ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่จับจ้องมา หลัวเลี่ยยังคงสงบจนน่ากลัว
ความนิ่งสงบนี้ แม้แต่ไป๋หลี่ชางและหลิวจื่ออั๋งก็ลอบชื่นชมในใจอย่างเงียบๆ หากเป็พวกเขาก็คงไม่อาจแสดงท่าทีที่นิ่งเฉยเช่นนี้ได้
โดยเฉพาะหลิวจื่ออั๋ง จริงๆ แล้วเขาอยากออกหน้าแทนหลัวเลี่ย มันไม่ใช่เพราะเขาจะทำเพื่อหลัวเลี่ย แต่เขาเองก็้าตราราชันข่งเชวี่ยเช่นกัน แต่เขารู้ดีว่ามันเป็ไปไม่ได้ เพราะหอการค้าฟ้านเทียนก็้าตราราชันข่งเชวี่ยเพื่อต่อสู้กับหอเซียวเหยา ดังนั้นตอนนี้เขาจึงทำได้เพียงเป็ผู้รับชมเท่านั้น
หลังจากนั้นไม่นาน หลัวเลี่ยก็พูดว่า “ผู้าุโไป๋หลี่ ข้าได้ยินไม่ชัด รบกวนท่านพูดอีกครั้ง”
เกิดความโกลาหลขึ้นรอบๆ โดยทันที
ได้ยินไม่ชัด? จะเป็ไปได้อย่างไร
ไป๋หลี่ชางจ้องมองอย่างเ็า จากนั้นเขาปลดปล่อยไอพลังออกมาข่มหลัวเลี่ยโดยทันที และพูดกดดันหลัวเลี่ยว่า “เพื่อความปลอดภัยของเ้า ให้เ้าแลกตราราชันข่งเชวี่ยกับตราฟ้านเทียนเสีย และสำหรับความช่วยเหลือนี้ เ้าไม่ต้องขอบคุณทางหอการค้าฟ้านเทียนของเราหรอก”
แม้แต่องค์ชายสามและคนอื่นๆ ที่เกลียดหลัวเลี่ยก็ยังรู้สึกว่าคำพูดเช่นนี้ช่างไร้ยางอายยิ่ง
นี่คือการปล้นชัดๆ แล้วยังจะต้องขอบคุณอีกหรือ
น่าขยะแขยงเกินไป
แต่ไม่มีทางเอาชนะได้ เพราะเขามีอำนาจมากกว่า
ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงมองไปที่หลัวเลี่ย เพื่อดูว่าเขาจะทำอย่างไรต่อไป
แล้วพวกเขาก็ได้เห็นว่าหลัวเลี่ยยังคงนิ่งสงบอยู่และมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า “ถ้าเช่นนั้นข้ารบกวนผู้าุโไป๋หลี่ช่วยชี้แนะด้วยว่า ตราฟ้านเทียนกับตราราชันข่งเชวี่ยมีค่าเท่ากันหรือไม่”
หากไป๋หลี่ชางกล้าพูดว่ามีค่าเท่ากัน เช่นนั้นก็จะเป็การไม่ให้เกียรติบรรพชนข่งเซวียน แล้วไป๋หลี่ชางจะกล้าพูดออกมาได้อย่างไร
“พวกเรากำลังช่วยเ้าอยู่ ช่วยให้เ้าได้มีชีวิตอยู่ต่อไป นี่คือสิ่งที่ตราฟ้านเทียนจะช่วยในการไว้ชีวิตเ้า” ไป๋หลี่ชางขู่ตรงๆ
หลัวเลี่ยค่อยๆ ก้าวไปข้างหน้าสองก้าว มองไปที่ไป๋หลี่ชาง และเมื่อทุกคนตั้งใจฟัง เขาก็ค่อยๆ พูดอย่างเน้นย้ำทีละคำ “ไป...ตาย...ซะ...!”
ชู่ว!
ทุกเสียงเงียบลงโดยฉับพลัน
ด้วยสถานะของไป๋หลี่ชางและหลิวจื่ออั๋งนั้นสูงส่ง ทำให้เขาไม่สามารถทนต่อคำด่าทอจากคนอื่นได้ และเขาก็ใมากกับคำด่าของหลัวเลี่ย
ไม่มีใครคาดคิดว่าหลัวเลี่ยจะตอบสนองเช่นนี้
พวกเขาคิดว่าหลัวเลี่ยจะต้องแบกรับความอัปยศอดสู และยอมแลกตราราชันข่งเชวี่ยไป เขาไม่มีทางเลือกเพราะอีกฝ่ายแข็งแกร่งเกินไป ดังนั้นเขาจึงต้องเลือกทางที่ทำให้จะยังมีชีวิตอยู่
แม้บางคนรู้สึกว่าหลัวเลี่ยคงปฏิเสธข้อตกลงในการแลกเปลี่ยน แต่พวกเขาไม่คาดคิดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น
แม้กระทั่งหลิวจื่ออั๋งก็ถึงกับภาวนาขอให้ไป๋หลี่ชางกดดันหลัวเลี่ยอีกครั้ง เพื่อที่เขาจะได้ออกหน้า โดยไม่สำคัญว่าหลัวเลี่ยจะเป็ศิษย์ของเขาหรือไม่ แต่อย่างน้อยก็จะมีเหตุผลที่ทำให้หอเซียวเหยาสามารถเข้าร่วมการต่อสู้ในครั้งนี้ได้
แต่ใครจะรู้ว่าหลัวเลี่ยนั้นเข้มแข็งมาก
“เ้าด่าข้าหรือ?” ไป๋หลี่ชางจ้องไปที่หลัวเลี่ยอย่างดุร้าย
ขณะที่หลัวเลี่ยก็จ้องตาเขากลับโดยไม่หลบสายตา หรือแสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอใดๆ “ข้าด่าเ้าแล้วจะทำไม ตราราชันข่งเชวี่ยเป็ของข้า เ้ามีสิทธิ์อะไรมาแย่งไป แล้วยังมีหน้ามาบอกให้นำไปแลกกับตราฟ้านเทียน หนำซ้ำยังบอกให้ข้าขอบคุณอีก ข้าเอียนกับพฤติกรรมไร้ยางอายของเ้าจนอยากจะอ้วกออกมาอยู่แล้ว ข้าด่าเ้าแค่นี้ยังนับว่าไว้หน้าเ้าด้วยซ้ำ”
“เ้าอยากตายหรือ!” ความตั้งใจที่จะฆ่าของไป๋หลี่ชางพุ่งสูงขึ้น
หลัวเลี่ยเบะปาก ก่อนจะพูดว่า “ตาเฒ่า ส่งตราราชันข่งเชวี่ยมาให้ข้า!”
ทั้งด่าเขา แล้วยังเรียกเขาว่าตาเฒ่า
ไป๋หลี่ชางกำลังจะะเิอารมณ์แล้ว เขาอยากจะฉีกหลัวเลี่ยเป็ชิ้นๆ ดวงตาของเขาเบิกกว้างและจ้องมองไปที่หลัวเลี่ยอย่างดุร้าย
“เอามา!”
หลัวเลี่ยยื่นมือออกไปโดยไม่แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอ
และความอยากฆ่าของไป๋หลี่ชางนั้นร้ายแรงยิ่งกว่า
หลัวเลี่ยยังคงยื่นมือออกไปและะโว่า “ส่งมันมา!”
ท่าทางดังกล่าวทำให้หลายคนประหลาดใจในความแข็งแกร่งของหลัวเลี่ย
แต่มีบางคนที่คิดได้อย่างรวดเร็ว และรู้ว่าทำไมหลัวเลี่ยถึงกล้าปฏิบัติต่อไป๋หลี่ชางเช่นนี้ นั่นเป็เพราะหยาดจันทร์นิรวานถูกประมูลในภพจิตั และตามกฎของภพจิตัแล้ว รายได้จากการประมูลจะต้องส่งมอบให้กับเ้าของเสียก่อน แล้วจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นก็ให้เป็เื่ที่เ้าของตัดสินใจเอง แต่หากกลืนน้ำลายตัวเองและเก็บรายได้จากการประมูลไว้ ก็เท่ากับว่ากำลังท้าทายภพจิตัแล้ว
อันที่จริง กฎนี้ถูกสร้างขึ้นโดยเผ่าั เพราะเดิมทีแล้วภพจิตัถูกสร้างขึ้นจากเผ่าั ดังนั้นพวกเขาจึงสร้างกฎขึ้นเพื่อให้เกิดความยุติธรรม แน่นอน สิ่งนี้ยังเป็การแสดงถึงศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจของเผ่าัที่แม้แต่นักปราชญ์ยังชื่นชมอีกด้วย
หลัวเลี่ยเพิ่งคุ้นเคยกับกฎในโลกแห่งภพจิตั ดังนั้นเขาจึงใช้กฎเหล่านี้
“ข้าจะถามเ้าเป็ครั้งสุดท้าย…” น้ำเสียงของไป๋หลี่ชางเย็นเยียบ
“ส่งมันมา!”
หลัวเลี่ยเอ่ยขัดประโยคของไป๋หลี่ชาง
ไป๋หลี่ชางกำลังจะคลั่ง เขาเอื้อมมือไปหยิบตราราชันข่งเชวี่ยออกมาจากกระเป๋าเฉียนคุณของเขา และกระแทกมันลงบนโต๊ะ “ข้ามั่นใจว่าเ้าไม่มีทางออกไปจากที่นี่ได้แน่”
“เ้าขู่ข้าหรือ” หลัวเลี่ยถามขึ้น
“ขู่? เ้าคิดว่าตัวเองเป็ใคร คนอื่นอาจไม่รู้ แต่ผู้าุโเช่นข้ารู้ดี เ้าก็แค่หลบอยู่หลังชื่อของหลิวจื่ออั๋ง หลอกให้คนอื่นคิดว่าเ้าเป็ศิษย์ของเขา” ไป๋หลี่ชางพูดอย่างดูถูกเหยียดหยาม “หากเ้ายอมคุกเข่าและส่งตราราชันข่งเชวี่ยมาให้ข้า ข้าจะไม่ถือโทษกับวาจาของเ้า แต่ถ้าเ้าไม่ทำ เ้าต้องตาย!”
สุดท้ายท่าทางเสแสร้งเป็คนดีก็หายไป และถูกแทนที่ด้วยท่าทางข่มขู่ที่น่าอับอาย
หากมองจากภายนอกแล้วหลัวเลี่ยดูเป็คนง่ายๆ แต่แท้จริงแล้วเข้มแข็งมาก กล่าวได้ว่าเขาเป็คนที่อ่อนนอกแข็งใน
ด้วยบุคลิกแบบนี้ ทำให้เขาสามารถอดทนต่อ่เวลาที่กดดันได้
ภายใต้การจับจ้องของทุกคนที่อยู่ในบริเวณนี้ หลัวเลี่ยหยิบตราราชันข่งเชวี่ยชูขึ้นสูง เขามองไปที่ไป๋หลี่ชางและพูดขึ้นช้าๆ “ข้าขอบัญชาตราราชันข่งเชวี่ย หากหอการค้าฟ้านเทียนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของข้า ก็ขอให้ท่านบรรพชนข่งเซวียนแก้แค้นแทนข้า และทำลายหอการค้าฟ้านเทียนให้พินาศสิ้น!”
ชิ้ง!
บนตราราชันข่งเชวี่ยมีลายนกยูงห้าสีอยู่หนึ่งตัว และหลังจากที่หลัวเลี่ยเอ่ยจบประโยค ลายนกยูงห้าสีนี้ก็เปล่งแสงออกมา ทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดภายในหนึ่งพันลี้นี้ทำความเคารพมัน
และหลังจากเกิดแสงสว่างวาบนั้น ตราราชันข่งเชวี่ยก็หายไปทันที
จากนั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“ท่านบรรพชนรับทราบแล้ว ขอรับตรากลับคืน”
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนนิ่งเงียบ
หรือหากพูดตามความจริงแล้วคนทั้งเมืองหลวงของแคว้นจินหลานล้วนเงียบกริบ
เสียงที่ได้ยินนั้นอาจเป็เสียงของคนที่ใกล้ชิดกับบรรพชนข่งเซวียน ถึงจะเป็เพียงคนสนิท แต่คนคนนี้ไม่ธรรมดาเลย เกรงว่าเขาคงจะอยู่เหนือระดับกายทองคำไปแล้ว เพราะเมื่อตอนที่เขาเอ่ยปากออกมา ทันใดนั้นก็มีแรงกดดันที่มองไม่เห็นเกิดขึ้น และแรงกดดันนั้นก็กดดันครอบคลุมไปทั่วทั้งเมืองหลวงของแคว้นจินหลาน
เป็เวลาครึ่งนาทีเต็มที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา และไม่มีใครกล้าที่จะทำเสียงดัง
“บ้าไปแล้ว หลัวเลี่ย เ้าเป็บ้าไปแล้ว!”
ในที่สุดหลิวจื่ออั๋งก็เป็คนแรกที่ทำลายความเงียบนี้ เขาะโใส่หลัวเลี่ยอย่างหน้าดำหน้าแดง
หลังจากนั้นทุกคนก็เริ่มเคลื่อนไหว
“บ้าจริงๆ หลัวเลี่ยบ้าไปแล้ว”
“เขาใช้คำสั่งในตราราชันข่งเชวี่ยแล้วจริงๆ”
“สิ่งนั้นคือตราราชันข่งเชวี่ยเลยนะ แต่เขากลับใช้มันอย่างสิ้นเปลืองไปเช่นนี้ น่าเสียดาย น่าเสียดายจริงๆ!”
“เพียงแค่คำคำเดียว เขากลับจะรุกรานหอการค้าฟ้านเทียน และยังใช้ตราราชันข่งเชวี่ยอีก นี่นับว่าไม่คุ้มค่าอย่างแท้จริง!”
คนรอบข้างต่างถกเถียงกัน
มีเพียงหลัวเลี่ยเท่านั้นที่ยังคงสงบนิ่ง และเมื่อเขาเผชิญกับคำพูดนี้ของผู้อื่น เขาก็ยังคงตอบกลับไปอย่างใจเย็นว่า “มันคุ้มค่า!”
พรึ่บ!
กลุ่มคนที่กำลังถกเถียงกันเงียบลงอีกครั้ง พวกเขาเก็บท่าทางต่างๆ และมองไปที่หลัวเลี่ย
จากนั้นพวกเขาก็ได้ยินหลัวเลี่ยพูดว่า “ในชีวิตนี้ของข้าจะไม่ยอมคุกเข่าให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้