“ลุงออกเดินทางไปพร้อมกันกับฉันน่ะ ไปทำงานก่อสร้าง”
การตกแต่งภายในไม่ห่างไกลจากขอบเขตของการก่อสร้างอยู่แล้ว ปักกิ่งก็ถือว่าออกไปข้างนอก เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าสิ่งที่เธอชี้แจงไม่มีอะไรผิดปกติ แม้เป็เครือญาติ แต่ในเมื่อติดต่อกันไม่บ่อยครั้ง ก็เป็ไปไม่ได้ที่จะเปิดเผยเกี่ยวกับธุรกิจของตนเองหมดเปลือกหรือเปล่า ด้วยนิสัยของน้าเธอ อาจเข้าใจผิดว่ากำลังคุยโวโอ้อวดได้ เซี่ยเสี่ยวหลานจะหาเหาใส่หัวเพื่ออะไร
หลิวฟางไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย “เปิดร้านใหญ่โตขนาดนี้ ลุงเธอยังต้องออกไปทำงานก่อสร้างอีกหรือ?”
ทำงานก่อสร้างหนึ่งวันได้เพียงไม่กี่หยวนเท่านั้น!
ขายเสื้อผ้าสักตัวในร้านนี้ ไม่ใช่กำไรแค่ไม่กี่หยวนแล้วนี่
“ร้านนี้ป้าสะใภ้เปิด ลุงต้องทำงานของเขาเองสิ จะว่างอยู่บ้านทุกวันไม่ได้หรือเปล่าคะ?”
คำพูดของเซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่ได้โกหกใคร เพียงแต่ประเด็นสำคัญคลุมเครือไปสักหน่อย
หลิวฟางจินตนาการเสริมแต่งเองทันทีทันใด ที่แท้ร้านนี้เปิดโดยหลี่เฟิ่งเหมยสินะ?
แปลก ครอบครัวฝ่ายมารดาของหลี่เฟิ่งเหมยก็ไม่เท่าไร เธอเปิดร้านแบบนี้ในเมืองมณฑลได้อย่างไร ถ้าหลี่เฟิ่งเหมยไม่ได้หน้าตาธรรมดา หลิวฟางจะสงสัยว่าหลี่เฟิ่งเหมยลอบมีความสัมพันธ์กับคนอื่นแน่นอน
เมื่อรับรู้ว่า ‘หลานเฟิ่งหวง’ เป็ของพี่สะใภ้ที่ไม่ถูกโรคกันมาโดยตลอด อีกทั้งดูเหมือนพี่ชายเธอจะไม่มีตำแหน่งสำคัญอะไรเลย หลิวฟางจำต้องวางเหล่าความคิดอันยุ่งเหยิงอลหม่านไว้ชั่วคราว เนื่องจากเธอจะรีบขึ้นรถรับส่งเที่ยวสุดท้ายกลับเข้าเขต หลี่เฟิ่งเหมยและหลิวเฟินจึงปิดร้านั้แ่สี่โมงเพื่อไปรับหลิวจื่อเทาก่อน จากนั้นทุกคนค่อยไปรับประทานอาหารด้วยกัน
หลี่เฟิ่งเหมยและหลิวเฟินไม่ใช่คนใช้เงินมือเติบ ปกติทั้งสองจะปิดร้านประมาณสองทุ่ม กลับไปทำอาหารที่บ้านบ้าง หรือซื้อปิ่งปิ้งตามถนนหนทางทานก็อิ่มท้องได้ แต่หลิวฟางมาซางตูติดกันสองวันแล้ว เมื่อมาเยือนย่อมเป็แขก แน่นอนว่าต้องเลี้ยงอาหารที่ภัตตาคารรัฐ
หลี่เฟิ่งเหมยไม่เสียดายหากตนเองเป็คนกิน แต่พอต้องมาเลี้ยงอาหารน้องสาวสามีผู้น่าหงุดหงิด เธอเสียดายเงินขึ้นมาทันที
เสียดายเงินไปก็ไม่ช่วยอะไร ต้องเลือกสั่งอาหารราคาสูงหน่อย เธอไม่ได้ประโลมหลิวฟางด้วยความรู้สึกผูกพันรักใคร่ แต่เพราะนึกถึงเมื่อก่อนที่หลิวฟางประมาทคนบ้านแม่ว่าไม่มีปัญญาที่จะร่ำรวย หลี่เฟิ่งเหมยจึงพยายามสุดชีวิตสักตั้ง ให้หลิวฟางได้เห็นเป็ขวัญตา
แม้บ้านเหลียงจะฐานะดี ทว่าตัวเธอหลี่เฟิ่งเหมยไม่สน ยากจนข้นแค้นเพียงใดก็จะไม่ขอร้องหลิวฟางเด็ดขาด และตอนนี้เธอกล้าเลี้ยงอาหารแขกในภัตตาคารรัฐประจำเมืองด้วยเงินที่หามาเองแล้ว—เธอไม่ชอบหลิวฟาง ไม่ยินดีเสแสร้งแสดงมิตรภาพระหว่างพี่สะใภ้น้องสามีด้วย ทุกคนปฏิบัติตัวเหมือนเมื่อก่อนเป็ดีที่สุด หนึ่งปีเยี่ยมเยียนกันสักครั้งสองครั้งก็เพียงพอแล้ว
ไม่ไปมาหาสู่กันหลายๆ ปีได้ยิ่งดี ทว่าจากนิสัยของหลิวฟาง หลี่เฟิ่งเหมยคิดว่าคงไม่มีทาง
การรับประทานอาหารยังมิอาจหยุดปากของหลิวฟางไว้ เธอสละเวลามาซักไซ้เซี่ยเสี่ยวหลานจนได้
ถามไปถามมาก็วกเข้าเื่เดิม เซี่ยเสี่ยวหลานก็ตอบเหมือนเดิม มีคนรัก เป็คนต่างถิ่น เป็ข้าราชการธรรมดาคนหนึ่ง
“น้า ฉันไม่ต้องดูตัวจริงๆ นะ ฉันกับคนรักไปกันได้ดีทีเดียวค่ะ”
โจวเฉิงดีต่อเธอ เซี่ยเสี่ยวหลานมิใช่หมาป่าตาขาวเนรคุณเสียหน่อย ใช่ เธอกับโจวเฉิงไม่เห็นพ้องกันในจังหวะของความรักและการแต่งงาน ครอบครัวโจวเฉิงก็คัดค้านที่ทั้งสองคบกัน ปัญหาพวกนี้รวมกันทำให้ระหว่างเซี่ยเสี่ยวหลานและโจวเฉิงเกิดความขัดแย้ง แต่เธอจะไม่เล่าความขัดแย้งนี้แก่มารดา เพื่อไม่ให้หลิวเฟินกังวล แล้วจะบอกหลิวฟางที่ไม่สนิทสนมด้วยซ้ำได้อย่างไร
โจวเฉิงทุ่มเทให้เธออย่างสุดหัวใจ แม้ในอนาคตทั้งสองจะไม่คบหากันต่อไป นั่นก็เป็เื่ของอนาคตอยู่ดี เซี่ยเสี่ยวหลานเพิ่งกระหนุงกระหนิงกับโจวเฉิงที่ปักกิ่ง กลับบ้านมาก็จะไปดูตัว... ถ้าทำเื่แบบนี้ได้ เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าตนเองไร้มนุษยธรรมเกินไปแล้ว
หลิวฟางกลับไม่แยแส
มีคนรักแล้วอย่างไร มีคนรักแล้วเลือกใหม่อีกครั้งไม่ได้หรือ?
ทุกวันนี้สมรสแล้วยังหย่าร้างได้เลย เ้าพนักงานรัฐต๊อกต๋อยต่างถิ่นคนหนึ่ง อัตคัดขัดสน เทียบกับวิวาห์ที่เธอจะแนะนำให้ได้ที่ไหนกัน?
“หลานยังเด็กนัก จะไปเข้าใจอะไร น้าจะคิดร้ายกับเธอได้หรือ?”
หลิวฟางพูดเองเออเอง เห็นได้ชัดเจนว่าไม่เอาเื่ที่เซี่ยเสี่ยวหลานมีคนรักมาทบทวนสักนิด
เซี่ยเสี่ยวหลานคิดในใจ น้าไม่ทำร้ายฉัน ทว่าอย่างมากคือจับฉันใส่ห่อแล้วขายทิ้ง
ในอดีตหลิวหย่งเกียจคร้านไร้งานการจริงจัง เขาไม่ใช่คนที่จะมุ่งมั่นตั้งใจเป็เกษตรกร พอปฏิรูปเศรษฐกิจ หลิวหย่งจึงเลือกอาชีพที่เงินดีทว่าความเสี่ยงสูง
การลักลอบขนสินค้าเถื่อนไม่ได้หมายความว่าหลิวหย่งชั่วช้าสามานย์ ผู้คนที่ทนความแร้นแค้นไม่ไหวย่อมคิดที่จะหาเงินให้ได้เป็จำนวนมาก งานนี้ไม่ถูกกฎหมาย แต่หลิวหย่งไม่ได้เล่นสกปรกทำลายชีวิตผู้อื่นเพื่อชิงผลประโยชน์แต่อย่างใด
หลิวเฟินยิ่งซื่อสัตย์สุจริตเหลือเกิน เซี่ยเสี่ยวหลานแอบใช้ประโยชน์จากอิทธิพลรอบข้างเปลี่ยนแปลงอยู่กว่าครึ่งปี มารดาเธอเปลี่ยนแปลงจริงๆ ทว่ายังช้าเกินไป
น้องสามตระกูลหลิวคือผู้เดียวที่มีนิสัยไม่น่าชื่นชม จะบอกว่าหลิวฟางเ้าเล่ห์เลวทรามก็ไม่ได้ ทว่าคนคนนี้เห็นแก่ตัวแน่นอน หากบุตรสาวครอบครัวอื่นได้มีชีวิตแต่งงานที่ดี ย่อมจะต้องเกื้อกูลครอบครัวตนเองอย่างลับๆ อยู่แล้ว
แต่หลิวฟางสนใจเพียงขอให้เธอได้ใช้ชีวิตสุขสบายในบ้านเหลียง ครอบครัวมารดาจะหิวโหยตายหรือไม่ เธอไม่ใยดีทั้งสิ้น
แม้แต่เซี่ยเสี่ยวหลานก็รู้นิสัยของเธอ ยังคาดหวังว่าหลิวฟางจะแนะนำการแต่งงานที่ดีขนาดไหนให้หรือ?
หากมีคู่หมายดีเลิศ หลิวฟางย่อมเก็บไว้ให้บุตรสาวแท้ๆ อย่างเหลียงฮวนแน่นอน จะวนมาถึงเซี่ยเสี่ยวหลานได้เสียที่ไหน ดังนั้นเซี่ยเสี่ยวหลานกล้ายืนยัน ต่อให้ภายนอกของวิวาห์ครั้งนี้จะดูดี ทว่านั่นก็เป็การล่อลวงเท่านั้น
ในการสื่อสารกับใครสักคน สิ่งที่น่าโมโหที่สุดคือไก่สนทนากับเป็ด ถ้าน้าสาวหลิวฟางจะมาถึงที่อีก เซี่ยเสี่ยวหลานตัดสินใจจะใช้การทบทวนบทเรียนเป็ข้ออ้างไม่ออกหน้าต้อนรับ
“เสี่ยวฟาง เธอรีบกินสิ พี่สะใภ้กลัวเธอขึ้นรถกลับบ้านไม่ทันนะ”
หลี่เฟิ่งเหมย้าส่งเทพเ้าแห่งภัยพิบัติคนนี้กลับไป หลิวฟางช่างฟังภาษามนุษย์ไม่รู้เื่เอาเสียเลย หลิวเฟินและเซี่ยเสี่ยวหลานผลัดกันปฏิเสธเื่การแต่งงานของเธอ เธอก็ตกลงโดยไม่สนความเห็นใคร
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ใส่ใจแล้ว เธอตั้งหน้าตั้งตาคีบอาหารให้มารดาแทน
“แม่ แม่กินมากๆ หน่อยสิ ซี่โครงน้ำแดงนี่อร่อยไม่เบาเลยนะ”
“ลูกชิ้นทอดนี่ก็ไม่เลว”
“เทาเทา เธอกินนี่สิ”
เซี่ยเสี่ยวหลานยุ่งกับการคีบอาหาร หลิวฟางดูถูกอย่างหนักอยู่ในใจ
เป็พวกบ้านนอกคอกนาไม่เคยเห็นโลกกว้างเสียจริงๆ อาศัยอยู่ในเมืองตั้งหลายเดือนก็ยังคงสลัดกลิ่นอายคนชนบทไม่หลุด ราวกับไม่เคยกินของแบบนี้มาแปดชาติ อาหารพวกนี้ก็แค่... หลิวฟางอยากจะบอกว่าอาหารเ่าั้ไม่ได้ดีเด่นอะไรเท่าไร สุดท้ายต้องชะงักไป
อาหารที่หลี่เฟิ่งเหมยเลี้ยงในมื้อนี้ มาตรฐานไม่ได้ต่ำต้อยเลยสักนิด บ้านเหลียงถือว่ามีฐานะมั่งคั่งในเขต แต่มิใช่จะรับประทานเช่นนี้ได้ทุกวัน
ไม่มีปัญหาเื่การกินเนื้อสัตว์ กระนั้นจะรับประทานนอกบ้านทุกวันก็คงไม่ไหว
เหลียงปิ่งอันไม่เคยปล่อยให้หลิวฟางเงินขาดมือ ทว่าอย่างไรเสียพวกเขาก็มิได้พิมพ์เงินเอง
หลิวฟางเหยียดคนทำธุรกิจอิสระ แต่ถ้าขนาดของธุรกิจใหญ่โตเท่าหลี่เฟิ่งเหมย มีเงินทองให้ใช้ไม่หมด นั่นยังถือว่าเป็เ้าของธุรกิจธรรมดาสามัญอีกหรือ? หลิวฟางครุ่นคิด เธอควรนำสถานการณ์ของทางนี้กลับไปปรึกษากับเหล่าเหลียงก่อนจะดีกว่า และในใจเธอคิดว่าห้ามใช้กิริยาท่าทีในอดีตปฏิบัติต่อครอบครัวพี่ใหญ่อีก หากครอบครัวฝ่ายมารดามีหน้ามีตาพอ ทำไมเธอจะไม่ยอมให้ครอบครัวตัวเองติดต่อกับบ้านสามีเล่า!
คนอื่นๆ เขามีญาติจากครอบครัวฝ่ายแม่คอยไปมาหาสู่กัน แต่หลิวฟางไม่มี เพราะหลิวฟางกลัวว่าคนในครอบครัวเธอจะทำให้เธออับอายขายหน้า เธอไม่ได้พูดความรู้สึกนึกคิดพวกนี้ออกมา ทว่าใครบ้างจะไม่รู้?
เซี่ยเสี่ยวหลานจดจ่อกับการรับประทานอาหารของตนเองเท่านั้น หลังมื้ออาหารเสร็จสิ้น ในที่สุดก็ส่งหลิวฟางกลับไปได้แล้ว
หลิวเฟินไม่รู้เช่นกันว่ามีตรงไหนผิดปกติ แต่เหมือนจะเธอไม่ควรบอกที่อยู่ในซางตูแก่หลิวฟาง?
“พี่สะใภ้เฉินบอกว่าในหนึ่งเดือนน้าลูกไปหาตั้งหลายหน แม่นึกว่าเขาเกิดเื่อะไรเสียขึ้นอีก...”
หลิวเฟินยิ่งพูดยิ่งเสียงเบาลง
สตรีอยู่บนโลกใบนี้มักถูกรังแกได้ง่ายเสมอ อย่างเช่นเธอและลูกสาวที่ถูกข่มเหงในบ้านเซี่ย มิใช่พี่ใหญ่ที่มาช่วยเหลือสองแม่ลูกไว้ทันท่วงทีหรอกหรือ? หลิวเฟินจึงคิดว่าเมื่อเป็พี่น้อง หากหลิวฟางประสบปัญหาแบบเดียวกัน คนเป็พี่สาวจะไม่ถามไถ่ได้อย่างไร
ทว่าพอมาคิดดูอีกทีในตอนนี้ นิสัยของหลิวฟางกับเธอไม่เหมือนกันสักนิดเดียว หลิวฟางจะยอมโดนรังแกในบ้านเหลียงได้อย่างไร!
หลิวเฟินคิดว่าเธอสร้างปัญหาขึ้นแล้ว ถ้าหลิวฟางมาซางตูทุกวี่วัน ไม่ลดละจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย ไม่ใช่การทำให้ทุกคนไม่สงบสุขหรือไร?
“แม่ ไม่เป็ไรหรอก น้าเขาอยากมาก็มา เธอแค่ชอบพูดเองเออเองไปบ้าง ไม่ใช่ข้อบกพร่องร้ายแรงเสียหน่อย”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้