สำนักร้อยบุปผาตั้งอยู่บริเวณตีนเขาไป่หลิง ซึ่งท้ายเขาที่ผู้าุโกล่าวถึงก็คือขอบนอกของูเาไป่หลิง
ูเาไป่หลิงแห่งนี้ทำให้เมืองไป่หลิงโด่งดังไปทั่วหล้า เนื่องจากเป็ูเาิญญาเลื่องชื่อของจักรวรรดิเชียนซาน เป็หนึ่งในสามสิบหกูเาแสนลือชาแห่งดินแดนหยวนซิง ทั้งยังเป็แหล่งรวมเหล่าพฤกษาในตำนานอีกด้วย
ที่นี่เป็ดั่งสรวง์สำหรับจื๋อซิว ทว่ากลับเปรียบเสมือนแดนนรกสำหรับหยวนซิว
ูเาไป่หลิงคงอยู่มาชั่วนาตาปี เป็หนึ่งในหกต้นกำเนิดจิติญญาหลักแห่งดินแดนหยวนซิง ทั้งยังเต็มไปด้วยตำนานปรัมปราและร่างไร้ลมหายใจของจอมยุทธ์จำนวนมาก
ดวงอาทิตย์เคลื่อนตัวใกล้เวลาเที่ยงวัน ผู้กล้าห้าร้อยรายที่ได้รับเลือกให้เข้าสู่แดนลับกำลังฟังคำชี้แจงจากผู้าุโ ณ จัตุรัสฝ่ายในของสำนักร้อยบุปผา
“แดนลับแห่งนี้เปิดเผยเป็ครั้งแรก ย่อมมีทรัพยากรและสมบัติหายากมากมาย การปล้นชิงจึงเป็สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ข้าหวังเพียงพวกเ้าจะจำไว้ว่า ห้ามปล้นคนจากสำนักเดียวกัน หากอยากปล้นก็จงปล้นศิษย์สำนักเชียนเฉ่า สำนักั์พฤกษา และสำนักทะยานเวหา เพราะคนเ่าั้ก็รอเวลาโจมตีพวกเ้าเช่นกัน ดังนั้นไม่ต้องกังวลไป เพียงแย่งชิง ต่อสู้ และเอาชีวิตรอดกลับมาก็พอ โอกาสทองอยู่ในมือพวกเ้าแล้ว”
ผู้าุโหลี่ใช้เวลาอธิบายต่ออีกครึ่งก้านธูป[1]
“แดนลับนี้จะเปิดให้สำรวจเป็เวลาครึ่งเดือน ใครก็ตามที่รอดออกมาจะได้รับรางวัลจากฝ่ายใน และสำหรับผู้ที่ยินดีมอบทรัพยากรหรือสมบัติหายากที่นำออกมาจากแดนลับให้ทางสำนักก็สามารถนำมาแลกเปลี่ยนเป็ทรัพย์สินต่างๆ ของฝ่ายในได้เช่นกัน”
เมื่อสิ้นสุดคำชี้แจง ผู้กล้าทั้งห้าร้อยคนก็มุ่งไปยังท้ายเขาทันที
ศิษย์ฝ่ายในที่ได้รับเลือกให้เข้าสู่แดนลับส่วนมากเป็ผู้มีเส้นลมปราณเก้าเส้น ส่วนคนที่เหลือคือผู้มีเส้นลมปราณเจ็ดและแปดเส้น ซึ่งมีจำนวนน้อยกว่าถึงสามเท่า
สำหรับจื๋อซิว หากผู้ใดสามารถรวบรวมเส้นลมปราณในร่างได้สามเส้นก็ย่อมเข้าสู่ขอบเขตจิตหยั่งลึกได้อย่างแน่นอน ทว่าความสำเร็จสูงสุดในชีวิตของพวกเขากลับเป็แค่การบรรลุขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นแรก
มีเพียงผู้เส้นลมปราณเก้าเส้นเท่านั้นที่สามารถข้ามผ่านขอบเขตจิตหยั่งลึกและเข้าสู่ขอบเขตผนึกดาราได้ ดังนั้น ผู้มีเส้นลมปราณเก้าเส้นจึงเป็ผู้ที่สำนักจื๋อซิวให้ความสำคัญเป็อย่างยิ่ง
สำหรับผู้มีเส้นลมปราณเจ็ดและแปดเส้นที่เข้าสู่ขอบเขตจิตหยั่งลึกแล้ว การรวบรวมเส้นลมปราณอีกครานับว่าเป็เื่ที่ค่อนข้างยาก แต่ก็ยังไม่เรียกว่าสิ้นหวัง เพราะบางครั้งก็อาจมียอดฝีมือที่สามารถประสบความสำเร็จปรากฏตัวขึ้นมา
ส่วนผู้เส้นลมปราณต่ำกว่าเจ็ดเส้นก็ล้วนถูกทางสำนักตัดชื่อออกเป็กลุ่มแรกๆ เนื่องจากไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าสู่แดนลับ
“เ้าเด็กแสบ! ไว้เข้าสู่แดนลับแล้วมาดูกันว่าข้าจะฆ่าเ้าอย่างไร!” หวังเยวี่ยก็เข้าร่วมการสำรวจครานี้ด้วยเช่นกัน เมื่อนึกถึงเื่ที่ตนถูกหนิงเทียนใส่ความจนโดนฉินเสี่ยวเยวี่ยทำร้าย เขาก็รู้สึกไม่มีความสุขขึ้นมาอย่างฉับพลัน
หนิงเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์พี่หวังอย่าลืมหาหินิญญาเพิ่มด้วยนะ ข้าพร้อมรับพวกมันไว้ด้วยความยินดี”
“จะตายอยู่รอมร่อยังห่วงหินิญญาอีก แต่ไม่ต้องกังวลไป ข้าจะช่วยเติมเต็มความปรารถนาก่อนตายให้เ้าเอง” หวังเยวี่ยยิ้มเยาะ เขาแอบติดต่อผู้สมรู้ร่วมคิดไว้แล้ว หนิงเทียนจะต้องถูกกำจัดให้สิ้นซากภายในแดนลับอย่างแน่นอน!
หนิงเทียนเอียงหัวมองฉินเสี่ยวเยวี่ยที่ยืนนิ่งเงียบก่อนจะพูดอย่างติดตลกว่า “ศิษย์พี่ เมื่อถึงเวลานั้นเรามาร่วมมือกันเถอะ”
พลันสายตามุ่งร้ายนับไม่ถ้วนล้วนจ้องมองหนิงเทียนเป็ตาเดียว
ฉินเสี่ยวเยวี่ยเป็ถึงหนึ่งในสามสาวงามของฝ่ายใน นางเปรียบดั่งเทพีที่เหล่าศิษย์หลายคนเฝ้าฝัน ทั้งยังมีผู้ชื่นชมจำนวนมาก ในขณะที่หนิงเทียนเป็เพียงเด็กหนุ่มธรรมดา แต่กลับอยากร่วมมือกับเทพธิดาเช่นนั้นหรือ? นี่ไม่ต่างจากคางคกอยากกินเนื้อหงส์เลยสักนิด
“ไสหัวไป” ฉินเสี่ยวเยวี่ยไม่ได้มองเขาในแง่ดีนัก นางไม่มีวันลืมความแค้นที่ได้รับเมื่อสามวันก่อน
“เ้าหนู ั้แ่บัดนี้เป็ต้นไปจงอยู่ให้ห่างจากศิษย์น้องของข้า ไม่เช่นนั้นเ้าจะต้องเสียใจ” เ้าิ ผู้อยู่ในขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นห้าเอ่ยขึ้น เขาอายุยี่สิบสองปี แต่งกายด้วยชุดสีขาว และมีท่วงท่าเย่อหยิ่งสง่างาม
เขาเทียวไล้เทียวขื่อฉินเสี่ยวเยวี่ยมานาน อีกทั้งโอกาสแสดงตัวเช่นวันนี้ก็ยังหาได้ยาก ดังนั้น เขาจึงต้องทำตัวเป็ผู้พิทักษ์บุปผา[2]
หนิงเทียนลูบคางพลางมองอย่างใช้ความคิด ก่อนที่รอยยิ้มจะปรากฏขึ้นบนมุมปากของเขา
...
บริเวณปากทางเข้าสู่แดนลับท้ายเขามีตราประทับขั้นสูงผนึกอยู่ ซึ่งต้องให้ผู้าุโจากทั้งสี่สำนักร่วมมือกันจึงจะเปิดออกได้
ศิษย์ฝ่ายในของสำนักเชียนเฉ่า สำนักั์พฤกษา และสำนักทะยานเวหาต่างมาถึงแล้ว ทั้งหมดยืนเรียงเป็รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสสามแถวอย่างเป็ระเบียบ ขาดแต่เพียงสำนักร้อยบุปผาเท่านั้น
“เอาละ ทุกคนมาพร้อมแล้ว”
ผู้าุโทั้งสี่สำนักพูดคุยกันพักหนึ่ง จากนั้นพวกเขาก็ผนึกกำลังเพื่อเปิดทางเข้าสู่แดนลับ
“อีกครึ่งเดือน เมื่อเสียงขลุ่ยดังขึ้น พวกเ้าจงถอยกลับมาทันที”
เสียงขลุ่ยแสนไพเราะมีพลังทะลุทะลวงอันแข็งแกร่ง จนทำให้จิติญญาของผู้ได้ยินสั่นสะท้าน
ขลุ่ยชนิดนี้มีคุณสมบัติพิเศษ ซึ่งถูกเป่าโดยผู้าุโจากสำนักเชียนเฉ่า
เมื่อเข้าสู่แดนลับ หนิงเทียนก็สังเกตเห็นรายละเอียดบางอย่างทันที
สำนักร้อยบุปผา สำนักเชียนเฉ่า และสำนักั์พฤกษาต่างมีศิษย์เข้าร่วมสำรวจห้าร้อยคน ในขณะที่สำนักทะยานเวหาส่งศิษย์มาเพียงสามร้อยคนเท่านั้น
กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตในร่างของหนิงเทียนตื่นขึ้นทันทีที่เท้าของเขาก้าวเข้าสู่แดนลับ
สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความผันผวนทางพลังิญญาที่แปลกประหลาด สิ่งที่เหล่าหยวนซิวเรียกว่าิญญาชั่วร้าย แต่ในสายตาของจื๋อซิวแล้ว สิ่งนี้เป็เื่ปกติอย่างยิ่ง
รากบ่มเพาะของจื๋อซิวล้วนถือกำเนิดมาจากจิติญญา เมื่อร่างกายผสานรวมกับรากบ่มเพาะจึงจะเป็ผู้บำเพ็ญได้ ซึ่งสำหรับหยวนซิวแล้ว เื่เหล่านี้คือสิ่งนอกรีต
พลังิญญาในแดนลับจิตหยั่งลึกแข็งแกร่งกว่าพลังภายนอกอย่างมาก ศิษย์จากทั้งสี่สำนักรีบเร่งเข้าไปด้านใน ก่อนจะกระจายตัวออกสำรวจและมองหาโอกาสอย่างรวดเร็ว
ความสว่าง ณ แดนลับผิดจากโลกภายนอกอย่างยิ่ง ที่แห่งนี้ไร้ซึ่งแสงสุริยา จันทรา หรือดวงดารา ท้องนภามีเพียงสีเทาหม่นราว่ใกล้ค่ำ
ยอดเขาและหุบเขาหลายแห่งปกคลุมด้วยดอกไม้ ใบหญ้า ต้นไม้ และเถาวัลย์ นอกจากนี้ยังมีลำธารและทะเลสาบอันกว้างใหญ่ มีพรรณพืชและอสูรมากมายกระจายไปทั่วบริเวณ รวมถึงมีถ้ำโบราณและเทวสถานเก่าแก่หลบซ่อนอยู่ภายใน
หนิงเทียนมองสภาพแวดล้อมโดยรอบ กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตปล่อยคลื่นผันผวน พร้อมชี้ไปยังยอดเขาทางซ้ายมือตรงหน้า
ห่างออกไปหลายสิบจั้ง หวังเยวี่ยลอบติดตามหนิงเทียนไปอย่างเงียบๆ เฝ้ารอโอกาสจู่โจม
แดนลับกว้างใหญ่มีอันตรายนับอนันต์จนไม่อาจคาดการณ์ได้ เสียงกรีดร้องโหยหวนทำให้หวังเยวี่ยและศิษย์อีกหลายคนชะงักไปทันที พวกเขาเข้าสู่แดนลับยังไม่ถึงหนึ่งเค่อด้วยซ้ำ ทว่ากลับมีเื่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับใครบางคนเสียแล้ว
หนิงเทียนเรียกใช้ยุทธศาสตร์ครอง์ แผนที่จิติญญาในเส้นลมปราณแรกฟื้นคืนชีพ บงกชสีมรกตปรากฏข้างลำตัวพร้อมหยั่งรากเจาะลึกลงในดิน ทั้งยังกลืนกินพลังิญญาแล้วปล่อยคลื่นแสงสีฟ้าออกมา
เสียงกรอบแกรบดังทั่วทุกมุมก่อนจะมีหญ้าสีเขียวปรากฏขึ้นบนพื้น ใบไม้ปลิวไสวในอากาศ ปราณกระบี่ลอยสูง แล้วพุ่งตรงมาทางหนิงเทียน
บงกชสีมรกตแกว่งไกว ใบบัวทั้งแปดกลืนแสงแห่งจิติญญา จากนั้นก็ก่อตัวเป็เสาพายุหมุนวน และสลายปราณกระบี่ลงในพริบตา
หญ้าเขียวบนดินเริ่มเคลื่อนไหวและพันข้อเท้าของหนิงเทียน เถาวัลย์ลอยลงมาจากต้นไม้ พร้อมพุ่งราวกับหอกที่จ้องจะแทงทะลุหัวใจของเขา
“ลูกไม้เยอะเสียจริง!” ดวงตาหนิงเทียนเย็นเฉียบราวน้ำแข็ง บงกชสีมรกตนอกร่างสั่นไหว ยุทธศาสตร์ครอง์ถ่ายทอดพลังแห่งความก้าวร้าว จิติญญาบนพื้นพุ่งสูงก่อนจะตามมาด้วยเสียงขู่คำรามของเขา จากนั้นดอกไม้บินที่ฉีกกระชากห้วงอากาศก็บินสวนกันไปมาพร้อมปกคลุมพืชพรรณในระยะห้าจั้ง เป็เหตุให้ใบไม้และเถาวัลย์ล้วนร่วงโรยลงพื้น
หญ้าสีเขียวที่พันรอบเท้าของหนิงเทียนก็สลายตัวไปพร้อมเสียงดังฟู่ เถาวัลย์ที่ปลิวว่อนถูกตัดขาด ต้นไม้ที่ไหวเอนกลับสู่ความสงบ ยามนี้รอบกายของเขาเหลือเพียงความเงียบงัน เหล่าดอกไม้ ใบหญ้า ต้นไม้ และเถาวัลย์ต่างลอบมองเขาภายใต้ความมืดเพื่อตัดสินความแข็งแกร่ง
ในแดนลับ มีผู้คนมากมายที่เดือดร้อนจากการถูกพืชิญญาโจมตี บางคนแสดงพลังอันยิ่งใหญ่ออกมาจนเหล่าิญญานั้นหวาดกลัว แต่สำหรับบางคนที่ไม่แข็งแกร่งพอ โทษสถานเบาของพวกเขาก็คือแผลาเ็เล็กน้อย ส่วนโทษสถานหนักก็คือการฝังกระดูกของพวกเขาไว้ ณ ที่แห่งนี้
ขณะที่หนิงเทียนก้าวไปข้างหน้า เขาเห็นซากต้นไม้แห้งตายจำนวนมาก ทั้งยังััได้ถึงพลังของน้ำทิพย์[3]
สำหรับจื๋อซิวแล้ว น้ำทิพย์เป็เพียงหนึ่งในิญญาพฤกษา ทว่าเหล่าหยวนซิวนำน้ำทิพย์นี้มากลั่นเป็ยาอายุวัฒนะ เมื่อเวลาผันผ่านพวกมันจึงแตกต่างจากิญญาพฤกษาทั่วไป
แดนลับนี้ตั้งอยู่ขอบนอกของูเาไป่หลิง ซึ่งมีรากบ่มเพาะและิญญาซ่อนไว้มากมาย จึงเหมาะสำหรับผู้บำเพ็ญสายรากพฤกษา
เมื่อมาถึงเชิงเขา หนิงเทียนเห็นกลุ่มต้นไม้ิญญากำลังโบกกิ่งสะบัดใบล้อมศิษย์สำนักเชียนเฉ่าไว้กว่าสิบคน
บริเวณนั้นมีบ่อน้ำทิพย์ที่แผ่พลังิญญาอันรุนแรงออกมา ศิษย์สำนักเชียนเฉ่าค้นพบมันและ้า ทว่าพวกเขากลับถูกต้นไม้ิญญาโดยรอบโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว
พืชิญญาเหล่านี้ทรงพลังมาก พวกมันไม่แสดงความอ่อนแอเลยสักนิด ทั้งที่กำลังเผชิญหน้ากับเหล่าศิษย์ในขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นห้าจากสำนักเชียนเฉ่า
หนิงเทียนคอยสังเกตการณ์อยู่บริเวณตีนเขา บงกชสีมรกตค่อยๆ แทรกตัวลงดินและเคลื่อนไปทางบ่อน้ำทิพย์
ูเาเขียวชอุ่มไปด้วยพืชพรรณซึ่งล้วนเป็ร่างจำแลงของจิติญญา รากไม้จำนวนมากสอดประสานกันอย่างแ่า พวกมันััได้ถึงการบุกรุกของบงกชสีมรกตและขยายตัวปิดล้อมหลายชั้น
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับรากไม้เ่าั้ บงกชสีมรกตก็สำแดงฤทธิ์เข้าสู้จนยิบตา อีกทั้งยุทธศาสตร์ครอง์ก็ยังน่ากลัวอย่างยิ่ง
ทว่าแม้จะสามารถฝ่าเจ็ดร้อยเก้าสิบสองด่านติดต่อกันไปได้ แต่เขาก็ยังไปไม่ถึงที่ตั้งของบ่อน้ำทิพย์อยู่ดี
หนิงเทียนขมวดคิ้วแน่น ูเาแห่งนี้มีต้นไม้ิญญามากเกินไป บงกชสีมรกตของเขาจึงเปรียบเสมือนน้ำน้อยที่ย่อมแพ้ไฟ
สิ่งสำคัญที่สุด คือ ตอนนี้หนิงเทียนอยู่เพียงขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นแรก ในขณะที่แก่นแท้ของเหล่าพฤกษา ณ ที่แห่งนี้ ส่วนใหญ่จะมีความแข็งแกร่งอยู่ในขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นห้าถึงเจ็ด
ขณะเดียวกันหวังเยวี่ยก็ลอบจู่โจมอย่างเงียบๆ โดยมีสหายอีกหลายคนเฝ้ารออยู่ในระยะไกล
“ตายเสียเถอะเ้าเด็กเหลือขอ!” หวังเยวี่ยปล่อยหมัดออกไปในพริบตา เงาดอกไม้สามดอกปรากฏบนหมัดนั้นก่อนจะดูดซับพลังิญญาแห่งฟ้าดินราวกระแสน้ำวน
“ศิษย์พี่หวังอดใจรอที่จะมอบหินิญญาให้ข้าไม่ไหวถึงเพียงนี้เชียวหรือ?” หนิงเทียนเคลื่อนตัวหลบไปด้านข้าง เขาสามารถหลีกเลี่ยงได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็ทอดสายตาไกลออกไปแล้วจับจ้องคนสี่คนที่กำลังมองมา
หวังเยวี่ยอยู่ในขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นสาม แต่หนิงเทียนััได้ว่าในบรรดาสหายทั้งสี่ของเขา มียอดฝีมือในขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นหกอยู่ด้วย แม้พวกเขาจะพยายามควบคุมกลิ่นอายของตนไว้ ทว่าก็ยังมีภัยคุกคามบางอย่างที่ส่งถึงหนิงเทียน
“เ้ากล้าเล่นเล่ห์ใส่ข้าต่อหน้าฉินเสี่ยวเยวี่ย หากวันนี้ข้าฆ่าเ้าไม่สำเร็จ จงอย่าเรียกข้าว่าหวังเยวี่ย! หนึ่งผกาสามผกผัน!” หวังเยวี่ยคำรามพร้อมสำแดงทักษะของตน แขนขวาโค้งงอ แขนซ้ายพลิกกลับ แสงแห่งจิติญญาห่อหุ้มแขนทั้งสองข้าง พลันภาพมายาของรากบ่มเพาะก็ปรากฏขึ้นข้างกายหนิงเทียน
ดอกไม้ประหลาดสีแดงฉานราวกับโลหิต ดูดกลืนพลังิญญาและปล่อยคลื่นอันแข็งแกร่งออกมา ก่อนจะก่อร่างเป็ตาข่ายิญญาเพื่อปิดล้อมพื้นที่และสยบรากบ่มเพาะของหนิงเทียน ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพการต่อสู้ของหนิงเทียนอ่อนแอลง เนื่องจากเขาจะไม่สามารถดูดซับพลังิญญาในบริเวณที่ถูกปิดล้อมได้
นี่เป็การประยุกต์ใช้พลังของจื๋อซิวสายรากพฤกษา นอกจากการแข่งขันด้านระดับขอบเขตแล้ว การแข่งขันด้านความแข็งแกร่งของรากบ่มเพาะยังส่งผลโดยตรงต่อการต่อสู้อีกด้วย
“ศิษย์พี่หวังวางมาดหยิ่งยโสจนลืมตนเสียแล้ว ท่านไม่สามารถเอาชนะศิษย์พี่ฉิน แล้วเช่นนี้ท่านจะชนะข้าได้อย่างไร?” หนิงเทียนหัวเราะเบาๆ พร้อมดอกไม้ที่ปลิวว่อนบนมือขวา ใบมีดบนปลายนิ้วสั่นะเื ก่อนจะทะลุผ่านความแข็งแกร่งจากหมัดของหวังเยวี่ยครั้งแล้วครั้งเล่า และสามารถต้านรับหมัดของอีกฝ่ายเอาไว้ได้
“รนหาที่ตายยิ่งนัก!”
หวังเยวี่ยะโดังลั่น พลังิญญาในร่างพลุ่งพล่าน เสื้อผ้าโบกสะบัด และแขนขวาของเขาก็สั่นอย่างรุนแรง
“ปล่อยมือข้า!”
พลังอันรุนแรงกระทบมือขวาของหนิงเทียนเพื่อผลักเขาออกไป ทว่าหนิงเทียนกลับนิ่งเฉยไม่ขยับเขยื้อน
ความกลัวแวบขึ้นมาในดวงตาของหวังเยวี่ย และลางร้ายก็แล่นเข้าสู่หัวใจอย่างรวดเร็ว
หนิงเทียนกระชับเรียวนิ้วแน่นขึ้น เส้นลมปราณในร่างสั่นะเื แผนที่จิติญญาปลดปล่อยพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมา แล้วเจาะเข้าไปในเส้นลมปราณของหวังเยวี่ยโดยตรง
“จิตหยั่งลึกแปดเส้นลมปราณ? ไม่แปลกเลยที่จะอ่อนแอถึงเพียงนี้” หนิงเทียนเข้าใจสถานการณ์ของหวังเยวี่ยได้ทันที ทักษะยุทธศาสตร์ครอง์ทะลวงผ่านตาข่ายที่ปิดล้อม ทั้งยังดึงรากิญญาออกจากร่างของหวังเยวี่ยสามราก แล้วผสานเข้ากับแผนที่จิติญญาของตน
“ไม่!” เสียงคำรามโหยหวนบ่งบอกถึงความกลัวของหวังเยวี่ย หนิงเทียนยึดรากจิติญญาของเขาแล้วกระแทกพลังที่เหลือกลับมา ตอนนี้ระดับของเขาลดเหลือเพียงขอบเขตรวบรวมขั้นแปดเท่านั้น
“ไม่ต้องกลัว กลับไปฝึกเพิ่มอีกสองปี ขอบเขตของท่านก็ฟื้นคืนแล้ว”
หนิงเทียนกลืนรากจิติญญาทั้งสามลงไปอย่างกระปรี้กระเปร่า ผลลัพธ์ที่ได้นั้นยอดเยี่ยมยิ่งกว่าการดูดซับหินิญญาพันเท่า
“เส้นลมปราณทั้งเก้าครองนภา ทุกสิ่งกลายเป็อาหาร! ฮ่าๆ ข้าชอบมันเหลือเกิน”
เมื่อปล้นหวังเยวี่ยเรียบร้อยแล้ว หนิงเทียนก็เตะเขาออกไปให้พ้นทาง
---------------------------------------
[1] ครึ่งก้านธูป (半柱香) เป็การนับเวลาของคนจีน โดยครึ่งก้านธูปเท่ากับ 2 เค่อ หรือ 30 นาที
[2] ผู้พิทักษ์บุปผา (护花使者) หมายถึง ผู้ที่คอยปกป้องผู้อ่อนแอกว่าโดยเฉพาะสตรีที่ตนชอบ
[3] น้ำทิพย์ (灵药) คือ น้ำอมฤต ยาครอบจักรวาล หรือยาอายุวัฒนะ เป็ยาน้ำหรือเครื่องดื่มที่รักษาได้สารพัดโรค เชื่อกันว่าจะช่วยให้ผู้ดื่มเป็ะหรือคงความเยาว์วัยแห่งรูปลักษณ์ไว้ชั่วกัลป์ บ้างก็ว่าสามารถชุบชีวิตหรือสร้างชีวิตใหม่ได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้