เหยียนอู๋อวี้ฟุบหมอบแน่นิ่งไม่ขยับอยู่เบื้องหน้า นางกล่าวตอบว่า “ฝ่าาพระราชทานไข่มุกล้ำค่า เป็สมบัติล้ำค่าหายาก หม่อมฉันกลัวว่ามันจะเสียหายจึงเก็บไว้อย่างดีเพคะ”
“ในเมื่อเป็เช่นนั้นก็ไปนำมันมาให้อายเจียดูสักหน่อย” ไทเฮากล่าวเสียงเ็า จากนั้นจึงชี้นางกำนัลที่อยู่ด้านข้างพลางกล่าวว่า “เ้าตามไป ปกป้องไข่มุกเ่าั้ให้ดี”
ป้าโฉ่วรับคำสั่งพลางมองเหยียนอู๋อวี้ปราดหนึ่งอย่างเป็กังวล เมื่อเห็นว่านางไม่ได้ตอบกลับจึงทำได้เพียงลุกขึ้นยืนแล้วพานางกำนัลเ่าั้ไปตำหนักเฟิ่งชัย
ภายในเรือนเตี๋ยฟางกลับคืนสู่ความเงียบอีกครั้ง คล้ายไทเฮาจะลืมว่าเหยียนอู๋อวี้ยังคุกเข่าอยู่ แววตาของนางหยุดอยู่บนร่างซวี่หรงพลางกล่าวเสียงเย็น “นอกจากเจิ้งเจี๋ยอวี๋แล้วยังมีผู้ใดอีก?”
แม้ซวี่หรงจะมีสถานะเป็ทูตของแคว้นหูหลัว ทว่าก็เป็เพียงบุรุษบำเรอ เมื่อถูกไทเฮาจ้องเขม็ง เขาจึงยืดตัวตรงและกล่าวเสียงดัง “ทูลไทเฮา กระหม่อมถูกปรักปรำ องค์หญิงใหญ่งดงามที่สุดในแว่นแคว้น ในสายตากระหม่อมจะไปมองผู้อื่นได้อย่างไร ต้องเป็เพราะเจิ้งเจี๋ยอวี๋เห็นว่ากระหม่อมหล่อเหลาร่าเริง ในใจคิดหลงใหลจึงบังเกิดความคิดขึ้นมา ไม่รู้จี้หยกนั่นหายและถูกนางหยิบไปเมื่อใด ส่วนปิ่นปักผม กระหม่อมยิ่งไม่รู้เื่อันใดเลยพ่ะย่ะค่ะ องค์ไทเฮา!”
ดูเหมือนซวี่หรงจะหายจากอาการตื่นใแล้ว ฝีปากจึงเฉียบคมขึ้นเป็เท่าตัว ทุกประโยคล้วนแก้ต่างให้ตนเอง อย่างไรแล้วคนตายไม่สามารถให้การได้ ขอเพียงเขากัดฟันยอมรับ มีองค์หญิงใหญ่คอยหนุนหลัง ผู้ใดก็ไม่กล้าทำอันใด ส่วนองค์หญิงใหญ่แล้ว หากอิงตามความรู้สึกของคนสองคนในปัจจุบัน ซวี่หรงมั่นใจเก้าส่วนว่าสามารถทำให้นางหยุดซักไซ้ไล่เลียงได้!
สีหน้าของไทเฮาแสดงออกว่าไม่อยากฟังเขาอธิบายจึงโบกมือและกล่าวกับเต๋อเฟย “มอบให้เ้าจัดการ”
เต๋อเฟยตอบรับทันที นางก้าวไปข้างหน้าพลางเอ่ยเสียงเย็น “ทูตซวี่หรง ราชสำนักมีนโยบายของราชสำนัก ตำหนักหลังก็มีกฎเกณฑ์ของตำหนักหลังเช่นกัน องค์หญิงใหญ่อาศัยอยู่ในวังได้เพราะความเมตตาของฮ่องเต้ ต่อให้องค์หญิงมาด้วยพระองค์เอง กฎเกณฑ์ก็ยังต้องรักษา”
แม้ซวี่หรงเป็บุรุษบำเรอ ทว่าเขาอยู่ในวังมาระยะหนึ่งแล้ว โดยปกติย่อมรู้กฎเกณฑ์ในวัง และยิ่งรู้ชัดเจนว่าหากตนเองปากพล่อย สิ่งที่รอเขาอยู่คือการไม่ฟื้นคืนชั่วกัลป์ เมื่อเห็นเจตนาสังหารโผล่ขึ้นมาในดวงตาของเต๋อเฟย เขาจึงไม่สนใจไม่ได้และกล่าวตอบทันที “ซวี่หรงทราบดี ทว่าซวี่หรงไม่ได้ทำจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ!”
“แล้วสิ่งของที่ค้นเจอในที่พัก เ้าจะอธิบายว่าอย่างไร?”
ซวี่หรงใจเด็ดเดี่ยว “ข้าไม่เคยเห็นปิ่นทองมาก่อน ค้นเจอจากที่ใดยิ่งไม่รู้! จะมาให้ร้ายข้าได้อย่างไร!”
“เช่นนี้คงต้องล่วงเกินท่านทูตสักเล็กน้อยแล้ว!” เต๋อเฟยปรบมือ องครักษ์ด้านข้างพลันก้าวขึ้นมาลากเขาออกไปทันที ครู่หนึ่งจึงได้ยินเสียงกรีดร้องด้านนอก
เวลานี้นางกำนัลที่ตามป้าโฉ่วออกไปรีบร้อนกลับมาพอดี “ทูลไทเฮา เจอไข่มุกเป่าหัวที่ตำหนักเฟิ่งชัยเพียงหนึ่งเม็ดเพคะ!”
ทันใดนั้นแววตาของทุกคนพลันมองไปทางเหยียนอู๋อวี้ เหยียนอู๋อวี้คุกเข่าหมอบอยู่บนพื้นไม่เคลื่อนไหวมาโดยตลอด ั้แ่ที่ฮวารั่วซีเริ่มะโออกไป นางก็รู้สึกว่าบางอย่างไม่ถูกต้อง เมื่อเห็นไข่มุกเป่าหัวอีกครั้ง นางก็มีลางสังหรณ์ในใจ
ป้าโฉ่วเป็คนเก็บรักษาไข่มุกด้วยตนเอง มันวางอยู่ในห้องนอนของนาง ั้แ่ได้รับมา นางไม่ได้สนใจสิ่งของที่ใช้แล้วใช้ไม่ได้ หรือหายแล้วยังต้องชดใช้พวกนี้เท่าใดนัก นางเพียงแค่เก็บรักษาอย่างเข้มงวด เพราะกลัวว่าจะมีโอกาสให้ผู้อื่นเอาไปเป็เครื่องมือ หากแต่ไม่คาดคิดว่าระมัดระวังนับร้อยครั้งกลับพลาดเพียงครั้งเดียว นางยังตกหลุมพรางอยู่ดี
ไทเฮามองเงาร่างเพรียวบางที่อยู่บนพื้นพลางคิดถึงดวงตาของนาง ความเ็าพลันพวยพุ่งขึ้นมาในใจ “เหยียนเป่าหลิน ไข่มุกของเ้าอยู่ที่ใด?”
เต๋อเฟยเดินไปข้างหน้าพลางประสานเสียงเอ่ยถาม “พกติดตัวมาด้วยใช่หรือไม่?”
เหยียนอู๋อวี้ส่ายศีรษะพลางกล่าว “ทูลเต๋อเฟย หม่อมฉันเก็บไข่มุกแล้วจริงๆ ในเมื่อป้าโฉ่วหาไม่พบ เช่นนั้นก็คงหายไปแล้วเพคะ!”
“หายอีกคนแล้ว บังเอิญอันใดเยี่ยงนี้!” อู๋เจี๋ยอวี๋รออยู่นาน ในที่สุดก็ะโออกมาเอ่ยเสียงเ็า “เมื่อครู่ซวี่หรงก็บอกว่าจี้หยกที่อยู่ในที่พักเจิ้งเจี๋ยอวี๋หายไป หรือว่าสิ่งของล้ำค่าในวังหลวงงอกขาวิ่งไปวิ่งมาได้!”
“สิ่งของล้ำค่ากลายเป็ิญญาใช่ว่าจะไม่มี” เหยียนอู๋อวี้กล่าวตอบอย่างไม่รีบร้อน “เพียงแต่ของในวังที่มีขางอกไม่ใช่สิ่งของล้ำค่า ทว่าเป็มนุษย์ อย่างไรเสียไข่มุกก็ไม่ใช่สิ่งของธรรมดา ฝ่าาทรงพระราชทานให้ย่อมมีคนอิจฉาตาร้อนเป็ปกติ”
อู๋เจี๋ยอวี๋กล่าวโทษทันที “ไม่มีผู้ใดอิจฉาตาร้อนไข่มุกนั่น ทุกคนเห็นเพียงแค่เ้าทรยศต่อความเมตตาของฝ่าา!”
ภายในใจเหยียนอู๋อวี้กังวลไม่แพ้กัน สิ่งของที่ฮ่องเต้พระราชทานให้หายไป ยามนี้กลับมาปรากฏอยู่ในจวนของซวี่หรง เห็นได้ชัดว่ามีคน้ายัดข้อหาใส่ความ แม้นางจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหยิบไข่มุกไปได้อย่างไร แต่นางรู้แน่ชัดว่าตำหนักเฟิ่งชัยมีคนนอกแทรกซึมเข้ามาแล้ว
ความจริงนางรู้เื่นี้นานแล้ว เพียงแต่เนื่องจากงานเลี้ยงวันประสูติไทเฮา นางจึงไม่มีเวลามาจัดการ ไม่คาดคิดว่ามันจะทิ้งหายนะเอาไว้เช่นนี้
นางกวาดสายตามองไข่มุกบนถาดก่อนหันไปมองอู๋เจี๋ยอวี๋ บนหน้าไร้ซึ่งสีหน้ากังวลแม้แต่น้อย นางเพียงกล่าวตอบเสียงเบา “หม่อมฉันไม่ได้กระทำสิ่งที่ทรยศต่อความเมตตาของฝ่าา เื่นี้ยังไม่มีการตรวจสอบแน่ชัด อู๋เจี๋ยอวี๋โปรดระวังคำพูดด้วย”
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ เหยียนเป่าหลิน เ้าบอกมาหน่อยว่าไข่มุกของเ้าอยู่ที่ใด?” อู๋เจี๋ยอวี๋เกาะติดเื่นี้แน่น ไม่ยอมเลิกรา
“ทูลไทเฮา ไข่มุกของหม่อมฉันเก็บอย่างเรียบร้อยเหมาะสมจริงๆ เพคะ คิดดูแล้วอาจจะมีบ่าวรับใช้บางคนเห็นของมีค่าก็คิดชั่วจึงขโมยไป ไม่รู้ว่าเปลี่ยนมือตกไปอยู่ในมือทูตซวี่หรงได้อย่างไร?”
“เหยียนเป่าหลิน สุดท้ายแล้วนี่ก็เป็คำพูดฝ่ายเดียวจากเ้า” เต๋อเฟยมองนางโดยมิได้มีท่าทีบีบคั้นเช่นอู๋เจี๋ยอวี๋ ทว่าคำพูดกลับไม่ไว้หน้านางเลยสักนิด “ยามนี้สิ่งของล้ำค่าอยู่ในมือซวี่หรงแล้ว เกรงว่าหากกล่าวว่าหายคำเดียว ใช่ว่าจะมีเหตุผลรองรับได้กระมัง”
เหยียนอู๋อวี้หมอบกราบทันทีพลางกล่าวเสียงดัง “ไทเฮาโปรดตรวจสอบด้วย หม่อมฉันเห็นไข่มุกบนถาดถูกถักเป็สร้อยข้อมือแล้ว แต่หม่อมฉันไม่เก่งงานฝีมือสตรี สู้พี่หญิงน้องหญิงไม่ได้ หม่อมฉันทำสิ่งของประณีตเช่นนี้ขึ้นมาไม่ได้อย่างแน่นอนเพคะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ แววตาไทเฮาพลันลึกล้ำ แม่นมซูก้าวออกไปหยิบสร้อยข้อมือขึ้นมาดูอย่างละเอียดทันที ทันใดนั้นภายในดวงตาพลันฉายแววแปลกประหลาด นางวางลงทันที ทว่ากลับไม่เอ่ยสิ่งใด
กระนั้นมีบางคนใจร้อนยิ่งกว่านาง อู๋เจี๋ยอวี๋ไม่รอให้ไทเฮาส่งเสียง นางพลันเอ่ยออกมาทันที “เหยียนเป่าหลินถ่อมตัวเกินไปแล้ว ของขวัญไทเฮาประณีตเพียงนั้น ต่อให้ถักสร้อยข้อมือไม่เป็ ในฐานะเป่าหลินย่อมมีบ่าวรับใช้ที่ชำนาญงานฝีมือสักคนสองคน เื่นี้จะนับว่าเป็เหตุผลได้อย่างไร!”
เหยียนอู๋อวี้ยิ้มเ็าพลางกล่าวว่า “อู๋เจี๋ยอวี๋ ท่านก็ทราบว่าไข่มุกเป็สมบัติล้ำค่าหายาก ต่อให้หม่อมฉัน้าทำของแทนใจก็คงไม่โง่เขลานำสิ่งของล้ำค่าที่ถูกบันทึกในวังมาทำเป็สร้อยข้อมือให้บุรุษบำเรอใส่โอ้อวดไปทุกที่อย่างแน่นอน!”
เมื่อคำพูดนี้ถูกเอ่ยออกมา สายตาทุกคนพลันซับซ้อนขึ้นเล็กน้อย อู๋เจี๋ยอวี๋ไหนเลยจะมั่นใจ นางโต้แย้งทันที “หากเ้าทำในสิ่งตรงกันข้ามเล่า? อีกอย่างของแทนใจประเภทนี้จะถูกเก็บรักษาไว้กับตัวเท่านั้น ในเมื่อเป็ความสัมพันธ์ส่วนตัวย่อมนำออกมาโอ้อวดไม่ได้แน่นอน!” นางเอ่ยพลางหมุนกายไปคุกเข่าให้ไทเฮา “ไทเฮา หม่อมฉันคิดว่าควรสอบสวนคนรับใช้ในตำหนักเฟิ่งชัยด้วยการทรมานทั้งหมดเพคะ ต้องได้อันใดมาบ้างแน่นอนเพคะ!”
“สอบสวนด้วยการทรมานทุกคนย่อมมีคนยอมรับผิดเพราะทนถูกทรมานไม่ไหวอย่างเลี่ยงไม่ได้เพคะ!” เหยียนอู๋อวี้คัดค้านทันที “ั้แ่หม่อมฉันเข้าวังมา ฝ่าาค้างแรมที่ตำหนักเฟิ่งชัยบ่อยครั้ง หม่อมฉันยุ่งอยู่กับการดูแลฝ่าา ไหนเลยจะมีเวลาไปสนใจบุรุษบำเรอ ยิ่งไปกว่านั้น ฝ่าาอ่อนโยนงามสง่าและงดงามดุจเทพเซียนจุติ เพียงแค่บุรุษบำเรอผู้หนึ่งจะไปเทียบเคียงได้อย่างไร ไทเฮาโปรดทบทวนด้วยเพคะ!”
ไม่มีความหมายใดชัดเจนไปกว่านี้แล้ว ทุกคนนึกถึงความสง่างามของซ่งอี้เฉินและนึกถึงรูปลักษณ์ของซวี่หรงอีกครั้ง ในใจพลันได้ผลสรุปที่ชัดเจน
มีซ่งอี้เฉินอยู่ข้างกายแล้วผู้ใดจะไปมองบุรุษบำเรอต่ำต้อยเพียงผู้เดียวอีก?
เต๋อเฟยเอ่ยถาม “เหยียนเป่าหลินหมายความว่า เ้าไม่เกี่ยวข้องกับเื่นี้หรือ?”
เหยียนอู๋อวี้กล่าวตอบทันที “เพคะ วันนี้หม่อมฉันพบซวี่หรงเป็ครั้งแรก ไม่มีทางคบชู้อย่างแน่นอน!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ อู๋เจี๋ยอวี๋จึงยิ้มเยาะอยู่ด้านข้างโดยไม่รอให้เต๋อเฟยเปิดปาก “เหยียนเป่าหลิน เกรงว่าคำพูดนี้ไม่จริงอยู่บ้าง พวกเ้าเจอกันเมื่อสี่ห้าวันก่อนมิใช่หรือ!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้