ซือคงเซิ่งเจี๋ยที่แสร้งหลับตาพักผ่อนนั้นพลันลืมตาขึ้นพร้อมกับมองมาทางนางด้วยสายตาประหลาด ราวกับเยาะเย้ยว่านางทำตัวเป็สุกรกินเสือเป็ผู้ใหญ่รังแกเด็ก
อย่างไรถังเจิ้นอวี่ก็ยังเป็เด็กหนุ่ม ถูกนางกระตุ้นเช่นนี้ย่อมต้องมีไฟโทสะสุมในอกเป็แน่ ทว่าเขามีความเป็ผู้ใหญ่เกินวัย จึงสงบสติอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว
ไม่รอให้เขาพูด ถังไน่ไน่ปรบมือเสียงดังอย่างดีอกดีใจ “ดีๆๆ ข้าเห็นด้วย! เป็สหายกันเพราะหมากล้อม ทักษะการเดินหมากล้อมของใครสูงกว่าคนนั้นเป็อาจารย์ ยุติธรรมยิ่ง!”
มุมปากถังเจิ้นอวี่กระตุก มีน้องสาวที่ทำกับพี่ชายเช่นนี้ เขาถึงกับปลงอนิจจัง
ทว่าคำพูดของน้องสาวมีเหตุผลเช่นกัน หากนางมีความสามารถเอาชนะเขาได้จริงๆ นั่นแสดงให้เห็นว่าอย่างน้อยๆ ทักษะการเดินหมากของนางย่อมอยู่เหนือขั้นหกขึ้นไป
ต้องรู้ก่อนว่าขั้นของการเดินหมากยิ่งสูง คิดจะก้าวข้ามขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งนั้นยากยิ่งกว่าขึ้น์
หากขั้นของนางสูงกว่าเขา เรียกนางว่าอาจารย์ก็ไม่กระไร กลัวแต่ว่าอีกฝ่ายจะทำได้เพียงคุยโวโอ้อวดเท่านั้น ทำเป็หน้าใหญ่ใจโต ที่จริงแล้วไม่มีความสามารถอันใด หากนางเป็เช่นนี้จริงๆ เขาจะเปิดโปงนางต่อหน้าทุกคนให้ได้!
เขาเงียบงันไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้นว่า “ได้ เดินก็เดิน!”
เฟิ่งเฉี่ยนลอบพยักหน้า เ้าเด็กหนุ่มคนนี้มีนิสัยหัวแข็งหัวรั้นทว่าไม่ดูแคลนผู้อื่น เย่อหยิ่งทะนงทว่าไม่วู่วาม เป็เด็กหนุ่มที่มีหน่วยก้านไม่เลวทีเดียว เพียงแต่ไม่รู้ว่าทักษะการเดินหมากของเขาเป็อย่างไร
ถังไน่ไน่ยกมือขึ้นเสนอตัว “ข้าเป็ผู้ตัดสิน!”
อุปกรณ์การเดินหมากจัดวางอยู่ตรงหน้า
ถังเจิ้นอวี่ถามอย่างมีมารยาท “แม่นาง ้าให้ข้ารั้งให้ท่านกี่ก้าว?”
เฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะ “ข้ารั้งให้เ้าได้สามก้าว มากกว่านั้นก็ไม่สนุกแล้ว!”
ถังเจิ้นอวี่ตกตะลึง คนผู้นี้จะอวดดีเกินไปแล้ว ถึงกับกล่าววาจาเช่นนี้กับเขา เขาไม่เกรงใจนางก็แล้วกัน
“แม่นางเป็นักเดินหมากขั้นใด? หากว่ากันตามกฎของการเดินหมากล้อม หากเป็ผู้ที่มีขั้นต่ำกว่ามีสิทธิ์เลือกเดินก่อนได้”
เฟิ่งเฉี่ยนครุ่นคิด “ข้าน่าจะอยู่เหนือขั้นเก้ากระมัง ให้เ้าเดินก่อนเถิด!”
ถังเจิ้นอวี่หน้าถอดสีทันที คนผู้นี้คุยโวโอ้อวดไม่หยุด คำพูดคำจายิ่งเลื่อนเปื้อน อะไรเรียกว่าอยู่เหนือขั้นเก้า? ผู้ที่สามารถเรียกตนเองว่าอยู่เหนือขั้นเก้าขึ้นไปในใต้หล้านี้ มีนับคนได้ และไม่มีนางอยู่ในนั้น!
เขามีโทสะจนแทบจะคลุ้มคลั่งแล้วจริงๆ แต่ด้วยความที่เขาฝึกตนมาดีจึงมิได้แสดงออกทางสีหน้าชัดเจนนัก เมื่อสงบสติอารมณ์ได้แล้วเขาจึงหยิบหมากดำขึ้นมาตัวหนึ่งวางลงบนตำแหน่งมุมบนซ้ายของกระดานหมาก
เฟิ่งเฉี่ยนเห็นเขาไม่เชื่อก็ได้แต่ยักไหล่อย่างจนใจ นางไม่ได้โป้ปดมดเท็จจริงๆ นะ นางไม่เพียงแต่กวาดฟางเสียทั้งหกคนที่เป็นักเดินหมากขั้นเก้าแพ้ราบคาบ กระทั่งซือคงเซิ่งเจี๋ยที่อยู่ในระดับเหนือขั้นเก้า นางก็เอาชนะมาแล้ว นางมิใช่อยู่เหนือขั้นเก้าแล้วจะเรียกว่าอะไรเล่า
เห็นหมากดำวางลงบนกระดานหมากแล้ว นางหยิบหมากขาวขึ้นมาแล้ววางลงตามไปอย่างรวดเร็ว
วินาทีที่ถังเจิ้นอวี่หยิบหมากขึ้นมาอีกตัวหนึ่ง บุคลิกของเขาเปลี่ยนไปทันที คนทั้งคนกลายเป็คนสุขุมรอบคอบและระมัดระวังยิ่งขึ้น แม้ในสายตาของเขาเฟิ่งเฉี่ยนจะเป็คนคุยโวโอ้อวดและพูดจาเหลวไหล เขาไม่ได้ดูิ่ดูแคลนอีกฝ่ายด้วยซ้ำ ทุกๆ ครั้งที่เขาเดินหมากก้าวหนึ่งล้วนผ่านการใคร่ครวญอย่างละเอียดถี่ถ้วน ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นลักษณะการเดินหมากของเขาได้รับอิทธิพลจากซือคงเซิ่งเจี๋ยผู้เป็บุคคลในดวงใจของเขาอย่างชัดเจน วิธีการเปิดเกม วิธีการสร้างค่ายกล วิธีการคำนวณและเส้นทางการเดินหมาก ล้วนคล้ายคลึงกับซือคงเซิ่งเจี๋ยอย่างมาก เฟิ่งเฉี่ยนอดที่จะมองเขาใหม่อีกครั้งไม่ได้ เพราะวิธีการเดินหมากของซือคงเซิ่งเจี๋ยนั้นไม่ซ้ำใคร มิใช่ว่าใครก็สามารถลอกเลียนแบบได้ง่ายๆ เขาสามารถเลียนแบบได้ถึงเจ็ดแปดส่วน นับว่าหาได้ยากมากแล้ว
“ดูแล้ว เ้าเป็ผู้ชื่นชอบซือคงเซิ่งเจี๋ยอย่างแท้จริง!” เฟิ่งเฉี่ยนพูดลอยๆ ขึ้นมา
ซือคงเซิ่งเจี๋ยที่นั่งอยู่อีกด้านขยับเปลือกตาเล็กน้อยทว่ายังคงพักสายตาต่อไป
ถังเจิ้นอวี่ตะลึงงันเล็กๆ ดูท่าแล้วอีกฝ่ายแตกฉานในหมากล้อมจริงๆ ไม่ว่าเขาจะเลียนแบบการเดินหมากของซือคงเซิ่งเจี๋ยอย่างไร แต่มิได้เลียนแบบทั้งหมดโดยได้ผสมผสานความเป็ตัวของตัวเองเข้าไปด้วย อีกฝ่ายถึงกับมองออกในปราดเดียว เห็นได้ถึงความสามารถที่แท้จริงของอีกฝ่าย
แต่ที่ทำให้เขาปวดหัวก็คือั้แ่เริ่มเปิดเกมจนถึงตอนนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ตอบโต้กันสิบกว่าก้าวแล้ว การเดินหมากของอีกฝ่ายแสนจะธรรมดาสามัญ ไม่มีอะไรโดดเด่นเป็พิเศษ เขาอดที่จะสงสัยไม่ได้ อีกฝ่ายถึงกับคมในฝักหรือมีทักษะการเดินหมากเพียงแค่พื้นๆ กันแน่
ถังไน่ไน่ที่ดูอยู่ข้างๆ ยิ่งดูยิ่งกระตือรือร้น “พี่สาม ปากสามเหลี่ยมของท่านนี้ทำได้ดีมาก! พี่สาว ท่านต้องระวังแล้วเ้าค่ะ!”
เฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะเบาๆ นางเดินก้าวต่อไปโดยไม่ได้คิดอะไรมาก
หมากก้าวนี้ถือว่าไม่ดีไม่เลว ไม่ได้ถึงขั้นทำลายปากสามเหลี่ยมของอีกฝ่าย แต่ก็ไม่ถึงขั้นติดกับ
นางเลือกใช้วิธีการเดินหมากสี่ต่อหกของเซวียนหยวนเช่อ
ถังเจิ้นอวี่ชะงักเล็กน้อย เขารู้สึกจับทางการเดินหมากของนางไม่ค่อยถูก หลังจากครุ่นคิดแล้วจึงเดินหมากตามวิธีการของตัวเองต่อไป
การตอบโต้กันห้าก้าวผ่านไป...
การตอบโต้กันสิบก้าวผ่านไป...
การตอบโต้กันยี่สิบก้าวผ่านไป...
ถังเจิ้นอวี่ใช้สารพัดวิธีและงัดท่าไม้ตายออกมาใช้ แต่ละก้าวล้วนเยี่ยมยอด
เฟิ่งเฉี่ยนรับมือแบบสบายๆ และเดินหมากตามอำเภอใจ
เมื่อหมากดำเดินก้าวที่ห้าสิบหก บนกระดานหมากเพิ่งจะปรากฏให้เห็นจุดหักเหเปลี่ยนแปลงเป็ครั้งแรก ทำให้เฟิ่งเฉี่ยนที่เดินหมากแบบสบายๆ นั้นถึงกับหยุดชะงักไประยะหนึ่ง เพราะนางเห็นหมากดำบนกระดานกลายเป็ค่ายกลที่คุ้นเคยชนิดหนึ่ง
“ค่ายกลหน้าผาสูงชัน?”
ได้ยินคำพูดของเฟิ่งเฉี่ยน ซือคงเซิ่งเจี๋ยที่นั่งหลับตามาโดยตลอดลืมตาขึ้นมาเป็ครั้งแรก เขามองไปที่กระดานหมาก เฟิ่งเฉี่ยนหรี่ตาลงเล็กน้อย จากนั้นส่ายหน้าเบาๆ
ถังเจิ้นอวี่รู้สึกได้ทันที เขาลอบขมวดคิ้วด้วยไม่สบอารมณ์นัก เขาเอ่ยปากขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “ค่ายกลของข้ามีปัญหาอะไรหรือไม่?”
ซือคงเซิ่งเจี๋ยหัวเราะขึ้นมาแล้วพูดขึ้นมาลอยๆ “วาดเสือไม่เป็กลายเป็สุนัข”
คำพูดประโยคนี้ของเขาเหมือนกับการตอกตะปูเข้าไปกลางใจของถังเจิ้นอวี่ เขากำหมัดแน่นด้วยโทสะ พยายามกดข่มไฟโทสะในใจ
“รบกวนคุณชายชี้แนะด้วย! หากวาจาของคุณชายมีเหตุผล ข้าน้อยยินดีน้อมรับ หาไม่แล้วคุณชายต้องขอขมาข้าต่อหน้า!”
หากเป็คนธรรมดาทั่วไปต้องมาเผชิญหน้ากับซือคงเซิ่งเจี๋ยที่ปากคอเราะร้ายเช่นนี้ย่อมต้องโมโหจนกระแทกเท้าจากไปนานแล้ว แต่เห็นได้ว่าเขาฝึกฝนตนเองมาดีเพียงใด
น่าเสียดายที่มีคนบางคนมีนิสัยเอาแต่ใจที่สุด ทั้งยังท้าทายความอดทนของผู้อื่นไม่หยุดหย่อน
“ชี้แนะเ้า? เ้ายังอยู่ห่างชั้นอีกไกล! ข้าไม่อยากเสียเวลาอยู่กับเด็กคนหนึ่งที่ขนก็ยังขึ้นไม่ครบ!”
หากว่ากันด้วยความร้ายกาจของฝีปากแล้ว ซือคงเซิ่งเจี๋ยคืออันดับสอง ไม่มีใครกล้าเป็อันดับหนึ่ง
ครั้งนี้เฟิ่งเฉี่ยนทนดูต่อไปไม่ได้ นางเห็นว่าคุณชายถังกำลังจะบันดาลโทสะอยู่รอมร่อ นางจึงรีบส่งเสียง “พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง! เ้าอย่าได้เห็นเพียงว่าเขาพูดจาขวางโลก ที่จริงแล้วก็แค่นักเดินหมากคนหนึ่งที่เคยพ่ายแพ้ให้แก่ข้า หากเ้าเอาชนะข้าได้ เขาย่อมไม่มีอะไรจะพูดอีกต่อไป”
ซือคงเซิ่งเจี๋ยกลอกตาขาวมองมาทางนางปราดหนึ่ง เฟิ่งเฉี่ยนเลือกที่จะทำเป็มองไม่เห็น
ได้ยินนางพูดเช่นนี้ อารมณ์ของถังเจิ้นอวี่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เขาเดินหมากต่อไป ทว่าเขาพลันรู้สึกได้ว่าสถานการณ์บนกระดานหมากไม่ค่อยถูกต้องอย่างช้าๆ มือของเขาที่ถือหมากดำค้างอยู่ที่นั่น
ถังไน่ไน่รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน นางถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ว่า “พี่สาม เหตุใดจึงไม่เดินหมากเ้าคะ? ตอนนี้ชัดเจนเหลือเกินว่าท่านเป็ฝ่ายได้เปรียบ”
ในสายตาของนาง พี่สามของนางชนะแน่นอน แต่ยามนี้สีหน้าท่าทางของพี่สามไม่ปกติเท่าใดนัก ไม่เหมือนท่าทางของคนที่กำลังจะชนะ กลับเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับความยุ่งยาก
“พี่สาม มีปัญหาอะไรหรือไม่เ้าคะ?”
เขาสร้างค่ายกลภูผาสูงชันขึ้นมาอย่างยากลำบาก แต่กลับถูกอีกฝ่ายทำลายลงอย่างง่ายดาย
เขาพลันนึกถึงคำพูดเมื่อสักครู่ของบุรุษผมขาว วาดเสือไม่เป็กลายเป็สุนัข ดูเหมือนเขาจะพูดถูก ค่ายกลของเขาไม่ได้ร้ายกาจอะไร!
“แตกแล้ว ค่ายกลของข้าถูกโจมตีแตกแล้ว!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้