน้านางโดยไม่พูดอะไร เมื่อพวกเขามาถึงพื้นที่ครัวของค่าย จางชิงหยวนหันกลับมามองนางอีกครั้ง ดวงตาของเขาเยือกเย็นแต่ยังคงสงบนิ่งเช่นเคย “แม่นางหยวนฮวา เ้าจะต้องทำงานที่นี่ ช่วยหัวหน้าพ่อครัวเฟิงทำอาหารไปก่อน” เขากล่าวสั้นๆ แล้วหันหลังเดินจากไป ทิ้งลู่หยวนฮวาไว้กับความคิดที่วุ่นวายในใจของนาง
การทำงานในโรงครัวเริ่มต้นขึ้นทันที แม้ว่าลู่หยวนฮวาจะไม่คุ้นเคยกับงานเช่นนี้ นางกลับทำทุกอย่างด้วยความตั้งใจและระมัดระวัง ท่ามกลางความเหนื่อยล้า นางพยายามที่จะฟังบทสนทนาของทหารและคนงานรอบตัว ทุกครั้งที่มีโอกาส นางจะคอยถามคำถามเล็กๆ น้อยๆ ที่ดูไม่เป็พิรุธ เพื่อหวังว่านางจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับลู่หยางบ้างไม่มากก็น้อย
แต่แม้เวลาจะผ่านไปหลายวัน ลู่หยวนฮวาก็ยังไม่ได้เบาะแสอะไรที่นาง้า ทุกคำถามที่นางถามออกไป กลับได้รับคำตอบเพียงผิวเผิน หรือไม่ก็ถูกเมินเฉย ทำให้นางเริ่มรู้สึกท้อแท้เล็กน้อย แต่ถึงกระนั้น นางก็ยังคงตั้งใจจะไม่ยอมแพ้
ลู่หยวนฮวาทำงานในครัวตามที่ได้รับมอบหมาย นางตักน้ำแกงใส่ชามและจัดเรียงอาหารให้เหล่าทหารอย่างขะมักเขม้น
“พี่ชาย เมื่อวานนี้ท่านไปฝึกที่ไหนกันมาหรือ?” ลู่หยวนฮวาถามทหารคนหนึ่งที่นั่งกินข้าวอยู่ใกล้ๆ นางทำเสียงนุ่มนวล คล้ายถามด้วยความสงสัยใคร่รู้แบบหญิงสาวทั่วไป
ทหารหนุ่มยิ้มออกมาเล็กน้อย เขาสวมเสื้อเกราะเบาและถือชามข้าวในมือ ขณะพูดคุยกับนางอย่างไม่ระแวงอะไร “ข้าเพิ่งกลับมาจากแนวชายแดน แถวนั้นเป็จุดสำคัญทางยุทธศาสตร์ ข้าไปลาดตระเวนที่นั่นมา”
ลู่หยวนฮวาแอบฟังอย่างตั้งใจ นางมองท่าทางของทหารหนุ่มที่ดูเหนื่อยล้า แต่แฝงความภาคภูมิใจในหน้าที่ของตน
“ชายแดนเหรอ? น่ากลัวมากไหมเ้าคะ? แล้ว... พวกทหารที่เคยหายตัวไปเมื่อปีก่อน พอจะรู้บ้างไหมว่ามีใครได้กลับมาบ้างหรือเปล่า?” นางแกล้งถามด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูไร้เดียงสา
ทหารหนุ่มหยุดมือเล็กน้อย ราวกับคิดทบทวนถึงเื่ที่นางถาม ก่อนที่จะตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่แสดงอารมณ์ใดๆ “พวกนั้นเหรอ... ข้าได้ยินมาว่าหลายคนกลับมาไม่ได้ แต่ก็ไม่รู้แน่ชัดหรอกว่าพวกเขาหายไปเพราะเหตุใด บางคนบอกว่าเป็ฝีมือของพวกแคว้นเสียนหู่ ข้าเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”
แม้คำตอบจะไม่ชัดเจน แต่ก็พอจะได้เบาะแสบ้าง นางพยักหน้าเบาๆ แสดงท่าทีเหมือนเพียงแค่ถามเล่นๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเพื่อไม่ให้เป็ที่สงสัย
ใน่บ่ายของวันหนึ่ง นางเดินไปยังแหล่งน้ำเพื่อเก็บน้ำมาใช้ในครัว ที่นั่นนางพบกับกลุ่มทหารที่กำลังนั่งพักอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เสียงหัวเราะและการพูดคุยของพวกเขาทำให้หญิงสาวเห็นโอกาสที่จะหลอกถามข้อมูลเพิ่มเติม
“ข้าขอน้ำนิดหนึ่งได้ไหมเ้าคะ?” นางถามพร้อมรอยยิ้มหวาน
ทหารคนหนึ่งยื่นขันน้ำมาให้นาง “เอาสิ ข้าเพิ่งเติมน้ำมาจากลำธาร เ้าเองก็ทำงานหนักเหมือนกันนี่นะ แม่นางหยวนฮวา” เขาพูดพลางหัวเราะเบาๆ
ลู่หยวนฮวาหยิบขันน้ำมาแล้วจิบเล็กน้อย นางยิ้มเล็กๆ ก่อนจะถามขึ้นด้วยความสนใจ “ข้าสงสัยว่าแคว้นต้าหยางนี่... มีการส่งทหารออกลาดตระเวนอยู่บ่อยๆ หรือเปล่าเ้าคะ? ข้าเห็นท่านพี่หลายคนมักจะพูดถึงการลาดตระเวนบ่อยๆ”
ทหารอีกคนตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ “ใช่ พวกเราต้องลาดตระเวนชายแดนบ่อย เพราะพวกเสียนหู่น่ะสิ ชอบเข้ามารบกวนเป็ระยะ พวกมันเ้าเล่ห์นัก ถ้าไม่จำเป็เ้าอย่าออกไปนอกค่ายเพียงลำพังนะ”
“จริงเหรอเ้าคะ...” ลู่หยวนฮวาพยักหน้าแล้วแสร้งทำเป็หวาดกลัว “แล้วเมื่อก่อนเคยมีทหารคนไหนที่ไปลาดตระเวนแล้วหายตัวไปหรือเปล่า ข้าพอจะได้ยินเื่นี้มาบ้าง”
ทหารหนุ่มคนนั้นชะงักไปครู่หนึ่ง “อืม... ใช่ ข้าเคยได้ยินมาว่ามีทหารบางคนหายตัวไปจากการลาดตระเวนตอนปีก่อน แต่ข้าไม่รู้รายละเอียดมากนัก ข้าพึ่งมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นานเอง”
“งั้นหรือ...” ลู่หยวนฮวาตอบเบาๆ แม้จะไม่ได้ข้อมูลมากนัก แต่นางก็พยายามบันทึกทุกสิ่งในความทรงจำ
ทุกๆ การกระทำของนางนั้นดูเหมือนไม่มีอะไรเป็พิเศษ แต่สิ่งที่นางไม่รู้ก็คือ ทุกการกระทำของนางไม่ได้รอดพ้นจากสายตาของคนผู้หนึ่ง
ดวงตาสีน้ำตาล่อ่อนคมกริบกำลังจับจ้องหญิงสาวจากมุมหนึ่งของค่าย ท่าทางนิ่งสงบเหมือนูเาที่ไม่หวั่นไหว แต่ในความเงียบงันนั้น กลับมีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ภายใน
ความคิดที่ซ่อนลึกอยู่เื้ัแววตานั้น ไม่อาจถูกอ่านออกได้ง่าย ๆ สายตาคู่นั้นไม่เคยละจากหญิงสาวที่กำลังยืนสนทนากับทหารกลุ่มหนึ่ง เสียงหัวเราะและการพูดคุยเกี่ยวกับเื่อาหารและการฝึกซ้อม ลอยเข้ามาแ่เบา แต่กลับไม่ได้ดึงความสนใจของเขาออกไปแต่อย่างใด
แม้ว่าทหารคนอื่น ๆ จะไม่ได้ใส่ใจในคำถามของลู่หยวนฮวานัก คิดเพียงว่าเป็การสนทนาทั่วไปเกี่ยวกับเื่อาหารหรือการฝึกฝนของพวกเขา แต่สายตาลึกลับที่แฝงอยู่ในเงามืด ไม่ได้ปล่อยให้ท่าทางและน้ำเสียงของนางผ่านไปง่าย ๆ
ทุกคำถามที่นางเอ่ยออกมา ทุกการกระทำล้วนถูกบันทึกไว้ในความนึกคิดของผู้เฝ้ามองอย่างละเอียด
ลู่หยวนฮวารู้สึกถึงแรงกดดันบางอย่างที่กำลังก่อตัว นางไม่ได้เอะใจในตอนแรก แต่พอนานเข้า นางเริ่มรู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งไม่ถูกต้อง ราวกับว่ากำลังถูกเฝ้าจับตามองอย่างไรอย่างนั้น
"ทำไมข้าถึงได้รู้สึกอึดอัดเช่นนี้กันนะ..."
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้