เขาหันกายเดินไปยังอาคารกระเบื้องมุงหลังคาที่ตั้งอยู่ลึกๆ นั่น
เ่ิูรู้สึกอัศจรรย์พันลึกนัก ทว่าด้วยคำทักทายเป็เสียงหัวเราะฮี่ๆ จากเวินหว่านแล้ว เขาจึงเดินตามสองร่างไปยังอาคารกระเื้ันั้น
ดูเหมือนว่าเวินหว่านกับชายฉกรรจ์เคราดำยาวจะรู้จักมักจี่กันดี แถมยังควรจะเคยพูดถึงตัวเขาด้วย
เมื่อเข้ามาในอาคารแล้ว แสงพลันมืดมัวจนเหลือเพียงบางเบา
กลางอาคารนั้นมีชั้นศาสตราวุธเรียงรายถึงสิบชั้น พร้อมอาวุธหลากหลายให้เลือกสรร
กวาดตามองปราดเดียวก็มองออก ว่ามีทั้งดาบ หอก กระบี่ ขวาน ตะขอ หรือแม้แต่ส้อม ครบั้แ่สากกะเบือยันเรือรบจริงแท้ และรูปแบบเองก็หาใช่ธรรมดาไม่ กลิ่นอายน่าครั่นคร้ามอบอวล ดูงามประณีตกว่าอาวุธในศาลานั้นหลายเท่าตัวนัก
“ที่นี่แหละ หนุ่มน้อย อันไหนที่เ้าหยิบขึ้นมาได้ ก็จงเอาไป”
ชายเคราดำยาวว่าพลางชี้ไปมุมๆ หนึ่ง
เ่ิูมองตามนิ้วที่ชี้ไป แต่ภาพที่เห็นจากตรงนั้น เต็มด้วยสรรพอาวุธสีดำทมิฬ อาทิหอกยาว ทว่าเป็หอกยาวที่ยาวกว่าหอกยาวธรรมดามหาศาล โดยมีขนาดถึงสามเมตร เป็เหมือนหอกสองด้ามติดกัน คมหอกยาวครึ่งเมตรดั่งกระบี่ มองกี่รอบต่อกี่รอบก็ประหลาดเหลือดี
นี่มันอาวุธอะไรกัน?
เ่ิูเดินเข้าไปใกล้ เขายื่นมือจับตัวหอก
ความรู้สึกแรกที่ได้แตะต้องนั้นทั้งอบอุ่นและชุ่มชื้น เขาอึ้งน้อยๆ ประหนึ่งจับต้องหยกอุ่น รูปลักษณ์ภายนอกหยาบลวกนั้นมีริ้วลายที่สลักเสลาอย่างพิถีพิถัน สามารถเพิ่มพลังเสียดทานยามหยิบจับ ป้องกันเหงื่อไคล
ยามพินิจรูปลักษณ์โดยครบถ้วนแล้ว กลับเป็สิ่งที่ใช้ใจทำเป็อย่างมาก
เ่ิูใช้แรงเบาๆ ยกหอกยาวแปลกนี้ขึ้นมา
ชั่วครู่ต่อมา ใบหน้าของเขาพลันฉาบไล้ด้วยความตื่นเต้นและพอใจ “เยี่ยม เยี่ยม ฮ่าๆ น้ำหนักแบบนี้ ดียิ่ง”
“หอกไน่เหอ หนักหนึ่งพันสองร้อยแปดสิบแปดจิน ยาวสามเมตรสี่ มีดาบติดปลายทั้งสองด้าน ขนาดดาบสองฉื่อ ตัวหอกยาวสองเมตร” บุรุษคนเดิมเผยความประหลาดใจในั์ตา เขาเอ่ยขึ้นฉับพลัน “หลอมขึ้นจากแร่หุบเขาเหน็บหนาว น้ำหนักมหาศาลกว่ายุทโธปกรณ์ด้วยกันนัก แต่น่าเสียดายที่ผู้หลอมหอกนี้สิ้นชีวิตไปก่อนสลักอักขระลงได้ จึงเป็ได้เพียงผลิตผลครึ่งทางเท่านั้น”
เ่ิูฟังคำ แล้วก็มองสำรวจอีกรอบ
ครั้งนี้เองที่เพิ่งพบว่าเป็หอกสองปลาย มีดาบคมทั้ง้าและล่าง
เขากอบกุมหอกนั้นไว้ในมือ แล้วเดินออกนอกอาคารสู่พื้นที่โล่งกว้าง ครั้นตวัดข้อมือกวัดแกว่งทีหนึ่ง พลันบังเกิดเสียงกัมปนาทอื้ออึงดั่งฟ้าฟาดกลางวันแสกๆ ตัวหอกสั่นะเืรุนแรง ปลายหอกทั้งสองปะทุ ประหนึ่งเพลิงทมิฬปะทุทั่วทุกสารทิศ
“หอกเยี่ยม!”
เ่ิูรู้สึกถึงน้ำหนักที่พอดีมือ เป็ศาสตราวุธที่เหมาะสมให้เขาเชยชมมากที่สุดในบรรดาอาวุธมากมายที่พบเจอมาในวันนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะลั่นร่าอย่างตื่นเต้น
ยามนั้นเอง คนหนุ่มทั้งหลายซึ่งเดิมฝึกยุทธ์อยู่กลางลานก็โอบล้อมเข้ามา พอมองเห็นภาพนั้นก็ใ ต่างคนต่างตะลึงจนอ้าปากค้าง
“มีคนพึ่งพาพลังบริสุทธิ์เล่นกับหอกนี่ได้จริงๆ ด้วยเว้ยเฮ้ย!”
“พลังศักดิ์สิทธิ์จาก์โดยแท้ เด็กคนนี้ภูมิลำเนาไหนเนี่ย?”
“น่ากลัวจริง คราวก่อนที่ข้าเคยลอง อย่าว่าแต่สะบัดมันเลย แค่จะยกยังยกไม่ขึ้น!”
“ตามที่ท่านอาจารย์บอกแล้ว ครั้งสุดท้ายที่มีคนใช้เ้านี่ได้ มันก็ตั้งสิบปีที่แล้วเชียวนะ!”
“น่าเสียดาย หากหอกนี่สร้างสำเร็จคงดึงดูดให้นักยุทธ์อาณาน้ำพุิญญามาใช้ต่อสู้ได้ แต่ดันทำได้ครึ่งทางเสียนี่ สำหรับพวกผู้แข็งแกร่งอาณาน้ำพุิญญาแล้วมันไร้ความดึงดูดใจโดยสิ้นเชิง คนอาณาพิภพธรรมดาก็ดันยกไม่ขึ้น เห็นทีวันนี้จะพบพานเ้านายที่แท้ของมันแล้วล่ะมั้ง?”
เหล่าชายเปลือยท่อนบนที่ยืนแวดล้อมว่าอย่างแตกตื่น
เ่ิูไม่อาจใช้หอกโจมตีอะไรได้ เขาเพียงสะบัดมันมั่วๆ ไปมาอีกชุดใหญ่จึงหยุดลง สีหน้าคงเดิม ไร้ความโกลาหล ก่อนหันหน้ากลับไปหาบุรุษฉกรรจ์เคราดำยาวแล้วถาม “หอกไน่เหอนี้เป็อาวุธไร้ค่าใช้จ่ายใช่หรือไม่?”
“ไม่ใช่” ผู้ฟังส่ายหน้า
เ่ิูชะงักกึก
“แต่ในเมื่อเ้าใช้มันได้ตามประสงค์ ข้าก็ขอยกให้แล้วกัน” ชายกลางคนหัวเราะ เขาเพียงผายมือทีหนึ่ง สมุดเล่มเล็กสีน้ำเงินอ่อนพลันปลิวเข้ามาหา แล้วตกลงกลางมือของเด็กหนุ่มศิษย์ใหม่
“นี่คือกระบวนหอกคร่าวๆ เชิญเ้าเอากลับไปฝึกเล่นๆ เถิด” ว่าพลางมิคลายรอยยิ้ม
“ขอบพระคุณมากขอรับ” เ่ิูค้อมกายคำนับอย่างจริงใจ
“ขอบพระคุณอะไรกัน พวกนี้เป็สิ่งที่เขาสมควรทำทั้งนั้น” อาจารย์ร่างกำยำเอ่ยไม่ได้มองตาม้าตาเรือเลย ทั้งยังหัวเราะฮี่ๆ อีกต่างหาก
อีกด้านหนึ่ง บุรุษเคราดำยาวดูเหมือนจะคุ้นชินกับอาการ ‘ขี้พาล’ ของเวินหว่าน เขาได้แต่กลอกตา
“แต่หอกนี้ยาวเกินไป ถือไม่ถนัดน่ะสิ...” เ่ิูชักกลัดกลุ้มบ้าง หรือจะไปซื้อปลอกสมบัติเก็บหอกโดยเฉพาะดี? ตัวเขาอาจไม่มีเงินมากเพียงนั้นนะ
ราวกับอ่านใจเ่ิูออก ชายกลางคนเครายาวถึงได้เอ่ยกลั้วรอยยิ้ม “เพราะเหล็กหุบเขาเหน็บหนาวหนักเกินไป เกรงว่าปลอกหุ้มมีค่าธรรมดาจะรับไว้ไม่ไหวหรอก ทว่า เ้าลองตรวจตราดูดีๆ สิ ความจริงแล้วส่วนกลางของหอกนี้ มันพับได้...”
เ่ิูนิ่งงัน เขาสำรวจอย่างถี่ถ้วน พลันพบความลับบางอย่างที่แอบซ่อนไว้ตามคาด
ส่วนกลางของหอกที่ยาวนักนั้น งานหยาบกว่าสองด้านเล็กน้อย เขาลองบิดดูทีหนึ่ง เสียงฉับของกลไกก็หลุดรอดออกมา หอกยาวแบ่งแยกเป็สองส่วน ส่วนกลางปรากฏด้ามจับออกมาโดยอัตโนมัติ
“ยังมีรูปลักษณ์เช่นนี้หมกเม็ดอยู่อีกหรือนี่ ดีจริง!”
เ่ิูใช้ทั้งสองมือจับหอกด้ามหนึ่ง ดาบปลายหอกยาวสองฉื่อยามนี้ดุจดั่งดาบั์ประหลาดล้ำ แต่ละส่วนหนักหกร้อยสี่สิบสี่จิน เขาโบกและควงถนัดมือยิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
พอกลายเป็เช่นนี้ หอกสองด้ามก็เหลือความยาวเพียงหนึ่งเมตรเจ็ด หากถูกแบกไว้บนหลังคงไม่สะดุดสายตาเกินไปนัก
...
พอเดินจากศาลาศาสตราไร้ราคาออกมา บนหลังของเ่ิูก็มีซองหอกหนังสัตว์ป่าพันรอบหอกไน่เหอที่แยกออกเป็สองส่วน เขายิ่งดูสง่างามทรงภูมิเข้าไปอีก
ถึงแม้เ้าตัวจะอายุแค่สิบสี่ แต่ส่วนสูงก็ใกล้เคียงหนึ่งร้อยแปดสิบเข้าทุกที เรือนร่างใหญ่โตล่ำสัน พอเติมเครื่องประดับเช่นนี้แล้ว มีแต่จะเพิ่มพูนกลิ่นอายทระนงให้มากขึ้นเท่านั้น
“ขอบใจท่านเวิน ข้าทำให้ท่านลำบากแล้ว” เ่ิูตบบ่าเวินหว่าน
หลายวันมานี้ทั้งสองสนิทสนมกันล้นเหลือ ความสัมพันธ์ศิษย์อาจารย์เปลี่ยนเป็สหายรู้ใจกันเรียบร้อย การพูดการจาเองก็เป็กันเองไปด้วย
“ฮ่าๆ เื่จิ๊บจ๊อยน่า ข้าก็แค่ยืมบุปผาบูชาพุทธรูปเท่านั้นเอง” เวินหว่านพอใจนัก
เ่ิูหัวเราะแล้วก็ไม่พูดอะไรต่ออีก
แต่เขารู้ดีว่าเวินหว่านคงพินิจเห็นปัญหาเื่การทดสอบป่าเปล่าเปลี่ยวตั้งนานแล้ว หอกด้ามนี้ย่อมต้องเป็อาวุธที่เขาเสาะหามาอย่างยากลำบากเพื่อตนเป็แน่ ไม่เช่นนั้นแล้ว ตอนที่สนามนั้น บุรุษกลางคนเคราดำคงไม่ยกหอกนี้ให้เขามาง่ายๆ หรอก
และเ่ิูก็มองออกอีก ว่าเวินหว่านและบุรุษแซ่เฉาผู้นั้นมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน
ทว่าก็มิอาจรู้ ว่าชายคนนั้นเป็ใครมาจากไหน ถึงได้ใช้ชีวิตลงหลักปักฐานอยู่ในสำนักกวางขาวได้
แต่ในเมื่อเวินหว่านไม่พูด เขาก็จะไม่ถาม
เขาบอกลาผู้าุโกว่าแล้วเดินทางกลับหอพัก
ตอนที่มาถึงหน้าประตูใหญ่นั้นเอง อาจารย์คุมหอพักผมขาวผู้นอนกรนอยู่บนเก้าอี้พลันลืมตาแล้วพึมพำ “เ่ิู?”
เ่ิูหยุดฝีเท้า
อาจารย์คุมหอพักคนนี้อารมณ์ไม่ค่อยเป็ผู้เป็คนสักเท่าใด ตลอดมาแทบไม่คุยกับศิษย์หน้าไหน และยังเคร่งครัดรุนแรง ทุกคนคิดเอาเองว่าเขาเป็คนใบ้ วันนี้เกิดตบะแตกเอ่ยชื่อเขาออกมากระนั้นหรือ?
เ่ิูพยักหน้ารวดเร็ว ยังไม่คลายจากอารมณ์ประหลาดใจ “ข้าเอง”
“มีของของเ้า ที่แม่หญิงน้อยฝากมาให้ นางรอเ้าที่นี่เนิ่นนานนัก ไม่เห็นเ้ามาสักที จึงฝากให้ข้าส่งมันให้เ้าแทน” อาจารย์ตรวจหอส่งย่ามสีชมพูอ่อนงดงามเหลือเชื่อมาให้เขา หลังจากนั้นก็ไม่สนใจไยดีเขาอีก เพียงหลับตาแล้วนอนกรนต่อไป
เ่ิูรับย่ามติดกลิ่นหอมอ่อนๆ นั้นมา รู้ว่าคือของที่นางมักสะพายติดตัวเป็ประจำทุกวัน
เด็กน้อยเอ๋ย
เขาเปิดออกดูสักหน่อย ภายในมีของมากมายระเกะระกะปนเป กลิ่นอายรสชาติของเนื้อตุ๋นและของหวาน เหล้าแรงนาม ‘ขัณฑ์สุคนธ์’ เสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนอีกสองสามชุด รองเท้าหนังหัวพยัคฆ์ กระโจมเข้าค่ายหอ ที่ดับไฟ เครื่องหอมอาบน้ำ และยังพลุสัญญาณขอความช่วยเหลืออีกหลายดอก
เ่ิูทำอารมณ์ไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะเลยจริงๆ
เด็กคนนี้ช่างคิดรอบคอบเหลือเกิน ทว่านี่มัน้าบอกให้เขาไปร่วมค่ายด้วยชัดๆ ไฉนต้องเอาชีวิตไปผจญกับการทดสอบนั้นด้วยเล่า?
ทว่าหลังมองย่ามนี้แล้ว เ่ิูก็จินตนาการออกไปถึงภาพร่างเล็กยืนจิ้มนิ้วชี้เข้าหากันตอนคิดวางแผนว่าจะซื้ออะไรส่งมาให้เขาดี ของเหล่านี้แม้นมิใช่ ‘เกราะอ่อนขั้วโลก’ อันมูลค่ามหาศาล แต่สำหรับเขาแล้ว น้ำหนักมันก็หนักเหมือนกัน!
นี่คือของแทนความรู้สึกของเด็กหญิงนางหนึ่ง
ความห่วงใยของมิตรแท้
“เอ๋? ยังมีกระดาษอีกแผ่นนี่...” เ่ิูชำเลืองเห็นซองจอดหมายที่พับไว้อย่างประณีต
เขาเปิดอ่าน...
“พี่ชิงหยู ข้ารอท่านไม่ได้ ถูกพี่สาวลากไปเสียแล้ว...มีเื่สำคัญมากๆ ต้องบอกท่าน ทดสอบศึกจริงครั้งนี้ท่านต้องระวังตัวให้ดีๆ นะ หลิวเล่ยเ้าคนเลวนั่นหายจากาเ็แล้ว เขาสาบานจะแก้แค้นท่านอยู่ในมุมมืดให้จงได้...”
ลายมือหวัด ดูฉุกละหุกนัก นางต้องเขียนตอนวินาทีสุดท้ายที่ถูกพี่สาวบังคับลากไปเป็แน่
เ่ิูอ่านจบแล้วก็มีเพียงความคิดเดียวแลบแล่นในหัว
หลิวเล่ยหรือ?
ไอ้บ้าหลุดโลกนั่น...หากยังกล้ามาก่อกวนเขาอีกล่ะก็ อย่ามาโทษความโเี้ของเขาก็แล้วกัน!
เ่ิูยิ้มเย็น
เขากลับถึงหอพัก เพื่อนร่วมห้องสามคนกำลังคุยอะไรบางอย่างกันอย่างออกรสออกชาติในห้องรับแขก พอได้ยินเสียงเด็กหนุ่มกลับเข้ามา การพูดคุยก็ลดน้อยลงจนแทบจะเป็หยุด
เ่ิูไม่ได้สนใจอะไรสามคนนั้น เขาเดินตรงเข้าห้องส่วนตัวตนเอง เริ่มฝึกวิชา ปรับสภาวะตัวเอง
เวลาผ่านไปไวเหมือนเช่นเคย
ยามเที่ยงคืนดึกสงัด เขาเปิดกระบวนหอกนั้นออก
พออ่านส่วนมากไปได้รอบหนึ่ง เ่ิูก็หัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่ได้
“วันนี้ตอนบุรุษเคราดำยาวนั่นส่งตำรานี้ให้ข้า แล้วบอกว่าเป็แค่กระบวนหอกบ้องตื้นธรรมดา ข้าก็นึกว่าเป็วาจาถ่อมตัว ที่ไหนได้พูดไม่ผิดสักคำ ช่างตื้นเขินเหลือเกิน! ”
สมุดสีน้ำเงินบันทึกไว้แต่ท่วงท่าการใช้หอกยาวอย่างง่ายดายและธรรมดาที่สุดไว้ รวมถึงจุดง่ายๆ ของศิลปะการยิงหอกที่เขารู้กันทั่วบ้านทั่วเมือง ไม่เหมาะควรกับการเป็กระบวนคู่ใจกับหอกไน่เหอเช่นนั้นเลยสักนิด
“อย่างนี้ก็ดี เื่ใหญ่ย่อมสะสมมาจากเื่เล็ก วรยุทธ์ใดก็ตาม ล้วนแต่ต้องริเริ่มจากการฝึกขั้นพื้นฐาน ท่านเวินเคยบอกไว้ ใต้หล้านี้มีคัมภีร์วรยุทธ์ขั้นเซียนอยู่จริงแท้แน่นอน ทว่าหากจอมยุทธ์ไม่ยืนหยัด ไม่ติดดินอย่างแกร่งกล้า ถึงคัมภีร์จักอยู่ตรงหน้า ย่อมไม่มีทางฝึกได้สำเร็จ!”
เ่ิูไม่เคยสิ้นความหวัง
....
วันต่อมา
เ่ิูยังคงฝึกเหมือนเช่นเมื่อวาน
รอจนเขาฝึกฝนกระบวนหอกหลายสิบครั้งบนลานแสดงยุทธ์เสร็จ จึงเดินไปกินข้าวเช้าที่โรงอาหาร จากนั้นก็กลับมาหอพักเพื่ออาบน้ำผลัดเสื้อผ้า ท้องฟ้าทิศตะวันออกเพิ่งกำเนิดแสงแรกเริ่มแห่งเช้านี้