โจวเฉิงระมัดระวังคำพูดเป็อย่างยิ่ง
เดิมทีเขาเป็คนกระหายเอาชนะเสียขนาดไหน ตอนนี้กลับโดนความไม่เห็นพ้องต้องกันของสองคนเมื่อครั้งก่อนทำให้ฝังใจแล้ว
ภรรยาของเขากล่าวว่าผู้ชายจะถือความคิดตนเป็ใหญ่ไม่ได้ ไม่เคารพผู้อื่นไม่ได้ โดยหลักการโจวเฉิงเห็นด้วยทั้งหมด
เซี่ยเสี่ยวหลานถือกล่องปากกาไม่พูดไม่จา โจวเฉิงรีบอธิบายเพิ่มเติมทันที “แค่กินข้าวหนึ่งมื้อเท่านั้น ไม่ใช่บังคับแต่งงานหรอก... คำพูดครั้งก่อนของเธอฉันรับฟังทุกอย่างนะ อีกอย่างพวกเราอายุยังไม่ถึงเกณฑ์แต่งงานด้วยซ้ำ แค่กินข้าวมื้อเดียวฉันจะมัดเธอไว้ที่บ้านโจวได้เชียวหรือ? เชื่อฉันเถอะ ฉันคิดว่าในเมื่อเธอมาเรียนที่ปักกิ่ง ถ้าเกิดเื่อะไรที่มหาวิทยาลัยและฉันไม่สามารถช่วยเธอจัดการได้ทันที ก็ยังมีคนอื่นในปักกิ่งที่เธอสามารถขอความช่วยเหลือได้”
ลักษณะการพูดนี้ช่างเหมือนกับขอแต่งงาน โชคดีที่กล่องในมือของเซี่ยเสี่ยวหลานใส่ปากกาหมึกซึมไม่ใช่แหวนแต่งงาน
โจวเฉิงพูดถูก เธอยังต้องเรียนมหาวิทยาลัยในปักกิ่งอีกสี่ปี เป็ไปไม่ได้ที่จะไม่ติดต่อกับครอบครัวของโจวเฉิงเลย
ต่อให้เป็เพียงมิตรสหาย ด้วยมารยาทอันดี เธอก็ควรจะพบบิดามารดาของโจวเฉิงเสียหน่อย โจวเฉิงเองก็ไม่ได้เคยพบแค่มารดาเธอเท่านั้น เขายังเคยเจอลุงกับป้าสะใภ้ของเธอด้วย อีกทั้งสนิทกับครอบครัวของเธอมาก
“ได้สิ เมื่อไรหรือ?”
เซี่ยเสี่ยวหลานเป็คนมีความมุ่งมั่นอันแรงกล้า เมื่อเธอเข้าใจความคิดแล้ว จึงตอบตกลงโดยปราศจากความกังวล
โจวเฉิงรู้สึกใเล็กน้อย “...ถ้าอย่างนั้นวันนี้?”
แม้ไม่รู้ว่าทำไมภรรยาของเขาถึงเต็มใจขนาดนี้ แต่โจวเฉิงจะคว้าโอกาสยืนยันความสัมพันธ์ทันทีอย่างแน่นอน รีบพาเสี่ยวหลานกลับไป และเื่ของเขากับเสี่ยวหลานก็จะถือว่าได้เปิดเผยแก่บ้านโจวแล้ว ส่วนเล่ห์กลกระจอกที่โจวอวี๋ก่อขึ้นพวกนั้น โจวเฉิงคร้านที่จะสนใจ โจวอวี๋เป็เพียงลูกพี่ลูกน้อง ทั้งยังไม่มีความสามารถอะไรเป็พิเศษ รวมถึงไม่มีสิทธิเสียงในบ้านโจวเท่าไร สติปัญญาก็ไม่พอ รู้จักแต่พวกวิธีให้ร้ายหรือสร้างความลำบากเท่านั้น โจวเฉิงระอาลูกพี่ลูกน้องคนนี้มากเหลือเกิน
โชคดีที่เป็ลูกพี่ลูกน้อง รวมถึงโจวเฉิงมีโอกาสพบหน้าอีกฝ่ายน้อย และในอนาคตภรรยาของเขาก็ไม่มีความจำเป็ต้องคบค้าสมาคมกับโจวอวี๋ด้วย
โจวเฉิงไม่คิดว่าคนในครอบครัวจะดูแคลนเสี่ยวหลานของเขา ขอเพียงคนบ้านโจวยอมทำความรู้จักเสี่ยวหลานอย่างจริงจัง ก็จะรู้เองว่าภรรยาของเขายอดเยี่ยมเพียงใด!
โจวเฉิงรับรู้ถึงความยอดเยี่ยมนี้มาตั้งนานแล้ว แต่คนอื่นกลับไม่รู้
เขาไม่้าให้คนในครอบครัวช่วยอะไรเขาทั้งนั้น เนื่องจากกังวลว่ายิ่งช่วยก็จะยิ่งแย่เพราะไม่รู้สถานการณ์ เขาอยากพาเซี่ยเสี่ยวหลานกลับบ้านโดยเร็ว เพื่อให้ได้รับการสนับสนุนจากครอบครัว—และมีความตั้งใจว่า ‘ภรรยาของผมเป็เลิศขนาดนี้ต้องพากลับมาอวดสรรพคุณสิ’ !
เขามองเซี่ยเสี่ยวหลานด้วยใบหน้าตั้งตาคอย เซี่ยเสี่ยวหลานไม่อาจส่ายหน้าปฏิเสธได้จริงๆ
คำนวณเวลาของตนเองดูแล้ว อย่างไรเสียก็มาปักกิ่งทั้งที ตามโจวเฉิงกลับบ้านไปรับประทานอาหารสักมื้อไม่ถือว่าเสียเวลาหรอก
เซี่ยเสี่ยวหลานพยักหน้า “แล้วแต่เธอเลย เธอจัดการเถอะ”
ภรรยาสุดที่รักของตนเชื่อฟังแบบนี้ โจวเฉิงอยากจูบเธอ อยากกอดเธอ ขณะกำลังเพิ่งจับมือของภรรยาไว้ ริมฝีปากยังไม่ทันได้ประกบ แขกไม่ได้รับเชิญก็มาถึงพอดี
“มีคำสั่งเรียกคุณไปครับ... ฟางซื่อจงรายงานต่อผู้บังคับบัญชาแล้ว”
โจวเฉิงโกรธจนอยากด่า!
เซี่ยเสี่ยวหลานเข้าใจในความทุกข์ทนและหงุดหงิดของเขา เธอหัวเราะออกมาอย่างซิกซี้ “เธอไปเถอะ ฉันไม่อยากเห็นสองคนนั้น รอเธออยู่ที่ห้องดีกว่า”
พอโจวเฉิงไป เซี่ยเสี่ยวหลานก็นั่งนวดมือเบาๆ อยู่บนเก้าอี้
เมื่อครู่นี้โจวเฉิงเอาแต่คว้ามือขวาของเธอตั้งหลายหน เธอจะหลบก็หลบไม่พ้น ความเกือบแตกเสียแล้ว!
ปากกาหมึกซึมมงต์บลองสีขาว ฝังเพชรเม็ดเล็กหนึ่งเม็ดไว้บนฝา ของชิ้นนี้เป็ของฟุ่มเฟือยในปัจจุบันอย่างแน่นอน ปากกาหมึกซึมราคาหลักร้อยดอลลาร์ต่อด้าม สำหรับคนต่างชาติเองก็ไม่ถูกนัก ภายในประเทศยิ่งแพงหูฉี่ แต่ปากกานั้นเรียบง่ายกว่ามากแล้ว มันไม่เหมือนรถเก๋งสี่ล้อที่ไม่มีแม้แต่หนทางซ่อน ขับไปถึงที่ไหนสายตาของคนอื่นก็ติดตามไปถึงที่นั่น! กลับกันถ้านำปากกามงต์บลองออกมาวางไว้ อาจไม่มีคนรู้จักด้วยซ้ำ เล็กกะทัดรัด ใช้ได้ในชีวิตประจำวันเช่นกัน ไม่ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะไปไหนก็สามารถพกหัวใจของโจวเฉิงติดตัวไปด้วยได้
หลังจากชื่นชมปากกาสักพัก เซี่ยเสี่ยวหลานนึกถึงเื่ที่จะกลับบ้านพร้อมโจวเฉิงอีกครั้ง
ถ้าบ้านโจวรังเกียจรังงอนเธอ เธอมีความแน่วแน่ที่จะหันหลังกลับแน่นอน แม้โจวเฉิงจะแสนดีขนาดไหนเธอก็ไม่อาลัยอาวรณ์ทั้งสิ้น
แต่ตอนนี้คนบ้านโจวเป็เช่นไรกันแน่ เซี่ยเสี่ยวหลานคงมิอาจด่วนตัดสินคนโดยยังไม่ได้พบหน้า เงินหลายพันหยวนที่ลุงของเธอให้ก่อนขึ้นเครื่องบินอยู่กับตัว สะดวกในการซื้อของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ทีเดียว เซี่ยเสี่ยวหลานไม่คิดจะไปอวดโอ้ที่บ้านโจว นั่นมันไม่เหมือนกับการดูแลลูกน้องแทนโจวเฉิงในหน่วย ถ้าลากแพะไปจะถูกหัวเราะเยาะอย่างแน่นอน เว้นแต่ว่าครอบครัวเธอเลี้ยงแพะ และยังสามารถบอกได้ว่าเป็ของฝากท้องถิ่นที่ตั้งใจนำมาให้โดยเฉพาะได้
ทว่าเธอนั่งเครื่องบินบินตรงมาจากหยางเฉิง เป็ไปไม่ได้ที่จะถือของดีท้องถิ่นของซางตูติดมือมา
ของฝากเยี่ยมบ้านไม่ได้สำคัญที่ราคา ทว่ายังคงแตกต่างกันที่ใส่ใจเลือกสรรหรือไม่
เซี่ยเสี่ยวหลานนึกว่าตัวเธอจะสบายใจกว่านี้ แต่ความเป็จริงแล้วก็กังวลอยู่ไม่น้อย—โจวเฉิงไม่เหมือนคู่หมายนัดบอดของเธอในชาติก่อน นี่คือแฟนหนุ่มที่เธอเลือกเอง ถึงขั้นยินดีมาเรียนในปักกิ่งเพื่อโจวเฉิง หากให้เธอเลิกรากับโจวเฉิงจริง ต้องเสียจนใจไม่อยากแยกทางแน่นอน
ทว่าคนบ้านโจวจะชอบเธอไหม?
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีความมั่นใจเช่นกัน
----------------------------------------
ตอนโจวเฉิงมาถึง เกาเฟยกับฟางซื่อจงก็ไม่อยู่กับผู้บังคับบัญชาแล้ว
หัวหน้ามีท่าทีเคร่งขรึม ตำหนิโจวเฉิงเป็เวลาพักใหญ่ โจวเฉิงเองก็ต่อต้านอีกฝ่ายด้วยความดื้อรั้นอย่างรุนแรง
เขาทำให้หัวหน้าโกรธจนปวดศีรษะ “โจวเฉิง อะไรพูดได้ อะไรพูดไม่ได้ เธอรู้ดีกว่าใครทั้งนั้น เธอกับเหล่าฟางเป็เพื่อนร่วมงานกัน เป็สหายนายทหารกัน... หน่วยเรามันก็ใหญ่แค่นี้ อย่างไรพวกเธอสองคนต้องเจอหน้ากันทุกวันไม่ใช่หรือ? กว่าเหล่าฟางจะได้แต่งงานนั้นช่างยากเย็น เธอทำภรรยาของเขาโมโหจนหนีไป เธอค่อยหาอีกคนมาชดใช้ให้เขารึ!”
ฟางซื่อจงเป็บุคคลประเภทไม่ประสาเื่ผู้หญิง หากยังไม่แต่งงานอีก ทางองค์กรก็จำต้องจัดการเื่วิวาห์ของเขาเข้าประหนึ่งเป็หน้าที่
ฟางซื่อจงดันชอบหญิงสาวผู้เพียบพร้อมในปักกิ่งเสียได้ หัวหน้าเองก็จนปัญญา เกาเฟยร้องไห้น้ำตาอาบแก้มให้กับเื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้นี้ จึงทำได้เพียงให้โจวเฉิงไปกู้หน้าให้สองสามีภรรยาคืน
โจวเฉิงไม่ได้เจรจาง่ายขนาดนั้น ผู้บังคับบัญชาร่ายคำพูดออกมามากมาย เขาก็ตอบกลับแค่ประโยคเดียว
“หัวหน้า ถ้าทำภรรยาผมโกรธจนหนีไปบ้าง คุณจะชดใช้ให้ผมหรือ?”
หัวหน้าทั้งขำขันทั้งโมโห “ภรรยาเธอ... คนเขายังไม่ใช่ภรรยาเธอเสียหน่อย! แต่เด็กอย่างเธอร้ายใช้ได้จริงๆ นะ ฉันคิดไปคิดมา เธออยู่หน่วยทั้งวันเอาเวลาที่ไหนไปหาแฟนกัน คงเป็ตอนโดนลงโทษพักงานยาวครั้งนั้นสินะ? หน่วยงานให้เธอกลับไปทบทวนความผิดของตัวเอง เธอนี่เหลือเกินเชียว หายไปลักพาตัวสาวเขามา!”
พอหาได้ ก็เลือกได้ยอดเยี่ยมมากเสียด้วย!
โจวเฉิงคือผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา เป็ข้าราชการทหารหนุ่มที่ผู้บังคับบัญชาหน่วยจับตามอง บุตรสาวของเ้านายทุกคนล้วนชอบโจวเฉิง ทว่าโจวเฉิงกลับไม่เห็นชอบตกลงด้วย
บ้างคิดว่าโจวเฉิงโง่ และบ้างคิดว่าโจวเฉิงจองหอง—นั่นเป็เพราะโจวเฉิงมีความสามารถให้หยิ่งผยองจริงๆ เลือกคู่หมายด้วยตนเองได้เป็เลิศขนาดนั้น ในหน่วยไม่ใช่ทุกคนที่ไม่รู้หนังสือเสมอไป อันดับหนึ่งของมณฑล นักศึกษามหาวิทยาลัยหัวชิง การที่โจวเฉิงพบปัญญาชนเช่นนี้ได้ ถือเป็การสร้างเกียรติแก่ผู้บังคับบัญชาเช่นกัน!
หัวหน้าถูกโจวเฉิงเบี่ยงประเด็นไปโดยไม่รู้ตัวแล้ว ตอนแรกเรียกโจวเฉิงมาเพื่อตำหนิ แต่ภายหลังยังตกลงให้โจวเฉิงยืมโทรศัพท์ใช้อีกด้วย
โจวเฉิงบอกว่าจะพาคนรักกลับบ้านไปพบผู้ใหญ่ หัวหน้าอย่างเขาจะขัดขวางได้หรือ?