ทันทีที่เหนียนยวี่เข้าไปในห้องโถง หนานกงเยวี่ยก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างกราดเกรี้ยวตบหน้าเหนียนยวี่ไปฟาดหนึ่ง
เพียะ! ความเ็ปแสบร้อนแผ่ซ่านไปทั่วใบหน้าของเหนียนยวี่โดยทันที เรี่ยวแรงจากฝ่ามือของหนานกงเยวี่ย แม้สักนิดก็ไร้ซึ่งความเมตตา
ทว่าในอดีต ร่างกายผอมบางนี้ถูกทุบตีจากหนานกงเยวี่ยมานานจนเป็เื่ปกติในชีวิตประจำวัน
เมื่อเห็นหนานกงเยวี่ยจะเข้ามาทุบตีอีกครั้ง คราวนี้เหนียนยวี่ก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว หลบหลีกได้อย่างพอดิบพอดี ทว่ากลับทำให้หนานกงเยวี่ยซวนเซ
“ท่านแม่...” เหนียนอีหลานก้าวไปประคองหนานกงเยวี่ย เพื่อไม่ให้หนานกงเยวี่ยล้มลงไปกับพื้น
ความโกรธเกรี้ยวในใจของหนานกงเยวี่ยยิ่งพุ่งสูงขึ้น ใบหน้าของสตรีผู้สูงศักดิ์ภายใต้ความดุร้ายนั้น ช่างไม่น่ามองเอาเสียเลย "นังคนสารเลว ปีกกล้าขาแข็งแล้วหรือ? เ้ามันนังตัวซวย ทำให้บุตรชายข้าต้องเข้าคุกหลวง คุกนั่นเป็ที่แบบไหนเ้ารู้หรือไม่?ผู้ใดเข้าไปก็ล้วนต้องโดนถลกหนัง เ้านังคนสารเลว ถ้าไม่ใช่เพราะเ้าล่ะก็... ถ้าไม่ใช่เพราะเ้า เหนียนเฉิงของข้าคงไม่...”
เหนียนยวี่ได้ยินเช่นนั้น ความเย้ยหยันในใจก็ยิ่งรุนแรงขึ้น
นางทราบดี ไม่ว่าใครที่ถูกนำตัวไปยังคุกหลวงล้วนต้องโดนถลกหนังทุกคน นางไม่เพียงแค่รู้เท่านั้น ทว่านางยังเคยพบเจอกับความโหดร้ายทารุณในการลงโทษของคุกหลวงด้วยตัวเองมาแล้ว
ทว่าหนานกงเยวี่ยยังคงพูดอยู่คำเดียว ย้ำว่านางเป็คนที่ทำให้เหนียนเฉิงลำบาก เหนียนยวี่รู้สึกอยากหัวเราะเสียจริงๆ
คนที่ดูเหมือนจะพรากความบริสุทธิ์ของท่านหญิงอิ้งเสวี่ยไป คนที่วางเพลิงเผาหอสูง ทำลายรูปโฉมผู้อื่น ส่วนใหญ่ก็เป็ ‘เหนียนยวี่’ นางจริงๆ นั่นแหละ
แม้กระทั่ง ‘เหนียนอีหลาน’ คนเดียวในตระกูลที่เป็มิตรกับนาง ก็ยังมองมาที่นางด้วยแววตาตำหนิ
เหนียนยวี่สบตา กล่าวอย่างไม่เร่งรีบว่า “พี่ใหญ่ถูกคุมขังอยู่ในคุกหลวง ยวี่เอ๋อร์เองก็ทุกข์ใจมากเช่นกัน ทว่าพี่ใหญ่พรากความบริสุทธิ์ของท่านหญิงอิ้งเสวี่ย จวนจิ้นอ๋องต้องไม่ยอมปล่อยวางเพียงแค่นี้แน่ ผลลัพธ์ของเื่นี้เป็ได้ทั้งหนักและเบา แทนที่ฮูหยินจะเฆี่ยนตียวี่เอ๋อร์ที่นี่ สู้มาคิดหาวิธีว่าจะทำอย่างไรถึงจะช่วยพี่ใหญ่ได้จะดีกว่าหรือไม่เ้าคะ?”
แม้ว่าหนานกงเยวี่ยจะโกรธ ทว่านางก็ต้องยอมรับว่าเหนียนยวี่พูดตรงประเด็นเข้าอย่างจัง
คนที่ไปสืบข่าวจากจวนจิ้นอ๋องเล่าว่า ใบหน้าของจ้าวอิ้งเสวี่ยถูกไฟไหม้เผาอย่างรุนแรง เกรงว่าใบหน้านั้นคงพังเสียโฉมไปแล้ว
ทั้งสูญเสียความบริสุทธิ์ และใบหน้าก็ยังมาเสียโฉม จิ้นอ๋องจะยอมปล่อยไปได้อย่างไร? !
เฉิงเอ๋อร์ของนาง...
เมื่อนึกถึงเหนียนเฉิงที่ถูกคุมขังอยู่ ร่างกายของหนานกงเยวี่ยพลันรู้สึกอ่อนแรงนางชี้ไปที่เหนียนยวี่และบ่นพึมพำอยู่ตลอดเวลาว่า “ก็เห็นชัดๆ อยู่ว่าเ้ารับผิดแทนได้ รับผิดแทนได้ชัดๆ ...”
รับผิดแทนงั้นหรือ?
การมีอยู่ของนางตลอดมาก็เพื่อเป็แพะรับบาปแทนเหนียนเฉิง ตามความคิดของพวกเขาก็คงต้องเป็เช่นนั้นไม่ว่าจะเกิดเื่อะไรก็ตาม ทว่าครั้งนี้นางจะไม่ยอมเดินซ้ำรอยทางเดิมในชาติก่อนแน่!
เมื่อรับรู้ถึงความดุร้ายของหนานกงเยวี่ย เหนียนยวี่ก็เอ่ยต่อไปว่า “ฮูหยิน เื่ของพี่ใหญ่ บางทีองค์หญิงใหญ่ชิงเหออาจจะสามารถช่วยพูดอะไรให้ได้”
ได้ยินชื่อขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอ หนานกงเยวี่ยชะงักไปอย่างเห็นได้ชัด มองเหนียนยวี่ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
“เหนียนยวี่ เ้าอย่าคิดว่ามีองค์หญิงใหญ่ชิงเหอแล้วข้าจะไม่กล้าทำอะไรเ้า ถ้าเหนียนเฉิงลูกชายข้ามีอันเป็ไปขึ้นมา ข้าจะถลกหนังเ้าออกมาแน่” หนานกงเยวี่ยว่ากล่าวด้วยถ้อยคำรุนแรง ทว่าเหนียนยวี่กลับฟังว่าเป็ข้อห้ามนางกับองค์หญิงใหญ่ชิงเหอ
หนานกงเยวี่ยพูดจบก็มองเหนียนยวี่อย่างดุร้ายและก้าวออกจากโถงใหญ่ไป
หนานกงเยวี่ยออกไปแล้ว ทว่าเหนียนอีหลานยังยืนอยู่ที่เดิม มองมาที่เหนียนยวี่โดยไม่พูดอะไรสักคำ
“ท่านพี่ยังมีเื่อะไรอีกงั้นหรือ?” เหนียนยวี่กดดันนางด้วยสายตา ในแววตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างชัดเจน
“เ้า...เ้ากลับคืนฐานะธิดาแล้วหรือ?” เหนียนอีหลานเอ่ยปากถาม คิ้วงดงามของนางขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
“อืม ไม่ใช่ว่าท่านพี่เกลี้ยกล่อมท่านพ่อท่านแม่เพื่อข้ามาตลอดหรือ? มิใช่ท่านหรือที่ทำให้ข้าคืนกลับฐานะบุตรธิดาได้? ยามนี้ข้าทำตัวเป็สตรีแล้ว ท่านพี่ไม่ดีใจหรือ?” เหนียนยวี่สบตาเหนียนอีหลาน มองชุดสตรีของตัวเองที่มอบให้นางเองกับมือคงจะผิดหวังมากใช่หรือไม่?
“ได้...ได้อย่างไรกัน?” เหนียนอีหลานรู้สึกตัวก็คลายคิ้วที่ขมวดไว้ของตนออก ใบหน้ายิ้มแย้มในพริบตา เข้าหาเหนียนยวี่และจับมือนางอย่างสนิทสนม “ข้าต้องดีใจเป็ธรรมดา มากยิ่งกว่าผู้ใดอยู่แล้ว ข้าก็บอกแล้วว่าเสื้อผ้าชุดนี้ต้องดูดีบนตัวเ้าเป็แน่ เป็อย่างที่คิดไว้ เ้าดูงดงามมากจริงๆ ”
ั้แ่ไหนแต่ไรเหนียนอีหลานไม่เคยคิดว่ารูปร่างหน้าตาของเหนียนยวี่จะงดงามอย่างคาดไม่ถึงขนาดนี้ ยามนี้นางยังผอมบางอยู่บ้าง ทว่าหากบำรุงดูแลอีกสักหน่อย...
ในใจของเหนียนอีหลานเกิดความไม่สบายใจขึ้นมาเล็กน้อยอย่างฉับพลัน เห็นได้ชัดว่าใบหน้านี้จะมีเสน่ห์แค่ไหนในภายภาคหน้า...
ดีใจมากกว่าผู้ใดเช่นนั้นหรือ?
เหนียนยวี่ยกยิ้มมุมปากราวกับดีใจเป็หนักหนา ทว่าไม่รู้ว่าพกความประชดประชันเพิ่มเข้าไปมากแค่ไหน "ท่านพี่ช่างดีกับยวี่เอ๋อร์จริงๆ "
“พวกเราเป็พี่น้องที่ดีต่อกัน จะเป็พี่น้องที่ดีต่อกันตลอดชีวิต พี่ก็ต้องดีกับเ้าเป็ธรรมดาสิ! ” เหนียนอีหลานขจัดความรู้สึกไม่ดีทิ้งไป ฟื้นคืนท่าทางใจดีไร้เดียงสานั้นกลับมา และลูบแก้มของเหนียนยวี่เบาๆ “ยวี่เอ๋อร์ ลำบากเ้าแล้ว เมื่อครู่เป็เพราะท่านแม่กังวลเื่พี่ใหญ่มากเกินไปจึงลงมือตีเ้า เ้าอย่าแค้นใจนางเลยนะ”
อย่าแค้นใจนางหรือ?
เหอะ นางจำได้ว่าทุกครั้งที่หนานกงเยวี่ยทุบตีนาง เหนียนอีหลานก็จะเข้ามาปลอบใจนางเช่นนี้ตลอด แต่ก่อนนางรู้สึกว่านี่เป็สิ่งที่ทำให้นางอบอุ่นใจ ทว่าเวลานี้ฟังดูแล้วกลับรู้สึกสะอิดสะเอียนเป็พิเศษ
แม่ลูกสามคนนี้ชอบตบหัวแล้วลูบหลัง ไม่ใช่ว่านี่ทำไปเพื่อจะบงการให้นางไม่กล้าเบี่ยงเบนที่จะรับผิดแทนเหนียนเฉิงต่อไป และปล่อยให้พวกเขารังแกนางหรือ?
“ข้ารู้ ข้าจะเจ็บแค้นฮูหยินได้อย่างไร?” เหนียนยวี่ถอนหายใจ “ข้าเองก็เป็ห่วงพี่ใหญ่ โทษในคุกหลวงนั่นทารุณโหดร้ายมาก คนมากมายทนรับไม่ไหว ยิ่งกว่านั้นท่านหญิงอิ้งเสวี่ยยัง... เฮ้อ หวังว่าจวนจิ้นอ๋องจะไม่จัดการพี่ใหญ่จนถึงตายก็คงจะดี”
จัดการพี่ใหญ่ถึงตายหรือ?
เหนียนอีหลานกลืนน้ำลายอึกหนึ่งด้วยความใ ใบหน้าเล็กๆ ของนางซีดเผือด “ไม่... ไม่ได้ มันต้องมีวิธีช่วยพี่ใหญ่ได้แน่ พวกเราตระกูลเหนียนเองก็นับว่าเป็ตระกูลที่มีชื่อเสียง บวกกับมีตระกูลหนานกงด้วยแล้ว...ใช่ ยังมีท่านลุง ท่านตา ท่านยายพวกเขาไม่ยอมให้พี่ใหญ่ตายแน่ๆ จะต้องมีหนทาง...”
เหนียนอีหลานบ่นพึมพำในปากไม่หยุด นางไม่อยู่สนทนากับเหนียนยวี่ และรีบเร่งออกจากห้องโถงไป
เหนียนยวี่มองตามแผ่นหลังของนางและยกยิ้มบางๆ
ตระกูลหนานกงหรือ?
ผู้ผลักดันอยู่เื้ัที่สำคัญอันดับหนึ่งของหนานกงเยวี่ยและเหนียนอีหลาน ก็คือตระกูลหนานกง
ชาติก่อนที่นางถูกเนรเทศ ตระกูลหนานกงเองก็ใช้อำนาจไปไม่น้อยเลย!
นางสูดลมหายใจลึกๆ หนึ่งเฮือก ถ้าหากตระกูลหนานกงช่วยชีวิตของเหนียนเฉิงได้แล้วอย่างไร?
ท่านหญิงอิ้งเสวี่ยจะยอมปล่อยเหนียนเฉิงไปหรือ?
จวนจิ้นอ๋อง
หลังจากเหตุการณ์เพลิงไหม้เมื่อคืนที่ผ่านมานี้ จวนจิ้นอ๋องทั้งหลังก็ฟุ้งตลบไปด้วยกลิ่นเหม็นไหม้
บรรยากาศอันน่าหดหู่อึดอัดกดดัน ทำให้ผู้คนแทบหายใจไม่ออก
หอสูงถูกไฟมอดไหม้ทั้งหลัง ท่านหญิงอิ้งเสวี่ยได้ย้ายไปอยู่ที่ลานหลิ่วซีของจิ้นหวังเฟย นางไม่ได้สติั้แ่ตอนที่ท่านแม่ทัพหลวงช่วยไว้จากเหตุการณ์เพลิงไหม้เมื่อวานนี้
ค่ำคืนดึกดื่นในลานหลิ่วซี จู่ๆ ก็มีเสียงร้องแหลมะโดังขึ้น ปลุกความเงียบยามราตรี คนที่คอยเฝ้าลานหลิ่วซีได้ยินเสียงนั้นก็รีบพุ่งเข้าไปในเรือน
ภายในห้อง จ้าวอิ้งเสวี่ยฟุบคว่ำอยู่บนพื้น แม้ว่านางจะมองไม่เห็นใบหน้าของตน ทว่านางก็ััผ้าที่พันเต็มรอบใบหน้าของตนได้ ความเ็ปแผดเผาแผ่ไปทั่วแก้มของนาง เพียงแค่นี้ นางก็สามารถจินตนาการได้แล้วว่าใบหน้าของนางเป็อย่างไร ทั้งร่างกายของนางตอนนี้ก็ด้วย...
ความเ็ปรวดร้าวทำให้จิตใจของนางรู้สึกอัปยศอดสูเหลือเกิน
“อิ้งเสวี่ย...บุตรสาวข้า เ้าอย่ากลัวไปเลย หมอหลวงกล่าวว่าเ้าจะไม่เป็อะไร หมอหลวงมีวิธีรักษาให้หายดีได้…” จิ้นหวังเฟยเข้ามาเป็คนแรกและเห็นนางบนพื้น ในใจราวกับโดนเหล็กแหลมทิ่มแทง จนไม่กล้าแม้แต่จะบอกนางถึงคำวินิจฉัยที่แท้จริงของหมอหลวง
หมอหลวงพูดว่าใบหน้านี้พังเสียโฉม แผลไหม้บนใบหน้ารุนแรงและใหญ่เกินไป ถึงแม้จะดีขึ้นทว่าแผลเป็บนใบหน้าจะไม่อาจหายไปได้ตลอดชีวิต
อิ้งเสวี่ยรักสวยรักงามมาั้แ่เด็ก หากนางรู้ความจริงเข้า... จิ้นหวังเฟยเองก็นึกภาพไม่ออกว่านางจะมีท่าทีตอบสนองอย่างไร
“ท่านแม่ [1] ข้า...ข้าเจ็บ...” จ้าวอิ้งเสวี่ยคว้ามือของจิ้นหวังเฟย กำแน่น แล้วกระซิบเอ่ยเสียงเบาซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ข้าเจ็บมาก...หน้าข้า...ท่านแม่ ท่านบอกข้าที มันเสียโฉมแล้วใช่หรือไม่?
ความทรงจำเมื่อคืนฟื้นกลับขึ้นมาในหัวนาง ในจิตสำนึกอันเลือนรางนางมองเห็นใบหน้าของชายผู้นั้นไม่ชัด ทว่านางกลับรู้ทุกสิ่งที่ชายคนนั้นกระทำกับนางทั้งหมด ทั้งเพลิงไหม้อันไร้ขอบเขตนั้นด้วย...
“ไม่ มันจะหายแน่ เพียงแค่เจ็บชั่วคราวประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น มันจะหายแน่...” จิ้นหวังเฟยกลั้นน้ำตา ปลอบโยนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“เป็ใคร?” จ้าวอิ้งเสวี่ยเอ่ยขึ้นทันที “เดรัจฉานนั่นมันเป็ผู้ใด?”
จิ้นหวังเฟยชะงักไปครู่หนึ่ง ลังเลใจชั่วขณะ ยังคงกล่าวว่า “เหนียนเฉิง คุณชายใหญ่สกุลเหนียน ลูกสาว เ้าจงวางใจเถิด ข้าและบิดาเ้าไม่ปล่อยเขาไปแน่!”
“เหนียนเฉิง…” จ้าวอิ้งเสวี่ยพึมพำ นางจำชายง่อยอัปลักษณ์ผู้นั้นได้! ไม่กี่วันก่อนก็เคยให้คนส่งกลอนรักมาให้นางหลายครั้งหลายครา เป็เขาหรือ? เป็เขาที่ทำให้นางมีสภาพเช่นนี้!
ดวงตาของจ้าวอิ้งเสวี่ยค่อยๆ เต็มไปด้วยความเกลียดชัง นางจับมือจิ้นหวังเฟย แววตาแรงกล้าและโเี้ไร้สติ “มัน...ท่านแม่ ฆ่ามัน ข้าอยากให้มันตาย มันทำร้ายข้า ท่านแม่ มันทำลายข้า...ข้าอยากให้มันตาย!"
“ได้ ทำให้มันตาย เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน” จิ้นหวังเฟยกัดฟันแน่นทำร้ายบุตรสาวนางได้อย่างโหดร้ายเยี่ยงนี้ แม้นางจะต้องทุ่มเททุกอย่างที่มีในจวนจิ้นอ๋อง ไม่ว่าจะทรัพย์สินเงินทอง พลังอำนาจ นางก็ต้องทำให้เหนียนเฉิงชดใช้มาให้ได้!
จิ้นหวังเฟยให้จ้าวอิ้งเสวี่ยเอนตัวลงบนอ้อมอกนาง และให้สาวใช้ยกยาต้มที่ช่วยในการนอนมาให้นางดื่ม ปลอบขวัญด้วยน้ำเสียงอันอบอุ่นสักพัก อารมณ์ของจ้าวอิ้งเสวี่ยก็สงบลงเล็กน้อย และความง่วงค่อยๆ คลืบคลานเข้ามาแทนที่
ทว่าความหวาดกลัวในกองเพลิงยังคงติดอยู่ในหัวมิอาจลืมเลือนได้ ในความกลัวนั้น ยังมีเงาร่างของชายผู้หนึ่งที่หยิบยื่นความหวังให้นางท่ามกลางกองเพลิงโหมแรงนั่น
"ใคร? เป็ผู้ใดช่วยข้า?" จ้าวอิ้งเสวี่ยถามอย่างแ่เบาขณะนอนอยู่บนเตียง เงาร่างนั้นเลือนราง นางจำใบหน้าเขาไม่ได้
เชิงอรรถ
[1] ท่านแม่ในที่นี้ อิ้งเสวี่ยเรียกแม่ตนว่า หมู่เฟย 母妃 ซึ่งเป็คำใช้เรียกมารดาที่เป็สนม