แม้วันนี้ิอวี่จะยังมีสีหน้าที่สดใส แต่ใจของเขากลับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!
ิอวี่แอบตัดสินใจแล้วว่า งานประลองยุทธ์ของราชสำนักในอีกสามเดือนข้างหน้า เขาจะต้องเข้าร่วมให้ได้ แล้วยังจะต้องชนะแบบสวยงามอีกด้วย เขาจะต้องสร้างความประหลาดใจให้กับเยี่ยซีและคนอื่นๆ ที่เคยดูถูกเขาให้ได้!
“สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ ก็คือต้องเพิ่มพลังการต่อสู้!”
ิอวี่กำหมัดแน่น จากนั้นก็ตรงไปที่หอคัมภีร์ยุทธ์ตามความทรงจำของเขา เพราะเขารู้ดีว่าการจะเป็ผู้ฝึกยุทธ์ได้นั้น จะต้องเพิ่มพลังการต่อสู้ ฝึกพื้นฐานการต่อสู้ ตามด้วยทักษะการต่อสู้
ครั้งนี้ ต้องเลือกทักษะการต่อสู้ที่เหมาะกับตัวเขาเองก่อน
หอคัมภีร์ยุทธ์อยู่ทางทิศตะวันออกของวังหลวง มีทั้งหมดสิบชั้น ตัวอาคารสีดำทะมึน มีขนาดใหญ่มากและสง่างามมาก ภายในมีม้วนตำราทักษะการต่อสู้อยู่กว่าหมื่นเล่ม ในเวลานี้มีขุนนางและเชื้อพระวงศ์จำนวนมากกำลังศึกษาและยืมคัมภีร์จากที่แห่งนี้!
หน้าปากประตูทางเข้าหอคัมภีร์ยุทธ์มีชายแก่ผมขาวนั่งอยู่คนหนึ่ง ทั้งๆ ที่ร่างกายของเขาดูซูบผอม แต่กลับมีความรู้สึกเหมือนกับว่ามีกำลังวังชาสามารถกดทับูเาได้ทั้งลูก
หอคัมภีร์ยุทธ์เป็สถานที่สำคัญในการฝึกวรยุทธ์ในวังหลวง คนที่เฝ้าอยู่ที่นี่เพียงลำพัง พลังฝีมือย่อมไม่ธรรมดาเป็แน่
ชายแก่คนนี้ คือท่านผู้าุโซ่งหยวน หนึ่งในสิบองครักษ์หน้าพระที่นั่งของราชวงศ์ต้าินั่นเอง
ิอวี่เดินเข้าไปหา แล้วคำนับให้กับท่านซ่งเหล่า จากนั้นก็นำป้ายประจำตัวองค์ชายของเขาออกมา
“ต่อให้เ้าจะเป็ถึงองค์ชาย แต่เมื่อมีขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนแค่ขั้นที่หนึ่ง ก็เข้าได้แค่ในชั้นที่หนึ่งเท่านั้นนะ และอยู่ได้ไม่เกินสองชั่วยามต่อวัน” ผู้เฒ่าซ่งพูดจบก็นั่งพักตาต่อไป
ิอวี่โค้งคำนับตัวเล็กน้อย จากนั้นก็เดินเข้าไปที่หอคัมภีร์ยุทธ์ชั้นที่หนึ่ง แล้วเริ่มค้นหาทักษะการต่อสู้ที่เหมาะสมกับเขาอย่างบ้าคลั่ง
ภายในหอคัมภีร์ยุทธ์มีคนอยู่เป็จำนวนมาก เมื่อแต่ละคนเห็นิอวี่ก็อดตะลึงกันไม่ได้ คนที่ถูกมองว่าเป็พวกไร้ความสามารถ ตอนนี้กลับเพ้อฝันคิดจะมาฝึกทักษะการต่อสู้เช่นนั้นหรือ?
ก็เหมือนเด็กทารกที่เพิ่งลืมตาดูโลก แม้แต่เดินยังไม่เป็ แต่คิดอยากจะวิ่ง มันน่าขำสิ้นดี
สายตาที่ดูถูกเหยียดหยามถาโถมเข้ามาเป็จำนวนมากในชั่วขณะหนึ่ง
แต่ว่าิอวี่ไม่ได้สนใจสายตาพวกนั้นเลย เขาเริ่มค้นหาทักษะการต่อสู้ที่เขาพอใจ
ทักษะการต่อสู้ของราชวงศ์ต้าินั้น ตามบันทึกถูกแบ่งออกเป็สี่ระดับใหญ่ๆ โดยเรียงจากต่ำไปสูงนั่นก็คือ หลิง เสวียน หยวน ฮวง
แค่ทักษะหลิงขั้นสูงสุด ก็มีคนนับหมื่นแย่งชิงกันแล้ว ส่วนทักษะการต่อสู้ระดับเสวียน มีแค่พวกอัจฉริยะปีศาจอย่างองค์ชายเก้าเท่านั้นถึงจะได้ ส่วนระดับหยวนกับฮวง มันเป็แค่ตำนานเล่าขานเท่านั้น
ิอวี่เดินไปดูตามชั้นวางตำราต่างๆ ทีละชั้นอย่างละเอียด
“ทักษะหลิงระดับล่าง วิชาเท้าพายุสายฟ้า ยกขาเสมือนพายุ ที่ไม่มีตัวตน กวาดไปทุกทิศทาง!”
“ทักษะหลิงระดับล่าง เพลงหมัดะเิ จู่โจมอย่างฉับพลัน มอดม้วยมรณาในทุกหมัด!”
“ทักษะหลิงระดับล่าง วิชาแขนเหล็ก ทำแขนดั่งเหล็กกล้า การป้องกันที่น่าทึ่ง!”
……
เวลาผ่านไปแล้วสองนาทีเต็ม ิอวี่กลับยังไม่เจอทักษะการต่อสู้ที่เหมาะกับเขาเลย เพราะทักษะการต่อสู้เหล่านี้ มันไม่เข้ากับลักษณะท่าทางของเขา อีกทั้งเขาเองก็รู้สึกว่าทักษะการต่อสู้พวกนี้มันง่ายเกินไป
ที่จริงิอวี่ไม่รู้เลยว่า ถ้าเป็ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไป การจะอ่านทักษะระดับหลิงขั้นต่ำพวกนี้จนเข้าใจ อย่างน้อยๆ ก็ต้องใช้เวลากว่าครึ่งเดือน อย่างพวกองค์หญิงองค์ชายที่มีความสามารถมากขึ้นหน่อย อย่างน้อยก็ยังต้องใช้เวลาสามถึงห้าวัน แต่ิอวี่กลับใช้เวลาแค่สองนาทีเท่านั้นก็อ่านเข้าใจหมดแล้ว
ในชาติก่อน ิอวี่มีความสามารถในการเข้าใจและเรียนรู้ได้เหนือกว่าคนทั่วไป เพราะแบบนี้เขาถึงสามารถเป็ผู้ที่แข็งแกร่งและมีไหวพริบดีมากในสายของไอที ส่วนในชาตินี้ ิอวี่ก็ยังคงสืบทอดความสามารถที่แข็งแกร่งนั้นมา ถึงได้สามารถเรียนรู้ทักษะการต่อสู้ได้ง่ายแบบนี้
พร์ในการเรียนรู้ที่เหนือกว่าและแตกต่างจากคนปกติเช่นนี้ เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วยังแข็งแกร่งกว่าอัจฉริยะปีศาจของราชวงศ์เสียอีก แต่ก็ไม่มีใครคาดคิดว่า พร์แบบนี้กลับปรากฏอยู่ในตัวของิอวี่ คนที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของใครเลย
ทันใดนั้นเอง ิอวี่ก็สังเกตไปเห็นตำรายุทธ์เล่มหนึ่ง ตัวเล่มสีแดงดูธรรมดามาก เขาหยิบมันมาแล้วเปิดอ่าน มีอักษรขนาดใหญ่ที่เขียนว่า “ัและหงส์โบยบิน” สะท้อนเข้ามาในตาของเขา
“ทักษะหลิงระดับกลาง เพลงกระบี่สังหารหนีลวน พลังการสังหารเก้าระดับ พลังรัศมีกระบี่อันทรงพลังน่าเกรงขาม ใต้หล้าโกลาหลได้”
“เยี่ยม!”
เมื่ออ่านบทนำจบแล้ว ิอวี่ก็เริ่มอ่านต่ออย่างสนใจ ความน่ากลัวของเพลงกระบี่สังหารหนีลวนคือพลังรัศมีสังหารของกระบี่ ลมปราณกระบี่ที่กล้าแกร่งและทรงพลัง เมื่อฝึกจนสำเร็จ จะสามารถซ้อนพลังลมปราณกระบี่ไว้ในกระบี่ได้ถึงเก้าเท่า ซึ่งถูกเรียกว่า พลังปราณกระบี่เก้าเท่า!
ิอวี่เหมือนโดนดูดเข้าไปในหนังสือ ในดวงตาของเขาเห็นแค่ทักษะการต่อสู้ที่เขียนอธิบายอยู่ในตำรายุทธ์เท่านั้น ความรู้สึกตื่นเต้น เร้าใจ กระหาย มันแพร่กระจายไปทั่วร่างกายของเขา ทำให้เขาไม่สามารถหยุดอ่านมันได้เลย
เมื่อผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ิอวี่ก็ปิดตำรายุทธ์ ตอนนี้ในหัวของเขามีแต่เคล็ดวิชาเพลงกระบี่สังหารหนีลวน แล้วก็แทบจะรอเวลาที่จะฝึกมันไม่ไหวแล้ว
ิอวี่เหมือนได้รับผลกระทบมาจากเคล็ดวิชาเพลงกระบี่สังหารหนีลวน สายตาของเขาดูฮึกเหิม เขารีบเร่งฝีเท้าเดินไปที่หน้าประตูใหญ่ โค้งคำนับให้กับท่านซ่งเหล่าอีกครั้ง แล้วเตรียมจะกลับไป
ท่านซ่งเหล่าลืมตาขึ้นมาแล้วมองไปที่ิอวี่ เขารู้สึกได้ว่าในตัวของชายหนุ่มคนนี้เหมือนกับว่ามีิญญาชั่วร้ายสิงสถิตอยู่ ก็เลยเรียกให้ิอวี่หยุด “เ้าหนู เ้าไปอ่านเพลงกระบี่สังหารหนีลวน ทักษะหลิงระดับกลางมาใช่ไหม?”
ิอวี่คิดไม่ถึงเลยว่าท่านซ่งเหล่าจะมองออก เขาเลยหันหลังกลับมาแล้วพูดว่า “ไม่ทราบว่าผู้าุโมีอะไรจะชี้แนะเช่นนั้นหรือ?”
“เพลงกระบี่สังหารหนีลวนเป็ทักษะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในระดับหลิงขั้นกลาง เ้ายังอยู่แค่ขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่หนึ่งอยู่เลย ถ้าหากฝืนฝึกมันก่อนที่จะไปถึงขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่หกระดับกระชากิญญา ไม่เพียงฝึกได้ยากลำบากเท่านั้น แต่มันยังจะทำให้จิติญญาของเ้าเสียหายอย่างมากนะ”
ท่านซ่งเหล่าพูดเน้นย้ำว่า “การเดินบนเส้นทางถนน ต้องก้าวไปทีละก้าว อย่าได้ทะเยอทะยานเกินไป สิ่งที่เหมาะสมกับเ้าคือสิ่งที่สำคัญที่สุด มิเช่นนั้น ธาตุไฟจะเข้าแทรก มันจะกลับกลายเป็การทำร้ายตัวเ้าเองนะ”
ิอวี่รู้สึกว่าสิ่งที่ท่านซ่งเหล่าพูดนั้นมีเหตุผลมาก เขาจดจำจนขึ้นใจ แล้วก็พยักหน้าตอบรับ
แต่ในสายตาของท่านซ่งเหล่า กลับมองว่าิอวี่ไม่ได้ใส่ใจในสิ่งที่เขาพูดเลย จึงรู้สึกไม่ค่อยพอใจ โบกมือให้แล้วก็ไม่พูดอะไรอีกเลย
ิอวี่หันหลังแล้วจากไป และในเวลานี้เอง ตรงหน้าของเขาก็มีคนสองคนกำลังเดินตรงมาทางเขา
ชายหนุ่มที่เดินอยู่ด้านหน้า บุคลิกลักษณะองอาจห้าวหาญ สวมหมวกสีทอง สวมชุดสีทองลวดลายั หว่างคิ้วของเขามีความบ้าระห่ำอย่างปกปิดไม่อยู่ ซึ่งดูสะดุดตาอย่างมาก บุตรผู้สูงศักดิ์รอบๆ ที่ผ่านไปผ่านมาเมื่อเห็นเขา ต่างก็ยิ้มแล้วทำความเคารพให้ แต่ว่าเขากลับไม่แม้แต่จะสนใจตอบรับเลย
ด้านข้างของเขา มีชายคนหนึ่งหลังคดงอ สวมชุดขันทีสีน้ำตาล ตอนนี้กำลังพูดจาประจบประแจงอยู่ เวลายิ้มก็แทบจะมองไม่เห็นดวงตาแล้ว
“หยุดก่อน”
น้ำเสียงแปลกๆ ดังเข้ามาในหูของิอวี่ เขาขมวดคิ้วหนักมาก น้ำเสียงที่เหมือนผู้ชายแต่ก็ไม่ใช่ผู้ชายแบบนี้ ทำไมมันถึงคุ้นหูจัง?
พอหันกลับมามอง ิอวี่ถึงได้พบว่าคนที่อยู่ตรงหน้านั้นไม่ใช่ใครอื่น เขาคือหลิวกงกงคนที่ทำตัวโอหังปากดีในวันนั้นนั่นเอง ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ เขา ก็น่าจะเป็องค์ชายสิบสาม คนที่ใครๆ ก็เรียกกันว่า ัในหมู่มนุษย์ ... ิเฟิง
ในบรรดาองค์ชายยี่สิบสามคนกับองค์หญิงสิบเอ็ดคน ตำแหน่งฐานะของิเฟิงไม่ด้อยเลย เขายังเป็คนที่ได้รับความเคารพนับถือมาก มีลูกสาวเชื้อพระวงศ์ขุนนางใหญ่หลายคนที่แอบมีใจให้กับเขา อยากจะได้เขาเป็สามีในอนาคต
“มีอะไร?”
ิอวี่กวาดสายตาไปบนตัวของหลิวกงกง แล้วไปหยุดที่ตัวของิเฟิง หลิวกงกงเป็แค่สุนัขรับใช้ คำพูดเมื่อครู่ิเฟิงก็น่าจะเป็คนพูดมากกว่า
ิเฟิงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองมาที่ิอวี่ด้วยท่าทีเหยียดหยาม “เจอพี่ชาย แต่กลับไม่ยอมก้มหัวคำนับ เ้ายังเห็นระเบียบวังหลวงอยู่ในสายตาไหม”
ความโกรธของิอวี่ผุดขึ้นมา เขาพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่เ็าว่า “ข้ากับเ้ามีศักดิ์เท่ากัน ทำไมจะต้องคำนับให้เ้าด้วย ดูเหมือนท่านพี่จะไม่เข้าใจระเบียบของวังหลวงเลย คงต้องหาเวลาไปเรียนรู้ให้มากกว่านี้หน่อยนะ อย่าให้ใครเขามาว่าท่านได้ว่าท่านไม่มีมารยาท”
คำพูดแบบนี้ พูดออกมาได้อย่างเฉียบคมโดยไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย ิเฟิงคิดไม่ถึงเลยว่า คนไม่เอาไหนที่พลังฝีมือไม่เคยก้าวหน้าเลย จะปีกกล้าขาแข็งปากคอเราะร้ายได้ถึงขนาดนี้
“บังอาจ!”
เสียงของหลิวกงกงแหลมสูงมากจนคนรอบข้างหันมามอง และเริ่มหันมาสนใจว่าเกิดเื่อะไรขึ้น
หลิวกงกงเอามือชี้ไปที่หน้าของิอวี่ แล้วพูดด้วยความโมโหว่า “เ้าคิดว่าเ้าเป็ใคร เ้าก็แค่คนไม่เอาไหน แม้แต่พลังฝีมือเ้าก็ยังไม่มีเลย ตอนนี้ยังมีหน้าโผล่มาที่หอคัมภีร์ยุทธ์นี่ คิดว่าจะสามารถพุ่งทะยานไปได้อย่างนั้นหรือ? ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เ้าควรมา และยังมีหน้ามาทำตัวโอหังใส่องค์ชายสิบสามอีก ใครสั่งใครสอนให้เ้ากำแหงแบบนี้ฮะ?”
ปกติแล้วหลิวกงกงจะมีท่าทางเคารพนบนอบมาก แต่วันนี้มีิเฟิงอยู่ข้างๆ เขาจึงอาศัยบารมีของเ้านายตัวเอง จากที่เขารู้สึกอึดอัดใจไม่สบายใจกับคำพูดต่อว่าต่อขานของิอวี่เมื่อครู่ ตอนนี้พอได้ด่าออกมาก็รู้สึกว่าสะใจและคลายความโมโหลง
“เ้านี่มันน่าสมเพชจริงๆ เลยนะ”
ิอวี่มองไปที่หลิวกงกงแล้วพูดว่า “คนโดนตอนที่พิการแล้วอย่างเ้า กล้าเรียกคนอื่นว่าไม่เอาไหนได้อย่างไรกัน อาศัยอำนาจบารมีพ่ออย่างิเฟิงหรือ”
พอได้ยินคำพูดแบบนี้ สายตาทุกคนก็ตกตะลึงจนแทบถลนออกมา ิอวี่กล้าเอ่ยคำพูดที่เจ็บแสบไปถึงกระดูกแบบนี้ออกมา มันรนหาที่ตายชัดๆ ?
หลิวกงกงโกรธจนหน้าสั่น เขาตะคอกกลับไปว่า “อวดดี! เ้า ... หากไม่ใช่เพราะแม่ของเ้าขี้โรค ในวังหลวงจะมีคนนอกคอกอย่างเ้าได้อย่างไร พวกไร้ประโยชน์ พวกเ้าสองแม่ลูกจะทนอยู่ต่อไปอีกทำไมล่ะ ทำไมไม่รีบตายๆ ไปสักที?”
เมื่อสิ้นเสียง ิอวี่ก็ยกมือขึ้นมาแล้วตบไปที่หน้าของหลิวกงกงอย่างแรง
“เพียะ!”
เสียงนั้นดังสนั่นหวั่นไหว ะเืไปทั่วทั้งลานกว้าง ทุกอย่างรอบข้างเงียบสงบลง ได้ยินแค่เสียงใบไม้ที่พลิ้วไหว ทุกคนมองไปที่ิอวี่ด้วยสายตาที่ตกตะลึง
เมื่อครู่ิอวี่ทำอะไร?
เขากล้าตบหน้าหลิวกงกงต่อหน้าองค์ชายสิบสาม มันก็ไม่ต่างอะไรกับเขาตบหน้าองค์ชายสิบสามน่ะสิ? เขาบ้าไปแล้ว!
หลิวกงกงเมื่อถูกตบหน้าก็รู้สึกอึ้งไป แก้มข้างซ้ายของเขาบวมแดงขึ้นมา ฟันของเขาหลุดออกมาประมาณห้าถึงหกซี่ เืกบปาก เขาจ้องมาที่ิอวี่ตาไม่กระพริบ ส่วนิเฟิงที่อยู่ข้างๆ ความโกรธก็เริ่มปะทุขึ้นมา
“ข้าเคยบอกไปแล้วนะ ถ้ายังกล้าลบหลู่ท่านแม่ของข้าอีก ข้าจะฉีกปากเ้าให้เละ” ิอวี่พูด
“เ้า!”
ถึงแม้หลิวกงกงจะหยุดอยู่แค่ขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่สองมาหลายสิบปีแล้ว แต่ก็มีพลังเทียบเท่าราชสีห์ห้าตัว มากพอที่จะเล่นงานิอวี่ได้แล้ว อีกทั้งวันนี้เขายังมีิเฟิงหนุนหลังเขาอีก วันนี้ ิอวี่ตายแน่!
หลิวกงกงซัดฝ่ามือออกไป เขารวบรวมราชสีห์ห้าตัวทั้งหมดเอาไว้ที่ฝ่ามือของเขา แล้วส่งเสียงดุดันออกไป ใครจะไปคิดว่าิอวี่ไม่เพียงไม่หลบ แต่รังสีความเหี้ยมโหดที่ซ่อนอยู่ในตัวของเขาได้แผ่กระจายออกมา เขาซัดหมัดออกไป แล้วก็มีเสียง “แกรบ” ดังขึ้น กระดูกมือของหลิวกงกงถูกิอวี่ซัดจนหักไปแล้ว!
หลิวกงกงกำลังจะร้องด้วยความเ็ป ิอวี่กลับซัดฝ่ามือที่มีพลังเทียบเท่าราชสีห์สิบตัวตบสะบัดไปที่หน้าของหลิวกงกง จนร่างของเขานั้นปลิวกระเด็นไปไกล กลิ้งไปบนพื้นหลายตลบเหมือนสุนัขที่นอนตายอยู่ที่พื้นก็ไม่ปาน
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนทุกคนแทบจะไม่ได้ตั้งตัว หลิวกงกงกระเด็นล้มไกลออกไปถึงสามเมตร ร่างกระตุก กระอักเืออกมา
นี่คือองค์ชายสิบเจ็ดที่อ่อนแอและขี้ขลาดคนนั้นหรือ?
ในใจของทุกคนแทบจะสงสัยเป็เสียงเดียวกัน คิดไม่ถึงเลยว่าความสามารถของิอวี่ในเวลานี้ จะมีอาณาจักรพลังขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่สองแล้ว
แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ ที่จริงแล้วอาณาจักรพลังของิอวี่ยังคงอยู่ที่ขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่หนึ่งระดับฝึกกายเท่านั้น แต่เขามีพลังเทียบเท่ากับราชสีห์สิบตัว
เมื่อเห็นหลิวกงกงถูกซัดจนฟันร่วงหมดปากนอนร้องด้วยความเ็ปอยู่ที่พื้น ิเฟิงก็โกรธจนควันออกหู พลังลมปราณของเขาพุ่งพล่านขึ้นมา เขาค่อยๆ เดินไปหาิอวี่
ิเฟิงเป็ผู้แข็งแกร่งสูงสุดในอาณาจักรพลังขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่ห้าระดับลอกคราบ เขามีพลังเทียบเท่ากับราชสีห์สองร้อยตัว อีกไม่นาน เขาจะต้องสามารถทะลวงระดับพลังได้ แล้วพลังของเขาก็จะเพิ่มขึ้นอีกเป็เท่าตัว!
พลังความสามารถของิเฟิงเป็ที่ยอมรับกันทั่ว แต่วันนี้ิอวี่กลับเล่นงานหลิวกงกงต่อหน้าทุกคน ว่ากันว่าจะ “ตีสุนัขก็ต้องดูเ้าของก่อน” แล้วจะไม่ให้ิเฟิงโกรธได้อย่างไรกัน?
“ตีคนรับใช้ของข้า เ้าคิดว่าเ้าจะรอดไปได้หรือ? อยู่ต่อหน้าข้า เ้าก็ยังเป็คนไม่เอาไหนไร้ประโยชน์อยู่วันยังค่ำ”
ิเฟิงมาพร้อมกับหมัด ซึ่งก่อนที่หมัดจะมาถึง พลังอันหนักหน่วงและน่ากลัวก็นำมาก่อนแล้ว มันเหมือนราชสีห์ตัวใหญ่กำลังคำรามและอ้าปากด้วยความกระหายเื
ทุกคนตกตะลึงกันหมด ิเฟิง้าฆ่าิอวี่ภายในหมัดเดียว!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้