และแล้วร้านค้าของทัคคุงก็ได้ถูกเปิดขึ้นหลังจากที่เขาต้องเตรียมการอยู่นาน ในร้านทัคคุงนำของที่ไม่สะดุดตาจากระบบมาขายตามร้าน สินค้าของเขาเป็ที่รู้จักของคนในเมืองดีอยู่แล้ว เพราะเขาคอยขายส่งสินค้าให้ตามร้านค้าในเมืองอยู่ตลอด
เมื่อร้านค้าของเขาเปิดขึ้นจึงได้รับการตอบรับจากชาวเมืองได้ไม่เลว แน่นอนว่ากิจการขายส่งสินค้าเขาก็ยังทำอยู่เหมือนเดิม เขาไม่ได้โง่ ที่พอมีร้านของตัวเองแล้วจะเอาสินค้ามาขายตัดราคาของร้านค้าเ้าอื่น หรือผูกขาดสินค้าเอาไว้ขายแต่ในร้านตนเอง นั่นมันทำให้คนอื่นขุ่นเคืองโดยใช่เหตุ และ ดูไม่ฉลาดเอาเสียเลย
เขาเลือกเส้นทางที่จะร่วมมือกับร้านค้าอื่นๆ เขาได้ตั้งราคาขายปลีกและขายส่งสำหรับสินค้าอย่างชัดเจน นอกจากร้านค้าเดิมที่รับของจากเขาเป็ประจำอยู่แล้ว ทำให้มีร้านค้าใหม่ๆ หลายร้านมาติดต่อรับสินค้าราคาส่งกับเขา
การที่เขาทำแบบนี้แทนที่เขาจะทำกำไรได้น้อยลงแต่มันกลับเพิ่มขึ้น เพราะในร้านของเขามีสินค้าหลายอย่างที่ยังไม่เคยมีร้านค้ารับไปขายต่อมาก่อน แต่เมื่อพวกร้านค้าเห็นสินค้าในร้านของเขาชิ้นไหนขายดี พวกร้านค้าก็จะลองรับสินค้าชิ้นนั้นๆ ไปขายต่อ ถึงราคาขายส่งจะได้กำไรน้อยกว่า แต่ด้วยจำนวนที่มากทำให้เขาทำกำไรได้อย่างรวดเร็ว พวกร้านค้าพอมารับสินค้าที่ร้านของเขา ก็จะสังเกตดูว่ามีสินค้าชิ้นไหนน่ารับไปขายต่อที่ร้านเพิ่มบ้าง สบายกว่าตอนที่เขาต้องไปคอยเสนอสินค้าตามร้านค้าต่างๆ เยอะเลย
ความรู้สึกของเขาในตอนนี้หนะเหรอ...... เหนื่อย เหนื่อยโครต เหนื่อยโครตๆ เหนื่อยโครตพ่อโครตแม่ เลยล่ะ ก็ดูแลร้านอยู่คนเดียวนี่เนอะ
'ทัคคุง ป่วยเหรอ ดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลย'
รุกะที่มาซื้อเครื่องเทศที่ร้านของทัคคุงเอ่ยถาม
"ทำร้านคนเดียวก็เหนื่อยอย่างงี้ล่ะ รุกะจังสนใจมาทำงานที่ร้านผมมั้ย"
ทัคคุงถามเผื่อฟลุ๊ค แน่นอน รุกะจัง ก็ต้องปฏิเสธ เธอมีร้านของครอบครัวของเธออยู่แล้ว แถมงานเธอก็ยุ่งด้วย
ทัคคุงควรทำอย่างไงต่อไปดีนะ............
