“จริงสิ คุณหนูเ้าคะ บ่าวลืมไปเื่หนึ่ง!”
“ชุนเซียง มีอะไรหรือ?” อวิ๋นซูเงยหน้าขึ้น ชุนเซียงเดินไปเบื้องหน้าของสาวใช้ข้างกายของหลิ่วอวิ๋นเหยา “ไม่ทราบว่าคุณหนูเจ็ดจะให้บ่าวยืมตัวหงเหมยสักครู่ได้หรือไม่เ้าคะ?”
“อา...ดะ ได้สิ หงเหมย เ้าไปกับพี่ชุนเซียงเถอะ”
สาวใช้พยักหน้า เดินตามชุนเซียงออกไป หลิ่วอวิ๋นเหยาหันไปมองอย่างสงสัย ในเวลาเพียงชั่วครู่นี้ อวิ๋นซูได้สลับถ้วยชาทั้งสองโดยไม่มีใครรู้ตัว
“ชาของน้องเจ็ดกลิ่นหอมยิ่งนัก”
คำพูดของอวิ๋นซูทำให้หลิ่วอวิ๋นเหยาได้สติกลับมา เพียงพริบตาเดียวในถ้วยชาของอีกฝ่ายก็ว่างเปล่าไปแล้ว
ในที่สุดหลิ่วอวิ๋นเหยาก็วางใจ ตอนนี้นางไม่มีความคิดที่จะรับรองอวิ๋นซูอย่างมีไมตรีจิตอีกต่อไป นางกินขนมเข้าไป แล้วจิบชา
“เวลาไม่เช้าแล้ว พี่หกกลับไปก่อนเถิดเ้าค่ะ” อวิ๋นซูกำลังจะลุกขึ้น ทว่าหลิ่วอวิ๋นเหยาพลันคิดขึ้นมาได้ว่า พี่สามบอกว่าต้องให้พี่หกรออยู่ที่นี่นี่นา!
“เดี๋ยว พี่หก อยู่เป็เพื่อนเหยาเอ๋อร์อีกสักครู่เถิดเ้าค่ะ”
เอ๋? เหตุใดจึงได้รู้สึกมึนหัวเล่า? วัตถุตรงหน้าราวกับจะแยกเป็สองส่วน “พี่หก...เหยาเอ๋อร์มึนหัว...”
ไม่ทันไร ดรุณีน้อยผู้นั้นก็ฟุบลงไปบนโต๊ะ
อวิ๋นซูยืนขึ้นช้าๆ สายตาเจือแววเห็นใจอยู่ไม่น้อย ทว่าก็หายไปอย่างรวดเร็ว เด็กคนนี้ เื่คราวนี้จะกลายเป็ประสบการณ์อันเ็ปของนาง ใช่แล้ว ไม่เคยพบเจอความลำบากจะสามารถเติบโตได้อย่างไร ผู้คนมักจะต้องจ่ายราคาสำหรับค่าโง่และแผนร้ายของตนเสมอ
ทว่าเมื่อมองใบหน้าเล็กๆ ไร้เดียงสา สุดท้ายอวิ๋นซูก็ตัดสินใจที่จะไม่จำกัดให้สิ้นซาก ให้โอกาสนางสักครั้ง แต่วันหน้าก็ขึ้นอยู่กับตัวนางเองแล้ว
บุรุษผู้หนึ่งเดินไปเดินมาบนระเบียงอย่างฮึกเหิม คุณหนูหก คุณหนูหก...แม้จะเป็แค่บุตรีอนุภรรยา แต่ก็เป็คุณหนูจวนโหว! เมื่อเทียบกับหญิงงามทั่วไปแล้วย่อมไม่เหมือนกัน! จ้าวหรงเติงฮัมเพลง นึกถึงคำกำชับของหลิ่วอวิ๋นฮั่น ฮ่าๆ เขาจะดูแลคุณหนูท่านนั้นเป็อย่างดีเลย
เมื่อวันนี้ผ่านไป จวนโหวก็ต้องยอมให้คุณหนูหกแต่งกับตนแล้ว!
เขาเชิดหน้ายืดอกอย่างดีใจ ณ สุดทางระเบียง สาวใช้นางหนึ่งรออยู่ตรงนั้นแล้ว
“คุณชายเ้าคะ เชิญทางนี้เ้าค่ะ”
อวี้เอ๋อร์พยายามหลีกเลี่ยงสายตาของจ้าวหรงเติงที่กวาดมองตามอำเภอใจ ในใจรู้สึกหวาดกลัว แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรแปลกๆ ออกไป
“ฮี่ๆๆ จวนโหวแห่งนี้กระทั่งสาวใช้ก็สดใสถึงเพียงนี้เชียว ฮ่าๆๆ ...” แต่ว่าวันนี้เขาไม่มีกะจิตกะใจจะมาดูแลสาวใช้ตัวเล็กๆ คนหนึ่ง การปล่อยให้สาวงามอยู่ในห้องอันว่างเปล่าอย่างโดดเดี่ยวไม่ใช่วิสัยของเขา
ยิ่งเดินเข้าไปข้างใน เขาก็ยิ่งได้ยินเสียงเล็กๆ
“ร้อน...ร้อนเหลือเกิน...”
ไม่ทราบว่าเมื่อไร หลิ่วอวิ๋นเหยาลงไปนอนกับพื้นหญ้า ชุดบนกายของนางหลุดลุ่ยเล็กน้อย รู้สึกสับสน คอยเอามือปัดป่ายกระโปรงของตน ลำคอขาวราวหิมะถูกพื้นหญ้าเขียวชอุ่มขับเน้นให้เด่นขึ้น ทำให้จ้าวหรงเติงจ้องมองจนร่างกายร้อนรุ่ม
นี่...นี่ไม่ใช่คุณหนูหกที่ตนเองเห็นคนนั้น นี่.. มิใช่ว่าทำพลาดหรือ?
แต่ว่า...เขาไม่อาจถอนสายตาของตนออกได้เลย คุณหนูคนนี้ดูแล้วอายุยังน้อย ทว่าตอนนี้ดวงหน้าแดงระเรือดูราวกับผลไม้ที่สุกงอม เชิญชวนให้ผู้คนอยากจะลิ้มลองสักคำ
“ร้อน...” เสียงอันไร้เดียงสานี้ เป็สิ่งที่จ้าวหรงเติงไม่เคยประสบมาก่อน เขาเดินเข้าไปอย่างไม่อาจควบคุมได้ ค่อยๆ ยื่นมือไปยังคนบนพื้น
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังซ่า น้ำเย็นเยียบจนเสียดแทงลึกถึงกระดูกตกลงมาจากฟ้า ทำให้จ้าวหรงเติงร้องและะโออกมา
“ผู้ใด?! ผู้ใดมันกล้าสาดน้ำเย็นใส่คุณชายอย่างข้า?!”
“โอหัง เ้าเป็ใคร เหตุใดจึงกล้าเข้ามาในเขตเรือนของจวนโหว?!”
น้ำเย็นอีกถังหนึ่งราดลงไปอีกครั้ง หลิ่วอวิ๋นเหยาบนพื้นถูกน้ำเย็นที่สาดไปแล้วหลายครั้งทำให้หนาวจนลุกขึ้นนั่ง “อา...นี่ นี่มัน...”
น้ำเย็นทำให้ร่างกายอันร้อนรุ่มของนางเย็นลงโดยพลัน สติจึงค่อยๆ กลับมา นางก้มหน้ามองเสื้อผ้าอันหลุดลุ่ยของตน แล้วมองไปยังบุรุษแปลกหน้าที่ตัวเปียกเช่นเดียวกับนาง ทันใดนั้นนางรีบปกปิดเรือนร่างของตนแล้วกรีดร้องออกมาราวกับจะเป็จะตาย “กรี๊ด!”
ความเคลื่อนไหวทางด้านนี้ดึงดูดความสนใจของผู้คนใกล้เคียง อนุสองได้ยินเสียงนี้ ในใจก็แอบรู้สึกไม่ดี คุณหนูเจ็ดของนางเกิดเื่อะไรขึ้น?
นางพาข้ารับใช้จำนวนมากบุกเข้าไปในเขตเรือน เมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้าก็นิ่งอึ้งไป
ชุนเซียงและเซี่ยเหอกำลังไล่ตีบุรุษแปลกหน้าผู้หนึ่งอยู่ ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ ชุดของบุรุษผู้นั้นไม่เรียบร้อย ส่วนบุตรีของนางก็นั่งร้องไห้อยู่กับพื้น ท่าทางเช่นนั้น คล้ายกับว่า...
“แก...ไอ้ตัณหากลับ!” อนุสองโกรธจนแทบเป็สลบ นางแย่งไม้กวาดในมือสาวใช้คนหนึ่งแล้ววิ่งไล่ตีไปด้วย
ชุนเซียงและเซี่ยเหอมีพื้นฐานของวิชาต่อสู้อยู่บ้าง แต่อนุรองนั้นไม่มี พริบตาเดียวจ้าวหรงเติงก็ถูกอนุสองชนจนล้มกลิ้งลงกับพื้น
“ตายแล้ว...พวกเ้ามัวใอะไรกันอยู่? ยังไม่รีบไปจับเ้าคนหื่นกามนั่นอีก!” เมื่อคิดถึงบุตรีของตนเอง อนุรองก็ถอดเสื้อนอกของนางออก ทรุดกายลงคลุมเสื้อให้หลิ่วอวิ๋นเหยา “คุณหนูเจ็ด คุณหนูเจ็ด นี่เ้าเป็อะไรไป?!”
“ฮือๆๆ ...อี๋เหนียง ขะ ข้าไม่รู้ ฮือๆๆ ...”
“เกิดอะไรขึ้น?” เสียงอันน่าเกรงขามดังมาจากด้านหนึ่ง ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินว่าในสวนดอกไม้ของจวนโหวเกิดเื่ขึ้น จึงรีบมาพร้อมแม่นมกลุ่มหนึ่ง
นางมองสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา บุรุษผู้หนึ่งถูกตีจนหน้าบวมจมูกเขียว ทั้งยังกำลังวิ่งไปรอบๆ อวิ๋นซูเดินออกมาจากอีกด้านหนึ่งด้วยความสับสน “น้องเจ็ด นี่เ้า...”
“คุณหนูหก ตกลงเกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดคุณหนูเจ็ด...คุณหนูเจ็ดถึงได้อยู่ที่นี่...” อนุสองจับร่างของบุตรีของตนไว้แน่น ท่าทางเช่นนั้น คนที่มีสมองล้วนมองออก เกรงว่าคุณหนูเจ็ดคงจะถูกคนหื่นกามผู้นั้น...
“ซูเอ๋อร์ นี่มันเื่อะไรกัน?” ฮูหยินผู้เฒ่าหนังตากระตุก เกิดเื่เช่นนี้ในจวนโหว หากว่าแพร่ออกไป...
“ท่านย่าเ้าคะ น้องเจ็ดเชิญข้ามาจิบชาทานขนมที่สวนดอกไม้ด้านหลัง ดื่มชาไปสักพัก ข้าก็กลับไปในเขตเรือน ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นเช่นกันเ้าค่ะ”
ตอนนี้เหล่าข้ารับใช้รวมพลังกันปราบจ้าวหรงเติงจนอยู่หมัด พามายังเบื้องหน้าของฮูหยินผู้เฒ่า ใบหน้าเขียวบวมช้ำเช่นนั้นทำให้นึกหน้าตาของเขาไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง
“ฮูหยินผู้เฒ่า คุณหนู ตอนที่บ่าวกลับมา บ่าวเห็นเ้าคนตัณหากลับนี่กำลังลงมือกับคุณหนูเจ็ดอยู่พอดีเ้าค่ะ!”
อนุสองพลันเงยหน้าขึ้น กล่าวเช่นนี้หมายความว่าทำไม่สำเร็จหรือ? เป็โชคดีในโชคร้าย แต่ว่าชุดของคุณหนูเจ็ดหลุดลุ่ย เ้าคนตัณหากลับนี่คงเห็นเรือนร่างของนางแล้ว หากข่าวแพร่ออกไปคงไม่ดีแน่!
“เกิดอะไรขึ้น? เอะอะเสียงดังอะไรกันขนาดนี้?” เหลยซื่อพาหลิ่วอวิ๋นฮว๋าและหลิ่วอวิ๋นฮั่นเดินเข้ามา บุรุษที่ตามมาด้านหลังได้ยินเสียงร้อง จึงคิดว่าแผนการสำเร็จ จึงไม่คิดจะเข้าใกล้ ทว่ากลับเห็นบุรุษผู้หนึ่งถูกข้ารับใช้มัดเอาไว้
“หรงเติง จะ เ้าทำไมกลายเป็เช่นนี้ไปได้?!”
หรงเติง? เ้าคนตัณหากลับผู้นี้คือบุตรชายของผู้ตรวจการ จ้าวหรงเติงผู้นั้นหรือ?!
...
ภายในห้องโถง จ้าวหรงเติงถูกแก้มัดให้แล้ว เพียงแต่ตอนนี้มีองครักษ์ของจวนโหวล้อมเอาไว้ เขาใจนยืนนิ่งไม่ขยับ
“คุณชายจ้าว จะอธิบายให้ยายเฒ่าอย่างข้าฟังสักหน่อยได้หรือไม่?”
ฮูหยินผู้เฒ่าเปิดปากกล่าว แววตาราวกับสามารถเห็นอะไรบางอย่างจากตัวเขา
จ้าวหรงเติงมองไปยังหลิ่วอวิ๋นฮั่นอย่างไม่รู้ตัว อีกฝ่ายขยิบตาส่งสัญญาณ จะอย่างไรก็ห้ามพูดความจริงออกไป!
“ขะ ข้าน้อยเพียงแค่เข้ามาหาคุณชายสามในจวน ได้ยินเสียงแปลกๆ ดังมาจากสวนดอกไม้ด้านหลัง จึงไปดู แล้วก็...”
“แล้วอะไร?”
“แล้วก็เห็น คุณหนูท่านหนึ่งล้มอยู่บนพื้นหญ้า...ข้าไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น! จริงๆ นะขอรับ!”
ฮูหยินผู้เฒ่ามองไปยังชุนเซียงที่อยู่ข้างๆ สาวใช้ผู้นี้กล่าวอย่างมั่นใจเป็อย่างมาก “บ่าวเห็นคุณชายจ้าวคิดจะลงมือกับคุณหนูเจ็ดที่อยู่บนพื้นเ้าค่ะ บ่าวจึงรีบเข้าไปหยุด”
“เ้าโกหก! คุณชายอย่างข้าจะ...”
“คุณชายจ้าว บ่าวคนนี้ติดตามหญิงชราอย่างข้ามาั้แ่เล็ก ไม่พูดโกหกแน่” คำพูดของฮูหยินผู้เฒ่าแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่านางเชื่อคำพูดของชุนเซียง
“ท่านย่า คุณชายเ้าบอกว่าเห็นน้องเจ็ดนอนอยู่บนพื้น ซูเอ๋อร์ไม่เข้าใจเ้าค่ะ ตอนที่ซูเอ๋อร์จากมา น้องเจ็ดยังดีๆ อยู่...”
สายตาเย็นเยียบและแหลมคมของอวิ๋นซูมองไปยังใบหน้าหวาดผวาของคุณชายจ้าว ทันใดนั้น หลิ่วอวิ๋นเหยาถูกพาตัวออกมา แม่นมค้อมตัวลงข้างกายฮูหยินผู้เฒ่าแล้วกล่าวบางอย่างออกมา พวกนางมั่นใจว่าคุณหนูเจ็ดไม่ถูกกระทำย่ำยี
“เหยาเอ๋อร์”
ฮูหยินผู้เฒ่าส่งเสียงเรียก สองขาของหลิ่วอวิ๋นเหยาพลันคุกเข่าลง “ทะ ท่านย่า...”
นางมองไปยังหลิ่วอวิ๋นฮั่นอย่างหวาดผวา แต่กลับถูกสายตาที่เต็มไปด้วยไอสังหารทำเอาใ
“เหยาเอ๋อร์ จำได้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น?”
“...เหยาเอ๋อร์จำไม่ได้แล้วเ้าค่ะ...”
“คุณหนูเจ็ด ตัวเองลงไปนอนบนพื้นเองแท้ๆ เหตุใดจึงจำไม่ได้! เ้าอย่ามาทำให้ผู้อื่นลำบากนะ!” จ้าวหรงเติงย่อมมิอาจยอมรับได้ว่าตอนนั้นตนคิดจะย่ำยีคุณหนูเจ็ดจริง มิฉะนั้นหากไม่ถูกท่านพ่อตีตายก็คงถูกจวนโหวตีตาย
“ข้า...ข้าจะไปนอนบนพื้นได้อย่างไรเล่า...” ร่างกายของหลิ่วอวิ๋นเหยาสั่นระริก นางััได้ถึงสายตาเย็นเฉียบคู่หนึ่ง เมื่อหันมองไปก็สบเข้ากับดวงตาของอวิ๋นซู ดวงตาของพี่หกราวกับสามารถมองทะลุจิตใจของนางได้ ตอนนี้หลิ่วอวิ๋นเหยาถึงได้รู้จักคำว่าหวาดกลัว พี่หกไม่ใช่คนที่นางจะไปหาเื่ได้
นางจำได้เพียงรางๆ ว่า หลังจากตนดื่มชาเข้าไปถ้วยหนึ่งก็รู้สึกอ่อนเพลีย จากนั้นเกิดอะไรขึ้นนางก็จำไม่ได้แล้ว
“ฮูหยินผู้เฒ่าขอรับ น้ำชาและขนมได้ถูกตรวจสอบแล้วล้วนไม่มีปัญหาขอรับ” องครักษ์นายหนึ่งเข้ามารายงาน
ไม่มีปัญหา?! หลิ่วอวิ๋นฮั่นพลันเบิกตากว้าง นังเด็กไม่ได้เื่ ถึงกับไม่ได้วางยาหลิ่วอวิ๋นซูเชียวหรือ?!
หลิ่วอวิ๋นเหยาเองก็ตกตะลึงอยู่ในใจ นี่มันเป็ไปได้อย่างไร นางใส่ยาลงไปในกานำชาของพี่หกแล้วแท้ๆ ทว่าตอนนี้ นางพลันรู้สึกโล่งใจ ไม่มีปัญหาก็ไม่มีปัญหาเถิด มิฉะนั้นหากให้ฮูหยินผู้เฒ่าทราบเื่ที่ตนวางยา จะต้องถูกโบยจนตายแน่
ชั่วขณะหนึ่ง ภายในห้องตกลงสู่ความเงียบ จ้าวหรงเติงไม่ยอมรับว่าตนเองมีเจตนาไม่ดี และไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าหลิ่วอวิ๋นเหยาล้มลงไปกับพื้นเอง ทว่าชุนเซียงยืนยันหนักแน่นว่าจ้าวหรงเติงยื่นมือไปยังหลิ่วอวิ๋นเหยา
ฮูหยินผู้เฒ่าไม่้าให้เื่ราวใหญ่โต เนื่องจากบุรุษเยาว์วัยตรงหน้ามีชื่อเสียงในหอนางโลมใหญ่ทุกหอของเมืองหลวง หากว่ากันตามเหตุผล วันนี้ชื่อเสียงของหลิ่วอวิ๋นเหยานับว่าถูกทำลายแล้ว ควรจะหมั้นหมายกับจ้าวหรงเติง แต่ว่าจวนโหวของพวกเขาจะไม่ยอมเื่การแต่งงานโดยเด็ดขาด
ให้บุตรีอนุภรรยาแต่งคนกับเช่นนี้ ช่างน่าขันนัก!
“ท่านย่าเ้าคะ ซูเอ๋อร์คิดว่า บางทีอาจเป็เพราะคุณหนูเจ็ดเล่นมากเกินไปจึงหมดสติ อาจจะเป็เช่นนี้ก็ได้เ้าค่ะ เพียงแต่คุณชายจ้าวควรจะนึกถึงความแตกต่างระหว่างชายหญิง มิฉะนั้นหากผู้ใดมาเห็นอาจเข้าใจผิดได้” อวิ๋นซูเข้าใจฮูหยินผู้เฒ่าเป็อย่างมาก หวังจะให้เื่ใหญ่กลายเป็เื่เล็ก อีกทั้งตัวนางเองตัดสินใจแล้วว่า จะไม่ลงมือกับหลิ่ววิ๋นเหยาจนหมดสิ้นหนทาง เพียงให้ดรุณีน้อยผู้นี้จำเื่วันนี้ไว้เป็บทเรียน