ชายชุดฟ้าได้ยินคำพูดของเย่เฟิง สีหน้าก็ดูบูดเบี้ยวน่าเกลียดยิ่งกว่าเดิม
“ให้ข้ารับหมัดเ้าเนี่ยนะ มีสิทธิ์อะไร?” ชายชุดฟ้ากล่าว
“สิทธิ์ที่ข้าแข็งแกร่งกว่าเ้าไง!” เย่เฟิงแสยะยิ้ม ดวงตาคมกริบแปรเปลี่ยนเป็ดาบแหลมคมที่ทิ่มแทงกลางหัวใจของชายชุดฟ้า
“โอหังยิ่งนัก ข้าไม่เคยเห็นคนแบบนี้มาก่อนเลย!” ผู้คนต่างต้องอึ้งกับคำพูดของเย่เฟิง
“สิทธิ์ที่ข้าแข็งแกร่งกว่าเ้า!” แม้ประโยคนี้จะฟังแล้วดูยโสโอหัง แต่กลับเป็ความจริง โลกแห่งการบ่มเพาะก็เป็เช่นนี้แล ผู้แข็งแกร่งคือผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อเ้าแข็งแกร่งก็มีสิทธิ์ควบคุมชะตากรรมของผู้อื่น
“ข้าจะนับสามวินาที หากข้านับเสร็จแล้วเ้าไม่ยอมรับหมัดของข้า ก็จงรับผลที่จะตามมาเอง!” ไม่รอให้ชายชุดฟ้าเอ่ยปาก เสียงของเย่เฟิงก็ดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้ชายชุดฟ้าเผยหน้าเขียวพลางมีแสงจิตสังหารอันเย็นเยียบฉายในดวงตา เขาอยากฆ่าเย่เฟิงตอนนี้ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย แต่เมื่อเผชิญหน้ากับความแข็งแกร่งของเย่เฟิง หัวใจของเขากลับสั่นระรัว
“หนึ่ง!” ในขณะที่ชายชุดฟ้ากำลังตัดสินใจเลือก จู่ ๆ เย่เฟิงก็เริ่มนับ
เมื่อสิ้นสุดเสียง เห็นเย่เฟิงเดินหนึ่งก้าวพร้อมพลังปะทุออกจากร่าง กลายเป็รังสีหอกฉีกกระชากห้วงอากาศ จากนั้นแปรเปลี่ยนเป็กรงรังสีหอกไปเยือนชายชุดฟ้า นี่ทำให้ชายชุดฟ้ามีสีหน้าไม่สู้ดี รู้สึกว่าตนถูกรังสีหอกพันธนาการที่สามารถฉีกกระชากร่างเขาได้ทุกเวลา เขาจึงไม่กล้าขยับตัวสุ่มสี่สุ่มห้า เหงื่อพลันผุดขึ้นที่หน้าผาก รู้สึกหวาดกลัวจากก้นบึ้งจิติญญา ทำให้เขาตัวสั่นเทาไม่หยุด
“เป็ไปได้ยังไง ทำไมลมปราณของเขาทรงพลังได้ถึงเพียงนี้?” แววตาของผู้คนต้องเปลี่ยนไปเมื่อเห็นชายชุดฟ้าดูอ่อนแอภายใต้พลังกดดันของเย่เฟิง
“สอง!” เย่เฟิงนับเลขโดยไม่รอให้ชายชุดฟ้าตอบสนองใด ๆ
เสียงนั้นดังก้องในหัวของชายชุดฟ้า ทำให้หัวใจของเขาเต้นระรัวและอยากถอยหลังหนี แต่พบว่ารอบตัวของตนมีแต่รังสีหอก จึงมิอาจถอยหนีได้ นาทีต่อมามีพลังกดดันมาเยือนชายชุดฟ้า ทำให้ชายชุดฟ้าตัวโค้งงอ แทบหมอบคลานไปกับพื้น เสียงกระดูกดังลั่นราวกับจะแตกหัก
“แกร่งมาก แต่ว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายามีพลังกดดันที่น่าสะพรึงกลัวขนาดนี้เชียวหรือ แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 2 ขึ้นไปยังไม่มีพลังขนาดนี้เลย!”
ผู้คนอุทานด้วยความใ ภายใต้พลังกดดันนั้นพวกเขารู้สึกว่ามันแข็งแกร่งเป็อย่างมาก แม้แต่ชายชุดฟ้ายังหน้าขาวซีด หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น รู้สึกหายใจลำบาก เขากระทั่งรู้สึกว่าถ้าหากเย่เฟิงไม่เก็บพลังกดดันที่น่าสะพรึงกลัวนี้ไป เขาอาจจะตัวแตกะเิก็เป็ได้
“สาม!” เมื่อเย่เฟิงนับเลขสาม ชายชุดฟ้าสติแตกกระเจิง ก่อนร่างจะหมอบคลานกับพื้น ใบหน้าซีดราวกับกระดาษพร้อมกับมีเืไหลตรงมุมปาก
“ข้าขอถามเ้าอีกครั้ง เ้าจะรับหรือไม่?” พลังปราณปะทุออกจากร่างเย่เฟิง มองชายชุดฟ้าด้วยสายตาคมกริบ เสียงของเขาราวกับระฆังมรณะที่มิอาจหลีกพ้น
ความดิ้นรนของชายชุดฟ้าต้องมลายไป ในดวงตาคู่นั้นมีแต่ความหวาดกลัว และกล่าวว่า “ข้าน้อมรับ!”
“ปัง!” ทันทีที่สิ้นเสียงชายชุดฟ้า เห็นเย่เฟิงใช้ปลายเท้ายกร่างชายชุดฟ้าขึ้นจากพื้น ก่อนจะเหวี่ยงหมัดโจมตีอีกฝ่าย ตามมาด้วยเสียงกระดูกแตกหัก ชายชุดฟ้าส่งเสียงร้องพร้อมร่างกระเด็นปลิวออกไปและกระอักเื
“นี่...” ผู้คนเบิกตาโพลงด้วยความใและตัวต้องแข็งทื่อราวกับหิน เย่เฟิงผู้นี้จะบ้าบิ่นมากเกินไปแล้ว เพียงเพราะชายชุดฟ้ายุยงหลี่ซวี่ให้ลงมือจัดการเย่เฟิง ชายชุดฟ้าจึงลงเอยเช่นนี้
บนยอดเขาเทพโอสถที่โลกภายนอก บุคคลระดับสูงของวังเทพโอสถก็เห็นความแข็งแกร่งของเย่เฟิงเช่นกัน ทุกคนต่างใไม่แพ้คนอื่นในแดนลับ ก่อนหน้านี้ความคิดที่เคยดูถูกเย่เฟิงอันตรธานหายไป ฟู่หยางและจี๋เหยียนมีสีหน้าไม่สู้ดี สามวันมานี้พวกเขาสองคนอยากเห็นภาพเย่เฟิงถูกฆ่าตาย แต่ในความเป็จริงกลับทำให้พวกเขาผิดหวัง ทุกครั้งที่พวกเขาคิดว่าคู่ต่อสู้ที่เย่เฟิงเผชิญหน้าด้วยต้องฆ่าเย่เฟิงได้แน่นอน เย่เฟิงกลับสร้างความน่าประหลาดใจอยู่เสมอ นั่นคือฆ่าอีกฝ่ายแทน
ที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือ ในสามวันนี้ยังไม่มีใครรับการโจมตีของเย่เฟิงได้เกินสามกระบวนท่า แม้จะเป็ผู้มีชื่อเสียงแห่งเมืองหลวงเ่าั้ก็ตาม
“มีฝีมือร้ายกาจเพียงนี้ ช่างน่าขันนักที่ก่อนหน้านี้มีแต่คนดูถูกเขา ถ้าเขาอยู่ขั้นรวมชี่ เกรงว่าทั่วทั้งแดนลับคงมีไม่กี่คนที่เป็คู่ต่อสู้ของเขาได้ รวมถึงฟู่เจินฟู่หยิงก็ด้วย!” ขณะนั้นเซี่ยชิงซานเดินมาทางนี้ พร้อมมองฟู่หยางและจี๋เหยียนด้วยสายตาเหยียดหยาม
“เซี่ยชิงซานเ้าอย่าเพิ่งได้ใจไป แม้เด็กคนนี้จะอยู่ขั้นรวมชี่ก็ไม่มีทางเป็คู่ต่อสู้ของฟู่เจินฟู่หยิงได้อย่างนั้นหรือ? พวกเขาอยู่คนละชั้นกันด้วยซ้ำ กบในกะลาก็ย่อมมองโลกได้คับแคบ!” ฟู่หยางกล่าวเสียงเย็น บุตรธิดาของเขาล้วนโดดเด่น จะใช่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาอย่างเย่เฟิงจะเทียบเคียงได้อย่างไร?
“หึ!” เซี่ยชิงซานแค่นเสียงเ็า จากนั้นเขากลับไปที่ที่ของตัวเองโดยไม่สนใจฟู่หยางกับจี๋เหยียน
เฒ่าประมุขใกล้สิ้นอายุขัย จึงเปิดแดนลับยอดเขาเทพโอสถ ทั้งยังอนุญาตให้คนนอกวังเข้าแดนลับ แต่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็อย่างไรก็ต้องรออีกสิบกว่าวัน จึงจะรู้ผล
ในแดนลับ เย่เฟิงเหวี่ยงหมัดซัดชายชุดฟ้าจนกระเด็นปลิว ทำให้ทุกคนตื่นใ ส่วนสหายเ่าั้ของหลี่ซวี่เงียบกริบ กระทั่งมีหลายคนรู้ว่าเย่เฟิงโกรธก็หายตัวไปเงียบ ๆ หลังจากเอาชนะทั้งสามคน ชะตาของเย่เฟิงก็แกร่งมากขึ้น แสงสว่างขึ้นมาอีกหลายส่วน
“ยังมีใครอีกไหม ถ้ามีก็ออกมา!” เย่เฟิงกล่าวเสียงเรียบเฉยขณะกวาดตามองฝูงชน ทว่าไม่มีใครกล้ายั่วยุเย่เฟิง
“ในที่สุดก็เจอเ้า!” แต่ขณะนั้นมีเสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับมีคนกลุ่มหนึ่งเดินมาทางนี้ หัวหน้าคืออี้ชิงอันดับที่ 3 ในรายนามเสินเจียงแห่งสำนักศึกษาเสินเจียง และยังมีศิษย์สำนักเดียวกันเดินตามหลังเขา เมื่อคนเหล่านี้มาถึงก็มองเย่เฟิงด้วยสายตาเย็นะเื
“่ชิงชะตาและทำร้ายคนของสำนักศึกษาเสินเจียงข้า ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาอย่างเ้าช่างอวดดียิ่งนัก!” อี้ชิงกล่าวขณะมองเย่เฟิงด้วยสายตาคมกริบแฝงด้วยความหยิ่งผยองที่สูงส่งราวกับว่าเขาอี้ชิงสูงส่งกว่าเย่เฟิง
ส่วนเย่เฟิงเองก็มองอี้ชิงด้วยสายตาเย็นเยียบเช่นกัน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของเย่เฟิงที่มีเื่กับศิษย์สำนักศึกษาเสินเจียง คนเหล่านี้มีนิสัยจองหองอวดดี เพราะมีราชวงศ์จ้าวอยู่เื้ัและเป็ศิษย์สำนักศึกษาเสินเจียง พวกเขาจึงวางอำนาจบาตรใหญ่อย่างไร้ความเกรงกลัวใด ๆ ก่อนหน้านี้โจวมู่เจี๋ยก็เป็เช่นนี้ แต่ครั้งนี้เป็อี้ชิง
หวังซวนหลบอยู่ด้านหลังอี้ชิง และมองเย่เฟิงด้วยสายตาอาฆาต เขาถูกเย่เฟิงทำลายวรยุทธ์ เขาจึง้าให้เย่เฟิงชดใช้
“ศิษย์สำนักศึกษาเสินเจียงกำเริบเสิบสานไม่เกรงกลัวใคร เป็ฝ่ายยั่วยุข้าก่อน ทั้งยัง้าชีวิตข้า ข้าก็ต้องสั่งสอนพวกเขา ไม่เกี่ยวกับความอวดดีแม้แต่นิดเดียว!” เย่เฟิงกล่าวพลางหรี่ตาลงเล็กน้อย แม้ตอนนี้เขาจะเผชิญหน้ากับศิษย์ระดับอัจฉริยะของสำนักศึกษาเสินเจียง แต่เขาก็ยังคงไม่ยอมศิโรราบ
“สำนักศึกษาเสินเจียงข้าเป็ตัวแทนของราชวงศ์จ้าว แล้วจะไม่มีสิทธิ์สั่งเ้าได้เยี่ยงไร ทำร้ายศิษย์สำนักข้าก็เท่ากับแตะต้องราชวงศ์จ้าว บทลงโทษคือตายสถานเดียว!” อี้ชิงกล่าวพร้อมไอสังหารพวยพุ่งออกจากร่าง ก่อนหน้าที่จะเข้าแดนลับเขารู้สึกไม่ชอบขี้หน้าเย่เฟิง แต่ไม่คิดว่าในแดนลับหวังซวนจะถูกคนผู้นี้ทำลายวรยุทธ์ นี่ก็เท่ากับตบหน้าเขาอี้ชิงชัด ๆ ทำให้อี้ชิง้ากำจัดเย่เฟิง
“ฮ่า ๆ ๆ!” เย่เฟิงแค่นเสียงหัวเราะ สายตาของศิษย์สำนักศึกษาเสินเจียงเต็มไปด้วยความดูถูก จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “หากอยากจัดการข้าก็ลงมือเลยสิ ไยต้องพูดพร่ำเพรื่อ จุดนี้แหละที่ทำให้ข้าไม่ชอบสำนักศึกษาเสินเจียงเ้า จอมปลอมเสแสร้ง!”
“ดูิ่สำนักศึกษาเสินเจียง รนหาที่ตาย!” ศิษย์สำนักศึกษาเสินเจียงได้ยินเช่นนั้นก็ตะคอกใส่เย่เฟิงด้วยความโมโห จากนั้นมีการโจมตีหนึ่งพุ่งเข้าหาเย่เฟิง
“เป็สวะกล้าดียังไงมาสั่งให้ข้าลงมือ!” ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นที่ปล่อยการโจมตีกล่าวด้วยความมั่นใจ แต่ขณะนั้นเย่เฟิงปล่อยฝ่ามือภูผาพิฆาตที่ผสานด้วยเอกลักษณ์หอกออกมา ตามมาด้วยเสียงะเิดังสนั่นทั่วฟ้าดิน สองการโจมตีเข้าปะทะกัน ห้วงอากาศแตกะเิ คลื่นทำลายล้างแพร่กระจาย จากนั้นได้ยินผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นส่งเสียงร้อง พร้อมกับร่างกระเด็นปลิวออกไป
“อี้ชิงอยู่ที่นี่ เขาก็ยังกล้าทำร้ายศิษย์สำนักศึกษาเสินเจียง คงอยากตายมากสินะ!” ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างต้องใจเต้นโครมครามและไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเอง
“หมอนี่ไม่เห็นอี้ชิงอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ แม้อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ก็ยังลงมือ ข้าว่าอี้ชิงไม่มีทางปล่อยเขาไปง่าย ๆ แน่” คำถามมากมายผุดขึ้นในใจของเหล่าผู้คนขณะมองเย่เฟิง
“สวะ เ้ากล้าทำร้ายเขาหรือ?” เป็ไปตามคาด ฉากนี้ทำให้ศิษย์สำนักศึกษาเสินเจียงโมโห
“ทำร้ายเขาแล้วอย่างไรเล่า สวะอย่างพวกเ้า ถ้าไม่อยากตายก็ฉวยโอกาสนี้หนีไปซะ!” เย่เฟิงกล่าว เขาได้สร้างความขุ่นเคืองกับศิษย์สำนักศึกษาเสินเจียง แม้จะปล่อยวางก็ไม่มีประโยชน์ มิสู้ทำตามใจตนต่อไปเสียจะดีกว่า แต่เย่เฟิงอยู่เพียงขั้นบ่มเพาะกายา จะรับมือกับการปิดล้อมของศิษย์สำนักศึกษาเสินเจียงเหล่านี้ได้อย่างไร ยิ่งกว่านั้นในกลุ่มอีกฝ่ายยังมีผู้แข็งแกร่งอย่างอี้ชิง หากเขาทำเช่นนี้ก็เท่ากับส่งตัวเองไปตายชัด ๆ
“คุยโวโอ้อวด!” อี้ชิงได้ยินคำพูดของเย่เฟิงก็เผยสีหน้าอึมครึม เอาสองมือไพล่หลัง ยืนด้วยท่าทีเกรงขาม จากนั้นกล่าวว่า “พวกเ้าจัดการสวะนี่ซะ แต่อย่าเพิ่งฆ่า สั่งสอนให้เขารู้ว่าการยั่วยุศิษย์สำนักศึกษาเสินเจียงเป็อย่างไร!”
“อี้ชิงโกรธจริง ๆ แล้ว เย่เฟิงตายแน่ ไม่แน่เขาอาจตายอย่างน่าอนาถ อยู่แค่ขั้นบ่มเพาะกายา แต่จะรับมือกับเหล่าอัจฉริยะของสำนักศึกษาเสินเจียงได้อย่างไร?” ผู้คนคิดในใจ พวกเขาคิดว่าครั้งนี้เย่เฟิงจบเห่เป็แน่ ชายผู้อยู่ขั้นบ่มเพาะกายาล่วงเกินคนของสำนักศึกษาเสินเจียง แล้วจะรอดไปจากที่นี่ได้อย่างไร? นาทีต่อมาเห็นเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ของสำนักศึกษาเสินเจียงเข้าปิดล้อมเย่เฟิง พร้อมกับปลดปล่อยไอสังหาร
“ฆ่า!” มีเสียงดังออกจากปากของผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่ง จากนั้นเห็นพลังหลายสายกระหน่ำโจมตีเย่เฟิงอย่างบ้าคลั่ง แต่เย่เฟิงเผยสีหน้าเย็นเยียบ พลันพลังหอกปะทุออกจากหอกัเงินประกายในมือเขา และเหมือนมีอำนาจฟ้าดินแผ่ปกคลุมร่างเย่เฟิง ที่ซึ่งผสานด้วยพลังหอก ทำให้ลมปราณของเย่เฟิงยกระดับไปอีกขั้น
“ตาย!” เย่เฟิงแผดเสียงะโ ก่อนจะแทงหอกออกไป พลันรังสีหอกทะลวงอากาศไปแทงผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งที่อยู่ใกล้เขาที่สุด ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นชะงักเล็กน้อยพร้อมยกมีดยาวในมือขึ้นป้องกันรังสีหอก แต่กลับได้ยินเสียงกระทบของอาวุธ รังสีหอกนั่นทะลวงตัวมีดยาว ก่อนจะทะลวงร่างผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นจนตายคาที่!
แต่ขณะเดียวกันการโจมตีของผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นก็มาถึงแล้ว พลันพลังดาราโคจรรอบร่างเย่เฟิง แสงดาวเปล่งประกาย ก่อนจะก้าวออกมาและเคลื่อนไหวดุจดาวตกหลบหลีกการโจมตีเ่าั้
“ชายผู้นี้ไม่เพียงแต่มีพลังโจมตีอันแกร่งกล้า ยังมีเคล็ดวิชาท่าร่างที่แปลกพิลึก ขนาดผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ก็ยังไม่ใช่คู่ปรับ!” ผู้คนอดใไม่ได้ ศึกต่อสู้เพิ่งเริ่มเท่านั้น ผู้ฝึกยุทธ์ของสำนักศึกษาเสินเจียงก็ถูกเย่เฟิงฆ่าตายไปหนึ่งคน ทำให้พวกเขาต้องทำความเข้าใจพลังของเย่เฟิงใหม่
ในขณะนั้นมีการโจมตีของผู้ฝึกยุทธ์สำนักศึกษาเสินเจียงคนหนึ่งมาถึงแล้ว รังสีดาบที่เปล่งประกายเข้าฟันร่างเย่เฟิง