หลี่เฟยไม่ได้จ้องมองมาที่เขาแต่กลับชี้ไปที่จมูกของอู๋ฟางก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเ็าว่า"รีบขอโทษพี่ฉินเดี๋ยวนี้ แถมยังกล้าใส่ร้ายเขาอีก ถ้าไม่อธิบายให้ชัดเจนล่ะก็เื่ไม่จบลงแค่นี้แน่" ดูเหมือนประโยคหลังนี้จะหมายถึง หวงฝู๋เฉิง
ถึงแม้ว่าอู๋ฟางเซว่จะสามารถเย่อหยิ่งจองหองเมื่ออยู่ต่อหน้าฉินโจ้วแต่กับหลี่เฟยแล้วเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอก็ไม่ต่างไปจากหนูที่เจอแมว หลี่เฟยเป็ใคร? คนตระกูลหลี่นั้นเป็ถึงนายกเทศมนตรีเมืองก้านโจว ขอแค่เอ่ยชื่อออกไปแค่แบมือก็มีค่าเท่ากับทองพันชั่งแล้ว ในเมืองก้านโจวนั้นชื่อเสียงของตระกูลหลี่ราวกับลูกของชนชั้นสูงแน่นอนว่าเป็ตระกูลที่ไม่ว่าใครก็ต้องหลีกทางให้ซึ่งอู๋ฟางเซว่เองก็เป็หนึ่งในนั้นเข้าใจได้อย่างดีว่าถ้าล่วงเกินหลี่เฟยเข้าจะเกิดอะไรตามมา ดังนั้นเธอไม่กล้าแม้จะสบตาหลี่เฟย จึงทำได้เพียงก้มหน้าลงต่ำราวกับนกกระจอกเทศก็ไม่ปานหวังไว้ว่าิเฉ่าจะทำให้เธอมีหน้ามีตาขึ้นมาได้ มิเช่นนั้นอนาคตของเธอคงจะจบสิ้นลงเป็แน่
เช่นเดียวกับหวงฝู๋เฉิงก็รู้สึกไม่ต่างกันเขาถึงกับหน้าถอดสี ตอนนี้รู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ เขาเองไม่ได้คิดเลยว่าฉินโจ้วจะมีความสัมพันธ์กับหลี่เฟยและยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าหลี่เฟยก็จะสนใจเขาเป็อย่างมากซึ่งนี่เป็สิ่งที่เขาไม่ได้อยากให้เกิดขึ้นเลย จึงไม่ต่างจากที่มีคนเคยพูดไว้ว่าโชคร้ายนั้นสามารถร่วงหล่นมาจากฟากฟ้าได้ทุกเวลา
"หลี่เฟยถ้าเขาคนนี้เป็เพื่อนของคุณ เื่นี้ก็ถือว่าจบกันไปเถอะ" พวกเราไปกันได้แล้วสีหน้าของหม่าเว่ยิเริ่มดูไม่ได้ ก่อนจะก้มหน้าลงไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตาเวลานี้ดูเหมือนหลี่เฟยเองไม่ไว้หน้าเขาแม้แต่น้อย เขาก็เข้าใจอารมณ์ของอู๋ฟางเซว่ดีปกติแล้วสถานะของเขาเอง มักทำเื่ไร้เหตุผลแบบนี้อยู่บ่อยๆ ซึ่งปกติแล้วทุกคนจะเห็นแก่หน้าของเขาจึงไม่สนใจการกระทำของเธอ แต่ไม่คิดเลยว่า คราวนี้จะเตะถูกแผ่นเหล็กเข้าให้แล้วถึงแม้ว่าเื้ัของหลี่เฟยนั้นจะยิ่งใหญ่ แต่ทว่าเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกกลัวแม้แต่น้อยเพียงแต่ในครั้งนี้เขาไม่ทันได้ระมัดระวัง ทำให้สุดท้ายแล้วเขาเลยกลายเป็คนผิดจึงทำได้แค่เดินหนีไปโดยไม่รับผิดชอบ
"ถ้าคิดจะไปมันคงไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก" ใบหน้าที่สวยของหลี่เฟยเต็มไปด้วยความเ็าหม่าเว่ยิดูเหมือนว่าจะเป็คนที่หยิ่งมากกว่าที่เธอคิด
“ทำไม?นายคิดจะจับฉันส่งให้ตำรวจอย่างนั้นหรือ" หม่าเว่ยิก้าวเข้ามาก่อนจะพูดขึ้นอย่างดูถูกว่า "พวกเราไปกัน ถ้าผมจะไปอยากรู้ว่าใครจะกล้าขวาง"
หม่าเว่ยิส่งเสียง‘ฮึ...’ ออกมาอย่างไม่พอใจงี่เง่าสิ้นดี ก่อนจะแสดงออกถึงความโกรธ และเดินนำตรงเข้าไปที่โถงด้านในอู๋ฟางเซว่รีบเดินตามไปติดๆ เจิ้งไค่นั้นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็เดินตามไปหวงฝู๋เฉิงได้แต่มองตามเจิ้งไค่ผู้เป็หัวหน้า
เห็นได้ชัดเจนว่าหลี่เฟยได้คาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้าแล้วจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอย่างไม่รีบร้อน โทรไปที่เลขหมายหนึ่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาจากประตูทางเข้าห้องโถงฉินโจ้วเห็นชายร่างผอมเดินเข้ามาพร้อมกับโทรศัพท์มือถือที่กำลังมีเสียงดัง ชายผู้นี้ไว้ผมทรงสกินเฮดสีหน้าดูไม่เป็มิตร แต่ท่าทางมุ่งมั่น สายตาเฉียบคม ย่างเท้าเข้ามาอย่างเข้มแข็งราวกับพยัคฆ์เมื่อหยุดยืนเอวตั้งตรงคล้ายกับหอก มองดูก็รู้ได้ทันทีว่าต้องเป็ทหาร เขาก็คือ หัวหน้าทีมแมลงตัวเล็ก‘ตั๊กแตนตำข้าว’ ชื่อ ‘หงยี่’
หงยี่ยืนอยู่ที่ประตูทางเข้าห้องโถงรูปร่างใหญ่ราวกับกอริลลา ถึงแม้ว่าประตูจะมีขนาดใหญ่มากแต่ดูเหมือนว่าจะมีขนาดแค่ครึ่งหนึ่งของเขา แสงสว่างภายในห้องโถงถึงกับมืดสลัวลง
หงยี่จ้องมองด้วยสายตาดุดันก่อนจะมองมาที่หลี่เฟย และรีบสาวเท้าเข้ามาหา ก่อนจะพูดเสียงอยู่ในลำคอว่าฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ''เฟยเฟย'' ว่าไม่ต้องรีบร้อนก็ได้ฉันมาถึงทางเข้าเมื่อไรก็จะโทรหา ก่อนจะหันมองไปรอบๆ และเมื่อหันไปเห็นฉินโจ้ว เขาก็ยิ้มกว้างเผยให้เห็นฟันขาว“นายคงเป็ฉินโจ้ว ฉันชื่อหงยี่ ขอโทษที่มาสายช้าไป 10นาที โทษที... โทษที...เดี๋ยวฉันลงโทษตัวเองด้วยการกินเหล้าสามแก้ว"
หลี่เฟยพูดแทรกขึ้นมาว่า"เื่ดื่มเหล้าฝาจิ่ว (เหล้าที่ใช้ดื่มเวลาลงโทษ) ไว้รอหลังจากนี้ดูเหมือนว่าหน้าตาของเขาจะดูไม่ค่อยดีนัก ฉินโจ้วเพิ่งถูกคนแบล็กเมลคุณก็จัดการไปตามสมควรแล้วกัน"
“อะไรนะ มันเป็ใคร? หงยี่จ้องมองราวกับตาเสือเสียงะโดังก้องขึ้นในห้องโถงราวกับเสียงฟ้าผ่าไอ้เลวคนไหนกล้ารังแกเพื่อนของฉัน ฉันจะฆ่ามัน”
หลี่เฟยชี้ไปที่หม่าเว่ยิผู้ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก
นายหยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะหงยี่ส่งเสียงดังขึ้นอีกครั้ง แต่ทุกคนต่างก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็วถึงแม้ว่าร่างกายของเขาจะดูสูงใหญ่ แต่ความรวดเร็วคล่องแคล่วไม่ต่างจากเสือชีตาห์
เจิ้งไค่รู้สึกไม่ดีเมื่อเห็นหงยี่เดินเข้ามาใกล้เมื่อเขาได้ยินเสียงะโของหงยี่ เขาไม่เพียงไม่หยุดนิ่ง แต่กลับหนีอย่างรวดเร็ว แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเร็วแค่ไหนก็ไม่เท่ากับหงยี่
แม้ว่าห้องโถงจะใหญ่แค่ไหนเพียงพริบตาเดียวหงยี่ก็ไล่ตามพวกเขาได้ทันก่อนจะเตะไปที่ก้นของโจวกังที่อยู่หลังสุด โจวกังปลิวออกไปราวกับะุปืน และหล่นกระแทกลงกับพื้นดังโครมยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น เขาไถลไปตามพื้นจนกระทั่งชนเข้ากับกำแพงแสดงให้เห็นถึงกำลังขาที่แข็งแรงของหงยี่ได้เป็อย่างดี ซึ่งเขาใช้แรงไปเพียงแค่ครึ่งเดียวไม่อย่างนั้นเกรงว่าโจวกังคงอาจไม่มีชีวิตรอด
หลังจากที่เตะโจวกังจนล้มกลิ้งรายต่อไปก็คือ หวงฝู๋เฉิง หงยี่ก็เริ่มจัดการ ปากก็พร่ำพูดออกไปว่า “ไม่รู้หรือว่าเขาเป็ใคร”ก่อนจะตบเข้าไปที่ท้ายทอยของเขา หลังจากที่ถูกตบเขาก็หน้าคะมำล้มลงไปกองอยู่กับพื้น
“พี่หง...”เจิ้งไค่รู้ตัวดีว่าคงไม่สามารถหนีพ้นเมื่อได้ยินเสียงที่ตามหลังมาจึงหันกลับมาเพื่อขอความเมตตา ยังไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยปาก หน้าก็ััเข้ากับฝ่ามือตามมาด้วยเสียงที่ดังสนั่น แก้มทั้งสองข้างเปลี่ยนเป็สีแดงขึ้นทันใดก่อนที่จะกลายเป็บวมเป่ง ฟันสองซี่หลุดกระเด็นออกมาพร้อมกับคราบเืที่ริมฝีปาก
หลังจากที่เล่นงานเจิ้งไค่เรียบร้อย รายต่อไปก็เป็หม่าเว่ยิหงยี่เอื้อมมือที่ใหญ่ราวกับั์ไปคว้าเอาหม่าเว่ยิไว้ราวกับจับไก่อู๋ฟางเซว่ที่กำลังกอดอยู่กับหม่าเว่ยิ เมื่อเสาที่ยึดพิงได้หายไปเธอจึงเสียการทรงตัว ก่อนที่ร่างจะเซถลา เธอร้องด้วยความหวาดกลัว และล้มกลิ้งลงไปที่พื้นทันทีแต่คราวนี้ดูเหมือนว่าเธอจะเอาหน้าจูบกับพื้นก่อนเสียแล้ว
"นายกล้าเหรอ..."สิ้นเสียงของหม่าเว่ยิ หงยี่ก็จับตัวเขาไว้ได้อย่างง่ายดาย หม่าเว่ยิทั้งโกรธและใมากไม่คิดเลยว่าจะต้องมาเจอกับคนบ้าเช่นนี้ และโกรธที่หงยี่บ้าอำนาจขึ้นเรื่อยๆ
เพียะ...เพียะ...
เสียงตบหน้าสองครั้งดังขึ้นทันทีที่หม่าเว่ยิพูดจบหงยี่นั้นรู้จักชายคนนี้เป็อย่างดี เขารู้ด้วยว่าเื้ัของชายคนนี้แข็งแกร่งมากเพียงใดแต่เขาเองก็ไม่ได้รู้สึกกลัวแม้แต่น้อย หงยี่ก็ไม่ใช่คนที่ไร้สมองดังนั้นสองครั้งที่ตบไปนั้นเบามือกว่าที่ตบเจิ้งไค่มากนัก หน้าของหม่าเว่ยิไม่มีเืออกเลยแม้แต่น้อย
หลังจากที่จัดการกับคนเหล่านี้แล้วหงยี่จึงะโขึ้นมาว่า “น้องฉินโจ้วถ้าไอ้พวกเวรนี้รังแกนายอีกเมื่อไร ผมจะกลับมาจัดการเตะพวกมันด้วยขาคู่นี้เอง
เวลานี้ฉินโจ้วรู้สึกมีความสุขมากไม่จำเป็ต้องพูดซ้ำ หงยี่คนนี้เป็คนที่ดุเดือดมาก ยังไม่ทันตัดสินว่าใครถูกหรือผิดก็ลงมือก่อนเสียแล้ว โชคดีที่คราวนี้เป็เื่ของตนเอง ถึงอย่างนั้นท่าทางการแสดงออกของหงยี่และหลี่เฟยดูเหมือนจะไม่ใส่ใจแม้แต่น้อยราวกับว่าสองคนนี้เจอเหตุการณ์เช่นนี้อยู่บ่อยครั้ง ทำให้เขาอดที่จะประหลาดใจกับเื้ัที่แข็งแกร่งของทั้งสองไม่ได้
ดูเหมือนว่าคนที่สร้างปัญหาจะอยู่ในการควบคุมได้ทั้งหมดแล้วก่อนที่หลี่เฟยจะเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังอีกครั้ง เมื่อหงยี่ได้ฟังถึงกับรู้สึกโกรธขึ้นอีก ก่อนจะพูดไปด่าไปว่า "หวงฝู๋เฉิงนายนี่มันเลวมากกล้าใส่ร้ายน้องฉัน ไปกินดีเสือมาหรือไง เจิ้งไค่นายก็อีกคนเลวพอกันพ่อคนนี้ชวนน้องชายมากินข้าวเย็นเพื่อมาพบนาย ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ดูเหมือนว่าโรงแรมจิ่นซิ่วไม่ได้มีการปรับปรุงมานานแล้ว นายคงจะรู้สึกเบื่อแล้วและนาย ''หม่าเว่ยิ’ อย่าคิดว่าปู่นายเป็รองผู้ว่าการแล้วจะทำผิดอะไรก็ได้ฉันจะบอกนายไว้เลยนะ ในเมืองก้านโจว แม้แต่ัยังต้องมาเสนอตัวให้ฉัน พยัคฆ์ยังต้องหมอบราบคาบถ้าได้ยินว่าใช้อำนาจข่มขู่คนอื่นอีกล่ะก็ พ่อคนนี้จะมากระทืบแกอีกครั้งเองถ้าคนเลวอย่างนายยังรังแกคนดีๆ ด้วยวิธีแบบนี้อยู่ ฉันจะบอกนายไว้เลยนะถ้ายังไม่ปรับปรุงตัว ไม่ช้าก็เร็วนายคงทำให้ปู่ของนายถูกลากลงจากรองผู้ว่าการแน่งี่เง่าสิ้นดี คนจะมากินข้าวยังต้องให้มาออกแรงอีก" พูดแล้วไม่หายโมโหจะมาใช้เงินสักหน่อย
นอกจากอู๋ฟางเซว่แล้ว หม่าเว่ยิ เจิ้งไค่ และหวงฝู๋เฉิงก็โดนตบกันไปคนละสองทีแต่หงยี่นั้นไม่รังแกผู้หญิง ส่วน โจวกังนั้นเนื่องจากอยู่ไกลจึงรอดไปโดยปริยาย
ถึงแม้ว่าทั้งสามคนนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าฉินโจ้วจะทำท่าทางเย่อหยิ่งขนาดนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับหลี่เฟยก็ยังพูดโต้ตอบได้ แต่ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าหงยี่แล้วแม้แต่กระแอมก็ยังไม่กล้าเลย
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่กล้าหืออีกแล้วทำให้หงยี่รู้สึกเบื่อ หลังจากที่รอคนพวกนั้นขอโทษฉินโจ้วแล้ว และพูดกับฉินโจ้วว่า“น้องฉิน ต้องขอโทษจริงๆ ตั้งใจจะชวนมาสนุกด้วยกันแท้ๆ แต่ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเื่แบบนี้ขึ้นเป็ความผิดของพี่ชายคนนี้เอง หวังว่าจะไม่โกรธ แต่ถ้ายังไม่หายโกรธนายจะให้พี่ชายคนนี้ทำอะไร พี่ชายคนนี้ทำได้หมดขอแค่บอกมา
"ช่างมันเถอะพี่หงเื่นี้ก็ถือว่าจบกันไปเถอะ อย่าให้พวกเขามาทำให้เราหมดอารมณ์ในการมากินอาหารเลย"ฉินโจ้วเองก็หายโกรธไปนานแล้วด้วย ฉินโจ้วไม่อยากคิดเล็กคิดน้อย
"ก็ดี”ซึ่งนั่นทำให้หงยี่รู้สึกประทับใจในตัวเขาเพิ่มมากขึ้น “คุณพูดได้ถูกต้องแล้ว พี่ชายมาถ่ายรูปกัน ฮ่า... ฮ่า... ไปดื่มกันดีกว่า”
หลังจากที่ทั้งสามคนจากไป หม่าเว่ยิก็เอามือปิดหน้าของเขาไว้ก่อนจะมองตามหลังสามคนนั้นด้วยความแค้น และเดินออกจากโรงแรมจิ่นซิ่วไปโดยไม่มีคำพูดใดเล็ดลอดออกมาเจิ้งไค่ทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจก่อนจะมองมาที่หวงฝู๋เฉิง และเดินจากไปหวงฝู๋เฉิงเองก็นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดกับโจวกังว่า"พรุ่งนี้นายไม่ต้องมาทำงานอีกแล้ว" และเดินจากไปอีกคนทิ้งไว้เพียงโจวกังที่สูญเสียจิติญญา และอู๋ฟางเซว่ที่ยืนอยู่โดยไม่รู้จะทำสิ่งใดต่อไป
นี่คือจุดจบของเื่ตลกที่เกิดขึ้น