สวนกว้างขวางมาก ทำเป็แปลงปลูกผักเจ็ดถึงแปดร่องทั้งมะเขือยาว ถั่วฝักยาว พริก ล้วนปลูกอย่างเป็ระเบียบ ดูแลเอาใจใส่อย่างดี ในแปลงผักไม่มีวัชพืชแม้แต่ต้นเดียวพอจะดูออกว่าคนปลูกผักใส่ใจมากเพียงใด
"ซ่าซ่า..."
เสียงน้ำไหลดึงดูดความสนใจของเซียวยวี่
เซียวยวี่เดินไปข้างหน้าต่อริมกำแพงมีบ่อน้ำขนาดเล็กหนึ่งบ่อ ด้านในมีน้ำที่ไหลมาจากข้างนอก ไหลออกไปอีกทางหนึ่งบ่อน้ำไม่เล็กเท่าไร รอบบ่อก่ออิฐสูงสามก้อน ล้อมรอบบ่อไว้ ในบ่อเลี้ยงปลาไว้สิบกว่าตัวปลาแหวกว่ายไปมาอย่างมีความสุข
ดอกไม้ ใบหญ้า พืชผัก ปลาและน้ำ สวนแห่งนี้ เต็มไปด้วยชีวิตชีวา
"พี่ใหญ่ พี่ใหญ่..."เสียงเรียกด้วยความตื่นเต้นดีใจของเด็กสองคนดังมาจากด้านนอก เซียวยวี่รีบออกจากสวนหลังบ้านเพื่อไปเปิดประตู เซียวจื่อเซวียนหิ้วตะกร้าไว้ในมือ กล่าวด้วยท่าทางตื่นเต้น"พี่ใหญ่ พวกเราจับปลามาสองตัว พี่สะใภ้ใหญ่บอกว่าเที่ยงนี้จะตุ๋นน้ำแกงปลาให้ท่านดื่มขอรับ!"
"พี่สะใภ้ใหญ่ยังบอกอีกว่าจะทำหมูตุ๋นน้ำแดงผัดหน่อไม้แห้งให้ท่านด้วยอร่อยมากเลยเ้าค่ะ! " เซียวจื่อเมิ่งเข้ามาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้ว
เซี่ยยวี่หลัวตามเข้ามาทีหลังมือหิ้วตะกร้าหนึ่งใบ มุมปากตวัดขึ้นเผยรอยยิ้มบางตลอดเวลา
ดวงหน้าของนางสะอาดหมดจดเผยรอยยิ้มอ่อนโยนที่มุมปาก ข้างนอกแสงอาทิตย์เจิดจ้า สาดส่องใส่คิ้วงามและดวงตาของนางคิ้วงามโก่งโค้ง ราวกับเป็ดอกกล้วยไม้ที่บานสะพรั่ง อ่อนโยนชวนมอง ดูสง่าและปราดเปรื่องที่น่าทึ่งกว่าคือรูปโฉมอันงดงามไร้ที่ติ
เซี่ยยวี่หลัวเห็นเซียวยวี่เพียงยิ้มให้เขาทีหนึ่ง จากนั้นจึงหิ้วของเข้าไปในห้องครัว
ไม่ได้กล่าวอะไรกับเซียวยวี่แม้แต่คำเดียว
เดิมทีนางคิดอยากเดินเล่นบนูเาอีกพักหนึ่งพอคิดได้ว่าวันนี้ซื้อเนื้อหมูมาจะทำหมูตุ๋นน้ำแดงผัดหน่อไม้แห้ง อาหารชนิดนี้ต้องต้มนานกว่าครึ่งชั่วยามนางจึงกลับมาเร็วขึ้น
เข้าไปในห้องครัว ล้างปลาตัวหนึ่งจนสะอาดอุ่นกระทะเทน้ำมัน ทอดไข่ดาวสี่ฟองแล้วจึงตักขึ้นมาเตรียมไว้ ก่อนเทน้ำมันเพิ่มอีกไม่น้อยจากนั้นจึงเจียวหอม ขิง และกระเทียมจนส่งกลิ่นหอม ทอดปลาจนเป็สีเหลืองทองทั้งสองด้านใส่ไข่ดาวลงไป เติมน้ำเดือดลงไปให้ท่วมตัวปลา หลังจากต้มด้วยไฟแรงจนเดือด จึงย้ายไปตั้งบนเตาถ่านเคี่ยวต่อด้วยไฟอ่อน
ขัดหม้อด้านในจนสะอาดแล้วจึงหุงข้าวขัดกระทะด้านนอกสะอาดแล้วจึงเติมน้ำเย็น ใส่เนื้อหมูที่หั่นเป็ชิ้นเท่าไพ่นกกระจอกไว้ลงไปต้มน้ำจนเดือดก็พอแล้ว เมื่อน้ำเดือดแล้วจึงตักขึ้นมา ล้างให้สะอาด วางไว้ให้น้ำหยดออกจนแห้ง
ล้างกระทะอีกครั้งจนสะอาดเทน้ำมันลงไปเล็กน้อย ผัดเนื้อหมูสามชั้นที่แห้งแล้วด้วยไฟกลางค่อนอ่อนจนมีน้ำมันซึมออกมาและเป็สีเหลืองไหม้เล็กน้อยทั้งสองด้าน ใส่ขิงหั่น จันทน์แปดกลีบ น้ำตาลกรวด ซีอิ๊วและใส่น้ำข้าวหมากที่ซื้อมาเล็กน้อย ผัดสองถึงสามนาทีจนเนื้อหมูมีสีสม่ำเสมอทั้งก้อนจึงใส่หน่อไม้แห้งที่แช่น้ำไว้ลงไปแล้วผัดต่อให้เข้ากัน
หลังจากผัดเสร็จ จึงเทน้ำลงไปต้มด้วยไฟแรงจนเดือดแล้ว ตักฟองออก เปลี่ยนมาตุ๋นด้วยไฟอ่อน ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วยาม
โชคดีที่เซี่ยยวี่หลัวซื้อเตาถ่านมาสองเตาใส่เนื้อหมูในหม้อตุ๋น วางไว้บนเตาถ่านแล้วตุ๋นด้วยไฟอ่อน เมื่อทำอาหารอื่นเสร็จก็กินข้าวได้แล้ว
มื้อกลางวันมีปลามีเนื้อหมูเซี่ยยวี่หลัวไปสวนหลังบ้านเด็ดพริกมาสิบกว่าเม็ด แล้วจึงเด็ดใบผักมาจำนวนหนึ่ง ล้างจนสะอาดลงมือเริ่มทำอาหาร
ครั้งนี้เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้ทำพริกหยวกหู่ผีหั่นเนื้อหมูที่เหลือเล็กน้อย หั่นเป็แผ่น หมักด้วยเกลือ ซีอิ๊ว และน้ำข้าวหมาก หลังจากล้างพริกจนสะอาดจึงหั่นเป็แนวเฉียงอุ่นกระทะเทน้ำมัน เจียวหอม ขิง และกระเทียมที่เตรียมไว้จนหอม ใส่เนื้อหมูที่หมักเสร็จแล้วเมื่อผัดเนื้อหมูจนสีเปลี่ยน จึงเพิ่มไฟให้แรง ใส่พริกลงไป ผัดจนพริกอ่อนตัว ตอนตักขึ้นมาเติมเกลืออีกเล็กน้อยก็พอแล้ว
สุดท้ายผัดผักใบเขียว ตักขึ้นจากกระทะก็เริ่มกินข้าวได้แล้ว
อาหารสี่ชนิด ยกไปวางบนโต๊ะมีน้ำแกงปลา หมูตุ๋นน้ำแดงผัดหน่อไม้ หมูผัดพริก และผัดผักหนึ่งจาน เมื่อเซียวยวี่มากินอาหารเห็นอาหารมื้อเที่ยงมากมายที่วางอยู่บนโต๊ะ ภายในใจก็รู้สึกตกตะลึงมาก
มีทั้งปลา มีทั้งเนื้อหมูปลานี่จับมา แต่ทั้งไข่ไก่ในน้ำแกงปลา น้ำมัน เกลือ และซีอิ๊วที่ใช้ปรุงรส ล้วนต้องใช้เงิน
“พี่ใหญ่ ท่านรีบชิมดูน้ำแกงปลาที่พี่สะใภ้ใหญ่เคี่ยวทั้งหอมและอร่อย อร่อยจนท่านต้องกัดลิ้นแน่ขอรับ” เซียวจื่อเซวียนตักน้ำแกงปลาให้เซียวยวี่กล่าวเสียงเจื้อยแจ้วด้วยความตื่นเต้น
เซียวจื่อเมิ่งคีบเนื้อหมูและหน่อไม้ให้เซียวยวี่กล่าวเสียงใส “พี่ใหญ่ หมูตุ๋นน้ำแดงผัดหน่อไม้นี่ก็อร่อย พี่ใหญ่ ท่านชิมดูเ้าค่ะ!”
“พี่ใหญ่ ท่านดื่มน้ำแกงปลาก่อนขอรับ”เซียวจื่อเซวียนกล่าว
“ไม่ได้ พี่ใหญ่ ท่านต้องกินของข้าก่อนท่านกินเนื้อหมูก่อน อร่อยนะเ้าคะ! ” เซียวจื่อเมิ่งกล่าวเสียงใส
เด็กสองคนพูดกันคนละประโยคสองประโยคต่างอยากให้เซียวยวี่กินอาหารที่พวกเขาตักให้ก่อน
เซียวยวี่ทั้งรู้สึกน่าขันและอ่อนใจ“ได้ได้ได้ ข้าจะกินพร้อมกัน”
จู่ๆ เซียวจื่อเซวียนก็คิดอะไรบางอย่างได้“พี่สะใภ้ใหญ่เคยบอกว่าก่อนกินข้าวให้ดื่มน้ำแกง รูปร่างจะดีและแข็งแรง”
ก่อนกินข้าวให้ดื่มน้ำแกงรูปร่างจะดีและแข็งแรง?
นี่เป็หลักการอะไรกัน? เซียวยวี่ได้ฟังดังนั้นก็ขมวดคิ้ว
เซียวจื่อเมิ่งแลบลิ้นทีหนึ่ง“จริงด้วย จริงด้วย พี่ใหญ่ ท่านดื่มน้ำแกงปลาก่อนเ้าค่ะ”
เซียวจื่อเมิ่งไม่ตื๊อให้เซียวยวี่กินหมูตุ๋นน้ำแดงก่อนแล้วแต่ให้เขารีบดื่มน้ำแกงปลาหนึ่งคำ
เซียวยวี่ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดีเด็กสองคนให้เขาทำอะไร เขาก็ทำตามนั้น ก้มหน้าดื่มน้ำแกงปลาหนึ่งคำ
น้ำแกงนี่เคี่ยวจนทั้งขาวทั้งข้นยังไม่ได้ดื่ม แค่เพียงได้กลิ่น ก็หอมจนแทบน้ำลายไหล!
พอดื่มหนึ่งคำ ก็รู้สึกอุ่นทั้งหอมทั้งอร่อย รสชาติดีกว่าน้ำแกงปลาในภัตตาคารเสียอีก
เด็กสองคนตั้งตารอดูเซียวยวี่ดื่มน้ำแกงปลาหนึ่งคำก่อนเอ่ยถามอย่างอดรนทนไม่ไหว “เป็อย่างไรบ้าง พี่ใหญ่ น้ำแกงที่พี่สะใภ้ใหญ่ทำอร่อยใช่หรือไม่? ”
“ฝีมือการทำอาหารของพี่สะใภ้ใหญ่ดีใช่หรือไม่? ่ที่ท่านไม่อยู่บ้าน พี่สะใภ้ใหญ่เคี่ยวน้ำแกงปลาเช่นนี้ให้พวกเราดื่มทุกวันพี่สะใภ้ใหญ่ยังบอกว่า ดื่มน้ำแกงปลาจะบำรุงสมอง ทั้งยังเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง!”
มิน่าล่ะ เวลานี้เด็กสองคนถึงได้ดูแข็งแรงนักได้กินปลากินเนื้อหมูและไข่เช่นนี้ทุกวัน จะไม่แข็งแรงได้หรือ?
เซียวยวี่ยิ้ม “อร่อยมากพวกเ้าก็รีบกินเถอะ! ”
เซียวจื่อเมิ่งส่ายหน้าพร้อมกล่าวเสียงใส"พี่ใหญ่ เดี๋ยวข้าค่อยกินเ้าค่ะ พี่สะใภ้ใหญ่ยังไม่มาเลย! "
เซียวจื่อเซวียนะโลงจากเก้าอี้วิ่งออกไปข้างนอกพร้อมกล่าว "ข้าจะไปตามพี่สะใภ้ใหญ่มาขอรับ! "
เซียวยวี่ได้ยินดังนั้นจึงวางตะเกียบลงเงียบๆ
เด็กสองคนว่าง่ายรู้ความเห็นของดีไม่ยื้อไม่แย่งกัน เซียวยวี่ไม่คิดว่าเด็กจะเป็เช่นนี้แต่กำเนิด แต่เป็เพราะมีคนสอนต่างหาก
ถึงแม้เซียวยวี่จะรักใคร่เอ็นดูเด็กสองคนแต่ก็ค่อนข้างเข้มงวดกับเด็กสองคน ปกติจะสอนให้พวกเขามีมารยาท รู้กาลเทศะ แต่เขาไม่เคยสอนมารยาทบนโต๊ะอาหารให้พวกเขา
เขาเคยแต่บอกว่ายามกินไม่พูดยามนอนไม่คุย ยามนั่ง ยืน หรือกินก็ต้องมีมารยาท ั้แ่ท่านพ่อท่านแม่จากไป เด็กสองคนยังเล็กไม่เคยมีคนสอนเด็กสองคนว่า ผู้ใหญ่ยังไม่นั่ง เด็กเล็กห้ามกินก่อน!
นี่ก็เป็มารยาทบนโต๊ะอาหารไม่ใช่หรือ!
เซียวยวี่คิดอยู่ในใจ เซี่ยยวี่หลัวสอนเด็กสองคนทั้งมีวิธีเฉพาะตัว ความคิดละเอียดอ่อน สอนได้ดีกว่าเขาเสียอีก!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้