“ผู้กล้าน้อยเ้าเลือกสายอาชีพแล้ว ตามกฎต้องออกจากหมู่บ้านเริ่มต้นทันที ข้าจะส่งเ้าไปที่เมืองั ผู้กล้าน้อยโปรดรักษาตัวด้วย” คนตัดฟืนเฒ่าพูดกับฉินโจ้ว
“ขอบคุณท่านผู้ใหญ่บ้านที่เป็ห่วง” เดิมทีฉินโจ้วยังคิดจะไปเดินสำรวจหมู่บ้านเริ่มต้นใหญ่ๆ ดูสักรอบมองหาลู่ทางทำเงินเพิ่มเสียหน่อย แต่ดูท่าคงไม่มีโอกาสแล้ว
แสงสว่างทอวาบขึ้นหนหนึ่งพาให้ฉินโจ้วหายลับไปจากห้อง
เมืองักล่าวกันว่าเป็เมืองที่เจริญรุ่งเรือง คึกคัก และมีขนาดพอประมาณอาจเทียบเท่าเมืองใหญ่ก็ว่าได้ ฉินโจ้วไม่มัวเปลืองเวลาไปกับความดีใจแต่กลับเดินตรงไปยังที่ว่าการเมือง ศูนย์กลางการปกครองของเมืองัั้แ่ก่อนการเลื่อนระดับเขามีแผนการในใจอยู่แล้ว เื่แรกย่อมเป็การซื้อที่ดินซื้อร้านค้า ช่วยไม่ได้ ที่ดินราคาแพงอย่างกับทอง ในสังคมความเป็จริงมันโหดร้ายสำหรับเขาเสียเหลือเกิน
“สถานที่สำคัญของทางการคนทั่วไปห้ามเข้า”
สองฝั่งข้างประตูใหญ่มียามพร้อมดาบยืนเฝ้าอยู่ 4 คนหนึ่งในนั้นพอเห็นฉินโจ้วก็รีบะโเรียกให้หยุดทันทีสายตาดุร้ายราวกับมองฆาตกรเสียอย่างนั้น
ที่ว่าการเมืองยกพื้นขึ้นสูงต้องขึ้นบันไดห้าขั้นจึงจะถึงพื้นหลัก ยืนอยู่ข้างบนอย่างนี้โดยธรรมชาติก็สร้างแรงกดดันให้ผู้คนอยู่แล้ว ทำให้ชาวบ้านขลาดกลัวขึ้นอีกไม่รู้ว่าใครออกแบบเอาไว้กันแน่
“ผู้น้อยอยากซื้อบ้านสักหลังหนึ่ง้าพบท่านกุนซือ รบกวนพี่เ้าหน้าที่ทั้งสองช่วยแจ้งท่านกุนซือด้วยเถอะขอรับ” ฉินโจ้วหยุดยืน ยกสองมือขึ้นกุมพลางกล่าวขึ้น สถานที่เช่นที่ว่าการเมืองหากไม่หยุดสนทนาด้วยก็มีสิทธิ์ถูกฆ่าตายได้
“เวลานี้ยังเช้าอยู่ท่านกุนซือยังไม่เริ่มว่างาน เ้าต้องรอก่อน” สายตาเ้าหน้าที่มองบนน้ำเสียงเรียบเฉย
ฉินโจ้วกลอกตาตลบหนึ่ง บังเกิดความคิดขึ้นมาเขาล้วงเงินออกมา 20 เหรียญเงินยื่นให้แก่เ้าหน้าที่อย่างเงียบเชียบ และเอ่ยว่า “พี่ชายทั้งหลายเฝ้าคุ้มกันที่ว่าการเมืองอันทรงเกียรติ งานหนักงานสำคัญนักผู้น้อยชื่นชมยิ่ง น้ำใจเล็กๆ น้อยๆนี้ถือเป็การเลี้ยงน้ำชาพี่เ้าหน้าที่ทุกท่าน หวังว่าทุกท่านจะไม่ปฏิเสธ”ดวงตาของเ้าหน้าที่คนนั้นเป็ประกายขึ้นทันที 20 เหรียญเงิน แต่ละคนแบ่งได้ตั้ง 5 เหรียญนี่ไม่ใช่เงินน้อยๆ เลย ต้องไม่ลืมว่าปกติรับแต่เหรียญทองแดงอะไรเทือกๆ นั้น เขาเก็บเหรียญเงินลงไปในแขนเสื้ออย่างเงียบกริบสีหน้าเปลี่ยนเป็เอ็นดูอย่างกับญาติมิตรขึ้นมาทันที ยิ้มบางๆ และพูดขึ้น “เห็นเ้ามีความจริงใจ นิสัยก็สัตย์ซื่อ ข้าจะยอมเดินให้สักรอบแล้วกัน”
ไม่ถึงสิบห้านาทีดีเ้าหน้าที่คนนั้นก็รีบรุดออกมาและพูดกับฉินโจ้ว “ผู้กล้าน้อยเข้าไปได้ ท่านกุนซือขอเชิญ” ฉินโจ้วยิ้มน้อยๆ พญายมว่าง่าย ทว่าผีน้อยกลับพูดยาก โชคดีที่ให้เงินไปไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่าต้องรอไปกี่ปีกี่เดือนกันเขาเดินตามเ้าหน้าที่ยามเข้าไปทันที
กุนซือท่านนี้แซ่หลิ่วลักษณะคล้ายๆ กับในโทรทัศน์ ใบหน้ารูปสามเหลี่ยม สวมหมวกกุนซือใบหนึ่งดวงตาเล็กยาว เคราแพะหวีเสียเรียบแปล้ พูดจาเนิบนาบ
“ได้ยินว่าผู้กล้าน้อยอยากซื้อร้านค้าช่วยบริจาคเพื่อความเจริญให้แก่เมืองั ข้าซาบซึ้งใจนักทว่าเงื่อนไขการซื้อร้านค้า ข้าต้องขอบอกให้เ้ารู้ไว้ ร้านค้าราคาถูกที่สุดในเมืองัต้องใช้เงิน 1,000 เหรียญทอง ใช้ค่าชื่อเสียง 500 แต้มร้านค้าทำเลยิ่งดีราคาก็ยิ่งสูงและแน่นอนว่าค่าชื่อเสียงที่ต้องใช้ยิ่งมากขึ้นตามไปด้วยไม่ทราบว่าผู้กล้าน้อยเลือกทำเลใดไว้แล้วหรือไม่?”
บนผนังมีแผนที่เมืองัแขวนอยู่ฉบับหนึ่งฉินโจ้วไล่มองจากซ้ายไปขวา บนลงล่าง ดูเหมือนว่าตรงไหนก็ไม่เลวแต่ก็รู้สึกว่าตรงไหนที่มีปัญหา สุดท้ายจึงชี้มั่วไปยังจุดๆ หนึ่งและตอบ “ตรงนี้ก็แล้วกัน”
กุนซือหลิ่วเห็นเข้าก็เอ่ยชม “ผู้กล้าน้อยมีสายตาเฉียบแหลมนักตรงนี้เป็บริเวณใจกลางเมืองั ซึ่งมีความคึกคักที่สุด ผู้คนล้นหลามเป็บริเวณที่แพงที่สุดของเมืองั ใช้ค่าชื่อเสียง 1,000 เ้าจะซื้อแน่หรือไม่?”
“แน่นอน”
“ไม่ทราบว่าจะขายอะไรหรือ?”
“อุปกรณ์ต่างๆ”
“ไม่ทราบจะใช้ชื่อร้านว่ากระไรดี?”
“คนสิบสองเหรียญทองแดง”
ติ๊ง! ระบบแจ้งเตือน :ขอแสดงความยินดีด้วย ผู้เล่นเมามายซบตักสาวงามซื้อร้านคนสิบสองเหรียญทองแดงจำหน่ายอุปกรณ์ได้สำเร็จ
“ไม่ทราบว่าผู้กล้าน้อยยัง้าซื้อสิ่งใดอีกหรือไม่? เนื่องจากผู้กล้าน้อยเป็ผู้เล่นคนแรกที่ซื้อร้านค้าหากซื้อร้านค้าต่อไปภายใน 10 นาที จะได้สิทธิ์รับส่วนลด 20%” กุนซือหลิ่วยิ้มกว้างขณะบอก ทำการค้าอย่างหนึ่งได้สำเร็จอารมณ์ของเขาจึงเบิกบานยิ่ง
ฉินโจ้วได้ยินเข้าก็หวั่นไหวเขารีบตรวจค่าชื่อเสียง ยังเหลืออยู่ 950 แต้ม จึงตอบออกไปทันที “ร้านค้าที่ถูกที่สุดอยู่ที่ใดหรือ?”
“ร้านค้าที่ถูกที่สุดยังเหลืออยู่สองร้านล้วนอยู่บริเวณใกล้ประตูเมือง” กุนซือหลิ่วตอบบริเวณใกล้ประตูเมืองมีอันตรายมากที่สุด หากมีศัตรูบุกรุกอย่างแรกที่ต้องสังเวยคือร้านค้าบริเวณประตูเมือง
“ข้าขอซื้อทั้งสองแห่ง” ฉินโจ้วตอบ เขาไม่สนใจเื่ศัตรูบุกอะไรนั่นเขารู้แค่ว่าถ้าพูดถึงเื่จำนวนคนที่ผ่านไปมา ที่ไหนก็สู้ประตูเมืองไม่ได้
“ร้านค้าสองแห่ง ราคาทั้งสิ้น 2,000 เหรียญทอง ค่าชื่อเสียง 1,000 แต้มหลังหักส่วนลด 20% คงเหลือยอดที่ต้องจ่าย 1,600 เหรียญทอง ค่าชื่อเสียง 800 แต้ม”
ร้านค้าสองร้านร้านหนึ่งตั้งชื่อว่าร้านขายยาเทพแห่งการเกษตร อีกร้านหนึ่งตั้งชื่อว่าร้านหนึ่งดัชนีค้าวัสดุ
หลังจากนั้นจึงว่าจ้างนายห้าง 3 คน ลูกจ้างประจำร้าน 3 คน
กุนซือหลิ่วระบายยิ้มเต็มหน้าและกล่าวขึ้น“ร้านค้า 3 ร้าน แต่ละเดือนต้องจ่ายภาษีทั้งสิ้น 400 เหรียญทอง เนื่องจากผู้กล้าน้อยเป็ผู้เล่นคนแรกที่ซื้อร้านค้า จึงได้สิทธิ์รับส่วนลด 50% จ่ายเพียง200 เหรียญทองเงินเดือนนายห้างสามคนต่อคนต่อเดือน เดือนละ 1 เหรียญทองแดงเงินเดือนลูกจ้างประจำร้านสามคนต่อเดือนต่อคน คนละ 20 เหรียญเงิน ต่อไปต้องจ่ายค่าจ้างตรงเวลา หากติดค้างค่าจ้างระบบจะมีการลงโทษ”
ฉินโจ้วพยักหน้าเป็เชิงเข้าใจ
กุนซือหลิ่วพูดต่อ “ในขณะเดียวกันระบบจะช่วยเผยแพร่ข่าวร้านค้าของผู้กล้าน้อยแก่สาธารณะฟรีหนึ่งครั้งประกาศสถานที่ตั้งเฉพาะในเมืองั ผู้กล้าน้อยเห็นชอบหรือไม่?”
เื่ดีแบบนี้ฉินโจ้วย่อมไม่ปฏิเสธปกติแล้วการขอให้ระบบช่วยประกาศข่าวสารล้วนต้องจ่ายเงินอย่างต่ำที่สุดยังเป็จำนวนถึง 10 เหรียญทองทีเดียว
ติ๊ง! ประกาศจากเมืองั : ร้านจำหน่ายอุปกรณ์ชื่อร้านคนสิบสองเหรียญทองแดงของผู้เล่น xx เปิดดำเนินการ ยินดีต้อนรับทุกท่านมาจับจ่ายใช้สอยเลือกหาสินค้า
ติ๊ง! ประกาศจากเมืองั : ร้านขายยาเทพแห่งการเกษตรของผู้เล่น xx เปิดดำเนินการยินดีต้อนรับทุกท่านมาจับจ่ายใช้สอยเลือกหาสินค้า
ติ๊ง! ประกาศจากเมืองั: ร้านหนึ่งดัชนีค้าวัสดุของผู้เล่น xx เปิดดำเนินการยินดีต้อนรับทุกท่านมาจับจ่ายใช้สอยเลือกหาสินค้า
เมื่อออกจากที่ว่าการอารมณ์ของฉินโจ้วจึงค่อยๆ ผ่อนคลายลงว่ากันตามจริงผู้เล่นทุกคนต่างขยันขันแข็งให้ได้เป็ที่หนึ่งเมืองัยังมีทรัพยากรธรรมชาติอีกมากมาย แต่ในบรรดาสิ่งเ่าั้ร้านค้าเป็สิ่งที่ให้ผลประโยชน์สูงสุด ต่อๆ ไป กิลด์อะไรๆที่พอจะมีอิทธิพลอยู่บ้างล้วนต้องหาซื้อร้านค้า เพียงแต่ว่าเมื่อถึงตอนนั้นราคาก็คงไม่ธรรมดาแล้ว
ฉินโจ้วเปิดช่องมิติเริ่มตรวจสอบรางวัลและสิ่งของที่ได้จากการฆ่าบอส บอสมีสิ่งของหล่นออกมา 4 อย่าง เป็อุปกรณ์ 3 ชิ้น ไข่ฟอง
ปืนบินแผ่นดินใหญ่ : อุปกรณ์ระดับทองแดงพลังโจมตี : +40 มีความน่าจะเป็ 1% ในการโจมตีถึงตายในคราวเดียว ระดับที่้า : เลเวล 10 อาชีพที่้า : นักรบ อัศวิน พลังโจมตี 40 แต้ม สำหรับอุปกรณ์ระดับทองแดงนับว่าสูงมากแล้วแถมยังมีโอกาสโจมตีถึงตายได้อีก ถ้าขณะตีบอสมีความน่าจะเป็อย่างนี้อยู่แบบนั้นผลลัพธ์ต้องเป็ที่น่าพอใจกันทุกคนแน่ น่าจะขายได้ราคาดีไม่หยอก
เสื้อคลุมขนปีก : อุปกรณ์ระดับเงิน พลังป้องกัน +60 พลังชีวิต +40 ระดับที่้า : เลเวล 10 เพศที่้า : หญิง ที่แท้เป็อุปกรณ์ระดับเงินฉินโจ้วตื่นเต้นเป็การใหญ่อยู่พักหนึ่ง เสียดายว่าใช้เองไม่ได้พลันนึกถึงหนานกงเสี่ยว สามารถมอบเป็ของขวัญชดเชยให้เธอได้พอดี
ไม้เท้าไม้เขียว : อุปกรณ์เหล็กดำ เพิ่มพลังเวทโจมตี 20% อาชีพที่้า : นักเวท ในที่สุดก็มีอุปกรณ์ที่ใช้ได้โผล่ออกมาเสียทีและยังเป็ไม้เท้าวิเศษที่มีอัตราการะเิต่ำสุด ถึงจะเป็แค่อุปกรณ์ระดับเหล็กดำแต่ก็นับว่าหายากมากแล้ว การเสียกริชหมูป่าไปแม้จะเป็เื่ที่น่าเสียดายแต่ไม้เท้าวิเศษนี้ก็เพียงพอจะชดเชยความสูญเสียนั้นได้ ที่สำคัญที่สุดคือ นักเวทที่มีไม้เท้าวิเศษถึงจะค่อยดูเหมือนนักเวทจริงๆเสียที
ไข่ราชินีผึ้ง : ไข่ที่ออกมาก่อนราชินีผึ้งเพชฌฆาตจะตายเมื่อฟักออกมา มีโอกาส 50% ที่จะกลายเป็ราชินีผึ้ง(หมายเหตุ : หากหลังการฟักเป็ตัวไม่ใช่ราชินีผึ้งให้ป้อนนมผึ้งหนึ่งหยด จะกลายเป็ราชินีผึ้งได้) ระดับที่สามารถเลี้ยงได้ : เลเวล 19 ที่แท้ก็เป็ไข่ผึ้งหลังจากเลเวล 20 ถึงจะเปิดระบบเลี้ยงไข่้าระดับ 19 ขึ้นไป ก็ไม่นับว่าเกินไป
นมผึ้ง : อาหารสำหรับราชินีผึ้งนมผึ้งเพียงหยดเดียวก็เพิ่มค่าพลังชีวิตได้ถึง 100 แต้ม คิดไม่ถึงว่าจะเพิ่มพลังชีวิตได้ แถมยังได้ตั้ง 100 แต้ม จะเรียกมันว่าสมบัติแห่งฟ้าดินก็ไม่นับว่าเกินไป ฉินโจ้วรีบกินลงไป 5 หยด รู้สึกได้ว่าพลังชีวิตแข็งแกร่งขึ้นอย่างมากในทันทีที่เหลือเขาอยากแบ่งให้หนานกงเสี่ยว 4 หยด เป็การขอบคุณที่เธอยอมสละชีวิตให้ส่วนหยดสุดท้ายเก็บไว้ให้ไข่ราชินีผึ้ง ไข่ราชินีผึ้งนับว่าเป็ของดีไข่ของบอสยิ่งนับว่าเป็ของดียิ่งขึ้นไปอีก
ยังมีกำไลอันหนึ่งที่ได้เป็รางวัลจากระบบ
กำไลเพลิง : อุปกรณ์ทองดำ สกิลเสริม : พรจากเทพธิดาแห่งชีวิต คืนชีพกลับที่เดิม 1 ครั้ง เว้นระยะ : 8 ชั่วโมง ฉินโจ้วลิงโลดใจยกใหญ่นี่เป็ของดีระดับที่ว่ามีทองนับหมื่นก็ยังหาไม่ได้ทีเดียวการคืนชีพเป็ทักษะที่หายากที่สุดแล้ว พอๆ กับป้ายทองปลิดชีพทีเดียวเป็สกิลที่พวกนักบวชต่างใฝ่ฝันถึง
ยังมีทักษะอีก 2 อย่าง
ทักษะการหน่วงเหนี่ยว : ทักษะระดับต้นระดับความเชี่ยวชาญ 0% ทำให้ศัตรูอยู่ในสถานะติดลบ ความเร็วลดลง 10% ระยะเวลา :20 วินาที ประสิทธิภาพทับซ้อน ทับซ้อนครั้งหนึ่งส่งผลให้ค่าเพิ่มขึ้น 1% (หมายเหตุ : หากศัตรูมีระดับสูงกว่าผู้เล่นประสิทธิภาพจะลดลง เปลี่ยนตามระดับที่เปลี่ยนไป) ใช้พลังิญญา : 5 แต้มต่อครั้ง ระยะเวลาการร่ายเวท : 3 วินาที
ทักษะการรักษาชีพ : คืนพลังชีวิต 500 แต้มทันทีมีผลต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ใช้พลังจิต 50 แต้มต่อครั้งทุกครั้งทักษะนี้เทียบเท่ากับการเปลี่ยนพลังจิตให้เป็พลังชีวิต แต่เห็นได้ชัดว่านี่เป็สิ่งที่คุ้มค่าไม่เบา
เมื่อมาถึงหน้าร้านค้ามองเห็นอักษรคนสิบสองเหรียญทองแดงขนาดใหญ่ทั้งหกทอประกายระยิบระยับสีทองแลดูมีชีวิตชีวาเปี่ยมพลังดั่งัทะยานหงส์ร่าย งามสง่าโดดเด่นนายห้างกับลูกจ้างรออยู่ในร้านแล้ว พอเห็นฉินโจ้วต่างรีบมาทำความเคารพฉินโจ้วใช้เวลาหนึ่งนาทีเที่ยวชมในร้านค้าจนครบรอบเหตุที่เร็วขนาดนี้ก็เพราะว่าในร้านยังว่างเปล่า ยังไม่มีสินค้าใดเขาทิ้งปืนบินแผ่นดินใหญ่กับเงิน 1,000 เหรียญทองไว้ และเดินทางต่อไปยังร้านยาเทพแห่งการเกษตร ภายในระยะเวลาสั้นๆนี้ ปืนบินแผ่นดินใหญ่ควรเป็อุปกรณ์ระดับสูง ถือเป็ของล้ำค่าของร้านค้าในเมืองส่วน 1,000 เหรียญทอง ใช้สำหรับซื้อหาอุปกรณ์ต่างๆเข้าร้าน
ร้านยาเทพแห่งการเกษตรดูอู้ฟู่กว่าร้านขายอุปกรณ์เยอะเหตุเพราะฉินโจ้วมียาน้ำเงิน 40,000 ขวดทิ้งไว้ให้ พร้อมเงิน 1,000 เหรียญทอง ลูกจ้างประจำร้านติดราคาอย่างรวดเร็ว ยาน้ำเงินขวดละ 250 เหรียญทองแดง ฉินโจ้วรู้สึกว่าโชคดีชะมัดที่ตอนอยู่หมู่บ้านเริ่มต้นที่ 368 ไม่ได้ลังเลไม่เช่นนั้นหากอยากจะเจอโอกาสทำเงินขนานใหญ่อย่างนี้อีกก็ไม่รู้ว่าต้องรอจนถึงเมื่อไรทุกขวดได้กำไร 210 เหรียญทองแดง กำไรถึง 500% แค่นี้ก็เพียงพอให้ผู้คนเข่นฆ่ากันแล้ว
ร้านหนึ่งดัชนีค้าวัสดุฉินโจ้วทิ้งเงินไว้ 3,000 เหรียญทอง เพราะร้านนี้ขึ้นอยู่กับการลงทุนเพียงอย่างเดียวหากไม่มีทุนก็ไม่มีกำไร เงินลงทุนจึงต้องมากสักหน่อย ่แรกๆทักษะการดำรงชีวิตของผู้เล่นยังต่ำอยู่ วัสดุต่างๆ จึงยังมีราคาถูกแต่ว่ารอหลังจากทักษะการดำรงชีพของพวกผู้เล่นสูงขึ้น ราคาวัสดุต่างๆจะต้องพุ่งสูงขึ้นลิบลิ่วแน่นอน ฉินโจ้วกำลังตั้งหน้าตั้งตารอให้ถึงเวลานั้นนั่นเอง
นอกที่ทำการเมืองผู้เล่นคนหนึ่งซึ่งใช้ชื่อว่าจินปู๋ฮวั่นเอ่ยกับเครื่องสื่อสาร “ลูกพี่ บริเวณที่คึกคักที่สุดตรงประตูเมืองกับใจกลางเมืองถูกคนซื้อไปแล้วพวกเราช้าไปก้าวหนึ่ง”
“อย่างนั้นก็ซื้อร้านที่เหลือทั้งหมดไว้อย่าเหลือให้ทงเทียนซู่ได้ไปแม้แต่ที่เดียว ต้องใช้เหรียญทองเท่าไรแกก็บอกข้ามาตรงๆข้าจะขอให้สมาชิกราชวงศ์มดทุกคนโอนเหรียญทองทั้งหมดไปให้แก”
จินปู๋ฮวั่นยิ้มขื่นหนหนึ่งและพูดว่า“ลูกพี่ผมคำนวณดูแล้ว ทรัพย์สินของราชวงศ์มดทั้งหมดเพิ่งมีหนึ่งหมื่นเหรียญทองอย่างมากก็ซื้อได้แค่สี่ร้าน แต่ค่าชื่อเสียงของผมน้อยเกินไปพอให้ใช้ซื้อได้แค่ร้านเดียวเท่านั้น”
เสียงอีกฝั่งชะงักไปครู่หนึ่งจึงพูดขึ้น“ทงเทียนซู่ซื้อได้กี่ร้าน?”
“อย่างมากก็ร้านเดียว” จินปู๋ฮวั่นตอบอย่างมั่นใจ “แม้พวกเขาจะร่ำรวยแต่อย่างไรเสียค่าชื่อเสียงก็ไม่ใช่สิ่งที่หาซื้อกันได้ด้วยเงิน”
“ในเมื่อเป็อย่างนี้ ร้านเดียวก็ไม่เลวลองคิดหาวิธีดู ยิ่งได้ร้านค้ามากเท่าไรก็ยิ่งดีได้ยินว่าวังเทพสุริยันก็เข้าเกมมาแล้ว ต่อไปจะยิ่งน่าตื่นเต้นยิ่งกว่านี้อีกในเมื่อพวกเรานำหน้าอยู่ก่อนแล้วก้าวหนึ่ง ยิ่งต้องทิ้งระยะห่างให้มากขึ้นอีก”
เมื่อได้ยินชื่อวังเทพสุริยันร่างของจินปู๋ฮวั่นสะดุ้งเฮือก เห็นได้ชัดว่ามีความหวาดกลัวปะปนอยู่เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ลูกพี่วางใจได้ ผมต้องขยันตั้งใจแน่นอน”
“ข้าได้ข่าวมาวัสดุทุกชนิดจะขึ้นราคาในเร็วๆ นี้ แกรีบกักตุนเอาไว้บ้าง อีกอย่างลองไปสอบถามดูใครกันแน่ที่เป็คนซื้อร้านค้าทำเลที่ดีที่สุดพวกนี้ไป คอยตามข่าวไว้ดูสิว่าจะยึดมาได้หรือเปล่า”
“ผมจะรีบดำเนินการเดี๋ยวนี้เลย” จินปู๋ฮวั่นรีบตอบอย่างนอบน้อม
“แค่นี้ก่อนแล้วกัน”
ขณะที่จินปู๋ฮวั่นรีบรุดไปถึงร้านขายยาฉินโจ้วก็จากไปแล้ว เหลือเพียงนายห้างกับลูกจ้างประจำร้านเท่านั้นถามอะไรก็บอกแต่ว่าไม่รู้ เขาจึงต้องจากไปอย่างจนปัญญา เตรียมกลับมาใหม่ครั้งหน้า
ฉินโจ้วไปไหนต่อน่ะหรือเขาไปยังภัตตาคารที่มีชื่อเสียงที่สุด ภัตตาคารเปี่ยมโชค กินดื่มเต็มคราบทีเดียวจากนั้นตรวจสอบคุณสมบัติของตนลวกๆ ใช้แต้มอิสระที่สะสมได้ในตลอดหลายวันที่ผ่านมาบวกลงที่ค่าพลังจิตทั้งหมดจะดีจะชั่วก็เป็นักเวทแล้ว ถ้าค่าพลังจิตต่ำเกินไปย่อมไม่เจริญแน่