คนขายเนื้อแซ่จู...
เหนียนอีหลานนึกถึงชายอ้วนเทอะทะ ร่างกายสกปรก ในใจนางพลันรู้สึกขยะแขยงขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
ทว่ายิ่งนางรังเกียจและครุ่นคิดถึงว่าเหนียนยวี่ต้องแต่งให้คนแบบนั้น ในใจนางก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ นางแทบทนรอไม่ไหวที่จะคิดเื่นี้ หลังจากการมั่นหมายงานแต่งในวันนี้ผ่านพ้นไป นางจะบอกให้ท่านแม่จัดการเื่งานแต่งของพวกเขาทันที
เหนียนยวี่เอ๋ยเหนียนยวี่ คิดใฝ่ฝันอยากจะโบยบินขึ้นไปยอดกิ่ง กลายเป็หงส์งาม คิดจะต่อต้านเหนียนอีหลานอย่างข้า ฐานะต่ำต้อยเช่นนั้น สุดท้ายอย่างไรก็คู่ควรได้แค่คนขายเนื้อแซ่จูเท่านั้น
ขณะที่เหนียนอีหลานครุ่นคิดวางแผน นางไม่ได้สังเกตเห็นสายตาที่ลอบมองมาของเหนียนยวี่ในวินาทีนั้น เหนียนยวี่ััได้ถึงอะไรบางอย่าง รอยยิ้มที่มุมปากนางค่อยๆ ยกยิ้ม แฝงนัยลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ
“มิรู้ว่าคุณชายจูผู้นั้นทำอะไรอยู่หรือ? ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยมาแล้ว เหตุใดยังไม่เห็นตัวคนเลยเล่า?”
ในบรรดาแขกที่มา มิรู้ว่าเป็ผู้ใดที่เอ่ยถาม
คำถามนี้เป็คำถามที่ติดอยู่ในใจของทุกคน
แม้คุณหนูรองสกุลเหนียนผู้นี้จะเป็บุตรีที่เกิดจากอนุภรรยา ทว่าอย่างไรนางก็ทำพิธียกน้ำชาคารวะให้องค์หญิงใหญ่ชิงเหอเป็พระมารดาบุญธรรมแล้ว ถือว่าเป็คนในราชวงศ์ครึ่งหนึ่ง เพื่อให้คู่ควรกับนาง คนผู้นั้นก็ควรต้องมีฐานะ จึงจะสมควร
ทุกคนต่างทยอยหันมองฮูหยินผู้เฒ่าเหนียน ทว่ากลับเห็นเพียงฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตาสั่นไหวราวกับว่ากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ ทว่ากลับกันเป็หนานกงเยวี่ยที่มิอาจรอได้ “จูฟู่กุ้ยคนนั้นมีกิจการของตนเองในตลาดสดเฉิงตง เป็พ่อค้าฝีมือดี ถือได้ว่าเป็บุคคลที่มีชื่อเสียงโดดเด่นเป็อันดับหนึ่งในตลาดสดเฉิงตงเลยก็ว่าได้”
ตลาดสดเฉิงตง?
คนแซ่จูชื่อเสียงโดดเด่น เป็ที่รู้จัก แท้จริงก็มีอยู่คนหนึ่ง...
“คนขายเนื้อแซ่จูนั่นหรือ?”
มิรู้ว่าเป็ผู้ใดที่ทนอยากรู้ไม่ไหว จึงเอ่ยถามขึ้นมาอย่างเสียงดัง
“คนขายเนื้อแซ่จู” สี่คำนี้ทำให้ทุกคนล้วนตกตะลึง ตามชื่อที่เอ่ยออกมานั้น มิใช่คนฆ่าหมูนั่นหรอกหรือ?
ทุกคนหันไปมองฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนและหนานกงเยวี่ย พวกเขา้าได้ยินพวกนางเอ่ยปฏิเสธ ทว่าทั้งคู่กลับเงียบนิ่ง ชั่วขณะนั้นแต่ละคนในเหตุการณ์ล้วนตื่นใ
คนขายเนื้อแซ่จู...นี่...
คนที่มั่นหมายกับคุณหนูรองสกุลเหนียน ตอนนางยังอยู่ในท้อง ใช่คนขายเนื้อแซ่จูนั่นจริงหรือ?
นี่มันหมายความว่าอย่างไร?
คุณหนูรองสกุลเหนียนผู้มีความทะเยอทะยานสูงส่งผู้นี้ ต้องมาแต่งกับคนฆ่าหมูหรือ?
“แต่ข้าได้ยินมาว่าคนขายเนื้อแซ่จูนั่นอายุห้าสิบกว่า แก่เป็ชายเฒ่าคนหนึ่งได้แล้ว...”
“เ้ายังรู้อะไรอีก”
“ดูเหมือนว่าคนขายเนื้อแซ่จูจะเคยแต่งงานกับภรรยามาหลายคน ทุกครั้งที่แต่งงาน มากสุดไม่เกินหนึ่งเดือน สตรีผู้นั้นจะเสียชีวิตอย่างกะทันหัน ไร้ซึ่งเหตุใดๆ ช่างแปลกเสียจริง”
“โอ้? หรือคนขายเนื้อแซ่จูนั่นมีดวงที่ทำให้ภรรยาอับโชค?”
“ว่ากันว่า ชายคนนั้นฆ่าภรรยาตัวเอง และสตรีเ่าั้ถูกความอับโชคของเขาเล่นงานจนต้องตาย ทว่าก็มีคนเล่าลือว่า สตรีเ่าั้ถูกเขาทุบตีจนตาย โดยป่าวประกาศกับชาวบ้านว่า พวกนางติดโรคและเสียชีวิตกะทันหัน แท้จริงเื่ราวเป็อย่างไร ผู้ใดจะรู้ได้เล่า?”
“เช่นนั้น หากคุณหนูรองสกุลเหนียนแต่งกับเขา...”
ในบรรดาแเื่ที่อยู่ในเหตุการณ์ ทุกคนอดไม่ได้ที่จะแอบกระซิบกระซาบ ชั่วระยะเวลาหนึ่ง บรรยากาศพลันแปลกประหลาดเป็อย่างยิ่ง
คุณหนูรองสกุลเหนียนผู้นี้ นางจะต้องแต่งงานกับชายคนนี้อย่างนั้นหรือ?
เช่นนั้น จากนี้จะเกิดอะไรขึ้นในวันสงบสุขเช่นนี้?
ไม่เพียงแค่นี้ อย่างไรเสีย เหนียนยวี่ก็ยังเป็บุตรีบุญธรรมขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอ นี่...คนขายเนื้อแซ่จู...สิ่งนี้จะไม่ทำให้นางต้องอับอายหรอกหรือ?
อวี่เหวินหรูเยียนที่เงียบมาโดยตลอด หันไปเหลือบมองเหนียนยวี่ เหนียนยวี่มีการหมั้นหมายอื่นแล้ว ดังนั้นนางจึงโล่งใจ แต่คนขายเนื้อแซ่จู...อวี่เหวินหรูเยียนขมวดคิ้วมุ่น รู้สึกสงสารเหนียนยวี่ สตรีเช่นนี้ไม่คู่ควรกับการแต่งงานเยี่ยงนั้น!
คำพูดกระซิบกระซาบจากคนรอบข้างได้ยินมาถึงหูของฮองเฮาอวี่เหวิน สายตาที่จ้องมองเหนียนยวี่เปลี่ยนไปเล็กน้อย ทว่านางกลับทำเพียงยกถ้วยชาข้างกายขึ้นมาจิบช้าๆ ทว่าสีหน้าขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอกลับทะมึนทึมยิ่งกว่าทะมึนไปนานแล้ว
งานแต่งที่หมั้นหมายไว้นานแล้ว นี่มันเื่น่ารังเกียจอะไรกัน?
หนานกงเยวี่ยและฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนกำลังเล่นสนุกอะไร คิดว่านางตาบอดไร้สมองหรือ?
เห็นได้ชัดว่า คนพวกนี้้าผลักยวี่เอ๋อร์ลงขุมนรก!
นางจะมองข้ามไม่สนใจได้อย่างไร?!
องค์หญิงใหญ่ชิงเหอสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง มิอาจระงับโทสะในใจได้อีกต่อไป ทว่าครั้นกำลังจะเอ่ยพูด นางกลับได้ยินเสียงอันแ่เบาของเหนียนยวี่ที่ด้านข้างค่อยๆ ดังขึ้นมาก่อน...
“เสด็จแม่กำลังตั้งพระครรภ์อยู่ อย่าทรงมีโทสะไปเลยเพคะ เสด็จแม่โปรดวางใจเถิด ยวี่เอ๋อร์มีแผนการในใจอยู่แล้วเพคะ”
ท่ามกลางเสียงดังจอแจ แม้เสียงนั้นจะแ่เบาจนยากจะได้ยิน ทว่าองค์หญิงใหญ่ชิงเหอกลับได้ยินอย่างชัดเจน
องค์หญิงใหญ่ชิงเหอหันมองเหนียนยวี่ ทว่ากลับเห็นนางกำลังขมวดคิ้ว กัดริมฝีปาก ใบหน้าแดงก่ำ ราวกับว่ากำลังประสบกับความอัปยศอยู่ในจิตใจ ทว่าน้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเมื่อครู่นี้กลับสงบนิ่งเป็อย่างยิ่ง นี่...
ด้วยท่าทีที่ดูขัดแย้งกันเช่นนี้ ชั่วขณะหนึ่ง ภาพที่เห็นทำให้องค์หญิงใหญ่ชิงเหอตกตะลึง แต่ไหนแต่ไรมา เหนียนยวี่เป็เด็กฉลาด คิดดูแล้ว ยวี่เอ๋อร์คงจะรู้เื่ที่พวกนางจะทำมาั้แ่ต้น
ด้วยเหตุนี้ องค์หญิงใหญ่ชิงเหอจึงรู้สึกสบายใจขึ้นไม่น้อย นางล้มเลิกความคิดที่จะเอ่ยปาก ทว่าโทสะในใจนางกลับยังคงไม่จางหาย
คนพวกนี้ แม้แต่พระธิดาของนางยังกล้ารังแก
พวกเขาดูิ่พระธิดาของนางถึงเพียงนี้ นางจะจำไว้!
นอกจากองค์หญิงใหญ่ชิงเหอแล้ว ฮองเฮาอวี่เหวินที่นั่งใกล้เหนียนยวี่มากเช่นกันนั้น นางเองก็ได้ยินคำพูดของเหนียนยวี่เล็กน้อย แว่วดังเข้ามารางๆ คิ้วคู่งามเลิกขึ้นครู่หนึ่ง ยิ่งรู้สึกอยากชมงิ้วของนางมากขึ้น
เวลาเดียวกันนั้น จ้าวเยี่ยนเองก็มองไปที่เหนียนยวี่ จ้องมองนางที่ขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าดูตื่นตระหนกและหมดหนทาง ในใจพลันรู้สึกว่า นางเองก็มี่เวลาแบบนี้เช่นกันหรือ?
ทันใดนั้น ใบหน้าอบอุ่นดุจหยกงามของจ้าวเยี่ยนค่อยๆ ผุดรอยยิ้ม เขารู้ว่าถึงเวลาที่เขาควรจะต้องออกหน้าแล้ว!
เหนียนยวี่...เขา จ้าวเยี่ยน สาบานว่าจะต้องทำให้เ้าสังเกตเห็นตัวตนของข้าให้ได้!
ดวงตาของจ้าวเยี่ยนหรี่ลงเล็กน้อย จากนั้นพลันเอ่ยออกมาอย่างเสียงดังกังวาน “การแต่งงานของพวกเขา…”
“ฮ่องเต้เสด็จแล้ว!”
ขณะที่จ้าวเยี่ยนเพิ่งจะเอ่ยออกมาได้แค่ไม่กี่คำ ทันใดมีเสียงของขันทีดังเข้ามาในลานสวนจากด้านนอก ทุกคนต่างตื่นใ
ฮ่องเต้เสด็จหรือ?
ฮ่องเต้หยวนเต๋อ...เหตุใดฮ่องเต้หยวนเต๋อถึงเสด็จมา?
สีหน้าของจ้าวเยี่ยนชะงักงันเล็กน้อย ในเวลานี้ไม่มีผู้ใดสนใจสิ่งที่เขาพูด ทุกคนที่ยังเอ่ยกระซิบกระซาบกันก่อนหน้านี้พลันเงียบลงทันใด หลังจากชะงักงันไปครู่หนึ่ง พวกเขาต่างรีบคุกเข่าลงบนพื้นอย่างรวดเร็ว
ไม่เพียงแต่แขกเหล่านี้เท่านั้น ทว่าแม้แต่ฮองเฮาอวี่เหวินเองก็ชะงักไปเล็กน้อย จนกระทั่งเงาร่างในชุดสีทองอร่ามก้าวเดินเข้ามาทางนี้ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จึงเพิ่งมั่นใจว่าฮ่องเต้หยวนเต๋อเสด็จมาที่นี่แล้วจริงๆ ทว่าฝ่าาไม่เคยเอ่ยมาก่อนว่าจะมาเยือนจวนเหนียน แม้แต่เื่วันเกิดของเหนียนยวี่ก็ด้วย ฝ่าามีกิจมากมายต้องดูแล ไหนเลยจะมาสนพระทัยวันเกิดของเด็กสาวคนหนึ่งได้?
ฮูหยินผู้เฒ่าเหนียน หนานกงเยวี่ยและแม้แต่เหนียนอีหลานล้วนประหลาดใจ แต่นอกเหนือจากความประหลาดใจแล้ว ยังมีความรู้สึกไม่สบายใจแฝงอยู่ด้วย
ฝ่าาทรงเสด็จมา เพราะวันเกิดของเหนียนยวี่หรือ?
การมาของเขาจะทำให้แผนการของพวกนางต้องได้รับผลกระทบไปด้วยหรือไม่?
ชั่วขณะหนึ่ง เกิดความไม่มั่นใจขึ้นในใจพวกนางอย่างฉับพลัน ทว่ายามนี้ฮ่องเต้ย่างก้าวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ พวกนางไม่มีเวลาคิดมาก จึงต้องรีบเดินตามฝูงชนไปและคุกเข่าลงกับพื้นทันที...
“ขอฮ่องเต้จงทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี” ในลานสวน ทุกคนต่างเอ่ยถวายพระพรและคำนับพร้อมกัน
“ฮ่า จวนเหนียนในวันนี้ ช่างคึกคักยิ่งนัก” ฮ่องเต้หยวนเต๋อหัวเราะอย่างเสียงดังกังวาน ดูค่อนข้างอารมณ์ดี “ฮองเฮาเองก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ?”
“ฝ่าา วันนี้เหตุใดพระองค์ถึงเสด็จมาที่นี่ได้เล่าเพคะ” ฮองเฮาอวี่เหวินเอ่ยทักทายฮ่องเต้หยวนเต๋อ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แลดูนุ่มนวลสง่างาม นางก้าวไปยืนข้างกายของฮ่องเต้หยวนเต๋อ ฮ่องเต้และฮองเฮายืนเคียงข้างกัน ดูเหมือนว่าเพราะทั้งสองพระองค์นี้ จวนเหนียนคงจะยิ่งมั่งคั่งรุ่งโรจน์ขึ้นไม่น้อย
สายตาของฮ่องเต้หยวนเต๋อกวาดมองทุกคน สุดท้ายมองไปที่เหนียนยวี่ “ได้ยินว่าวันนี้เป็วันเกิดอายุครบสิบห้าปีของคุณหนูรองสกุลเหนียน ในเมื่อนางเป็ธิดาบุญธรรมของชิงเหอ ก็นับเป็หลานสาวของเจิ้นด้วย วันสำคัญเช่นนี้ เจิ้นย่อมไม่ควรพลาดเป็ธรรมดา”