คณะเดินทางของพวกเขา มีเด็ก มีสตรี มีคนาเ็ การเดินทางย่อมมีความเสี่ยงสูง
เหลียนชีผู้นั้นมีความสามารถแท้จริง แต่ก็มีปัญหา
ก้าวย่างของเขาอ่อนแอ ไร้กำลัง แม้จะสามารถปามีดบิน แต่ไม่อาจฝืนกำลังได้นานนัก
อีกอย่างใบหน้าที่มีแต่แผลเป็ของเขา เมิ่งเฉิงเจ๋อคะเนว่าบนร่างกายของเขาน่าจะต้องมีาแอย่างแน่นอน
ผู้คุ้มกันข้างกายสักคนก็ยังไม่มี ไม่รู้ว่าถูกคนวางแผนทำร้ายหรือไปเจอสถานการณ์แบบไหนมา
เมิ่งเฉิงเจ๋อรู้สึกว่าการทำสัญญาเป็การตัดสินใจที่ผิดพลาด
แม้สถานะของเหลียนชีอาจไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากเป็ัถูกกักในน้ำตื้น ตนเองไม่ควรตกอยู่ในอำนาจบีบคั้นของเขาง่ายๆ
แต่คนอย่างเมิ่งเฉิงเจ๋อสามารถบุกเบิกการค้าจนยิ่งใหญ่ภายในเวลาสั้นๆ ย่อมมีส่วนที่อยู่เหนือผู้อื่น
เมื่อเงื่อนไขถูกกำหนดไว้แล้ว เขาเองก็ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับผลกำไรสามส่วนนั้น
แต่ถ้าเดิมพันถูกฝ่าย ภายหน้าก็จะสร้างผลประโยชน์ให้สกุลเมิ่งมหาศาล
ต่อให้ลงพลาดก็ไม่เป็ไร การค้ากระเป๋าสะพายยังมีอนาคตอีกไกล ให้ส่วนแบ่งกำไรมากหน่อยก็ไม่มีปัญหา
"เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านมาก มีงูเ้าถิ่นอย่างนายน้อยเมิ่งออกหน้าสอบถาม คงจะดีกว่าพวกเราที่เป็คนนอกเป็ไหนๆ"
เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มกล่าวขอบคุณ
"ฮ่าๆ ผู้น้อยยังไม่อาจนับว่าเป็งูเ้าถิ่นของเมืองชางตาน"
เมิ่งเฉิงเจ๋อได้ยินคำกล่าวนี้ก็สะบัดพัดกางออก ยกขึ้นมาป้องรอยยิ้มบนใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง เนตรหงส์เรียวเชิดขึ้นน้อยๆ ชะม้ายมองแลดูมีเสน่ห์น่าหลงใหล
เห็นเขาหัวเราะถึงเพียงนั้น เซวียเสี่ยวหรั่นก็รู้สึกกระดาก งูเ้าถิ่นควรใช้กับพวกอันธพาลเกกมะเหรก คหบดีใหญ่อย่างเมิ่งเฉิงเจ๋อไม่นับว่าเป็งูเ้าถิ่น
"ข้าใช้คำพูดผิดไป" เซวียเสี่ยวหรั่นรีบขออภัย
"ไม่มีปัญหา ต้าเหนียงจื่อไม่ต้องวิตก" เมิ่งเฉิงเจ๋อเก็บรอยยิ้ม
เซวียเสี่ยวหรั่นพรูหายใจอย่างโล่งอก "น้องสาวออกเรือน นายน้อยเมิ่งจะไปส่งถึงแคว้นฉีด้วยตนเองหรือไม่"
"หว่านเหนียงเดินทางล่วงหน้าไปก่อน รอถึง่ใกล้งานแต่ง ข้าค่อยเจียดเวลาไป"
เมิ่งเฉิงเจ๋อมีน้องสาวร่วมอุทรเพียงคนเดียว บิดาเขาสุขภาพไม่ดี มารดาต้องดูแลบิดา เขาซึ่งเป็พี่ชายย่อมต้องเดินทางไป"
"เช่นนั้นถึงเวลา พวกเราค่อยพบกันที่เมืองหลวง"
เซวียเสี่ยวหรั่นมาอยู่ในแผ่นดินซึ่งแปลกถิ่นต่างที่ ไม่รู้จักใครสักคน ถึงไปเมืองหลวงแคว้นฉีดวงตาทั้งสองก็เหมือนอยู่ในความมืด พอนึกว่าพวกเขาสองพี่น้องจะไปที่นั่น นับได้ว่าเป็คนรู้จักอยู่ครึ่งตัว เธอก็ยังรู้สึกดีใจ
เมิ่งเฉิงเจ๋อเห็นนางยิ้มจนเผยเห็นฟัน ไม่เหมือนคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์ที่ชอบป้องปากยิ้มไม่ให้เห็นฟัน ก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ
ขณะส่งแขก เมิ่งเฉิงเจ๋อรับขวดกระเบื้องเคลือบสีขาวใบเล็กมาจากสาวใช้
"นี่คือสีผึ้งบำรุงผิวชั้นยอด ช่วยลบรอยแผลเป็ได้ผลชะงัดยิ่ง มอบให้แม่นางอูรักษาแผล"
อูหลันฮวาอึ้งงัน หันไปมองเซวียเสี่ยวหรั่น
เซวียเสี่ยวหรั่นกลับตาลุกวาว มิน่าเมื่อครู่เห็นเขาสั่งให้สาวใช้ไปหยิบของบางอย่าง ที่แท้ก็เป็สีผึ้งบำรุงผิว เธอรีบยื่นมือไปรับ
"นายน้อยเมิ่งช่วยส่งถ่านกลางหิมะแท้ๆ เลยเชียว ข้าคิดจะไปร้านขายยาอยู่พอดี ต้องขอบคุณท่านมาก"
"ต้าเหนียงจื่อเกรงใจแล้ว นี่คือสีผึ้งบำรุงผิวดีที่สุดของชางตาน ไม่ต้องไปหาซื้อที่ไหนอีก"
เมิ่งเฉิงเจ๋อวางตัวอ่อนโยน สุขุมคัมภีรภาพ
คิดในใจว่าแทนที่จะเติมบุปผาบนดิ้นแพร มิสู้ส่งถ่านกลางหิมะ
การยื่นมือให้ยามที่พวกเขา้าความช่วยเหลือ ย่อมแสดงถึงเจตนาดี
ผูกบุญสัมพันธ์กันไว้ หนทางที่สามารถก้าวเดินภายหน้ายิ่งกว้างไกล
เขาเป็คนทำการค้าย่อมไม่ปล่อยเื่ผลประโยชน์ไปง่ายๆ
หลังส่งแขกกลับแล้ว เมิ่งเฉิงเจ๋อก็โบกพัดในมือเดินกลับไปห้องรับแขก
เอื้อมมือไปหยิบสารฉบับนั้นมาดูรอบหนึ่ง
เขาเป็พ่อค้าผู้มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว หาใช่คนเขลาที่ยึดมั่นกฎเกณฑ์
เมื่อมิได้ปิดผนึกย่อมต้องเปิดดู
เมื่อเห็นว่าสิ่งที่กางอยู่ตรงหน้าเป็เพียงภาพสะอาดตาแลดูเรียบง่าย หัวคิ้วก็ย่นเข้าหากัน
เขาไม่เชื่อว่าของที่เหลียนชีฝากส่งจะเป็เพียงภาพเขียนธรรมดา
"จุดตะเกียง"
ตะเกียงบุษบงดวงหนึ่งถูกยกมาตั้งบนโต๊ะชงชา
เมิ่งเฉิงเจ๋อยกแผ่นกระดาษเข้าใกล้เปลวไฟอย่างระมัดระวัง แต่กลับไม่เห็นสัญลักษณ์ใดๆ
เขานิ่งคิดอยู่ครู่ใหญ่
ช่างเถอะ เมื่อเหลียนชีกล้าฝากส่ง ก็ย่อมมีความมั่นใจเพียงพอว่าข่าวจะไม่รั่วไหล
แต่นี่ก็เป็เครื่องพิสูจน์ทางอ้อมว่าสถานะของเหลียนชีต้องไม่ธรรมดา
เล่ห์กลจำพวกนี้ หาใช่สิ่งที่คนสามัญทั่วไปจะรู้ได้
เซวียเสี่ยวหรั่นสีหน้าชื่นมื่น ถือขวดกระเบื้องเคลือบใบเล็กสีขาว เดินกลับพร้อมกับอูหลันฮวา
"ต้าเหนียงจื่อ เหตุใดท่านถึงบอกนายน้อยเมิ่งว่าข้าเป็น้องสาวของท่านเล่า" อูหลันฮวายังติดใจเื่นี้อยู่
"เ้าอายุน้อยกว่าข้า ไม่เป็น้องสาว หรือจะเป็พี่สาว" เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มอย่างหยอกเย้า
"ขะ... ข้าไม่ได้หมายความเช่นนี้เสียหน่อย" อูหลันฮวาร้อนใจ พูดเริ่มไม่ชัดอีกแล้ว "ข้าลงนามในสัญญาขายตัว ก็คือสาวใช้ของท่าน"
"ไม่เอาน่า หลันฮวา ข้าไม่้าสาวใช้ ข้าจะคืนสัญญาขายตัวให้แก่เ้าตั้งนานแล้ว แต่เ้าเพียรแต่ไม่รับ"
เซวียเสี่ยวหรั่นปวดหัวกับเื่นี้ อูหลันฮวาเป็คนหัวแข็ง พูดอย่างไรก็ไม่เข้าหู
"ต้าเหนียงจื่อ ท่าน... ท่านไม่อยากให้ข้าเป็สาวใช้หรือ" อูหลันฮวาใพูดฟังไม่ได้ศัพท์
"ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้าแค่จะบอกว่าเ้าเป็น้องสาวข้าได้ ไม่ต้องเป็สาวใช้หรอก" เซวียเสี่ยวหรั่นรีบอธิบาย
อูหลันฮวากลับส่ายหน้ายิก แสดงเจตนาอย่างเด็ดขาด "ต้าเหนียงจื่อ ข้ามีชะตาเป็สาวใช้"
"หลันฮวาเอ๋ย ข้าหวังดีกับเ้าหรอกนะ เป็สาวใช้มีอะไรดี ต่อไปเ้ายังต้องออกเรือน มีครอบครัวของตนเอง ต้องมีสถานะเป็บุคคลอิสระถึงจะมีทางเลือกที่ดีงาม"
เซวียเสี่ยวหรั่นเกลี้ยกล่อมระอาใจ
"ไม่ๆๆ ต้าเหนียงจื่อ ข้าไม่แต่งงาน ข้าจะเป็สาวใช้ของท่านชั่วชีวิต" สีหน้าของอูหลันฮวาหนักแน่นจริงจัง
เซวียเสี่ยวหรั่นกลับรู้สึกใต่อคำพูดของนาง
ยามนี้ฟ้าใกล้มืดแล้ว ร้านค้าละแวกใกล้ๆ เริ่มแขวนโคมแดง
คนบนท้องถนนยังคงเดินขวักไขว่ สายตาหลายคู่จดจ้องมาที่พวกนางสองคน
เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นเช่นนั้น ก็รีบดึงอูหลันฮวาไปจากตรงนั้น
"เื่นี้เอาไว้ค่อยว่ากันทีหลัง"
นี่คือลาดื้อขนานแท้ เซวียเสี่ยวหรั่นจำต้องวางมือจากเื่นี้ชั่วคราว เมื่อนางอยากเป็สาวใช้ ก็ให้เป็ไปก่อน
อย่างไรเสีย เหลียนเซวียนก็บอกว่า สัญญาขายตัวของอูหลันฮวาไม่ได้ลงบันทึกกับทางการ ยังไม่นับว่าอยู่ในสถานะทาส
ต่อไปมีเวลาค่อยเกลี้ยกล่อมกันไป
กลับมาถึงโรงเตี๊ยม เซวียเสี่ยวหรั่นถือสีผึ้งบำรุงผิวไปหาเหลียนเซวียนที่ห้อง
"นี่คือของที่เมิ่งเฉิงเจ๋อให้หา ท่านลองดูว่าเป็ของดีหรือไม่"
เธอยื่นขวดสีขาวใบเล็กส่งให้เขา
ใช่ว่าเธอไม่เชื่อมั่นในตัวเมิ่งเฉิงเจ๋อ แต่ในใจเธอเหลียนเซวียนเป็พหูสูตไม่มีเื่ไหนที่เขาไม่รู้ มีของอะไรหน่อยเป็ต้องเอามาให้เขาช่วยดูตลอด
เหลียนเซวียนเงยหน้าขึ้น เห็นรอยยิ้มจากหางตาของนาง ท่าทางอารมณ์ดีมาก
ถึงเปิดฝาขวดแล้วตรวจสอบสี กลิ่น แล้วแตะเล็กน้อยมาป้ายบนหลังมือ
"เป็สีผึ้งบำรุงผิวชั้นยอด มีสรรพคุณรักษาแผลเป็ให้หายได้"
