เมื่อฉือเสียวเสว่จากไปแล้ว บริเวณนี้ก็เหลือแต่เพียงหลงอวี้ที่คอยเก็บกวาดซากที่เหลือ
กระบี่ที่เป็ยุทธภัณฑ์ระดับิญญาขั้นพิเศษของเฟิงเหยาเล่มนั้นมันไม่เพียงแต่มีระดับสูงมากเท่านั้น ที่สำคัญที่สุดคือมันเป็ยุทธภัณฑ์ประเภทกระบี่ หากนำกลับไปขายที่เมืองฮุ่นยินละก็ จะต้องมีคนสนใจเป็จำนวนมากแน่ ซึ่งมันจะยิ่งขายได้ราคามากกว่ายุทธภัณฑ์ระดับิญญาขั้นพิเศษทั่วไปแน่
สำหรับหลงอวี้ตอนนี้แล้ว กระบี่เป็สิ่งที่ไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับเขา อีกทั้งเขายังไม่เคยฝึกฝนวิชากระบี่มาก่อนด้วย
การยกระดับพลังให้สูงขึ้นต่างหากที่เป็สิ่งที่เขา้ามากที่สุด ทุกสิ่งที่เขาได้มานั้นเขาจะนำไปแลกเป็ยาโอสถหรือเน่ยตานของสัตว์อสูรเพื่อนำมาใช้ยกระดับวิถียุทธ์ให้สูงขึ้นแทน!
นอกจากกระบี่ระดับิญญาขั้นพิเศษของเฟิงเหยาแล้ว บนตัวของพวกเติ้งซุ่นสี่คนเองก็มียุทธภัณฑ์ระดับิญญาขั้นกลางและขั้นล่างอยู่ไม่น้อยเช่นกัน อีกทั้งยังมีเน่ยตานของสัตว์อสูรฉางหมานจำนวนสิบกว่าชิ้นที่พวกมันเก็บไว้ด้วย ในนั้นมีอยู่สองชิ้นที่เป็ระดับิญญาขั้นกลาง
แม้ว่าจะมีของไม่เยอะ มูลค่าเทียบไม่ได้กับของที่หลงอวี้ได้มาจากหลงซีศิลาและนาคาทมิฬด้วยซ้ำ แต่กำขี้ก็ดีกว่ากำตด ได้อะไรติดมือมาบ้างก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย
นอกจากนี้ ช่องว่างปรภพของหลงอวี้เองก็ถูกซากศพของสัตว์อสูรสองตัวก่อนหน้านี้ยัดไว้จนเต็มแล้วด้วย ไม่สามารถเก็บอะไรเพิ่มได้อีกแล้ว
“ได้เวลากลับแล้ว แบบนี้คงนับได้ว่ามาไม่เสียเที่ยวแล้วล่ะมั้ง...”
หลงอวี้แย้มยิ้มเล็กน้อยอย่างพึงพอใจ
การเดินทางครั้งนี้แม้จะใช้เวลาทั้งหมดเพียงเจ็ดวัน แต่ผลลัพธ์ที่ได้ไม่น้อยเลย หากได้ผลแบบนี้ทุกเจ็ดวันล่ะก็ เช่นนั้นการจะยกระดับขึ้นสู่ิญญาแท้ขั้นสามในหนึ่งเดือนก็ใช่ว่าจะเป็ไปไม่ได้
แน่นอนว่าเวลาที่เขาตั้งเป้าไว้ให้กับตัวเองมันเหลือไม่ถึงหนึ่งเดือนแล้ว ต่อให้เร่งเดินทางกลับลัทธิไปจากเมืองฮุ่นยินก็ยังต้องใช้เวลาหลายวัน หากไม่เกิดเื่เหนือความคาดหมายขึ้น เขาจำเป็ต้องเดินทางกลับก่อนล่วงหน้าด้วย
หลังจากเขาเก็บของทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย เขาก็ได้ถือหอกัปรภพไว้แล้วออกเดินทางทันที
ปีกจันทราถูกกางออกมา ลายเส้นปรภพถูกกระตุ้น ทำให้หลงอวี้เคลื่อนตัวออกไปด้วยความเร็วสูงสุดขีดจนกลายเป็ประกายแสงสีเทาดำ มุ่งหน้าไปยังปากทางเข้าหุบเขาปีศาจิญญา์
แต่เขากลับไม่รู้ตัวเลยว่า หลังจากที่เขาเดินทางจากไปได้ไม่นาน พวกเติ้งซุ่นสี่คนที่ถูกฆ่าตาย อยู่ๆ ก็ส่งเสียงไอออกมา ต่อจากนั้นพวกมันทุกคนกลับสามารถลุกขึ้นมายืนขึ้นได้อีกครั้ง!
“เกือบไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าเ้าหนูนี่จะร้ายกาจขนาดนี้...”
เติ้งซุ่นยืนขึ้นมา จนตอนนี้เขาก็ยังรู้สึกหวั่นเกรงอยู่เล็กน้อย แม้ของที่พวกเขาได้มาจากการออกล่าครั้งนี้จะถูกหลงอวี้เก็บไปหมดแล้ว แต่ของพวกนั้นมันก็ไม่ได้สำคัญอะไรสักเท่าไรนักเมื่อเทียบกับชีวิต ขอเพียงยังมีชีวิตอยู่ สักวันหนึ่งย่อมต้องแก้แค้นได้!
“ถ้าไม่ได้เขตแดนเวทมนตร์ของสหายถูอี้ช่วยไว้ล่ะก็ พวกเราคงจะไม่สามารถหลอกตาเ้าหนูนั่นได้แน่”
ชายตาแดงแขนเดียวผู้นั้นเอ่ยพูดขึ้นด้วยความหวาดหวั่นครั่นคร้าม หัวใจยังคงเต้นระรัว
ในที่สุดแสงสีแดงในดวงตาของเขาก็ได้สลายหายไปหมดแล้ว เขามีนามว่า ‘ชื่อเสวี่ย’!
ชายลึกลับสวมหมวกกระดาษที่เป็ผู้ใช้เขตแดนเวทมนตร์ ‘ถูอี้’ ก็ได้ลุกขึ้นยืนด้วยแล้วเช่นกัน เขาจ้องมองไปยังทิศทางที่หลงอวี้เดินจากไปอยู่ครู่หนึ่ง
“ต้องนำเื่นี้ไปรายงานให้ท่านทะเลดาวทราบ เ้าหลงอวี้ผู้นี้มันแข็งแกร่งผิดปกติ!”
ถูอี้กดหมวกกระดาษของตนลงมาพร้อมกับเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งเล็กน้อย ชุดสีดำของเขาโบกสะบัดท่ามกลางสายลมที่พัดผ่าน ดูลึกลับอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนชายฉกรรจ์ผู้ใช้ค้อนคู่นั้นมีนามว่า ‘ข่งเซิ่งหย่ง’ เขาลุกขึ้นยืนพร้อมกับโค้งคำนับให้กับถูอี้ เอ่ยพูดขึ้นด้วยความขอบคุณ
“ขอบคุณสหายถูที่ช่วยเหลือ!”
“คนกันเองทั้งนั้น ไม่ต้องเกรงใจหรอก สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือต้องนำเื่ที่เกิดขึ้นที่นี่ไปรายงานให้ท่านทะเลดาวรับทราบ”
ในดวงตาของเติ้งซุ่นฉายแววอำมหิตขึ้นมาแวบหนึ่ง
เขาต้องฆ่าหลงอวี้ให้ได้!
นอกจากนี้ ไอ้เ้าฉือเสียวเสว่นั่น ทั้งที่มันเป็สหายของเขาเติ้งซุ่น กลับเลือกที่จะยืนอยู่ข้างหลงอวี้ มองดูพวกเขาถูกหลงอวี้ฆ่าตายเฉยๆ โดยไม่คิดจะเข้ามาช่วยเหลือ
หลังจากนี้ไปเ้าฉือเสียวเสว่ก็นับเป็ศัตรูของพวกเขาเหมือนกัน!
หลงอวี้คาดไม่ถึงแน่นอนว่ากฎเกณฑ์ฟ้าดินของโลกใบนี้มันจะมีความสามารถที่มหัศจรรย์น่าพิศวงขนาดนี้ เขตแดนของกฎเกณฑ์เวทมนตร์ถึงกับสามารถปกปิดเื่ที่พวกเขาสี่คนยังมีชีวิตอยู่ได้ แม้แต่หลงอวี้ก็ยังถูกหลอกให้คิดว่าพวกเขาตายไปแล้วเลย!
แน่นอนว่า ถึงแม้จะไม่เกิดเื่นี้ขึ้น เื่นี้ก็ต้องรู้ถึงหูของทะเลดาวเย่หลุนอยู่ดี เพราะเขาได้ปล่อยเฟิงเหยาไป
เขาเตรียมตัวรับมือการจ้องเล่นงานจากทะเลดาวเย่หลุนอีกครั้งหนึ่งไว้พร้อมแล้ว!
......
หลังผ่านไปได้ไม่นาน ทางเข้าออกหุบเขาปีศาจก็ได้ปรากฏตรงหน้าของหลงอวี้อีกครั้ง
แม้เวลาจะผ่านไปเจ็ดวันแล้วก็ยังมีสภาพเหมือนตอนที่เขาเข้ามาเลย มีผู้ฝึกยุทธ์จำนวนมากมารวมตัวกันอีกครั้ง เตรียมจะตั้งกลุ่มกันเพื่อเสี่ยงชีวิตเข้าไปล่าสัตว์อสูรภายในหุบเขา
ผู้ฝึกยุทธ์พเนจรในยุทธจักรเหล่านี้ยอมทุ่มสุดชีวิตเพื่อที่จะได้ยกระดับพลังได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น!
หากไม่ทุ่มสุดชีวิตเช่นนี้ ทั้งชีวิตนี้พวกเขาก็ได้แต่ต้องอยู่ใต้เงาของเหล่ายอดฝีมือจากตระกูลใหญ่และสำนักลัทธิใหญ่ต่างๆ เท่านั้น พวกเขาทุกคนล้วนมีจิตใจที่อยากแข็งแกร่งมากขึ้นทั้งนั้น
หลงอวี้ไม่ได้สนใจพวกคนเหล่านี้เลย
เงาร่างของเขาพุ่งผ่านหุบเขาปีศาจิญญา์ได้อย่างรวดเร็ว หากมีโอกาส เขายังคิดว่าจะมาที่นี่อีกสักครั้ง แต่ตอนนี้เขาจำเป็ต้องจัดการพวกของที่ได้มาจากการเข้าหุบเขาครั้งนี้ไปให้หมดก่อน
พอเห็นว่าหลงอวี้ออกมาจากในหุบเขาแต่เพียงผู้เดียวแล้ว แม้จะมีผู้คนไม่น้อยเลยที่เหลือบมองมา แต่ก็ไม่ได้มีสีหน้าประหลาดใจเหมือนกับตอนที่เห็นเขาเข้าไปในหุบเขาเพียงคนเดียวก่อนหน้านี้
หุบเขาปีศาจิญญา์นั้นมีน้อยคนที่จะเข้าไปเพียงลำพัง แต่ตนที่ออกมาจากหุบเขาเพียงลำพังนั้นกลับมีไม่น้อยเลย สาเหตุก็เป็เพราะไปเื่อันตรายในหุบเขาเข้าจนพรรคพวกคนอื่นตายหมดแล้ว ส่วนตัวเองก็หนีเอาชีวิตรอดออกมาอย่างทุลักทุเลแต่เพียงผู้เดียว
หลงอวี้ไม่สนใจสายตาของผู้อื่นเลยแม้แต่น้อย เขาก้าวเท้าเข้าไปภายในป่าิญญา์ต่อทันที
ตอนนี้เขาใกล้จะถึงเมืองฮุ่นยินแล้ว
แต่ระหว่างทางนั้น อยู่ๆ เขาก็พบว่าที่ด้านหน้ามีคนกำลังทะเลาะเื่อะไรบางอย่างอยู่ ดึงดูดผู้คนให้เข้าไปมุงดูได้ไม่น้อยเลย
แต่เดิมแล้วหลงอวี้ไม่คิดจะสนใจเื่ของคนอื่นเลยแม้แต่น้อย แต่ในตอนที่เขากำลังจะอ้อมผ่านไปนั่นเอง เขาก็เห็นเงาร่างของสตรีในชุดสีดำสายหนึ่งในกลุ่มคนเ่าั้ด้วย
นั่นมันเหยียนฮวนโม่นี่นา!
ผู้าุโของลัทธิสยบฟ้าเหยียนฮวนโม่ได้ช่วยเหลือหลงอวี้ไว้ไม่น้อยตอนที่เขาเพิ่งจะมาถึงเมืองฮุ่นยินใหม่ๆ แต่กระนั้นอีกฝ่ายก็ยังไม่เคยบอกหลงอวี้เลยว่านางมาที่เมืองฮุ่นยินแห่งนี้ทำไม
แต่ตอนนี้ เหยียนฮวนโม่ดูเหมือนจะปะทะกับใครบางคนอยู่ ทำให้มีผู้ฝึกยุทธ์พเนจรจำนวนไม่น้อยเข้ามารุมล้อม
หลงอวี้ตาเป็ประกายขึ้นมาทันที ในเมื่อเป็เื่ของเหยียนฮวนโม่แล้ว เขาก็ไม่อาจเมินเฉยอีกต่อไป
ความสามารถที่แท้จริงของหลงอวี้ในตอนนี้นั้นทัดเทียมกับเหยียนฮวนโม่แล้ว เขามีสิทธิ์ที่จะเข้าไปข้องเกี่ยวกับการต่อสู้ระดับนี้ได้!
แน่นอนว่ามีเพียงตัวเขาเองเท่านั้นที่รู้
แต่ในสายตาของคนอื่น ตัวเขายังเป็แค่ไอ้หนูระดับิญญาแท้ขั้นที่สองเท่านั้น ห่างชั้นกับเหยียนฮวนโม่ถึงสองขั้น
แต่หลงอวี้ย่อมไม่สนใจสายตาของผู้อื่นอยู่แล้ว
เขามุ่งหน้าไปทางฝูงชนทันที เพียงไม่นานก็พบเห็นว่าในใจกลางของฝูงชนนั้น เหยียนฮวนโม่กำลังเผชิญหน้ากับคนกลุ่มหนึ่ง
อีกฝ่ายมีจำนวนมากถึงสามคน!
หนึ่งในนั้นสวมชุดผ้าไหมอันหรูหรา บนใบหน้าของมันมีสีหน้าละโมบและเย้ยหยัน จ้องมองเรือนร่างใต้ชุดสีดำของเหยียนฮวนโม่ตลอดเวลา แค่ดูก็รู้ว่าในหัวมันต้องกำลังคิดเื่ชั่วๆ อยู่แน่
คนผู้นี้มีวิถียุทธ์ระดับิญญาแท้ขั้นที่สาม แต่กลับดูเหมือนจะเป็หัวหน้าของอีกสองคนที่เหลือ!
อีกสองคนที่เหลือนั้น คนหนึ่งเป็ชายหนุ่มที่ดูสูงศักดิ์เช่นกัน มือถือพัดเอาไว้ กิริยาท่าทางดูสง่างามดุจผู้ดี แต่แววตาประจบสอพลอของมันนั้นกลับเผยให้เห็นสันดานที่แท้จริงของมัน
และคนสุดท้ายของกลุ่ม เป็ชายฉกรรจ์ที่ดูหยาบโลน ห้อยสร้อยที่เป็ก้อนหินขนาดใหญ่ก้อนหนึ่งไว้ที่คอ สิ่งที่ปรากฏออกมาจากดวงตานั้นมีเพียงกลิ่นอายแห่งการฆ่าฟันอย่างเดียวเท่านั้น!
‘คนผู้นี้อันตรายมาก’
หลงอวี้หรี่ตาลงมองไปทางชายหยาบโลนนั่น ััได้ถึงกลิ่นอายแห่งการฆ่าฟันอันรุนแรงของคนผู้นั้นอย่างง่ายดาย มันต้องเป็ผู้ที่เคยฆ่าคนมามากจนนับไม่ถ้วนแล้วอย่างแน่นอน!
ไม่ว่าจะเป็ชายหนุ่มถือพัดหรือจะเป็ชายหยาบโลนที่ใส่สร้อยหินั์ต่างก็มีพลังระดับิญญาแท้ขั้นที่สี่ทั้งสิ้น แข็งแกร่งเทียบเท่ากับเหยียนฮวนโม่!
หากต้องสู่แบบสองต่อหนึ่งเช่นนี้ เกรงว่าเหยียนฮวนโม่อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกมัน!
“แม่นางเหยียน ข้าว่าเ้ายอมมาเป็ของนายน้อยข้าเสียดีๆ เถอะ ถึงอย่างไรหลังจากนี้เ้าก็ต้องกลายเป็พวกเดียวกับข้าอยู่แล้ว ข้าเองก็ไม่อยากลงมือทำร้ายเ้าเหมือนกัน”
ชายหยาบโลนนั่นเอ่ยพูดเสียงเข้ม กลิ่นอายแห่งการฆ่าฟันที่แผ่ออกมาจากตัวมันนั้นถึงกับครอบคลุมเหยียนฮวนโม่ไว้ทั้งตัวแล้ว!
“เหวินเจ๋อ เ้าทำให้ข้าผิดหวังมาก”
เหยียนฮวนโม่ยืนนิ่งอยู่กับที่ แม้จะตกอยู่ในวิกฤต แต่ในสายตาของนางก็ยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยความสงบเยือกเย็น
ยิ่งตกอยู่ในวิกฤตมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องเยือกเย็นมากขึ้นเท่านั้น ท่าทีของเหยียนฮวนโม่ในตอนนี้ทำให้หลงอวี้รู้สึกชื่นชมไม่น้อย
‘เหวินเจ๋อ’ ที่เหยียนฮวนโม่พูดถึงนั้น เห็นได้ชัดว่าหมายถึงชายหนุ่มที่ถือพัดผู้นั้น ซึ่งคำพูดของนางก็ได้ทำให้เหวินเจ๋อนั่นกระแทกเสียงเ็า
“ไม่ว่าเ้าจะผิดหวังหรือไม่ หลังจากวันนี้ไป เ้าจะต้องกลายเป็คนของนายน้อยอวี้ฉือ”
เหวินเจ๋อโบกพักพัดในมือเบาๆ เอ่ยพูดด้วยท่าทางประจบ
“เหยียนฮวนโม่ การที่เ้ามีโอกาสได้เป็ผู้หญิงของนายน้อยอวี้ฉือเช่นนี้ เ้าควรจะรู้สึกเป็เกียรติเสียด้วยซ้ำ!”
หลังจากพูดจบแล้ว เหล่าผู้ฝึกยุทธ์มุงทั้งหลายก็พากันซุบซิบพูดคุยกันต่างๆ นานาทันที หลงอวี้เข้าใจเื่ราวที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
สาเหตุที่เหยียนฮวนโม่มาที่นี่ ที่แท้ก็เป็เพราะถูกเ้าเหวินเจ๋อนั่นเชิญมานี่เอง!
เห็นได้ชัดว่าเหยียนฮวนโม่รู้จักกับเหวินเจ๋อ แต่เหยียนฮวนโม่ยังไม่รู้ว่าเหวินเจ๋อได้กลายเป็สุนัขรับใช้ของนายน้อยอวี้ฉือนั่นแล้ว ถึงกับหลอกนางมาที่นี่เพื่อดักซุ่มโจมตีและคิดจะใช้กำลังพาตัวนางไป!
ส่วนนายน้อยอวี้ฉือในชุดไหมหรูหรานั่นก็คือนายน้อยของตระกูลขุนนางตระกูลอวี้ฉือ หนึ่งในสี่ตระกูลขุนนางใหญ่แห่งเขตพระราชฐานอาณาจักรต้าถัง อวี้ฉือเทา!
ในดวงตาของอวี้ฉือเทานั่นมันเต็มเปี่ยมไปด้วยความโลภและหื่นกระหาย เขาจับจ้องไปที่เหยียนฮวนโม่ตลอดเวลา ราวกับว่าผู้หญิงคนนี้ได้นอนรออยู่บนเตียงนอนของเขาแล้วก็ไม่ปาน
“จะสู้ก็สู้ ไม่ต้องพูดพล่ามให้มากความ”
เมื่อเหยียนฮวนโม่มองเห็นสีหน้าของเหวินเจ๋อกับอวี้ฉือเทาแล้วก็อดรู้สึกรังเกียจขยะแขยงไม่ได้ นางไม่เข้าใจจริงๆ ว่าบนโลกนี้มันมีคนที่น่ารังเกียจขนาดนี้ได้อย่างไร!
“ข้าสงเคราะห์ให้”
ชายหยาบโลนนั่นเอ่ยพูดเสียงเข้ม ต่อจากนั้นก็ก้าวเท้าออกมาหนึ่งก้าว แต่ก็ไม่เห็นเขาเคลื่อนไหวอะไรมากมายนัก เพียงแค่ชกหมัดออกมาตรงๆ หนึ่งหมัดเท่านั้น!
หมัดนี้มีความเร็วที่สูงสุดขีด ถึงกับพุ่งมาถึงตรงหน้าของเหยียนฮวนโม่ได้ในพริบตา
“เขตแดนสยบฟ้า!”
เหยียนฮวนโม่เคลื่อนตัวถอยออกมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับปล่อยเขตแดนสยบฟ้าอันทรงพลังออกมา ทำให้ชายหยาบโลนนั่นเคลื่อนไหวช้าลง
“แค่กฎเกณฑ์ระดับศิลาเหลือง ยังกล้าคิดจะต่อกรกับข้าอีกหรือ!”
ชายหยาบโลนส่งเสียงหัวเราะ ต่อจากนั้นก็ได้ปลดปล่อยพลังเขตแดนอันลี้ลับน่าสะพรึงกลัวสายหนึ่งทันที ทลายเขตแดนสยบฟ้าของเหยียนฮวนโม่จนพินาศอย่างรวดเร็ว!
“คนผู้นี้มันรู้เื่ระดับของกฎเกณฑ์ด้วยอย่างนั้นหรือ?”
หลงอวี้ขมวดคิ้วขึ้นมา แต่เพียงไม่นานก็คลายออก
อย่างนั้นก็หมายความว่า เื่การแบ่งระดับของกฎเกณฑ์นั้น ในสายตาของผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงแล้วมันไม่ถือเป็ความลับอะไรเลยด้วยซ้ำ!
และตอนนี้ หลงอวี้ก็ย่อมไม่อาจทนมองดูเหยียนฮวนโม่ถูกผู้อื่นรังแกต่อหน้าต่อตาได้อีกต่อไปแล้ว
เขาพลันกางปีกจันทราที่แผ่นหลังทันทีโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ทำให้ตัวเขาพุ่งทะยานออกไปจนกลายเป็ประกายแสงสีเทาดำ เพียงพริบตาเดียวไปโผล่ที่ด้านหลังของชายหยาบโลนนั่นแล้ว
‘หอกัปรภพ แตะเกล็ดั!’
หลงอวี้แผดเสียงะโในใจอย่างดุร้าย หอกยาวในมือถูกแทงออกไปพร้อมกับมีพลังของแก่นอัสนีซ่อนเปล่งประกายขึ้นที่ปลายหอก เพียงพริบตาเดียวก็เข้าใกล้แผ่นหลังของชายหยาบโลนนั่นแล้ว!
หลงอวี้เปิดฉากโจมตีอย่างกะทันหันโดยไม่ส่งเสียงสักแอะเดียว ในเวลาแบบนี้ เขาพร้อมที่จะทำทุกวิถีทางขอเพียงสามารถจัดการศัตรูได้ก็พอ
ต่อให้เป็การลอบโจมตีอย่างขี้ขลาดเขาก็ไม่สน!
