ขณะที่ทุกคนตกตะลึง ตำรวจหน้ายาวก็โบกมือและกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “หวังเส้าตงถูกฉลามลากไปกิน ไม่มีหลักฐานใดบ่งชี้ว่าคุณเซียวเยว่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ ถอนกำลังได้!”
ทันทีที่เขาเอ่ยออกมา เ้าหน้าที่หลายนายต่างส่งสายตาให้ แต่ตำรวจหน้ายาวไม่แม้แต่จะหันไปมอง เขาหันหลังเดินออกจากร้านอาหารทันที
“พวกคุณมัวทำอะไรกัน ผมบอกแล้วว่าถอนกำลังไง”
ตำรวจหน้ายาวเดินไปเพียงไม่กี่ก้าว เมื่อเห็นว่าคนในทีมยังอยู่ที่เดิมจึงหันกลับไปดุด่าเสียงดัง
“ครับๆ”
เ้าหน้าที่ตำรวจย่อมเชื่อฟังคำสั่งหัวหน้าอยู่แล้ว
ตำรวจรีบแยกย้ายกันไป เหลือเพียงหวังเฉิงจงและคนตระกูลหวังที่ยังอยู่ในอาการตกตะลึงพูดไม่ออกและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป
“แกชื่อเย่เฟิง?”
สีหน้าของหวังเฉิงจงไม่ค่อยดีนัก เขาถามและมองชายสวมเชิ้ตดำตรงหน้า คำพูดไม่กี่ประโยคของผู้ชายคนนี้ทำให้ตำรวจหน้ายาวทำตัวผิดปกติ หวังเฉิงจงรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้นี่แหละปัญหา
“ใช่แล้ว” เย่เฟิงยิ้มพลางพยักหน้า “คุณคือพ่อของหวังเส้าตง น่าเสียดายที่เขาถูกฉลามลากไปกิน ผมขอแสดงความเสียใจด้วย”
เมื่อหวังเฉิงจงได้ยินคำว่าฉลามสองคำนี้ก็รู้สึกโกรธขึ้นมา จึงเอ่ย “แก! ฝากไว้ก่อนเถอะ”
เขาต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว อิทธิพลของเขาในเซี่ยงไฮ้มีมากพอจะจับหมอนี่ไปทรมาน มิฉะนั้นลูกชายที่หายไปของเขาจะไม่สูญเปล่าหรือ?
หวังเฉิงจงรู้ว่าไม่กี่วันมานี้เกิดสึนามิที่ทะเลตะวันออก และหวังเส้าตงลูกชายของเขาก็มาที่นี่และหายตัวไป ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อาจยอมรับได้ อยู่ต้องเห็นตัว ตายต้องเห็นศพ ตอนนี้เขายังหาลูกชายไม่พบ จึง้าจับกุมคนที่น่าสงสัยที่สุดอย่างเซียวเยว่ เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะต่อรองกับตระกูลเซียว บางทีอาจจะได้ผลประโยชน์ไม่น้อย
“แกกล้าใช้อำนาจคุกคามหลานฉันเหรอ?”
เย่เวิ่นเทียนนั่งอยู่ด้านหลังเอ่ยขึ้นพร้อมกับขมวดคิ้ว
จนถึงตอนนี้ หวังเฉิงจงเพิ่งรู้ว่าชายชราคนนี้ก็อยู่ด้วย เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยกับสถานการณ์ที่รู้สึกว่าผิดปกติ ดูเหมือนคนรอบตัวเด็กหนุ่มที่ชื่อเย่เฟิงคนนี้ ยากที่จะรับมือได้
ชายชราคนหนึ่งที่ดูสงบนิ่ง และชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลากำลังใช้ไม้จิ้มฟันเขี่ยเศษอาหาร นอกจากนี้ยังมีผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ มองหวังเฉิงจงด้วยสายตามีความสุขที่เห็นเขาทุกข์ใจ...
เย่เฟิงมีสาวงามอยู่รอบตัวมากมายเช่นนี้จะเป็คนธรรมดาได้อย่างไร เขาต้องกลับไปสืบภูมิหลังของชายคนนี้ให้ได้
หวังเฉิงจงแค่นเสียงก่อนหันหลังกลับพาลูกน้องออกจากร้านอาหารพร้อมกับโทรไปด่าผู้บังคับบัญชาสำนักงานตำรวจเมืองเซี่ยงซานหนึ่งชุด จากนั้นใช้อำนาจในเซี่ยงไฮ้ของตัวเองขอให้พวกเขาตรวจสอบภูมิหลังของเย่เฟิง
ไม่นานข้อมูลจำนวนมากก็ถูกส่งไปยังโทรศัพท์ของหวังเฉิงจง เขาเปิดอ่านได้เพียงสองหน้าก็เหงื่อแตกพลั่ก
เย่เฟิงไม่มีอะไรน่ากลัว แต่ประเด็นคือเด็กคนนี้เป็ว่าที่ลูกเขยของตระกูลหลินแห่งเมืองเยี่ยนจิง
ตระกูลหลินแห่งเมืองเยี่ยนจิงเป็ตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ สำหรับหวังเฉิงจงการเป็ลูกเขยของตระกูลหลินก็เพียงพอแล้ว เขาไม่แปลกใจเลยที่เย่เฟิงทำตัว ‘อวดดี’ ขนาดนี้ ในสายตาของหวังเฉิงจง เย่เฟิงเหมือนมีฉลาก ‘อำนาจเงินมรดกมากมาย’ แปะไว้
หวังเส้าตงลูกชายของเขาที่ว่าอวดดีแล้ว ยังไม่เท่ากับเย่เฟิงคนนั้นที่แสนอวดดียิ่งกว่า... และเขายังทราบข่าวจากคนสนิทของตระกูลหลินแห่งเมืองเยี่ยนจิงอีกว่า ตอนนี้หลินซือฉิงก็อยู่ที่เมืองเซี่ยงซานเช่นกัน และเพิ่งบอกเมื่อสักครู่ว่าหนึ่งในสาวสวยบนโต๊ะนั้นมีหลินซือฉิงด้วย
หวังเฉิงจงเข่าอ่อน ทำไมเขาถึงมีตาหามีแววไม่เช่นนี้? จนถึงตอนนี้เขาเพิ่งนึกออกว่าผู้หญิงที่นั่งพร้อมประดับรอยยิ้มบางตรงโต๊ะนั้นมีอายุราวยี่สิบปี หรือนั่นคือหลินซือฉิง? ทำไมเขาถึงดูไม่ออก!
หวังเฉิงจงรีบจากไป แล้วล้มเลิกความคิดที่จะหาเื่เย่เฟิง แม้จะมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของลูกชาย แต่เมื่อเทียบกันแล้ว เขาหวงแหนทุกสิ่งที่ตนมี ไม่ว่าจะเป็ทรัพย์สมบัติหรืออิทธิพล ไม่ว่าอย่างไรลูกชายของเขาก็หายสาบสูญไปแล้ว แต่ทรัพย์สินและอิทธิพลของเขายังอยู่ครบ เขาค่อยมีบุตรชายอีกครั้งก็ได้
…………
“เย่เฟิงนายจะเท่เกินไปแล้ว” เซียวเยว่มองผู้คนที่ถูกเย่เฟิงบังคับให้ออกจากร้านอาหาร เธอส่งยิ้มและส่งจูบให้เขา ก่อนยิ้มและโบกมือให้หลงหว่านเอ๋อร์และซูเมิ่งหานแล้วเอ่ย “ฉันอิจฉาพวกเธอจริงๆ ที่มีแฟนแบบนี้”
“...”
หลงหว่านเอ๋อร์และซูเมิ่งหานต่างพูดไม่ออก ชีวิตสาวเมืองเซี่ยงไฮ้ช่างเปิดกว้าง แตกต่างจากพวกเธอเสียจริง
“พอได้แล้วพี่”
เซียวฉี่ที่อยู่ข้างๆ ทนดูต่อไปไม่ได้จึงรีบวิ่งไปดึงเซียวเยว่กลับมา หน้าอกใต้ชุดกระโปรงสีแดงสวยทำให้ผู้ชายหลายคนในร้านอาหารไม่สามารถละสายตาจากเธอไปได้
“พวกเราไปกันเถอะ”
เย่เฟิงหันหน้ามายิ้มให้เมิ่งหานและหว่านเอ๋อร์
“อืม”
เมิ่งหานและหว่านเอ๋อร์ไม่สนใจที่เซียวเยว่ส่งจูบให้เย่เฟิง ทั้งคู่พยักหน้าและยิ้มเล็กน้อย
ขณะทุกคนกำลังจะไปก็มีเสียงชายหนุ่มดังขึ้น “จะรีบไปไหนไอ้หนุ่ม ให้พี่ชายอย่างฉันไปส่งไหม?”
“หืม?”
เย่เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อยและหันมองชายหนุ่มที่นั่งคนเดียวตรงมุมหนึ่งของร้านอาหาร รูปลักษณ์ภายนอกของผู้ชายคนนั้นธรรมดามาก ดูเหมือนไม่ได้โกนหนวดมานานแล้วถึงมีหนวดเคราดกดำขนาดนั้น สวมเชิ้ตสีเทาและกางเกงยีนส์ ดูไม่โดดเด่นมากนัก แต่คำพูดประโยคนั้นกลับทำให้เย่เฟิงรู้สึกถึงอำนาจ
เขาใช้ทักษะจิตหยั่งรู้กวาดมอง แต่ไม่พบสิ่งน่าสงสัยเกี่ยวกับชายคนนั้นเลย พลางคิดในใจว่าชายคนนี้อาจเป็คนบ้าหรือเปล่า?
ทันใดนั้นเย่เฟิงพบว่าสีหน้าของหลินซือฉิงเปลี่ยนไปทันทีที่ได้ยินเสียงของชายคนนั้น
หรือว่าเธอรู้จักเขา
เย่เฟิงหันมองหลินซือฉิงที่โต๊ะ ร่างอรชรภายใต้เสื้อเชิ้ตลายสก๊อตทรงเสน่ห์ แต่ใบหน้าหลินซือฉิงในตอนนี้กลับดูประหลาดใจ
หลินซือฉิงรับรู้ได้ถึงสายตาของเย่เฟิง ในที่สุดเธอก็ลุกขึ้นและเดินไปหาชายที่อยู่มุมนั้น
“จ้าวปา คุณมาทำอะไรที่นี่?”
หลินซือฉิงดึงเก้าอี้และนั่งลงข้างผู้ชายคนนั้น
“เขาคือจ้าวปา?”
หลงหว่านเอ๋อร์ใทันทีเมื่อได้ยินชื่อนั้น
“จ้าวปา? เขาเป็ใคร?”
เย่เฟิงแปลกใจ
“จ้าวปา หรืออีกชื่อคือลุงแปด เป็คนของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ”
เมื่อหลงหว่านเอ๋อร์เห็นเย่เฟิงไม่รู้จักจึงอธิบาย “ที่เราพบก่อนหน้านี้คือทีมทั่วไปจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ นอกจากนี้สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติก็ยังมีหน่วยพิเศษ ซึ่งเ้าหน้าที่ทุกคนต่างมีศักยภาพและเป็ผู้ฝึกวรยุทธ์ที่เป็ยอดฝีมือหลายสิบปี!”
“จ้าวปาก็คือหนึ่งในพวกยอดเยี่ยมงั้นสินะ”
เย่เฟิงหรี่ตามองอีกฝ่าย
เป็อย่างที่เขาคิดไว้ว่าสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติต้องเข้ามาจัดการเื่นี้ แถมยังส่งคนที่ยากจะต่อกรมาเสียด้วย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้