ใน่ที่ต้องรอนั้นผ่านไปอย่างยากลำบากเสมอ ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องนั่งอยู่ในห้องเดียวกันกับไทเฮาและฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองอีก จากนั้นไม่นาน อวิ๋นอี้ก็รู้สึกว่าไม่สบายไปทั้งร่าง
ไม่อาจจะนั่งอย่างสงบนิ่งได้ สายตาสอดส่องไปซ้ายขวามิได้หยุด
หรงซิวอยู่ข้างกาย รู้สึกได้ถึงความรู้สึกของนาง จึงค่อยๆ เอื้อมมือไป กุมมือนางไว้ เกานิ้วที่ฝ่ามือของนางเบาๆ
ความรู้สึกคันๆ ราวกับมีกระแสไฟฟ้า ไหลเข้าสู่ห้องหัวใจของนางอย่างราบรื่นไม่ติดขัด
อวิ๋นอี้หัวใจเต้นแรง แก้มของนางร้อนผ่าวอย่างช่วยมิได้ จนลืมความประหม่าไปแล้ว
นางดิ้นรนอย่างเขินอายสองสามครั้ง ก็ถูกจับไว้แน่นกว่าเดิม นางจึงเงยหน้ามองเขาโดยมิรู้ตัว ก็พบกับดวงตาคู่หนึ่งที่ลึกสงบราวกับบ่อน้ำโบราณอย่างที่คาดไว้
ในแววตาของบุรุษหนุ่ม มีดวงดาวประกาย เพียงการจ้องมองธรรมดาๆ ก็ทำให้คนตกหลุมรักอย่างช่วยมิได้
อวิ๋นอี้ไม่ปฏิเสธอีกต่อไป นางลูบผิวเขาเบาๆ ก้มหน้าลงแล้วยิ้ม
“ฮึ่ม!”
ทั้งสองกะหนุงกะหนิงกันราวกับมิมีผู้ใดอื่น ถูกไทเฮาเห็นเข้า ก็คิดเพียงแค่ว่าพวกเขามิรู้จักละอายใจ นางหลับตาลงอย่างเ็า มิได้มองอีก ไม่อยากจะเห็นกระไรอุจาดตา
ภายในห้อง นอกจากเสียงการพูดคุยกันของหมอหลวงแล้ว ก็มิมีเสียงอื่นใดอีก
สถานการณ์เช่นนั้นดำเนินไปประมาณครึ่งชั่วยาม ในที่สุดภายหลังฉากกั้นก็มีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาแล้ว ทุกคนมองไปพร้อมกันเป็ตาเดียว
คนที่ปรากฏในสายตาคือชายชราหนวดเคราขาว เขาค่อนข้างผอมแห้ง เบ้าตาจึงดูโปนเล็กน้อย โหนกแก้มก็ยิ่งดูสูงขึ้น
เขาเดินด้วยท่าทีสง่า โค้งคำนับแล้วเอ่ยปากอธิบาย "รายงานฮ่องเต้และไทเฮาพ่ะย่ะค่ะ ที่ท่านหญิงหว่านฉือป่วยครานี้เป็เพราะภูมิแพ้พ่ะย่ะค่ะ"
"ภูมิแพ้?” ไทเฮาพูดด้วยความเป็ห่วง "แพ้สิ่งใด?”
“พวกเราดูตามอาหารของท่านหญิงแล้ว ก็มั่นใจว่าเป็ภูมิแพ้ หากจะพูดถึงสาเหตุก็คงมีได้หลายประการ สุขภาพของท่านหญิงหว่านฉือไม่ปกติพ่ะย่ะค่ะ อ่อนแอและโรคภัยเยอะเป็ทุนเดิม พวกเราตรวจสอบจากสิ่งของที่ท่านหญิงใช้ สวมใส่ และเื่ทานแล้ว ก็มั่นใจว่านางแพ้ขนมที่มาจากหลิวเซียนโหลวพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น อวิ๋นอี้ก็อดขมวดคิ้วมิได้
หว่านฉือคงมิได้จะเอาเื่ที่นางแพ้อาหารมาโบ้ยให้ตนหรอกนะ?
“ขนมกระไร?” ไทเฮาท่าทีทุบหม้อถามความจริง “หลิวเซียนโหลวคงจะไม่อยากอยู่แล้วกระมัง! กล้าดีอย่างไรที่ให้แม่หญิงทานกระไรสุ่มสี่สุ่มห้า!"
“......”
เป็ครั้งแรกที่อวิ๋นอี้เห็นคนไม่พูดตามหลักเหตุผลใดๆ เลยเป็ครั้งแรก
ร้านอาหารเขาเปิดเพื่อทำธุรกิจ ต้อนรับผู้คนจากทุกทิศทาง วันทั้งวันเจอผู้คนมากมาย คงไม่ถึงขนาดว่าผู้ใดแพ้กระไรเป็รายคนหรอกกระมัง
หว่านฉือก็จริงๆ เลย ตนเองแพ้กระไร มิได้รู้อยู่แก่ใจหรือ?
ไม่ใช่ว่านางจะใส่ความหว่านฉือ แต่หากเป็ผู้อื่น ผู้ใดก็ต้องสงสัยต่อเจตนาของนางก่อน
อวิ๋นอี้กำลังคิดพิจารณาในใจ ไทเฮาที่อยู่ข้างกายก็ยังคงถามต่ออย่างไม่หยุดยั้ง “ขนมกระไร?”
"ขนมฮว๋ายฮวาพ่ะย่ะค่ะ"
ไทเฮาหันไปมองอวิ๋นอี้ทันที ชี้นิ้วไปที่สาวใช้เหลียนเหอที่ยืนอยู่ข้างๆ ถามว่า "ซื้อขนมฮว๋ายฮวาั้แ่เมื่อใดกัน?"
เหลียนเหอร้อนรนจนเบ้าตาแดงไปหมดแล้ว จู่ๆ ก็ถูกชี้ตัวเรียก สติของนางกระเจิดกระเจิง พูดอย่างอึกอัก “ซื้อตอน...ซื้อตอนบ่ายเพคะ...”
“ซื้อมาตอนที่ทานข้าวกับพระชายาเจ็ดงั้นหรือ?” ไทเฮาเอาเื่มาเกี่ยวพันกับอวิ๋นอี้ตลอด
เหลียนเหอไม่กล้าปิดบัง บอกไปตามตรงว่า "ใช่เพคะ ระหว่างทานอาหาร พระชายาเจ็ดบอกว่าขนมฮว๋ายฮวาอร่อย ก่อนหน้าจะกลับจวน คุณหนูจึงสั่งกลับมากล่องหนึ่ง จากนั้นก็...”
“ฮึ่ม!” ไทเฮาปัดมือออก ขัดจังหวะนางพูด แล้วหันมาถามอวิ๋นอี้อย่างดุร้าย “เ้ายังมีสิ่งใดจะพูดอีก?”
พูดกระไรเล่า อวิ๋นอี้แอบบ่น นางก้มหน้าลงต่อไป ไม่เอ่ยปากใดๆ
หรงซิวเหล่มองดูท่าทางของนาง ก็เดาความคิดของนางออกโดนประมาณ กังวลว่าสถานการณ์จะยิ่งอึดอัด เขาจึงริเริ่มพูดว่า “ท่านย่าพ่ะย่ะค่ะ ท่านจะให้อวิ๋นเออร์พูดกระไรเล่าพ่ะย่ะค่ะ? ขนมเป็ของหลิวเซียนโหลว ขณะนี้เกิดปัญหา ก็ควรจะให้หลิวเซียนโหลวมาจัดการ ท่านจะถามอวิ๋นเออร์ทำไมพ่ะย่ะค่ะ?”
พูดถูก พูดถูก
อวิ๋นอี้อยากจะปรบมือดังๆ ให้จริงๆ
เมื่อเห็นว่ามีคนหนุนหลัง นางถึงได้เอ่ยปากช้าๆ จงใจพูดด้วยน้ำเสียงสั่น “ไท...ไทเฮาเพคะ ข้าคิดว่าองค์ชายพูดถูก”
“เ้าหมายความว่าข้าใส่ร้ายเ้าหรือ?” อำนาจของไทเฮาเหลือล้น ดวงตาของนางเบิกกว้างทันที
ใบหน้าที่เผชิญโลกมาอย่างโชกโชนของนาง เต็มไปด้วยรอยย่น ที่รอบตาและมุมปากยังเผยให้เห็นความมีเมตตาของคนชรา เพียงแต่ตอนนี้ไม่เป็เช่นนั้น
อวิ๋นอี้ยุ่งกับการแสร้งทำเป็กลัว ส่ายหน้าไม่หยุด "ข้ามิอาจเพคะ เพียงแต่เื่นี้ไม่เกี่ยวกับข้าจริงๆ"
"จะไม่เกี่ยวกับพระชายาเจ็ดได้อย่างไรเพคะ!” จู่ๆ เหลียนเหอก็โต้กลับอย่างฉะฉาน แล้วทรุดตัวลงกับพื้นทันที ก้มหัวคำนับไทเฮาแล้วพูด “โปรดอภัยในความอวดดีของข้าด้วยเพคะองค์ไทเฮา ข้าน้อยมีเื่ต้องทูลแจ้ง!”
ไทเฮาเหลือบมองอวิ๋นอี้อย่างมีความหมาย พูดอย่างทั้งตำหนิและได้ใจ "พูดมา!"
“เดิมทีคุณหนูมิได้อยากทานขนมเพคะ เป็พระชายาเจ็ดที่คะยั้นคะยอนาง คุณหนูคิดว่าไม่ควรจะฉีกหน้าพระชายา จึงชิมขนมฮว๋ายฮวา ไม่คิดเลยว่าคุณหนูจะแพ้!” เหลียนเหอสะอึกสะอื้นร้องไห้ “ที่คุณหนูนอนป่วยอยู่บัดนี้ ข้ามีส่วนผิดด้วย แต่หากว่ามิใช่เพราะพระชายาเจ็ด...”
"อวิ๋นอี้!" ไทเฮาขัดจังหวะเหลียนเหอ “ตอนนี้เ้าจะยังพูดกระไรอีก! หากมิใช่เพราะเ้า หว่านฉือจะแพ้ได้อย่างไร!”
“......”
ได้ ได้ ได้
ตอนนี้นางรู้ชัดแล้ว จะสวมหมวกให้นาง ไม้ไผ่แปดอันไม่เกี่ยวข้องกัน [1] อย่างไรก็เอามาสวมให้นางจนได้
“ทูลไทเฮาเพคะ...” อวิ๋นอี้สูดหายใจลึกๆ “ข้าขอพูดอย่างไม่เกรงสักครา หากจะให้โทษจริงๆ แม่หญิงหว่านฉือก็มีส่วนผิด หากนางอยู่ในจวนไม่ออกไปที่ใด จะเป็ภูมิแพ้ได้อย่างไรเพคะ!”
“เ้านะเ้า!” ไทเฮาชี้ไปที่อวิ๋นอี้ "สามหาวเสียจริง! บ้าจริง! เ้าเกินไปแล้ว! มีสถานะเป็พระชายาเจ็ดแท้ๆ แต่กลับละเลยความรับผิดชอบ! มิเพียงเท่านั้นยังคิดแค้นกับพระสนมที่จะเข้าจวนเช่นนี้! หากไม่สั่งสอนเ้า เกรงว่าจะไปกันใหญ่!"
“ไทเฮาเพคะ...ไม่ว่าอย่างไร...เื่ที่ข้ามิได้ทำ ก็มิได้ทำจริงๆ นี่...” อวิ๋นอี้พูดเถียงเสียงเบา “ทั้งนี้ โรคภูมิแพ้ยังเกิดจากสุขภาพของคน แม้แต่แม่หญิงหว่านฉือยังมิรู้ว่าตนเองแพ้ขนมฮว๋ายฮวา ข้าจะรู้ได้อย่างไรเล่าเพคะ? ท่าน...จะมาโทษว่าเป็ความผิดข้าเช่นนี้ ดูจะไม่ถูกต้องนะเพคะ?”
“ดีนี่! ดีจริง!” ไทเฮาพูดติดกันสองประโยค นางโกรธจัด “ตอนนี้เริ่มจะขัดการตัดสินของข้าแล้ว!หรงซิว! ข้าว่าชายาเ้าผู้นี้ โดนเ้าตามใจจนเสียนิสัยแล้ว! หากจะให้นางเป็เช่นนี้ต่อไป ไม่เพียงแค่เ้าคนเดียวที่จะขายหน้า หากแต่ยังเป็หน้าตาของทั้งต้าอวี่! ในเมื่อเ้าไม่ยอมจัดการ ข้าก็จะสั่งสอนแทนเ้าเอง!”
“สามหาว!” จู่ๆ ก็มีเสียงต่ำ ดังขึ้น หรงซิวราวกับลม เขาเดินไปไม่กี่ก้าวอยู่หน้าอวิ๋นอี้ แล้วลากนางลงไป
ทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็ใไปตามกัน
อวิ๋นอี้ถูกเขาลากไปหน้าไทเฮา เขาผลักนางอย่างแรง บุรุษหนุ่มมักจะอยู่แต่ในสนามรบ แรงมือของเขาเยอะมากจนนางต้านไม่ไหวจนต้องล้มตัวลงกับพื้น
ฝ่ามือของนางถูลงกับพื้น หนังถลอก เืจึงไหลออกมาอย่างรวดเร็ว
หรงซิวไม่แม้แต่จะมองดูนาง เขาตำหนิอย่างดุดันว่า "ข้าทำให้เ้าเสียคนจริงๆ! ไทเฮาพ่ะย่ะค่ะ เป็เพราะซิวเออร์ตามใจนางมากเกินไป จนทำให้นางเป็เช่นนี้! ก่อนหน้านี้ซิวเออร์มิกล้าที่จะสั่งสอนนาง ขอท่านโปรดจงเชื่อใจ วันนี้กลับไปข้าจะต้องสั่งสอนนางแน่!”
“เ้าจะสั่งสอนนางอย่างไร?”
“กฎครอบครัว ตีลงโทษยี่สิบครั้ง ขังให้นางคิดได้ครึ่งเดือน" เขาพูดอย่างเ็าไร้อารมณ์
เชิงอรรถ
[1] ไม้ไผ่แปดอันไม่เกี่ยวข้องกัน八竿子打不着的关系 หมายถึง ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้