“ฉันไม่เชื่อหรอก เธอแอบบอกความจริงฉันมาเถอะ ฉันสัญญาว่าจะไม่เอาไปเล่าต่อ!” เจิ้งเสี่ยวชิวโอบไหล่เจิ้งหยวนแล้วขยับเข้ามาใกล้ๆ ทันที
“มันร้อนน่า!” เจิ้งหยวนรีบหลบไปด้านข้าง ในวันที่อากาศอบอ้าวแบบนี้ แต่ละคนมักตัวเปียกเหงื่อแถมยังเหม็นกลิ่นเปรี้ยว เธอทนอยู่ใกล้มากไม่ไหวหรอก จึงเขยิบก้นเพิ่มระยะห่างก่อนบอก “ความจริงก็คือฉันไม่ได้หาคนรัก ทุกอย่างมันเกิดจากเจิ้งสยาชอบพอเฝิงเจี้ยนเหวินเลยจงใจทำลายชื่อเสียงฉันต่างหากละ”
เจิ้งเสี่ยวชิวเบะปาก เธอคิดว่าเจิ้งหยวนไม่จริงใจเอาเสียเลย ความสัมพันธ์พวกเธอออกจะดีขนาดนี้ ยังไม่พูดความจริงกับเธออีก เลยรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย ก่อนเอ่ยถาม “งั้นก่อนหน้านี้เธอเข้าเมืองบ่อยๆ ทำไม? อย่าบอกว่าไปบ้านอาสะใภ้สามนะ”
“ฉันไปดูหนังน่ะ” นี่เป็ความจริง ครั้นเห็นเจิ้งเสี่ยวชิวยังคงทำหน้าไม่เชื่ออยู่อีก เธอจึงเอ่ยต่อว่า “ต้องให้ฉันบอกเธอไหมว่าดูหนังเื่ไหน เนื้อเื่เป็ยังไงบ้าง?” หนังที่ดูสมัยวัยรุ่น แม้ผ่านมานานมากแล้ว แต่เธอยังจำเนื้อหาคร่าวๆ ได้จนถึงปัจจุบัน เพราะความประทับใจในตอนนั้นมันฝังลึกอย่างยิ่ง
เจิ้งเสี่ยวชิวเห็นเพื่อนตนเองไม่ประหม่าสักนิด ทั้งยังพูดจาฉะฉาน จึงเริ่มลังเล “เธอเอาเงินจากไหนไปดูหนัง?” เธอรู้มาว่าตั๋วหนังแพงมาก ใบหนึ่งตั้งสองเหมา [1] ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปเอื้อมถึงได้เลย
มือที่ถือน้ำของเจิ้งหยวนชะงักไปนิดหน่อย เพียงครู่เดียวก็จรดขวดน้ำเหนือริมฝีปากแล้วยกดื่มอึกหนึ่ง ก่อนหรี่ตาลงเล็กน้อยพลางเอ่ย “เฝิงเจี้ยน
เหวินให้มา”
เจิ้งเสี่ยวชิวตกตะลึง “อะไรนะ?”
เจิ้งหยวนปรายตามองเธอแวบหนึ่ง
“เฝิงเจี้ยนเหวินให้เงินเธอตอนไหน?”
เห็นดังนั้น เจิ้งหยวนจึงถามกลับด้วยสีหน้าประมาณว่าต้องเป็อย่างนั้นอยู่แล้ว “พวกเราสองคนหมั้นกันแล้ว เขาให้เงินฉันมันแปลกเหรอ?”
“งั้นทำไมเธอไม่เคยบอกฉันเลยล่ะ?”
เจิ้งหยวนหัวเราะออกมาเล็กน้อย “ทำไมฉันต้องบอกเธอด้วยล่ะ?”
เจิ้งเสี่ยวชิวหลงเชื่ออย่างง่ายดาย ทั้งภายในใจยังรู้สึกอิจฉาสุดๆ “เฝิงเจี้ยนเหวินดีต่อเธอจริงๆ”
เจิ้งหยวนรับคำเสียงหนึ่ง ทว่าภายในใจกลับกำลังโวยวายอยู่ ดีบ้าบออะไร เขาอยากแต่งหรือเปล่ายังต้องมาคุยกันอีกทีเลย! ดูจดหมาย ภาษาสำนวนที่เขาเขียนมาก่อนหน้าสิ จุ๊ๆ
“เฝิงเจี้ยนเหวินร่ำรวย หนำซ้ำยังดีต่อเธอขนาดนี้ มิน่าญาติผู้พี่เธอถึงอิจฉาตาร้อน” เจิ้งเสี่ยวชิวบิดฝาขวดน้ำที่ตนเองพกมาขึ้นดื่ม แล้วเอ่ยกับเจิ้งหยวนอย่างบริสุทธิ์ใจ “วันหน้าเธอต้องดีกับเฝิงเจี้ยนเหวินมากกว่านี้หน่อยนะ อย่าเอาไปบ่นว่าการแต่งงานนี้ไม่ดีข้างนอกอีกเลยเชียว”
หากการแต่งงานนี้ไม่ใช่ของเจิ้งหยวน เจิ้งเสี่ยวชิวต้องอยากได้มากแน่นอน บางทีอาจจะหาวิธีแย่งงานแต่งมาเหมือนเจิ้งสยาเลยด้วยซ้ำ แต่ใครให้เจิ้งหยวนหน้าตาสะสวยขนาดนี้กันเล่า? ทั้งยังมีน้ำมีนวลและผิวพรรณขาวเกลี้ยงเกลา ทั้งที่ลงทำนาด้วยกัน เธอตากแดดจนดูแทบไม่ได้ เจิ้งหยวนกลับยังขาวผ่องนวลเนียนเหมือนเดิม สาวงามระดับนี้ ต้องบุรุษอนาคตไกลที่สุดในกองเท่านั้นถึงจะคู่ควร!
เจิ้งหยวนอดหัวเราะไม่ได้ เมื่อเห็นสีหน้าเธอเปลี่ยนไปแล้วยังพูดกำชับทิ้งท้ายกันอยู่ เจิ้งเสี่ยวชิวผู้นี้นอกจากปากหอยปากปูไปสักหน่อย ก็ไม่มีข้อเสียอื่นใดโดดขึ้นมาอีก แต่ความปากไว เชื่อว่าเ้าตัวจะถ่ายทอดคำพูดของเธอได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งถือเป็เื่ดีสำหรับเจิ้งหยวนตอนนี้
“ความจริงตอนนี้ฉันอยากถอนหมั้นแล้วละ เธอดูความวุ่นวายนี้สิ” เจิ้งหยวนแสร้งถอนหายใจ
เจิ้งเสี่ยวชิวรีบพูด “ทำไมล่ะ!”
“ฉันเถียงกับพี่เสี่ยวสยาแบบนี้ ไม่รู้เื่ลือกันไปถึงไหนต่อไหนจนชื่อเสียงของครอบครัวลุงใหญ่ฉันเสียหาย คุณพ่อโกรธ หาว่าฉันเป็ต้นเหตุทั้งหมด แล้วยังให้ฉันไปขอโทษคุณลุงใหญ่อีก” เจิ้งหยวนเว้น่พลางมองเจิ้งเสี่ยวชิว และขึ้นเสียงอย่างคับข้องใจ “เธอว่าฉันน่าอนาถไหมล่ะ!”
“เื่นี้โทษเธอได้เหรอ?” เจิ้งเสี่ยวชิวฟังแล้วก็รู้สึกหงุดหงิดต่อความไม่ยุติธรรมเช่นกัน “เธอไม่ใช่คนเริ่มสักหน่อย ญาติผู้พี่มาสาดโคลนใส่เธอก่อน เธอยังทนกล้ำกลืนอยู่ทำไม? พ่อเธอเนี่ยเข้าข้างบ้านลุงใหญ่เกินไปแล้วนะ”
เจิ้งหยวนเบ้ปากแล้วเอ่ย “คุณพ่อฉันคิดว่าครอบครัวทะเลาะกันแบบนี้ไม่ดีเท่าไร ก็เลยไปขอโทษที่บ้านลุงใหญ่ด้วยตัวเอง ไม่รู้พูดคุยกันยังไง… ป้าสะใภ้ใหญ่เป็พวกได้ทีขี่แพะไล่ ไว้หน้าหน่อยก็หลงละเลิง พอกลางวันแบ่งเนื้อกันในกอง เธอเลยแย่งเนื้อของบ้านฉันไปแล้ว”
“ฉันได้ยินมาจากคนอื่นแล้ว ป้าสะใภ้เธอทำเกินไปจริงๆ ! แล้วเธอไม่ไปแย่งเนื้อกลับมาจากบ้านเขาอีกรอบเหรอ?”
“ฉันว่าจะไปเอามาอยู่ แต่เจอพ่อตอนออกจากบ้านพอดี เขาไม่ให้ฉันไป ฉันจะทำอะไรได้ หากฉันดื้อด้าน ไม่รู้พ่อจะโกรธถึงขั้นไหน และพวกเราสองคนคงมีปากเสียงกันแน่ แถมฉันก็ใกล้แต่งงานแล้ว เฮ้อ อยู่เงียบๆ เรียบร้อยสักพักคงจะดีกว่า”
เจิ้งเสี่ยวชิวกตัญญูกว่าเจิ้งหยวนมาก เธอว่านอนสอนง่าย เชื่อฟังพ่อแม่สุดๆ เธอเลยคิดว่าเจิ้งหยวนพูดจาเข้าท่า ครุ่นคิดสักพักจึงถอนหายใจ “ก็ใช่ นิสัยอย่างเธอ อนาคตหากแต่งงานต้องควบคุมให้ดีๆ อย่าออกหน้าออกตาไปเสียทุกเื่ แม่ฉันบอกไว้ เสียเปรียบคือลาภลอย”
คนในหมู่บ้านต่างรู้ว่าเจิ้งหยวนอารมณ์ร้าย เจิ้งหยวนเองก็ตระหนักว่าตัวเองอารมณ์ไม่ค่อยจะดีนัก แต่ไม่ถึงขั้นเกิดสะเก็ดไฟทีแล้วะเิตูมตามหรอก หากไม่ใช่เพราะต้องทวงเสบียงบ้านป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งทุกปี ทั้งกวนโมโหป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งจนป้าสะใภ้ต่อว่าต่อขานว่าเจิ้งหยวนใช้อำนาจบาตรใหญ่ข้างนอก ชื่อเสียงด้านอารมณ์รุนแรงของเจิ้งหยวนทุกคนคงไม่ถึงกับรู้กันทั่วทุกหัวระแหงหรอก
ทว่าเธอเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันนัก เจิ้งหยวนก็เที่ยวบอกใครต่อใครว่าป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งขี้เหนียวชอบเอาเปรียบคนอื่นเหมือนกัน ชื่อเสียงป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งนอกจากเธอทำตัวเองแล้ว เจิ้งหยวนยังคอยช่วยใส่สีอยู่นอกรอบไม่น้อยเลยทีเดียว
“เอาละ ฉันรู้แล้ว” เจิ้งหยวนบอก
พระอาทิตย์กลางแจ้งสูงเสียดฟ้า ข้าวสาลีในทุ่งถูกเก็บจนโล่งเตียน เมื่อมองผืนดินโล่งกว้างออกไป ยังคงเห็นไฟคุกรุ่นอยู่ไกลสุดลูกหูลูกตา ควันดำที่พวยพุ่งจากไฟลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า หลังเกี่ยวข้าวสาลีเสร็จจะเหลือตอข้าวไว้ เนื่องจากยังต้องปลูกธัญพืชลงดินครั้งที่สอง ตอข้าวพวกนั้นเลยเป็อุปสรรคอย่างมาก กฎหมายยุคศตวรรษที่ 21 ห้ามเผาฟางข้าวแล้ว แต่ปกติคนยุคสมัยนี้จะชินกับการเผาตอข้าวในทุ่งทั้งหมด เพื่อให้เพาะปลูกอย่างสะดวก
หลังซุบซิบนินทาจบ เจิ้งเสี่ยวชิวก็เปลี่ยนหัวข้อมาเื่ที่เธอสนใจที่สุด “หยวนหยวน ทำไมเธอตากแดดแล้วแต่ไม่ดำเลยล่ะ?”
เจิ้งหยวนหันหน้ามาเอ่ยยิ้มๆ “จะไม่ดำได้ยังไง ฉันตากแดดก็ดำเหมือนกัน”
“ดำตรงไหน ฉันมองไม่ออกเลยสักนิด!” พูดแล้วเจิ้งเสี่ยวชิวยังยื่นมือจะจิ้มหน้าของเธอ แต่โดนเจิ้งหยวนกันไว้ “นี่ มือเธอสกปรกอยู่นะ!”
เจิ้งเสี่ยวชิวหดมือกลับอย่างเคืองๆ “เธอบอกฉันหน่อยสิ ทำไมหน้าเธอขาวขนาดนี้ล่ะ?”
“เธอไม่สังเกตเหรอว่าฉันใส่หมวกฟางตอนทำงานตลอดน่ะ? แถมยังสวมเสื้อแขนยาวกางเกงขายาว ปิดหน้าด้วยผ้าขนหนูด้วย?” เจิ้งหยวนมองใบหน้าที่ตากแดดจนดำขึ้นสีแดงประปราย ทั้งลำคอรวมถึงแขนที่โผล่มานอกร่มผ้าด้วย ก่อนบอก “เธอปิดให้มิดชิด ต้องดีขึ้นกว่าตอนนี้แน่นอน……”
เจิ้งเสี่ยวชิวคิดสักพัก “ฮ่า งั้นพรุ่งนี้ฉันจะเปลี่ยนไปใส่เสื้อแขนยาวกับหมวกฟางด้วย!”
เจิ้งหยวนวางขวดน้ำลง ก่อนลุกขึ้นปัดดิน ปัดเศษหญ้าที่ติดตรงก้นออก “ไปเถอะ ไปเกลี่ยเม็ดข้าวกันต่อ”
เจิ้งเสี่ยวชิวก็ลุกขึ้นเช่นกันพร้อมพูดรัวเร็ว “ไปๆๆ”
เชิงอรรถ
[1] เหมา หมายถึง สกุลเงินของประเทศจีน ซึ่ง 10 เหมา หรือ 10 เจียว มีค่าเท่ากับ 1 หยวน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้