ซ่งจื่อเฉินเปิดกล่องสีเหลี่ยมออก ของขวัญข้างในล้ำค่ายิ่งนัก ปิ่นปักผมทองขนนกกระเต็นลายัหลับอันเดียวก็ปาไปร้อยกว่าตำลึงแล้ว ยังมีอั่งเปาเงินแท่งยี่สิบตำลึงอีก จิ่นเซวียนรู้สึกกดดันที่จะรับของขวัญราคาแพงเช่นนี้ มันมิได้ได้มาง่ายๆ แต่ฉิวจั่งกุ้ยมอบให้ เพราะเขาถูกใจฝีมือออกแบบของนาง
“ฉิวจั่งกุ้ยใจกว้างยิ่งนัก ไม่เพียงให้ปิ่นปักผมทองยังให้เงินอีกสิบแปดตำลึงด้วย” ซ่งเป่าจูถูกใจปิ่นปักผมทองนางอยากมัน
“พี่สะใภ้ห้า ข้าใกล้จะมีคู่ครองแล้ว ท่านยกปิ่นปักผมทองอันนี้เป็สินสมรสให้ข้าได้หรือไม่เ้าคะ”
จิ่นเซวียนพูดมิออก น้องสามีผู้นี้ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก อยากได้แม้กระทั่งของที่ผู้อื่นมอบให้นาง
“นี่คือของขวัญจากฉิวจั่งกุ้ยที่มอบให้พี่สะใภ้ห้า หากพี่สะใภ้ห้ายกให้เ้า มันจะเสียมารยาท” ซ่งจื่อเฉินเอ่ยขัดซ่งเป่าจูจนนางพึมพำอย่างมิพอใจ
“พี่สะใภ้ห้ามีสินสมรสมากมาย จะสนใจปิ่นปักผมอันนี้หรือเ้าคะ?”
“เป่าจู ข้าเองก็อยากยกให้เ้า แต่มันคือของขวัญจากท่านลุงฉิวจึงมิอาจให้เ้าได้ เ้าวางใจเถิด ตอนที่เ้าแต่งออก ข้าจะให้ของขวัญที่มีมูลค่าสูงแก่เ้าแน่”
จิ่นเซวียนดีใจที่ซ่งจื่อเฉินปกป้องนาง
นางมิชอบน้องสามีผู้นี้เลยจริงๆ
“เงินนี้ให้ข้าดูแลเอง” เฉียวซื่อเดินมาจากข้างนอกคว้าเงินในกล่องไปอย่างรวดเร็ว
จิ่นเซวียนชิงเงินกลับมาโต้กลับอย่างมิสบอารมณ์ “ท่านแม่ เงินส่วนนี้ข้าจะเก็บไปซื้อยาให้สามี เอาให้ท่านมิได้เ้าค่ะ”
“เซวียนเซวียน เ้าเพิ่งมาเลยมิรู้กฎบ้านนี้ เมื่อพวกเราแต่งเข้ามาแล้ว สินสมรสทั้งหมดจะต้องให้ท่านแม่ดูแล” ซย่าตงชิงชิงชังแม่สามี นางจึงจงใจบอกเื่ที่แม่สามียึดสินสมรสไว้คนเดียว
เซวียนเซวียนเกลียดชังเฉียวซื่อกับลูกสาวยิ่งนัก เมื่อนางหาวิธีได้จึงรีบพูดให้ทุกคนฟัง “พี่ตงชิง ท่านก็รู้สถานการณ์สามีของข้า ในเมื่อข้ามีวาสนาได้ร่วมใช้ชีวิตกับเขาแล้ว ข้ามิอาจทนมองเขาทุกข์ทรมานได้ พวกท่านวางใจเถิด พวกเราจะมิให้ทุกคนเดือดร้อนเป็อันขาด จากนี้ข้าจะออกค่าสมุนไพรของสามีเอง มิเอาเงินจากบัญชีรวมแล้วเ้าค่ะ”
“เ้าพูดเองนะ จากนี้ค่ายาของจื่อเฉิน เ้ารับผิดชอบผู้เดียว” เฉียวซื่อมิได้เงินจึงมิพอใจ แต่จิ่นเซวียนพูดเช่นนี้แล้ว หากนางยังทำให้จิ่นเซวียนลำบากใจต่อก็คงอยู่มิเป็แล้ว
“ตอนอยู่ที่บ้านพ่อแม่ ข้าเรียนวิชาแพทย์มาบ้าง ข้าคิดว่าข้าดูแลสามีด้วยตนเองจะเหมาะสมกว่าเ้าค่ะ” จิ่นเซวียนตัดสินใจว่านางจะเป็ผู้รักษาซ่งจื่อเฉินั้แ่วินาทีแรกที่เห็นเขา นางมีน้ำศักดิ์สิทธิ์และเคยเรียนฝังเข็มมา มันคงมีผลต่อการรักษาซ่งจื่อเฉินไม่มากก็น้อย นางสามารถใช้ฤกษ์ดีวันแต่งงาน นำแต่เื่ดีๆ เข้ามาได้ เช่นการขอเป็ผู้รักษาซ่งจื่อเฉินให้หาย คนบ้านซ่งก็จะบอกว่านางเป็ตัวซวยมิได้อีก
“สตรีส่วนใหญ่มิค่อยเรียนฝังเข็มกัน ภรรยา เ้าเริ่มเรียนั้แ่เมื่อใดหรือ” เมื่อซ่งจื่อเฉินได้ยินจิ่นเซวียนพูดเช่นนี้ เขาก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย เขาเรียนฝังเข็มด้วยตนเอง เพื่อมิให้วรยุทธ์สูญหาย จึงคิดค้นเคล็ดวิชาเข็มบินขึ้นมา และมีเพียงแค่เขาผู้เดียวที่รู้ถึงความพยายามนี้
“ั้แ่ท่านปู่ป่วยเป็โรคหอบหืด ข้าก็เริ่มเรียนวิชาแพทย์ แม้จะมิได้ยอดเยี่ยมนัก แต่พอช่วยรักษาอาการป่วยด้วยตนเองได้” เ้าของร่างเดิมเคยเรียนวิชาแพทย์จริงๆ ตอนนั้นท่านย่าชั่วยังบอกว่าสิ้นเปลืองเงินเลย
ท่านปู่เห็นนางขยันเล่าเรียนจึงสนับสนุนและซื้อตำราแพทย์ต่างๆ ให้นาง ตำราพวกนั้นนางก็นำมาที่บ้านซ่งด้วย
“เซวียนเซวียน พวกเราเสียเงินไปไม่น้อยเพื่อรักษาน้องห้า หากเ้ารับผิดชอบค่ายาให้น้องห้าด้วยตนเองได้ พวกเราจะขอบคุณเ้าจริงๆ” ซย่าตงชิงอยากให้จิ่นเซวียนดูแลซ่งจื่อเฉินเอง จะได้ช่วยลดภาระของพวกเขา
“พี่ตงชิง ข้ารู้ว่ามิใช่เื่ง่ายสำหรับทุกคน พวกท่านวางใจเถิดเ้าค่ะ ข้าจะมิทำให้ทุกคนเดือดร้อนแน่” จิ่นเซวียนสงสารซ่งจื่อเฉินยิ่งนัก น่าเศร้าจริงๆ ที่ต้องใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมเช่นนี้
แม่เลี้ยงเช่นนี้มิใช่คนดี ต่อหน้านางแสร้งทำดีต่อซ่งจื่อเฉิน มิรู้ว่าลับหลังจะร้ายกับเขาเพียงใด
เฉียวซื่ออยู่กับซ่งผิง มีลูกเพียงคนเดียว คือซ่งเป่าจู ตอนแก่ นางคงต้องพึ่งลูกชายทั้งสามคนจากอดีตสามี
กล่าวกันว่าหลานชายคนโตของเฉียวซื่ออายุมากกว่านางเสียอีก
ส่วนซ่งหงและภรรยายังมิมีลูก ในบ้านซ่งหลังนี้ผู้ที่โดนชังมากที่สุด นอกจากซ่งเหมยก็คือพานซื่อ นางได้ยินท่านย่าเล็กบอกว่าซ่งหงและภรรยาของเขาค่อนข้างซื่อสัตย์ มิใช่คนปลิ้นปล้อนเหมือนพี่ชายทั้งสองคน
“เซวียนเซวียน ปิ่นทองอันนี้ราคาแพงนัก สตรีออกเรือนแล้วเช่นเ้าสวมมันไปก็เสียเปล่า มิสู้เอาให้เป่าจูมิดีกว่าหรือ” เฉียวซื่อจ้องปิ่นปักผมทองในมือของซ่งจื่อเฉิน นางเองก็ชอบปิ่นปักผมทองอันนี้เช่นเดียวกับลูกสาว
ซย่าตงชิงลอบยิ้ม แม่สามีกับน้องสามีพลาดแล้วที่คิดว่าตนจะได้ผลประโยชน์ หารู้ไม่ลูกพี่ลูกน้องของนางมิได้รังแกง่ายเช่นนั้น
“ท่านแม่ ข้าอยากได้ปิ่นทองอันนี้ มันสวยมากเลยเ้าค่ะ” ซ่งเป่าจูเห็นแม่ขอปิ่นปักผมให้ นางก็จับแขนเฉียวซื่ออ้อนขอให้เอาปิ่นมาให้นาง
จิ่นเซวียนพูดมิออก คนบ้านสามีแย่กว่าคนบ้านเดิมของนางเสียอีก นางหนีเสือปะจระเข้ชัดๆ
“เป่าจู ตามหลักแล้วในฐานะพี่สะใภ้ของเ้า ข้าควรยกของดีๆ ให้เ้า แต่ปิ่นนี้ผู้อื่นให้ข้ามา หากเปลี่ยนมือเ้าของ ผู้ให้จะมิรู้สึกผิดหวังหรือ”
จิ่นเซวียนรู้สึกเสียใจที่แต่งเข้าบ้านซ่ง บ้านซ่งซับซ้อนและอันตรายยิ่งกว่าบ้านซย่า น้องสามีหน้ามิอายเกินไปแล้ว ทำเช่นนี้ไม่ต่างกับการปล้นกันซึ่งๆ หน้าเลย
“สิ่งที่ผู้อื่นให้เ้าก็คือของเ้า เ้าจะทำอย่างไรกับมันก็ได้ อีกอย่างเ้าเป็คนบ้านซ่งแล้ว ควรให้ของขวัญน้องสามีสักชิ้นสองชิ้น”
“ท่านแม่ คำพูดของท่านมิน่าฟังเลยเ้าค่ะ วันนี้น้องสามีชอบปิ่นอันนี้ ท่านให้ข้ายกให้นาง หากวันใดนางชอบสินสมรสของข้า พวกท่านจะมิเอาไปหมดเลยหรือ”
เฉียวซื่อมิใช่แม่สามีจริงๆ ของจิ่นเซวียน นางมิจำเป็ต้องไว้หน้า
เวลานี้นางโมโหจริงๆ
“ซย่าจิ่นเซวียน เ้าอย่าคิดว่าตนเองเป็คุณหนูบ้านซิ่วไฉแล้วจะอยู่เหนือผู้อื่น วันนี้ข้าจะเอาปิ่นอันนี้”
นางมิเข้าใจจริงๆ เพราะเหตุใดซ่งผิงถึงแต่งงานกับเฉียวซื่อ มองแวบเดียวก็รู้ว่านางเป็คนมารยา
“ท่านแม่ วันนี้คือวันมงคลของข้า ท่านไว้หน้าข้าบ้างเถิดขอรับ อย่าทำให้ภรรยาของข้าลำบากใจ” จู่ๆ เสียงเย็นะเืของซ่งจื่อเฉินก็ดังขึ้นจนเฉียวซื่อตกตะลึง แขกยังอยู่ภายนอก หากมีคนรู้ว่านางจะยึดเอาของจิ่นเซวียน นางคงมิมีหน้าไปเจอผู้ใด
“เป่าจู พวกเราไป” เฉียวซื่อฮึดฮัดและลากซ่งเป่าจูออกไป
“เซวียนเซวียน เ้าอย่าใส่ใจ ท่านแม่ก็เป็เช่นนี้ นางรักซ่งเป่าจูที่สุด ต่อให้เป็พระจันทร์บนท้องฟ้า นางก็จะเอามาให้เป่าจู” ซย่าตงชิงปลอบใจจิ่นเซวียนหลังจากที่เฉียวซื่อกับลูกสาวเดินออกไป ความจริงแล้วนางอยากให้จิ่นเซวียนกับเฉียวซื่อทะเลาะกัน เพราะอยากให้มีคนมาจัดการสองคนแม่ลูกนั่นนานแล้ว
ในบ้านหลังนี้ นางก็เกลียดซ่งเป่าจูเช่นกัน ในบรรดาลูกหลาน ซ่งเป่าจูใหญ่ที่สุด นางอยากได้สิ่งใด แม่สามีลำเอียงนั่นจะหามาให้ทุกสิ่ง
“พี่ตงชิง พวกเราเข้าไปเอาของขวัญกันเถิดเ้าค่ะ” จิ่นเซวียนเงียบไปครู่หนึ่งและเดินไปที่ห้องฝั่งตะวันออก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้