บนูเากระดูกนั้นมีกองกระดูกมากมาย ถนนทั้งสายปูไปด้วยกระดูกนานาชนิด ทั้งกระดูกสัตว์ และมนุษย์ เรียงรายไปทั่วทุกหนแห่ง
หมู่เรือนในค่ายแห่งนี้ แค่ดูจากชนิดของกระดูกและจำนวนที่กองอยู่หน้าประตูเรือน ก็พอจะตัดสินสถานะของเ้าของเรือนบนูเาแห่งนี้ได้
ส่วนเรือนแม่นางหลัวนั้น ทางเข้าเรือนล้วนปูด้วยกระดูกสีขาวบริสุทธิ์ทอดยาวเป็สาย
วันก่อนยามหลัวอู๋เลี่ยงเดินขึ้นไปบนเขานั้น นางก็รู้สึกไม่ค่อยสบายตัวนัก
ทว่าวันนี้ไม่รู้เพราะเหตุใด หรืออาจเป็เพราะร่างกายของนางไม่ปกติ วันนี้จึงไม่ได้มีความรู้สึกเช่นวันวาน
ยามเมื่อกลับถึงเรือน นางจึงเอนหลังครู่หนึ่ง
เพียงแต่ความรู้สึกระคายคอนั้นยังคงรบกวนนางอยู่ ทว่าเมื่อคิดถึงใบหน้าแป้นแล้นของเ้าตัวน้อยยามยื่นแมลงมาให้ตนนั้น ใบหน้างามก็อดมุ่นคิ้วน้อยๆ ไม่ได้
นางเข้าใจเจตนาของเ้าตัวน้อยดี
นางอุ้มร่างนุ่มนิ่มนั้นเสียตั้งหลายวัน ซ้ำยังป้อนนมจากอกตนให้ นางจึงพอจะรู้ทันทารกน้อยอยู่บ้าง
เ้าเด็กนั่นแค่้าจะประจบนาง จึงได้ป้อนแมลงเข้าปากนางตัวหนึ่ง
หลัวอู๋เลี่ยงที่นอนอยู่บนเตียง เมื่อคิดถึงภาพเหตุการณ์นั้น ความรู้สึกอยากอาเจียนก็พลันจู่โจม จากนั้นนางจึงอาเจียนออกมาจริงๆ
ความขยะแขยงพลันไหลบ่าเข้ามาในใจ
หญิงงามเพียงพะอืดพะอมก็สำรอกก้อนเืออกมาก้อนหนึ่ง
เสี่ยวเถา สาวใช้ข้างกายนางเห็นดังนั้นก็ตื่นใ ทุก่นี้ของทุกเดือนนายหญิงก็นับว่าไม่ค่อยสู้ดี แต่ก็ไม่คาดคิดว่าวันนี้จะถึงขั้นอาเจียนเป็ก้อนเืออกมา
เมื่อนางเห็นก้อนเืกลมๆ นั้นไหลออกจากปากนายหญิง แม้ใจจะหวาดหวั่นเหลือแสน แต่ก็ทำได้เพียงรีบเก็บกวาดมันไปเสีย
เสี่ยวชุนละล้าละลังอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหมุนกายไปแจ้งข่าวแก่นายท่านใหญ่
ตอนที่เสี่ยวชุนไปถึงนั้น นายท่านใหญ่กำลังสนทนาอยู่กับนายท่านสาม นายท่านใหญ่เมื่อได้ยินสาวใช้แจ้งว่าสตรีของตนอาเจียนเป็เื ก็พรวดพราดลุกออกไปหานางทันที
จวบจนเมื่อชายหนุ่มมาถึง หลัวอู๋เลี่ยงก็หลับลึกเสียแล้ว ซ้ำยังดูหลับสนิทกว่ายามปกติเสียด้วยซ้ำ ทว่าใบหน้างามนั้นกลับไร้สีเื
นายท่านใหญ่นั่งอยู่เพียงครู่เดียวก็ลุกจากไป ไม่ได้รั้งอยู่ต่อ
แม้หลีโฉ่วชอบพอหลัวอู๋เลี่ยงเป็พิเศษ ทว่าเขานั้นก็ยังก็อยากจะมีลูกที่เป็เืเนื้อเชื้อไขของเขาอยู่
เมื่อเห็นสตรีตรงหน้าตนหลับไปเสียแล้ว จึงลุกขึ้นจากไปที่อื่นเสีย
ในค่ำคืนดึกสงัด ูเากระดูกก็ราวกับเข้าสู่ห้วงนิทราลึกเช่นกัน
ยามแสงจันทร์สาดส่องกระดูกขาวเ่าั้ ก็ทำให้กระดูกดูขาวบริสุทธิ์ยิ่งกว่าเดิม
หน้าประตูปรากฏเงาสีขาวร่างหนึ่งกำลังผลักประตูให้แง้มออก แล้วก้าวเดินไปบนถนนที่ปูด้วยกระดูกขาวนั้น เงาสีขาวทอดลงบนกระดูกขาว ดูราวกับจะประสานเป็เนื้อเดียวกัน ไม่นานนักเงานั้นก็ค่อยๆ ผลักประตูอีกบานให้เปิดออก ท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่องและสายลมโชย ริมม่านบางก็แง้มออกเบาๆ ก่อนที่เงาสีขาวนั้นจะเข้ามายืนประชิดข้างเตียง ซึ่งผู้เป็เ้าของกำลังหลับสนิท เงานั้นยืนมองหญิงสาวหลังผ้าม่านที่กำลังหลับใหล เพียงฟังเสียงลมหายใจสม่ำเสมอ คิ้วเพียงครึ่งที่เคยมุ่นขมวดค่อยๆ คลายลง แล้วยืนมองใบหน้าหลับใหลนั้นต่อราวกับว่ามองเท่าใดก็ไม่พอ
แสงจันทร์สาดส่องลอดผ่านหน้าต่าง ตกกระทบใบหน้าหญิงสาวหลังม่านบาง เผยให้เห็นใบหน้างามผุดผาดดุจรูปสลักนั้น เงาขาวพลันล่าถอยไปหน้าประตู เพราะเกรงจะรบกวนหญิงงามที่กำลังฝันหวานบนเตียงนั้น
เมื่อสายลมพัดผ่านอีกครา เงาสีขาวก็อันตรธานไป
หลัวอู๋เลี่ยงที่เมื่อครู่ยังราวกับตกอยู่ในภวังค์แห่งนิทราก็ลืมตาขึ้น
เ้าของเงาสีขาวรีบร้อนหนีออกจากเรือนของแม่นางหลัว ทว่าก็ไม่วายพบกับเ้าก้างปลาหน้าเรือนเสียได้
เหมันต์ปีนี้มาเยือนไวกว่าคราใด ทำให้คาราวานพ่อค้าที่สัญจรผ่านทุ่งหญ้านั้นน้อยกว่าทุกปี เหล่าโจรที่ส่งไปดักซุ่มรอชิงทรัพย์ก็แทบจะไม่ได้อะไรติดมือ
เ้าก้างปลาก็พลอยลำบาก รู้สึกว่าท้องของตนไม่เคยจะได้กินอิ่ม ค่ำคืนสงัดจึงได้แต่ออกมาเดินโซเซ ประจวบเหมาะจึงได้เห็นนายท่านสามเดินออกมาจากเรือนแม่นางหลัว
แววตาของชายหนุ่มร่างผอมแห้งพลันเป็ประกาย เขาว่าแล้วเชียว ว่านายท่านสามกับแม่นางหลัวจะต้องมีสัมพันธ์กัน มิเช่นนั้นเขาจะเอาพวกเด็กเหลือขอสองคนนั้นขึ้นเขามาเพื่ออะไร ก็คงเป็เพราะได้ยินมาว่าแม่นางหลัวชอบเด็กอย่างไม่ต้องสงสัย ซ้ำนางยังไปให้นมเ้าเด็กนั่นด้วยตัวเองอีก มันน่านัก กระทั่งเขาเกิดมายังไม่เคยได้ดื่มนมสักครั้ง กระทั่งน้ำนมมนุษย์ก็ไม่เคย ทว่านายท่านสามนั้นจะต้องเคยดื่มเป็แน่ เมื่อคิดถึงเื่นี้ ลมหายใจของชายร่างผอมก็ยิ่งกระชั้นถี่
นายท่านสามเมื่อเผชิญหน้ากับเ้าก้างปลา ก็มีท่าทางสงบนิ่งเป็ปกติ
ชายหนุ่มตรงหน้าเ้าก้างปลานั้น นอกจากคิ้วที่หายไปจนเหลือเพียงครึ่ง ก็ไม่มีส่วนใดที่ดูคล้ายโจรสักนิด เขากลับดูคล้ายบัณฑิตเสียยิ่งกว่า โดยเฉพาะคืนนี้ที่ชายหนุ่มสวมชุดสีขาวตลอดร่าง
“กินข้าวแล้วหรือยัง” นายท่านสามถามเ้าก้างปลาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ คล้ายการถามไถ่ทั่วไปในยามปกติที่เจอกัน
“กินแล้ว แต่ก็เริ่มรู้สึกหิวขึ้นมาแล้ว”
“ในเรือนข้าพอมีสุราอยู่”
เ้าก้างปลาได้ยินดังนั้นก็ลิงโลด นายท่าน้าจะใช้เหล้าปิดปากเขาเป็แน่ เมื่อเห็นนายท่านสามหมุนกายเดินนำไป ก็ไม่รีรอรีบตามไปทันที
จากนั้นก็เป็ไปดั่งที่ชายร่างผอมคาดไว้ เมื่อมาถึงเรือนของนายท่านสาม ชายหนุ่มก็ถึงกับลงมือรินเหล้าให้อีกฝ่ายเอง กระทั่งยังมีกับข้าวให้กินอีก
เมื่อสุราเข้าปาก เ้าก้างปลาตบอกพูดด้วยความมึนเมา “นายท่านสาม ท่านมิต้องกังวล ข้าไม่มีทางปริปากเล่าเื่นี้ให้นายท่านใหญ่ฟังแน่”
ชายหนุ่มที่กำลังร่ำสุราด้วยกันได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าตอบรับแ่เบา พร้อมรอยยิ้มจางที่ปรากฏบนใบหน้า “ข้าเองก็วางใจว่าเ้าจะไม่ปริปากเื่นี้กับใครแน่”
ขณะที่กำลังร่ำสุรากันอยู่ เ้าก้างปลาก็ยกจอกสุราตรงหน้าตนขึ้น ในใจคิดว่าสุรานี้ช่างหอมหวาน ชาตินี้ตนเกิดมายังไม่เคยลิ้มรสสุราที่ใดแล้วหอมเท่าสุราจอกนี้ ก่อนที่มุมปากของชายร่างผอมจะมีเืสายหนึ่งค่อยๆ ไหลออกมา แววตาตื่นตระหนกจับจ้องชายหนุ่มตรงหน้าตน
อย่างไรเสียเขาเองก็เป็โจรคนหนึ่งเช่นกัน ความเหี้ยมโหดนั้นก็เป็สิ่งเขาพึงมีโดยพื้นฐาน เื่นี้จำต้องป้องกันไว้เสียแต่เนิ่นๆ
เ้าก้างปลานั้นเดิมทีตอนตามนายท่านสามมา ก็ให้ชายหนุ่มนั้นเดินนำตลอด ส่วนตัวเองนั้นเดินรั้งท้ายเพื่อป้องกันชายหนุ่มสบโอกาสลงมือ ครั้นตอนดื่มเหล้าเขาก็รอให้ชายหนุ่มดื่มก่อน เพราะแม้เขาจะดูแล้วประมาทเลินเล่อ แต่จริงๆ แล้วก็ระแวดระวังตัวตลอดเวลา
ทว่าบัดนี้...
ชายร่างผอมทำได้เพียงถลึงตาด้วยโทสะ คิดจะะเิคำผรุสวาทใส่ชายหนุ่มตรงหน้าสักคำรบ ทว่าก็ได้เพียงอ้าปากพะงาบๆ ดวงตาจับจ้องชายตรงหน้าค่อยๆ จรดจอกเหล้ากับริมฝีปาก แล้วดื่มเข้าไปทีละอึกๆ ร่างตรงหน้านั้นไม่แม้แต่จะเอ่ยคำอธิบายกับเขา หรือกระทั่งเอ่ยวาจาเพียงครึ่งคำ
จวบจนจอกสุราไม่เหลือสุราแม้สักหยด ชายร่างผอมก็แน่นิ่งไปเสียแล้ว
ชายหนุ่มหันมองร่างที่แน่นิ่งอยู่ในเรือนตนก็รู้สึกหงุดหงิด ดึกดื่นเช่นนี้เขายังต้องนำศพไปทิ้งลงสระกระดูก ช่างสิ้นเปลืองแรงเสียจริง ทั้งที่เดิมทีเขาควรจะได้เข้าสู่ห้วงนิทราฝันหวานไปแล้วแท้ๆ
ชายหนุ่มจึงได้แต่ลากร่างผอมแห้งนั้นออกเดินไปทางโพรงถ้ำ
เรือนที่เขาอยู่เดิมทีก็ไม่ได้ห่างจากถ้ำนัก ดังนั้นในทุกวันยามที่แม่นางหลัวเดินไปลานเลี้ยงม้า จึงอยู่ในสายตาของเขาตลอด
ขณะที่ในกระท่อมไม้นั้น เด็กหนุ่มยังคงตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ ด้วยสายตาของตนไม่รู้ด้วยเหตุใดจึงเปลี่ยนเป็ดีเลิศ จนไม่ว่าสถานที่ห่างไกลแค่ไหนก็ล้วนมองเห็นได้ หากไม่ใช่เพราะทารกน้อยหลับไปแล้ว เขาคงออกไปเดินเล่น ทดสอบสายตาเสียแล้ว บัดนี้จึงทำได้เพียงตระกองกอดทารกน้อย แล้วสอดส่องออกไปนอกหน้าต่างเท่านั้น
จากหน้าต่างกระท่อมนั้น อาลู่ทอดตามองไปยังโพรงถ้ำตรงข้ามสระกระดูก หากเป็เมื่อก่อนเขาก็คงจะเห็นว่าถ้ำนั้นมีเพียงความมืดมิด ทว่าตอนนี้เขาราวกับว่าจะมองเห็นทุกส่วนของถ้ำนั้น กระทั่งกอหญ้าเล็กๆ หน้าปากถ้ำก็ยังเห็นได้ ทันใดสายตาของอาลู่ก็ไปสบเข้ากับร่างร่างหนึ่งที่กำลังเหวี่ยงร่างชายอีกคนลงไปในสระกระดูก
สายตาของอาลู่เมื่อพบเจอกับเหตุการณ์ตรงหน้าก็...