“ ไม่ดีหรือ ?” หลินกู๋หยู่มองไปที่ฉือหางอย่างสงสัย หรี่ตาลงเล็กน้อย “ อยู่บ้านหน้าหนาวไม่มีอะไรให้ทำ และเ้าก็อยู่บ้านเฉยๆ เช่นกัน ”
ฤดูหนาวก่อนหน้านี้ ฉือหางไปล่าสัตว์บนูเา
สำหรับเขา ตราบใดที่เขายังไปทีู่เา เขาจะมีเงิน คนในครอบครัวของเขาจะไม่อดอยากในฤดูหนาว
ไม่เคยมีใครบอกเขาว่าเขาควรอยู่บ้านในฤดูหนาว
"ตกลง" ฉือหางอุ้มโต้ซาขึ้นมา ชายหนุ่มสูดลมหายใจเล็กน้อย "แต่ในฤดูหนาว ข้ายังต้องออกไปล่าสัตว์บนูเา ไม่เช่นนั้นจะไม่มีอะไรให้กิน"
“ทำไมจะไม่มีอะไรให้กินละ?” หลินกู๋หยู่มองฉือหางด้วยความประหลาดใจ “ถ้าเ้าเป็ช่างไม้หรืออะไรทำนองนั้น ข้าจะไม่มีความคิดเห็นเป็อย่างอื่นเลย”
"อากาศในหน้าหนาวนั้นหนาวมาก ถ้าพื้นดินกลายเป็น้ำแข็งแล้วเ้าเกิดลื่นล้มบนูเา จะทำอย่างไร?" หลินกู๋หยู่เอื้อมมือไปสวมหมวกให้โต้ซาและจัดผ้าพันคอให้เรียบร้อย "ตอนนี้สุขภาพของเ้ายังไม่ค่อยดีเลย"
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด ฉือหางรู้สึกอบอุ่นในใจ
โต้ซามองไปที่แผงขายหมูซึ่งอยู่ไม่ไกล จ้องมองที่หลินกู๋หยู่ด้วยสายตามีความหวัง "ท่านแม่ คืนนี้ทานหมูเส้นดีหรือไม่?"
หลินกู๋หยู่มองไปยังทิศทางที่โต้ซาชี้ "ได้สิ"
โต้ซาเป็เด็กดีจนทำให้คนอื่นรู้สึกรักและเอ็นดู ที่ผ่านมาเขาจะไม่ค่อยส่งเสียง เขาจะทำทุกอย่างที่หลินกู๋หยู่บอกให้เขาทำ
นี่เป็ครั้งแรกที่ได้ยินโต้ซาพูดว่าเขาอยากกินอะไร หลินกู๋หยู่ยื่นมือออกไปบีบหน้าโต้ซา เนื้อััดีมาก "เอาละ คืนนี้เราทานหมูเส้นกัน"
หมูเส้นคือการนำเนื้อไม่ติดมันทั้งหมดมาหั่นเป็เส้นๆ แล้วผัดกับพริก
ทุกครั้งที่ผัดหมูเส้น นางจะแยกส่วนหนึ่งที่ไม่ได้ใส่พริกออกมาสำหรับโต้ซา แล้วใส่พริกที่เหลือสำหรับพวกเขาทั้งคู่
“นี่ราคาเท่าไรต่อจิน?” หลินกู๋หยู่ชี้ไปที่ชิ้นเนื้อไม่ติดมันเบื้องหน้า
“ยี่สิบสองอีแปะ เหลือสองจินแล้ว ถ้าเ้าเอาทั้งหมด ข้าให้ในราคายี่สิบอีแปะต่อหนึ่งจิน” คนขายหมูลับคมมีดแล้วมองหลินกู๋หยู่ด้วยรอยยิ้ม
“ข้าเอาทั้งหมด” หลินกู๋หยู่กล่าว จากนั้นกล่าวต่อว่า “หั่นมันออกเป็สองส่วนก็ได้”
เมื่อฟังสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด ลุงที่ขายหมูก็ยิ้มสดใสมากขึ้น
หลังจากผูกหมูทั้งสองชิ้นด้วยเชือกป่านแล้ว หลินกู๋หยู่ก็รับมาแล้วตรงกลับบ้านด้วยกัน
เมื่อพวกเขากลับถึงประตูบ้าน หลินกู๋หยู่ก็มอบหนึ่งชิ้นในนั้นให้กับฉือหาง
“ไปให้ท่านแม่เถอะ”
ฉือหางหยิบเนื้อจากมือของหลินกู๋หยู่ พยักหน้าแล้วเดินไปที่เรือนใหญ่ของบ้านสกุลฉือ
หลินกู๋หยู่พาโต้ซาเข้าบ้าน นางพูดด้วยรอยยิ้มว่า "เล่นคนเดียวไปก่อน แม่จะผัดหมูเส้นให้ดีหรือไม่?"
"ดี!"
การทำตัวดีและเชื่อฟังผู้ใหญ่ของโต้ซาทำให้คนรักและเอ็นดูเขา
หลินกู๋หยู่ยังจำครั้งแรกที่นางเห็นโต้ซาได้ เขาทั้งผิวคล้ำทั้งผอมแห้ง ผอมจนเนื้อติดกระดูก
ตอนนี้โภชนาการของโต้ซาเพียงพอแล้ว แต่ละวันได้ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ เด็กคนนี้ถึงได้เปลี่ยนไปจากเดิม
ในขณะที่กำลังคิดถึงเื่นี้ หลินกู๋หยู่ก็ผัดผักหนึ่งจาน จากนั้นก็ผัดเนื้อหมูเส้น
เสียงก่นด่าของโจวซื่อลอดดังมาจากห้องครัว ฉือหางถือเนื้อและเดินไปที่ห้องครัว
“ท่านแม่” ฉือหางยืนอยู่ที่ประตู เอ่ยเรียกเบาๆ แล้วยื่นเนื้อในมือให้โจวซื่อ
โจวซื่อที่เดิมทีกำลังโกรธลูกสะใภ้รองของนาง แต่เมื่อได้ยินเสียงของฉือหาง นางก็ยิ่งหมดความอดทน เมื่อนางหันกลับไป นางเห็นฉือหางถือชิ้นเนื้อชิ้นใหญ่
"นี่คือ?" ดวงตาของโจวซื่อจดจ่ออยู่กับสิ่งที่อยู่ในมือของฉือหาง เอื้อมมือไปหยิบเนื้อด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม "ไม่ใช่เทศกาลเสียหน่อย ทำไมถึงซื้อเนื้อมา?"
ฉือหางยกมือขึ้นแตะท้ายทอย หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดว่า "เห็นมันวางขายข้างถนน ก็เลยซื้อมาให้ท่าน"
สีหน้าของโจวซื่อดีขึ้นมากในฉับพลัน มองไปที่ฉือหางด้วยใบหน้าเปื้อนความดีใจ "สมกับเป็ลูกชายของข้าจริงๆ รู้จักกตัญญูต่อแม่"
เมื่อได้ฟังถ้อยคำของโจวซื่อ ฉือหางก็ก้มศีรษะลงเล็กน้อย
"ถ้าเช่นนั้นท่านทานเถอะ" ฉือหางพูดพร้อมชี้ไปข้างนอก "ข้าเองก็จะกลับไปเตรียมอาหารเย็นเช่นกัน"
ฟางซื่อนั่งยองๆ เพิ่มฟืนหนึ่งกำมือลงในเตา มองไปที่ชิ้นเนื้อในมือของโจวซื่อราวกับหมาป่าผู้หิวโหย นางกลืนน้ำลายเต็มปากลงคอ
"ทานที่นี่ดีหรือไม่?" เป็เื่ที่ยากมากที่โจวซื่อจะเอ่ยวาจาอย่างอารมณ์ดีเช่นนี้ "คืนนี้จะได้ทำหมูตุ๋น"
ฉือหางโบกมือ กู๋หยู่ยังคงทำอาหารอยู่ เขาคิดว่ากลับไปทานที่บ้านดีกว่า
ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่มีคนมากมาย ทว่ามีเนื้อเพียงชิ้นเดียว คะเนแล้วอย่างไรก็คงไม่พอ
“ท่านแม่ พวกท่านทานเถอะ ข้าจะกลับไปกินที่บ้าน” ฉือหางพูดเบาๆ “ข้าจะกลับไปก่อน”
โจวซื่อยังคงอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อคิดว่า ถ้าฉือหางมาทานอาหารเย็นที่นี่ หลินกู๋หยู่และลูกอาจจะมาด้วย นางไม่มีความสุขหลายส่วน ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้พยายามรั้งลูกชายไว้อีก "ได้"
เมื่อเห็นเนื้อชิ้นใหญ่เช่นนี้ ฟางซื่อก็พรวดยืนขึ้นทันที "ท่านแม่ เราต้มเนื้อชิ้นนี้ทั้งหมดแล้วทานทีเดียวเถอะ"
“เ้าไม่เคยเห็นเนื้อหรืออย่างไร?” โจวซื่อกลอกตาเดินไปที่เขียง เอามีดเฉือนชิ้นเนื้อออกหนึ่งในสาม หั่นเป็ชิ้นๆ เทลงในหม้อผัดผักโดยตรง จากนั้นใส่เนื้ออีกสองในสามส่วนที่เหลือลงในโถสำหรับเก็บเนื้อ โดยไม่ลืมที่จะโรยเกลือ้าหนึ่งชั้น
เมื่อฉือหางเข้าไปในบ้าน เขาปิดประตูแล้วเดินเข้าไปข้างใน
กลิ่นเนื้อจรุงหอมโชยแตะปลายจมูก
ไม่รู้ด้วยสาเหตุใด ทุกครั้งที่ฉือหางทานอาหารฝีมือหลินกู๋หยู่ เขามักจะรู้สึกว่ามันอร่อยมาก
หลินกู๋หยู่กำลังง่วนอยู่กับการผัดอาหารเห็นว่าฉือหางกลับมาแล้ว "ไปล้างมือเถอะ สักพักก็จะได้กินแล้ว"
ฉือหางออกไปล้างมือทันที
เมื่อล้างมือเสร็จแล้วก็มาช่วยหลินกู๋หยู่คนน้ำแกง
“ฝั่งท่านแม่กำลังทำอะไรอยู่หรือ?” หลินกู๋หยู่เอ่ยถามอย่างเป็กันเอง
“ทำอาหารอยู่” ฉือหางยุ่งอยู่กับงานในมือ หันหน้าไปมองผมของหลินกู๋หยู่ “ทำไมเ้าไม่ปักปิ่นนั้นละ?”
ใน่สองสามวันที่ผ่านมา หลินกู๋หยู่สวมเสื้อผ้าเดิมของนางโดยม้วนผมไว้้าอย่างเรียบง่าย
"ของล้ำค่าเช่นนั้น รอถึงวันปีใหม่ค่อยใช้เถอะ" ถ้านางใช้มันในเวลาปกติ มันจะต้องดึงดูดความสนใจของคนอื่นอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังทำงานไม่สะดวก ดังนั้นไม่ใส่มันจะดีกว่า
หลังทานอาหารเย็น หลินกู๋หยู่รีบต้มน้ำให้โต้ซาอาบน้ำ บางทีอาจเป็เพราะอากาศหนาวมาก โต้ซาก็ตัวสั่นเล็กน้อย
โชคดีที่ร่างกายของเขาอยู่ในอ่างไม้ทั้งตัว ฉือหางตักน้ำเทลงบนตัวโต้ซาเพื่ออาบน้ำ จากนั้นหลินกู๋หยู่ช่วยโต้ซาเช็ดตัวด้วยผ้าขนหนู
หลังจากอาบน้ำให้โต้ซาเสร็จแล้ว หลินกู๋หยู่หยิบเสื้อขนเป็ดซึ่งยาวั้แ่หัวจรดเท้าที่ทำไว้มาใส่ให้เด็กน้อย "ยังหนาวอยู่หรือไม่?"
หลินกู๋หยู่อุ้มเขามาไว้ข้างเตา นางหันไปบอกกับฉือหาง "หยิบชุดนอนของเขาให้หน่อย"
ฉือหางเดินตรงเข้าไปในห้อง หาเสื้อตัวเล็กและกางเกงขายาวของโต้ซา
ทั้งสองคนรีบช่วยโต้ซาแต่งตัว ฉือหางก็อุ้มโต้ซาเข้าไปในกล่องไม้ขนาดเล็ก
แต่เมื่อคิดถึงปีหน้า โต้ซาอาจจะไม่สามารถอยู่ในกล่องนี้ได้อีกต่อไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นางวิตกกังวลในตอนนี้คือปัญหาของฤดูหนาว ในฤดูหนาวจะต้องอาบน้ำสัปดาห์ละครั้ง แต่อากาศในห้องนั้นเย็นเกินไปจริงๆ
สิ่งที่ทำให้หลินกู๋หยู่พอใจมากก็คือห้องนี้ค่อนข้างมั่นคง ซึ่งดีกว่าบ้านสกุลหลินมาก
แต่ถึงจะดีกว่าอย่างไร เมื่อถึงฤดูหนาวก็ยังต้องทนกับความหนาวอยู่ดี
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ สายตาของหลินกู๋หยู่ก็ตกทอดลงไปบนเตียง
ถ้ามีเตาในฤดูหนาว อย่างน้อยก็ไม่รู้สึกหนาวเกินไป
หลินกู๋หยู่เห็นว่าโต้ซาทรุดนอนลงแล้ว จึงพูดกับฉือหางว่า "เราเปลี่ยนเป็เตียงที่ใหญ่กว่านี้ดีหรือไม่?"
ทันทีที่ได้ยินคำว่า "เตียง" ใบหน้าของฉือหางก็ฉายแววของความทำตัวไม่ถูก เขาเม้มริมฝีปากแน่นอย่างละล้าละลัง
"เหตุผลหลักคือเตียงของเราเล็กเกินไป ถ้าโต้ซานอนบนนั้น" หลินกู๋หยู่คิดว่าโต้ซาจะไม่สามารถอยู่ในกล่องไม้เล็กๆ ในฤดูหนาวได้อย่างแน่นอน "เช่นนั้นเขาจะต้องหนาวอย่างแน่นอน เราทำเตียงเผาถ่านดีหรือไม่ ้าเตียงคนอยู่ได้ ด้านล่างใช้เผาถ่าน"
ปรากฏว่าพวกเขาไม่ได้นอนแยกเตียงกัน เมื่อคิดได้ดังนั้น ฉือหางแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วพูดว่า "เตียงนั้นทำได้อย่างไรหรือ?"
หลินกู๋หยู่ก็จำได้ไม่ชัดเจนเช่นเดียวกัน จึงพูดอย่างไม่มั่นใจนักว่า "ก็ประมาณนี้ ข้าเคยอ่านเจอในหนังสือเล่มอื่นๆ บอกว่าเตียงทำด้วยอิฐดิน หรืออิฐแดง ้าปูด้วยเสื่อและมีอุโมงค์ข้างใต้ต่อกับปล่องไฟ"
"เราเผาฟืน ควันเ่าั้ก็จะนำความร้อนมาให้ และปล่องไฟมักจะร้อน นั่นคือปล่อยให้ปล่องไฟลอดใต้เตียง และเตียงก็ร้อนด้วย" หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้ว ครุ่นคิดอยู่นาน แล้วพูดอย่างตะกุกตะกักไม่คล่องแคล่วนัก
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด ฉือหางก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า "ถ้าเช่นนั้นเราควรทำเตาไว้ใกล้เตียงหรือไม่?"
"ดูเหมือนจะเป็เช่นนั้น" หลินกู๋หยู่พูดอย่างไม่มั่นใจ "อย่างไรก็ตาม ยังเหลือเวลาอีกสักระยะหนึ่ง เมื่อข้าไม่ต้องไปที่โรงหมอ เราสองคนมาทำเตียงใหม่ดีหรือไม่?"
"ตกลง" ฉือหางตอบและพูดว่า "น้ำกำลังจะเดือดอีกแล้ว เ้าไปอาบน้ำเถอะ"
"อืม" หลินกู๋หยู่พูดพลาง ลดม่านลง หลังจากอาบน้ำเสร็จ นางก็เดินไปที่เตียงในชุดนอนสีขาว และขึ้นเตียงก่อน
เมื่อหลินกู๋หยู่ทรุดตัวนอนลงบนเตียง นางก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
เห็นได้ชัดว่าในตอนแรกนาง้าจะจากไป แต่ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลใด นางคิดไตร่ตรองถึงฉือหางและ โต้ซามากขึ้นเรื่อยๆ และดูเหมือนนางจะคิดว่าตัวเองเป็ภรรยาของฉือหางมากขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากที่ฉือหางพบผู้หญิงคนอื่น นางก็จะจากไปแล้ว
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่านางจะชินกับชีวิตเช่นนี้มากขึ้นเรื่อยๆ และนางก็ไม่ปฏิเสธฉือหางเลย ดูเหมือนนางจะไม่เคยเป็เช่นนี้มาก่อน
หลังจากอาบน้ำแล้ว โดยสวมชุดคลุมที่หลินกู๋หยู่เตรียมไว้ให้เขาและจะเข้านอน เป่าตะเกียงน้ำมัน ยกผ้านวมขึ้นแล้วเข้าไปนอนในนั้น
"ในสองสามวันนี้ ข้าจะสร้างกระท่อมฟางข้างบ้าน ถึงเวลานั้นจะใส่ฟืนเข้าไปในนั้นได้" ฉือหางนอนอยู่บนเตียง เงยหน้าขึ้นมองผ้าม่านบนเตียง แล้วพูดเสียงเบาว่า “ขนห่านขนเป็ดที่บ้านมีค่อนข้างเยอะ ใต้เตียงก็ยัดใส่จนใกล้จะเต็มแล้ว ถึงเวลานั้น เราสามารถเอาของพวกนั้นไปวางไว้ในกระท่อมฟางข้างบ้านได้แล้ว”
เสียงของฉือหางนั้นทุ้มต่ำ ด้วยเสียงที่เป็เอกลักษณ์ของเขา ซึ่งเต็มไปด้วยการล่อลวงอย่างไม่สิ้นสุด ซึ่งทำให้หัวใจของผู้คนสั่นไหว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้