แม้ิหนูจะสะเพร่า แต่อย่างไรก็ยังเป็คนจากเผ่าเดียวกัน การข้ามผ่านป่าใต้พิภพมายังดินแดนเจ๋อไม่ใช่เื่ง่าย นอกจากนี้คนของเผ่าเก้าหางที่เดินทางมายังดินแดนนี้ก็มีไม่มากนัก นอกจากพวกเขาทั้งสองก็ไม่รู้ว่าคนอื่นๆ เป็ตายร้ายดีอย่างไร
หญิงผู้นั้นเก็บแส้ แล้วหยิบขวดกระเบื้องเคลือบออกมาโยนให้ิหนู
“กินซะ าแของเ้าจะได้สมาน”
ิหนูเปิดมันออกด้วยมือที่สั่นเทา เทยาออกมาแล้วกลืนลงไปทันที
“ขอบพระคุณที่นายท่านเมตตาไม่ฆ่าข้า!”
สตรีนางนั้นพลันเอ่ย
“เ้าและข้าล้วนมาจากจิ่วโยว นิสัยเ้าเป็อย่างไรข้าย่อมรู้ดี ไม่จำเป็ต้องแสร้งทำเป็ภักดีต่อหน้าข้า หากไม่ใช่เพราะอยู่ในแดนเจ๋อมานานและคุ้นเคยกับที่นี่ อีกทั้งเ้ายังเคยทำเพื่อจิ่วโยวมามาก เมื่อครู่เ้าคงเดินทางไปยมโลกแล้ว”
ิหนูก้มศีรษะลง ยังคงนิ่งสงบไม่ไหวติง ผู้เป็นายที่อยู่เบื้องหน้าพูดถูก ในใจเขาไม่อยากทำเช่นนั้น แต่ไม่กล้าหุนหันพลันแล่น เพราะเคยเห็นความโเี้ของนางมาก่อน
“ิหนูมิกล้า!”
“ฮึ!”
นางหันกลับไปพูดว่า “ลุกขึ้นเถอะ บอกข้ามาว่าใครทำให้เ้ามีสภาพเช่นนี้”
แม้ิหนูจะบ้าบิ่นไปบ้าง แต่ก็มีทักษะการต่อสู้ที่ดี โดยเฉพาะการเป่านกหวีด ไม้ซึ่งในด้านนี้นางด้อยกว่าเขา หากชายผู้นี้ไม่มีความสามารถ ในตอนนั้นทางจิ่วโยวคงไม่เลือกให้เขาแฝงตัวเข้ามาในแดนเจ๋อ
ิหนูพยุงร่างลุกขึ้นและเอ่ยว่า
“ิหนูาเ็เพราะพลังสะท้อนกลับของนกหวีดขอรับ”
“เอ๋!?”
เหตุพิกลเช่นนี้ทำให้หญิงสาวใเป็อย่างมาก
“ใครกันที่ทำให้เ้าถูกโจมตีด้วยวิธีนี้ได้”
ิหนูส่ายหัว แสงสีม่วงสว่างวาบในดวงตา เขาเกลียดคนคนนั้นยิ่งนัก!
“ิหนูไม่อาจรู้ได้ คนผู้นั้นซ่อนตัวในป่าทึบและใช้เพียงเสียงเพลงของขลุ่ยดินเผาเพื่อจัดการข้า ิหนูมีพลังไม่มากพอจึงถูกโจมตีกลับ แต่คิดว่าอีกฝ่ายก็คงจะเจ็บหนักเช่นกัน การทำอย่างนั้นย่อมมีราคาต้องจ่ายไม่น้อย”
หญิงสาวพลันตื่นตะลึง เมื่อได้ยินเื่ราวเกี่ยวกับขลุ่ยดินเผา นางก็นึกถึงคนทั้งสามที่เคยพบเมื่อไม่กี่เดือนก่อน นอกจากจิ่วฟางเทียนฉีที่ได้รับาเ็เพราะนาง ชายในชุดขาวก็ได้สร้างความทรงจำอันตราตรึงฝากไว้ เขาควบคุมผีเสื้อนับพันด้วยเสียงดนตรี ทักษะทางจิติญญาในการใช้เสียงสั่งการสิ่งมีชีวิตเช่นนี้ เดิมทีเป็ทักษะของเผ่าจิ้งจอกเก้าหางของพวกนาง ชายหนุ่มผู้นั้นรู้วิธีและสามารถใช้ให้ชำนาญได้อย่างไร
“ขอข้านึกก่อน คนผู้นั้นชื่ออะไรนะ...”
นางพึมพำกับตัวเอง ในเวลาไม่กี่เดือนที่พำนักในเมืองเฟิ่งเทียน นางสืบถามหลายสิ่งหลายอย่างจากผู้คน รวมไปถึงเื่ราวของตระกูลใหญ่ๆ จึงรู้เื่เหล่านี้อย่างชัดเจน
“หลิ่ว... ใช่แล้ว หลิ่วไป๋เจ๋อ บุตรชายคนโตจากคฤหาสน์ชิงหลิ่วถัง”
คนผู้นั้นสร้างควางทรงจำไม่ธรรมดาในใจนาง แม้ว่าจะอายุน้อย ยังไม่ถึงวัยสวมจี๋กวาน แต่นางก็ััได้ถึงอันตรายจากตัวเขา
หากคนที่ปะมือกับิหนูเป็ชายผู้นั้นจริง พวกนางคงต้องเปลี่ยนที่อยู่ ด้วยความสามารถของหลิ่วไป๋เจ๋อ ไม่ใช่เื่ยากที่จะคาดเดาได้ถึงถิ่นกำเนิดของพวกนาง
ทว่ายังไม่ถึงเวลานั้น เพราะหากตัวตนของพวกนางถูกเปิดเผยในตอนนี้ย่อมไม่เป็ผลดี
เมื่อหันกลับไปมองิหนู เพลิงโทสะในใจก็พุ่งสูง หากเ้านี่ไม่ลงมือโดยพละการ ดูดกลืนแก่นสารในกายของชาวเมืองเฟิ่งเทียน ก็คงไม่ดึงดูดความสนใจคนจากชิงหลิ่วถัง กว่าจะหาที่ลงหลักปักฐานได้ไม่ใช่เื่ง่ายเลย ตอนนี้กลับกลายเป็ว่าต้องเริ่มต้นหาที่อยู่ใหม่เสียแล้ว
ทันใดนั้นผู้เป็นายก็หมุนกายกลับไปอีกทางอย่างโกรธเกรี้ยว ิหนูไม่รู้ถึงมูลเหตุ เขาย่อหลบไปด้านข้าง ราวกับกลัวว่าหากก้าวพลาดจะต้องจบชีวิตลงเหมือนเสือดาวตัวนั้น
“หลังจากนี้ทางเฟิ่งเทียนน่าจะส่งคนมาค้นหาโดยรอบ บริเวณูเาชุ่ยอวิ๋นคงถูกล้อมไว้จนยากจะหลบหนี จึงไม่ควรอยู่ที่นี่ต่อไป รีบเก็บข้าวของและไปหาที่ซ่อนตัวแห่งใหม่ เมื่อถึงเวลาข้าจะติดต่อหาเ้า อีกอย่าง...”
นางกล่าวเตือน “หยุดทำอะไรตามอำเภอใจ มิฉะนั้น ต่อให้ข้าไม่ลงมือ ทว่าคนไม่น้อยในแดนเจ๋อก็สามารถทำให้เ้ารู้สึกอยู่ไม่สู้ตาย”
“ิหนูทราบดีขอรับ!”
เขาค้อมตัวคารวะนาง เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้งก็ไม่พบเงาของอีกฝ่ายแล้ว มือพลันกำหมัดแน่น มองดูศพของเสือที่อยู่แทบเท้า ได้แต่กัดฟันและก้มลงไปอุ้มมันขึ้นมา ก่อนจะหายเข้าไปในป่าเงียบๆ ...
ณ สวนดอกอิงที่ร่วงโรยของคฤหาสน์อวิ๋นหลานซาน ชายผู้หนึ่งกำลังกวัดแกว่งดาบยาวอย่างไร้ทักษะ เขาฟาดฟันไปมาเพียงเพราะ้าระบายโทสะ ต้นอิงเขียวชอุ่มถูกตัดออกเป็ท่อนอย่างน่าเวทนา
หญิงรับใช้คนหนึ่งยืนตัวสั่นเทาอยู่ริมสวน มองดูบุตรชายคนรองของตระกูลอวิ๋นที่กำลังคลุ้มคลั่งด้วยความหวาดกลัว ในที่สุดก็รวบรวมความกล้า เอ่ยปากเตือนด้วยความหวังดี
“คุณชายจวา นี่ นี่คือสวนต้นอิงของคุณหนูลั่วนะเ้าคะ หากนางมาเห็น…”
“หุบปาก!”
อวิ๋นจวากำลังโมโหได้ที่ เมื่อนางผู้นั้นมาสอดปากก็ยิ่งโกรธ จึงขว้างดาบยาวตรงไปที่นาง หญิงรับใช้ไม่อาจหลบเลี่ยงทัน ทำได้เพียงมองดูอาวุธแหลมคมพุ่งตรงมา ในไม่ช้าคงจะแทงทะลุร่างตน ทว่าจู่ๆ ก็มีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ดาบเล่มนั้นถูกหยุดเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย
ดาบยาวร่วงลงบนพื้นจนเศษฝุ่นคละคลุ้ง หญิงรับใช้นางนั้นใจนพูดไม่ออก
“เ้ามันสมควรตาย!”
เมื่อเห็นคนที่เข้ามาขวาง อวิ๋นจวาก็ยิ่งโกรธจัดและเริ่มจู่โจมด้วยมือเปล่า แต่อีกฝ่ายก็หลบเลี่ยงได้อย่างง่ายดาย
“จื่ออู่ เ้ากล้าดีนักนะ!”
อวิ๋นฉี่พลันปรากฏตัวขึ้นเพื่อหยุดยั้งน้องชาย ทั้งยังหันกลับไปจัดการจื่ออู่ แต่เพราะเขาสวมหน้ากากเหล็ก ทำให้อวี๋นฉี่ที่ลืมไปชั่วขณะได้รับาเ็ที่มือ จึงเตะอีกฝ่ายไปหนึ่งทีด้วยความโกรธ
“คุกเข่าลง!”
จื่ออู่ไม่ได้เอ่ยอะไร ค่อยๆ คุกเข่าลงแต่เอวยังยืดตรง
ด้วยความโกรธ อวิ๋นจวาจึงหยิบดาบยาวขึ้นมา แล้วยกขึ้นจะฟันไปทางจื่ออู่ อวิ๋นฉี่จึงรีบห้ามเอาไว้
“น้องจวาใจเย็นๆ หากพลั้งมือสังหารคนไปคงไม่ดีแน่!”
อวิ๋นจวากัดฟัน “มันเป็แค่ทาสต่ำต้อย หากตายไปจะเป็อะไร”
อวิ๋นฉี่ดึงเขาไปด้านข้างแล้วกระซิบแ่เบา
“ตายไปก็ไม่ใช่เื่น่าเสียดายอะไร แต่เ้าก็รู้ว่าเขาเป็คนของใคร จื่ออู่เป็เพียงทาสชั้นต่ำอย่างที่เ้ากล่าว ทว่ายังเป็ผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านพ่อ ยามนี้ท่านพ่อไม่อยู่ หากเ้าลงมือกับเขา เมื่อถึงเวลาที่ท่านพ่อกลับมาและสืบสาวเื่นี้ เ้าจะจัดการอย่างไร”
คำเตือนของพี่ชายทำให้อวิ๋นจวาระงับโทสะลงเล็กน้อย แต่ยังคงไม่พอใจอยู่ดี อวิ๋นฉี่หรี่ตาและกระซิบข้างหูเขาว่า
“ฆ่าเขาไม่ได้ ทว่าปล่อยให้ทนทรมานกับาแคงจะไม่เป็ปัญหา!”
มุมปากของอวิ๋นจวากระตุกขึ้น เดินตรงไปหาจื่ออู่พร้อมดาบยาวในมือ ชี้คมดาบไปยังคนอีกฝั่งแล้วลากไล้ผ่านแผ่นอกของเขา เพียงออกแรงก็สามารถปาดลึกลงบนหัวใจของอีกฝ่าย
“ข้าถามเ้าหน่อย เื่ที่บอกให้ไปจัดการเป็อย่างไรบ้าง”
แม้มีดาบยาวพาดอยู่บนอก แต่จื่ออู่ไม่เกรงกลัวสักนิด และตอบกลับอย่างเฉยชา
“จื่ออู่ไม่พบแม่นางอวิ๋นลั่วขอรับ”
“ฮึ!”
ดาบในมืออวิ๋นจวาเบนไปอีกทิศทาง จากนั้นก็แทงทะลุสีข้างของจื่ออู่ เืสีแดงสดพุ่งทะลัก จื่ออู่เพียงแค่นเสียงดังฮึ ยังคงมีท่าทีนิ่งเฉย หญิงรับใช้ด้านข้างตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว นางหมอบลงบนพื้นไม่กล้าแม้แต่เงยหน้า
อวิ๋นจวาโน้มตัวลง เอ่ยถามชิดใบหูจื่ออู่
“เ้าไม่พบหรือไม่ได้ตามหานางเลยกันแน่”
จื่ออู่ทนต่อความเ็ปแสนสาหัสและตอบว่า “หาไม่พบขอรับ!”
“ฮ่า! น่าขัน ด้วยความสามารถของเ้าจะตามหาคนรักของตนไม่พบอย่างนั้นหรือ อืม เ้าหานางพบทว่าไม่อยากพากลับมาใช่หรือไม่”
อวิ๋นจวาขยับมืออีกครั้ง ดาบยาวก็แทงลึกเข้าไปอีกนิ้วหนึ่ง
มือที่อยู่ภายใต้แขนเสื้อของจื่ออู่กำแน่นจนซีด ดวงตาเริ่มพร่ามัว แต่ยังคงกัดฟันสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เอ่ยตอบซ้ำอีกครั้ง
“หาตัวไม่พบขอรับ!”
“เ้า!”
อวิ๋นจวาไม่คิดว่าคนเบื้องหน้าจะแข็งแกร่งเช่นนี้ เขาระงับความโกรธไม่อยู่ ทำให้ดาบยาวแทงลึกเข้าที่สีข้างของอีกฝ่าย เมื่อเห็นว่าเื่ราวเริ่มเลยเถิด อวิ๋นฉี่จึงรีบเข้ามาห้าม
“ในเมื่อได้ระบายความโกรธแล้วก็หยุดเสีย อย่าให้มือของเ้าเปรอะเปื้อนเพราะทาสผู้นี้เลย”
“ฮึ!”
เมื่ออวิ๋นจวาดึงดาบออก เืก็ทะลักออกมาและหยดลงพื้น
อวิ๋นฉี่พาน้องชายจากไปและไม่แยแสจื่ออู่อีก พร้อมทั้งเอ่ยว่า
“หลายวันก่อนมีหญิงสาวสองสามคนเข้ามาใหม่ในิเยวี่ยฟาง ข้าได้ยินว่าพวกนางล้วนหน้าตาไม่เลว รวมทั้งจะมีการจัดประกวดหญิงงาม คืนนี้เราไปดื่มสุราและดูพวกนางสักหน่อย เ้าคิดว่าอย่างไร”
อวิ๋นจวาเอ่ยด้วยท่าทีไม่สนใจ “งดงามเทียบกับอูิหลิงได้หรือไม่”
อวิ๋นฉี่ได้แต่บ่นด่าอยู่ในใจ ทว่ายังคงรักษาสีหน้าดังเดิม “ดูเ้าพูดเข้าสิ แต่ละคนล้วนมีข้อดีข้อเสีย เ้าลองไปดูก็คงรู้เอง!”
คราวนี้อวิ๋นจวาไม่บ่ายเบี่ยงอีก “เช่นนั้นก็ลองไปดู”
หลังทั้งสองเดินจากไป หญิงรับใช้ที่คุกเข่าอยู่บนพื้นก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น แล้วรีบเข้าไปหาจื่ออู่
“เ้า เ้าเป็อย่างไรบ้าง” เมื่อเห็นตัวเขาชุ่มไปด้วยเื หญิงรับใช้ก็หลั่งน้ำตาออกมา
“ข้าไม่เป็ไร เ้ากลับไปเถิด!”
จื่ออู่ยืนขึ้น ใช้ฝ่ามือกุมสีข้าง และก้าวกลับไปทีละก้าว หญิงรับใช้นางนั้นเดินตามไปด้วยความกังวลยิ่ง แต่กลับไม่กล้าเข้าไปช่วยประคองเขา
“อย่าตามมา กลับไปเสีย เื่นี้เกิดขึ้นเพราะข้า ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเ้า!”
นางมองดูเขาค่อยๆ จากไป ก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้นและคำนับให้สามครั้ง
“เยียนเอ๋อร์ขอบคุณพี่จื่ออู่ที่ช่วยชีวิตข้าไว้!”
ขาของเขาสั่นเทา การมองเห็นเริ่มพร่าเบลอ ท้ายที่สุดจื่ออู่ก็ไม่สามารถกลับถึงที่พัก หมดสติล้มลงหลังจากเดินไปได้เพียงครึ่งทาง เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงแล้ว าแก็ถูกพันไว้เรียบร้อย เมื่อมองไปรอบๆ ก็พบว่าที่นี่คือห้องของตน
“เ้าฟื้นแล้ว!”
ชายผู้หนึ่งเข้ามาจากห้องด้านนอก ถือชามยาที่ยังอุ่นๆ เอาไว้
“คุณชายสาม”
จื่ออู่อยากลุกขึ้น แต่ก็ไม่อยากให้กระทบกระเทือนาแของตนเอง ขณะนี้ร่างกายของเขาอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง อวิ๋นเฟยก้าวเข้าไปประคองอีกฝ่าย ก่อนจะจัดแจงให้นั่งพิงหัวเตียง
“หมอบอกว่าเ้าเสียเืไปมาก จำเป็ต้องพักฟื้น”
สีหน้าของอวิ๋นเฟยสงบเรียบ จื่ออู่ไม่เห็นความผิดปกติใดบนใบหน้าของคนผู้นี้
“จื่ออู่ขอขอบพระคุณคุณชายสามที่ช่วยชีวิตไว้”
อวิ๋นเฟยโบกมือแล้วพูดว่า “ไม่ได้ถือว่าเป็การช่วยชีวิตอะไรหรอก ข้าบังเอิญเจอเ้านอนฟุบอยู่ก็เท่านั้น อาการาเ็ของเ้ามีเพียงาแส่วนนอก นอกจากเสียเืมากเกินไปก็ไม่มีอะไรอันตรายถึงชีวิต ไม่ต้องกังวล”
อวิ๋นเฟยยกชามยาต้มมาให้เขาและเอ่ยว่า “ดื่มยาก่อนเถอะ”
จื่ออู่ตกตะลึงที่ได้รับความเมตตา แม้จะเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์อวิ๋นหลานซานั้แ่ยังเด็ก แต่ก็ไม่ได้พูดคุยกับคุณชายสามมากนัก สิ่งที่เขารู้ก็คือคุณชายผู้นี้ไม่มีพลังจิติญญา ไม่มีความสามารถด้านการต่อสู้ และเป็คนใจเสาะ มีเพียงไม่กี่คนในคฤหาสน์ที่ใส่ใจเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอวิ๋นหลานเฟิง ผู้นำแห่งอวิ๋นหลานซานแห่งนี้ ถึงแม้จะเป็บุตรชายของตัวเองทว่าไร้ประโยชน์ เขาจะชอบได้อย่างไร
—-----------------------------------
