หลายวันมานี้กู้เจิงขลุกอยู่แต่ในเรือนกับหวังซู่เหนียงเพื่อจัดเตรียมของสำหรับการแต่งงานอย่างกระตือรือร้นที่เรียกว่ากระตือรือร้นก็คือทำปลอกหมอนลายยวนยาง[1] กับชุนหง และงานเย็บปักถักร้อยเล็กๆ น้อยๆ
เมื่อกลับไปในโลกของนางไม่ได้แล้วก็จงอยู่อย่างมีความสุขกู้เจิงทำใจในเื่นี้ได้นานแล้ว ดังนั้นหลังจากสงบใจลงได้นางจึงหันมาสนใจงานเย็บปักถักร้อย
“ลายดอกไม้ที่คุณหนูใหญ่ปักยิ่งสวยขึ้นเรื่อยๆ นะเ้าคะบ่าวมองผ่านๆ ยังนึกว่าตาฝาด” ชุนหงยกน้ำแกงเม็ดบัวเข้ามาก็เห็นผ้าเช็ดหน้าที่เพิ่งปักเสร็จ
“ข้าเองก็คิดว่าตัวเองปักได้ดีมากเหมือนกัน” กู้เจิงไม่ถ่อมตัวเลยสักนิดนางวางผ้าเช็ดหน้าลงแล้วรับน้ำแกงเม็ดบัวมากิน
“คุณหนูใหญ่ อีกสองวันท่านจะต้องแต่งงานแล้ว กังวลใจไหมเ้าคะ?” ชุนหงถามอยู่ข้างๆ
“กังวลสิ”
“บ่าวก็กังวลเหมือนกัน แต่ท่านบุตรเขยเป็คนดีจะต้องปฏิบัติต่อคุณหนูใหญ่อย่างดีแน่นอนเ้าค่ะ”
กู้เจิงยิ้ม นางรู้ว่าเป็เพราะเสิ่นเยี่ยนได้ช่วยนางไว้ครั้งหนึ่งชุนหงจึงประทับใจในตัวเขามาก นางเองก็หวังว่าเสิ่นเยี่ยนจะปฏิบัติต่อนางอย่างดีความ้าของนางไม่สูงนัก เื่มาถึงขั้นนี้แล้ววันข้างหน้าจะมีชีวิตที่ดีได้นั้นเป็สิ่งสำคัญที่สุดแล้ว “อร่อยจัง ข้าขออีกชามหนึ่ง”
“ได้เ้าค่ะ” ชุนหงรับชามเปล่ามากำลังจะออกไปก็เห็น ‘แม่เฒ่าฉิน’ คนรับใช้ข้างกายของนายหญิงใหญ่อีกคน นางได้พาสาวใช้สองคนเข้ามาก่อนจะพากันย่อกายคารวะกู้เจิง “คุณหนูใหญ่บ่าวมาตามคำสั่งของนายหญิง มาเปิดใบหน้า[2] ให้คุณหนูใหญ่เ้าค่ะ”
“เปิดใบหน้า?” กู้เจิงเห็นสาวใช้ที่อยู่ด้านหลังแม่เฒ่าฉินถือจานในมือบนจานมีแหนบวางอยู่ รวมถึงเส้นด้ายและเงินตรา
“ใช่เ้าค่ะ คุณหนูจำเป็ต้องเปิดใบหน้าก่อนแต่งงาน” แม่เฒ่าฉินกล่าวว่า “เชิญคุณหนูนั่งตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งด้วยเ้าค่ะ”
กู้เจิงนั่งลงตรงหน้ากระจก ยืดตัวตรงเห็นแม่เฒ่าฉินหยิบด้ายจากบนจาน ผูกปลายทั้งสองข้างไว้ด้วยกันแล้วพันไขว้กันไปหลายรอบ ลักษณะดูแล้วเหมือนกรรไกรจากนั้นแม่เฒ่าฉินก็ดีดบนเส้นกลางสามครั้ง ส่วนปากก็พึมพำว่า “ขอ์ประทานพร ให้สามีภรรยารักใคร่ปรองดอง มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง” จากนั้นจึงดีดที่เส้นซ้าย กลาง และขวาอีกสามครั้งกล่าวว่า “ดีดเส้นซ้ายให้กำเนิดบุตรชายโดยไวดีดเส้นกลางจงหมั่นเพียรมัธยัสถ์ครองเรือน[3] ดีดเส้นขวาอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า”
กู้เจิงนั่งมองอย่างว่าง่าย แม่เฒ่าฉินใช้ฟันกัดปลายเส้นด้ายแล้วบิดหน้านางอย่างแรง แม้เจ็บเล็กน้อย แต่พอทนได้
เมื่อการใบหน้าเปิดมาถึงขั้นตอนสุดท้ายหวังซู่เหนียงก็ได้วิ่งเข้ามาพอดี เวลานี้แม่เฒ่าฉินทำทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้วจึงม้วนด้ายแล้ววางลงบนจานอีกครั้ง เมื่อเห็นหวังซู่เหนียงเข้ามาจึงย่อกายคารวะแล้วกล่าวเสียงเรียบว่า “หวังซู่เหนียง คุณหนูใหญ่ได้เปิดใบหน้าแล้วเ้าค่ะนายหญิงบอกว่าสองวันต่อจากนี้ท่านต้องสอนคุณหนูใหญ่ว่าควรกระทำตัวอย่างไรในบ้านสามี ไม่ว่าการเป็ภรรยาเป็สะใภ้ หรือการเป็แม่คน” กล่าวจบก็เดินผ่านหวังซู่เหนียงไปเหมือนไม่มีตัวตน
“ซู่เหนียง เป็อะไรไปเ้าคะ?" กู้เจิงกล่าวออกมาด้วยความกังวลเมื่อเห็นสีหน้าของหวังซู่เหนียงไม่ค่อยดีนัก
หวังซู่เหนียงกัดฟันพูด “เว่ยซื่อ การเปิดใบหน้าบุตรสาวข้าเป็เื่สำคัญขนาดนี้เ้าถึงกับส่งหญิงรับใช้ชรามาเปิดใบหน้าให้บุตรสาวข้า เ้าช่างชั่วร้ายเสียจริง” นางกล่าวพลางรีบสาวเท้าออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อไปยังเรือนหลัก
กู้เจิงกับชุนหงมองหน้ากัน แล้วรีบพากันไปรั้งหวังซู่เหนียงไว้
“ซู่เหนียง เกิดอะไรขึ้นเ้าคะ?” กู้เจิงเอ่ยด้วยท่าทีงุนงงลูกเพียงแค่เปิดใบหน้า ไม่ได้เ็ปอะไรเลยเ้าค่ะ”
“เ้าเด็กนี่ เ้าจะรู้อะไร? เ้าคิดว่าใครก็สามารถเปิดใบหน้าให้เ้าได้อย่างนั้นหรือ?” หวังซู่เหนียงกล่าวอย่างโมโห“ต้องเป็คนที่สมบูรณ์พร้อมถึงจะดี”
“คนที่สมบูรณ์พร้อม?” ในความทรงจำของกู้เจิงมีประเพณีการเปิดใบหน้าแบบนี้จริงๆแต่คนที่สมบูรณ์พร้อมหมายความว่าอย่างไร?
“คนที่จะทำพิธีนี้ได้จะต้องเป็แม่สามีที่สูงส่ง เป็คนที่พร้อมไปด้วยสามี บุตรชาย และบุตรสาว"หวังซู่เหนียงโกรธจนอยากจะทุบหน้าอก
กู้เจิง "..."คิดไม่ถึงว่าการเปิดใบหน้าจะมีพิธีรีตองยิ่งนัก
“ซู่เหนียงเ้าคะ” ชุนหงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า“บ่าวได้ยินคนของเรือนหลักบอกว่าแม่เฒ่าฉินเป็คนครบสมบูรณ์ทั้งครอบครัวของนางล้วนทำงานอยู่ที่จวนฉางผิงโหวของนายหญิงเ้าค่ะ”
“แต่นางเป็เพียงบ่าว บ่าวจะมาทำพิธีเปิดใบหน้าให้คุณหนูใหญ่แห่งจวนป๋อเจวี๋ยผู้สูงศักดิ์ได้อย่างไรนางคงหวังให้บุตรสาวของข้าไม่สามารถมีหน้ามีตาไปได้ตลอดชีวิตกระมัง"หวังซู่เหนียงเดือดดาลจนทำให้นางเจ็บหน้าอกขึ้นมา นางจึงร้องออกมาด้วยความเ็ป
กู้เจิงรีบเข้าไปประคองซู่เหนียงไปพักผ่อนบนเตียง “ซู่เหนียงก็แค่พิธีเปิดใบหน้าเท่านั้นไม่เกี่ยวอะไรกับการมีหน้ามีตาเลยเ้าค่ะ”
“จะไม่เกี่ยวได้อย่างไร? พิธีนี้เป็เื่มงคลถึงขนาดนี้เชียวนะ”
“ต่อให้ไม่ทำการเปิดใบหน้า ก็ไม่เป็ไรเ้าค่ะ ขนบนใบหน้าของลูกเมื่อถึงอายุที่สมควร มันย่อมหลุดออกด้วยตัวมันเองเ้าค่ะ”
“เ้าพูดเื่อะไร” หวังซู่เหนียงพอเริ่มคลายจากอาการเจ็บจึงลงจากเตียงนาง้าไปหานายหญิงเว่ยซื่อเพื่อคุยถึงเหตุผล
กู้เจิงรีบกดนางลงบนเตียง “ซู่เหนียง ลูกได้ทำพิธีเปิดใบหน้าไปแล้วหากท่านไปพูดอีกก็ไร้ประโยชน์เ้าค่ะ”
หวังซู่เหนียงเห็นรอยยิ้มงดงามดังบุปผาของบุตรสาวก็รู้สึกเศร้าใจนัก “เจิงเอ๋อร์ เ้าอย่าได้ฝืนยิ้มถ้ารู้สึกไม่สบายใจก็บอกกับแม่ได้ เข้าใจไหม?”
กู้เจิง “...” นางไม่ได้ฝืนยิ้มสักหน่อย
“แม้ตอนนี้เ้าจะยิ้มมากขึ้นแต่แม่ก็ยังชอบให้เ้าเป็เด็กขี้แยเหมือนเมื่อก่อน"
นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จริงด้วยกู้เจิงคนก่อนเป็เด็กสาวนิ่งเงียบ มักจะก้มหน้านั่งคิดเื่ฟุ้งซ่านอยู่บ่อยๆพอมีเื่โศกเศร้าก็ชอบร้องไห้ “ซู่เหนียงลูกโตขึ้นแล้วเ้าค่ะ ไม่ใช่เด็กสาวที่คนเดิม อีกต่อไปแล้ว ว่าแต่ท่านเถอะท่านหมอบอกว่าท่านต้องนอนรักษาตัวอยู่บนเตียงอีกหลายเดือนแล้วนี่เพิ่งนอนพักได้ไม่กี่วันเอง ท่านก็ลงจากเตียงไปหลายครั้งแล้วถ้าท่านเป็เช่นนี้ ข้าจะแต่งงานออกไปอย่างสบายใจได้อย่างไร?”
--------------------------------------
[1] ยวนยาง แปลว่า นกเป็ดน้ำแมนดารินเนื่องจากเป็สัตว์รักเดียวใจเดียว ถ้าคู่ของตนตายจากไป นกเป็ดน้ำจะตรอมใจตายตามไม่ยอมมีคู่รักใหม่ ด้วยเหตุนี้คนจีนจึงใช้ยวนยางเป็สัญลักษณ์แทนรักแท้ของคู่สามีภรรยา
[2] เปิดใบหน้าเป็พิธีการในการถอนขนบนใบหน้าของหญิงสาวที่กำลังจะแต่งงาน โดยขึงเส้นด้ายให้ตึงโดยใช้ทั้งปากและมือ ใช้จังหวะการรูดเกลียวเชือก บนใบหน้า ดึงขนบนใบหน้าและิัชั้นหนังกำพร้าให้หลุดออกซึ่งผู้ที่เปิดใบหน้าได้จะต้องเป็หญิงที่ออกเรือนแล้วและเพียบพร้อมด้วยสามีบุตรชาย และบุตรสาว ส่วนของที่ใช้เปิดใบหน้ามีแหนบใหม่ ด้ายไหมห้าสีหรือเงินตรา
[3] หมั่นเพียรมัธยัสถ์ครองเรือน มาจากธรรมเนียมจีนที่ยึดถือในเื่ความมัธยัสถ์มากสิ่งที่ถือเป็คุณธรรมความมัธยัสถ์นี้คือ ขยันขันแข็ง ใช้จ่ายให้สมฐานะของตนเองเมื่อปฏิบัติได้เช่นนี้แล้วจึงจะสามารถครองตนครองเรือนได้อย่างราบรื่นและมั่นคง