“เอ่ออ...!”
ทันทีที่เย่ชิงหานบันดาลโทสะทุกคนต่างตกตะลึงขึ้นมาทันที หยุดการพูดคุยลงพร้อมกับส่งสายตามองมาที่เย่ชิงหานกันเป็ตาเดียว สุดท้ายเป็หลงไซ้หนานที่ลุกขึ้นยืนแล้วถามออกมาแทนทุกคน “มีอะไรรึนายน้อยหาน เสว่อู๋เหินทำอะไรไว้?”
หลงไซ้หนานและทุกคนต่างรู้ดีว่าเย่ชิงหานและเสว่อู๋เหินมีความแค้นต่อกัน และเคยได้ยินเื่ราวในอดีตที่เกิดขึ้นระหว่างคนทั้งสอง แต่นางก็รู้อีกว่าเย่ชิงหานไม่ใช่คนประเภทที่จะอาศัยว่าตนเองแข็งแกร่งกว่าแล้วจะถือโอกาสบดขยี้พี่น้องร่วมเขตปกครองต่อหน้าผู้คนมากมาย ดังนั้นนางจึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย
“แหะๆ เขาทำอะไรน่ะรึ? เขาทำเื่ใหญ่โตเื่หนึ่ง พวกเ้ายังจำครั้งที่แล้วที่พวกข้าทั้งสี่ตระกูลถูกเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนโอบล้อมสังหารได้ไหม? พวกเ้ารู้ไหมว่าทำไมเยาขาข่าและหมันก้านถึงต้องไปหุบเขาัดำ? จะบอกอะไรพวกเ้าให้ นั่นก็เพราะว่าเสว่อู๋เหินปล่อยแมลงอำพรางที่ใช้ติดตามการเคลื่อนไหวของเป้าหมายไว้บนตัวของนายน้อยหาน...ครั้งนี้พวกข้าพอกลับมาถึงจึงรีบพาคนเพื่อที่จะไปจับตัวมันไว้ เพียงแต่เมื่อไปถึงกระโจมที่พักของมันกลับพบเจอเพียงแค่ลูกหลานระดับธรรมดขาของตระกูลเสว่เพียงเท่านั้น ได้ยินว่าเสว่อู๋เหินและผู้คุมกันที่มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบอีกสองคนล้วนหายตัวไปั้แ่สองวันที่แล้ว” เย่ชิงหานสีหน้าเขียวคล้ำยังไม่ทันได้พูดจาสิ่งใดออกมา แต่เย่สือชีที่อยู่ข้างๆ พูดตอบรับคำขึ้นด้วยความโกรธแค้น
“เอ่ออ...!”
ทุกคนภายในถ้ำถูกคำพูดของเย่สือชีทำเอาตกตะลึงงันกันอีกครั้ง ต่างพากันนิ่งเงียบลง เริ่มใช้สมองครุ่นคิดความจริงเท็จในคำพูดที่ได้ฟัง หากเป็จริงอาจจะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่น่าหวาดกลัวตามมา
เฟิงจื่อที่อยู่อีกฟากเมื่อได้ยินกลับเอ่ยปากด่าออกมาในทันที “ไอ้ลูกสุนัขเสว่อู๋เหินถึงกับกล้าลงมืออย่างชั่วร้ายอำมหิตเช่นนี้? มาดามันเถอะ! เดี๋ยวกลับไปข้าจะรายงานเื่นี้ให้พวกตาแก่ที่ตระกูลทราบ ให้นำคนไปพังเมืองเพียวเสว่ให้ราบเป็หน้ากลองเลยคอยดู!”
“บิดามันเถอะ ข้านึกออกแล้ว! ตอนที่เสว่อู๋เหินเพิ่งมาถึงสนามรบตะลุมบอนใหม่ๆ มันขอไปคุยเป็การส่วนตัวกับนายน้อยหาน ต้องเป็ตอนนั้นอย่างแน่นอนที่มันแอบปล่อยแมลงอำพรางไว้บนตัวของนายน้อยหาน ข้าก็คิดอยู่ว่าเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนสามารถคิดค้นวิชาอะไรใหม่ๆ ที่แหกกฎ์ได้จริงหรือไม่? เพียงแต่ไม่คาดคิดว่าจะเป็แมลงอำพรางของตระกูลเสว่! เหอะๆ...ครั้งนี้ตระกูลเสว่คงได้ถูกลบชื่อออกจากห้าตระกูลใหญ่อย่างแน่นอน!” ดวงตาของฮวาเฉ่ากะพริบปริบๆ นึกถึงเื่ราวต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้น เดิมทีเื่ราวที่แปลกประหลาดน่าสงสัยต่างๆ มากมายที่ยังหาคำตอบไม่ได้ แต่พอพวกเย่ชิงหานพูดออกมาเื่ราวทุกอย่างพลันกระจ่างชัดขึ้นมาทันใด
“เสว่อู๋เหิน...สมควรตาย!” เยว่ชิงเฉิงไม่พูดอะไรมาก มองไปที่เย่ชิงหานด้วยความเป็ห่วงกังวล
“ฮะ!...มีเื่เช่นนี้เกิดขึ้นด้วย? พอจะมีหลักฐานยืนยันหรือไม่?” หลงไซ้หนานรู้สึกตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน เื่นี้เป็เื่ใหญ่อย่างแท้จริง มันเกี่ยวพันถึงตระกูลเสว่หนึ่งในห้าตระกูลใหญ่สมคบคิดกับต่างเผ่าให้มาเข่นฆ่าพี่น้องร่วมเผ่าพันธุ์ตนเอง เื่เช่นนี้ย่อมทำให้เกิดความเคียดแค้นร่วมของมวลชน นางไม่กล้าประมาทรีบส่งสายตามองไปยังเย่สือซานที่มีความซื่อสัตย์ซื่อตรงมาตลอด
“นายน้อยหาน เอาแมลงออกมาให้ทุกคนดูหน่อย” เย่สือซานพยักหน้าให้หลงไซ้หนานจากนั้นหันไปพูดขึ้นกับเย่ชิงหาน
เย่ชิงหานไม่ได้พูดอะไรออกมา ใช้มือล้วงเข้าไปภายในอกเสื้อหยิบกล่องหยกบางอย่างออกมาเปิดออกแล้วเอาไปวางไว้บนลังไม้ที่อยู่กลางถ้ำ
“อืม...” ในตอนที่เย่ชิงหานเปิดฝาของกล่องหยกออกนั้น สีหน้าของหลงไซ้หนานเริ่มเปลี่ยนเป็ดำคล้ำขึ้นมาทันที พลังฝีมือสูงส่งสายตาก็ย่อมดีมากตามเป็ธรรมดา มองเห็นแมลงตัวโปร่งใสที่ขาดออกเป็สองซีกนางแน่ใจได้ทันทีว่านั่นคือแมลงอำพรางของตระกูลเสว่ บวกกับสิ่งที่ฮวาเฉ่าพูดออกมาและเสว่อู๋เหินที่กำลังหลบหนีไปในตอนนี้ ภายในใจของนางเริ่มแน่ใจในเื่นี้ขึ้นมาแล้ว
นางนิ่งเงียบครุ่นคิดอยู่สักพักจึงได้เริ่มสั่งการออกมา “ส่งหน่วยสอดแนมทั้งหมดที่มีออกไป ติดตามแกะรอยของเสว่อู๋เหินอย่างเต็มกำลัง หากผู้ใดพบเจอเบาะแสของเขาจะมีรางวัลให้หนึ่งพันคะแนน!”
คำสั่งถูกถ่ายทอดออกไปอย่างรวดเร็ว หน่วยสอดแนมที่อยู่ภายนอกแม้จะรู้สึกประหลาดใจกับคำสั่งที่ได้รับมา แต่ก็รีบแยกย้ายกันออกไปแกะรอยตามหาเสว่อู๋เหินด้วยความตื่นเต้นดีใจ หนึ่งพันคะแนน! สามารถนำไปแลกเป็ตำแหน่งจ้าวเมืองเล็กๆ ได้เลยทีเดียว
“เดรัจฉาน! เสว่อู๋เหินกล้าทำเื่ชั่วช้าทรยศต่อพี่น้องเขตปกครองเดียวกันถึงเพียงนี้ ต่อไปพบเจอต้องสังหารโดยทันที!”
“ถูกต้อง! ตระกูลข้าขอตัดขาดจากตระกูลเสว่ั้แ่นี้เป็ต้นไป หวังว่านายน้อยหานจะเป็ตัวแทนของตระกูลเย่รับตระกูลพวกข้าไว้ในปกครอง!”
“ตระกูลเสว่ประพฤติตัวชั่วช้าผิดทำนองคลองธรรม ข้าขอเสนอว่าหลังจากสิ้นสุดงานประลองให้ทุกคนรวมกำลังกันกำจัดตระกูลเสว่ให้สิ้นซาก!”
“…”
พอหลงไซ้หนานออกคำสั่ง ทุกคนต่างแน่ใจได้ว่าสิ่งที่ได้ยินเป็เื่จริง เสว่อู๋เหินจบสิ้นแล้ว ตระกูลเสว่ก็ยากที่จะรอดข้อกล่าวหานี้ไปได้เช่นเดียวกัน สมคบคิดกับต่างเผ่าเดิมทีก็มีโทษสมควรตายอยู่แล้ว แถมยังวางแผนสังหารเหล่านายน้อยและคุณหนูของตระกูลใหญ่อีก โทษหนักยิ่งกว่าเอามีดไปแหย่รังตัวต่อเสียอีก กองกำลังของตระกูลที่อยู่ใต้การปกครองของตระกูลเสว่ต่างตัดขาดความสัมพันธ์ในทันที เกรงว่าจะถูกลากเข้าไปมีส่วนพัวพันด้วย ในเวลานั้นทุกคนต่างวิพากษ์วิจารณ์ตระกูลเสว่และเสว่อู๋เหินกันขึ้น
“ตระกูลเสว่มีส่วนร่วมในเื่นี้หรือไม่เป็อีกเื่หลังจากนี้ จำเป็จะต้องให้ท่านหลงจ้าวแห่งเขตปกครองและหัวหน้าตระกูลทั้งหลายร่วมกันไต่สวน อีกไม่กี่วันข้าจะเดินทางไปหาหมันก้านสักครั้งเพื่อถามเื่ราวอะไรบางอย่าง ใครจะไปร่วมเป็พยานกับข้าบ้าง เพราะต่อไปคงต้องให้ทุกท่านช่วยเป็พยานยืนยัน หวังว่าถึงเวลานั้นทุกท่านจะก้าวออกมาพูดช่วยข้าอีกแรง!”
เดิมทีตอนที่เจอแมลงอำพรางภายในหุบเขาัดำเย่ชิงหานคิดเอาไว้ว่าอยากจะแอบสืบเื่นี้อย่างลับๆ ให้กระจ่างเอง แต่ไม่คาดคิดว่าเื่ราวจะเลยเถิดมาถึงขั้นนี้ ในเมื่อได้กระทำแล้วก็ต้องกระทำให้ถึงที่สุด ถือโอกาสนี้ให้ทุกคนไปร่วมเป็สักขีพยานด้วยเสียเลย เพื่อเป็ประโยชน์ในวันหน้าที่จะรวมตัวกันไปกำจัดตระกูลเสว่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาอยากจะถามหมันก้านว่าตัวบงการใหญ่ที่อยู่เื้ัคือใครกันแน่ทุกคนจะได้รับรู้ด้วยกัน
“ตกลง! ข้าเห็นด้วย ถึงเวลานั่นข้าจะเป็พยานให้อีกแรง”
“อืม เช่นนั้นพวกเราก็ตามนายน้อยหานไปเที่ยวเล่นที่ค่ายใหญ่ที่พักชั่วคราวของเผ่าคนเถื่อนสักรอบแล้วกัน!”
“อืม เป็ความคิดที่ดี ถือโอกาสไปเดินเล่นที่ค่ายใหญ่ที่พักชั่วคราวของพวกเผ่าปีศาจด้วยเลยก็ดี...”
“…”
ทุกคนตอบรับเป็อย่างดี มีเย่ชิงหานอยู่ค่ายใหญ่ที่พักชั่วคราวของเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนที่ปกติราวกับสถานที่อันตรายต้องห้าม ตอนนี้กลับกลายมาเป็สถานที่ราบเรียบที่สามารถเดินเข้าไปได้อย่าสบายใจ บรรยากาศภายในถ้ำเริ่มคึกคักขึ้นมาอีกครั้ง ทุกคนเริ่มพูดคุยกันขึ้นว่าเมื่อไหร่จะไปดี ใส่ชุดอะไรไปดี หรือจะจับหมันก้านมัดห้อยต่องแต่งแล้วเอาไม้กระบองเสียบก้นมันด้วยเลยดีไหม...
.................................
ความมืดมิดของค่ำคืนเริ่มมาเยือน เย่ชิงหานพูดคุยและดื่มกินกับทุกคนเสร็จจึงกลับมาภายในถ้ำเพียงคนเดียว
“เสี่ยวเฮย ออกมาได้แล้ว!”
เย่ชิงหานยิ้มออกมาพลางตบไปที่หน้าอกของตนเองเบาๆ แล้วพูดออกมา
ฟิ้ว!
บริเวณหน้าอกพลันปรากฏกระแสพลังสีดำพวยพุ่งออกมา จากนั้นมันค่อยๆ รวมตัวกันเป็เงาร่างที่น่ารักของเสี่ยวเฮยขึ้น
เสี่ยวเฮยพอออกมาก็ทำท่าทางบิดคอไปมาพร้อมกับโผล่ฟันสุนัขเล็กๆ สองข้างของมันออกมาให้เห็น จากนั้นส่งกระแสเสียงมา “จี๊ดๆ! สวัสดีลูกพี่ ดูท่าทางลูกพี่จะอารมณ์ดีไม่เบาเลยนะ!”
“ไอ้ลูกสุนัขนี่กล้าพูดหยอกข้าเชียวรึ พูดมาเร็วๆ มันเกิดอะไรขึ้น? พลังหลอนสั่นคลอนิญญามันคืออะไร?” เย่ชิงหานหัวเราะเหอะๆ อุ้มเสี่ยวเฮยขึ้นมา จากนั้นลูบหัวของมันเบาๆ ภายในดวงตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู
“หุๆๆ! ข้าสุดยอดเลยใช่ไหมลูกพี่! ความจริงแล้ว...เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นรายละเอียดที่แท้จริงข้าก็ไม่เข้าใจชัดเจนนัก” เสี่ยวเฮยเชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ โอ้อวดอยู่สักพักก่อนจะส่งกระแสเสียงมาอีก
“ลูกพี่ ข้าแย่งผลึกัอันหนึ่งมาจากหุบเขามังการดำใช่ไหม? ของดีขนาดนั้นข้าก็เลยกลืนลงท้องไปเสียเลย หลังจากนั้นร่างกายของข้าก็เริ่มดูดซับพลังงานจากผลึกั เพียงแต่ว่าร่างกายของข้ายังเล็กเกินไปไม่สามารถที่จะดูดซับพลังงานได้ทั้งหมด จึงจำเป็ต้องปล่อยพลังงานที่เหลือผ่านมิติสัตว์อสูรออกมาให้ท่าน จากนั้นข้าก็หลับลึกไปจนกระทั่งตื่นขึ้นมาพบว่าพลังฝีมือแข็งแกร่งขึ้นเป็อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชาต่อสู้ร่างอสูรในหัวก็พัฒนาขึ้นไปอีกขั้นด้วย!”
“อืม!” เย่ชิงหานนึกถึงพลังงานที่พรั่งพรูออกมาในตอนนั้น ที่แท้ก็เป็พลังงานที่เสี่ยวเฮยดูดซับไม่หมดนี่เอง เขาไม่รอช้ารีบถามขึ้นด้วยสีหน้าอารมณ์ดี “แล้วพลังหลอนสั่นคลอนิญญาทำไมถึงได้มีอานุภาพน่ากลัวถึงเพียงนั้น?”
“แหะๆ!” เสี่ยวเฮยขยับลูกตาดำแวววาวของมันพร้อมกับส่งกระแสเสียงมาอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องได้ใจ
“ความจริงแล้วพลังหลอนสั่นคลอนิญญาเป็เพียงการพัฒนาขึ้นมาอีกระดับขั้นของเนตรสยบิญญา เป็วิชาโจมตีทางิญญาเหมือนกัน แต่เปลี่ยนจากการโจมตีเป้าหมายเดี่ยวเป็การโจมตีแบบกลุ่ม”
“พลังอานุภาพทำไมถึงรุนแรงน่ากลัวน่ะรึ? แหะๆ...นั่นก็เพราะว่าระดับขั้นพลังิญญาของข้าในตอนนี้แข็งแกร่งเป็อย่างมากอย่างไรเล่า พลังิญญาของข้าในตอนนี้อยู่ในระดับเดียวกันกับมารอสูรระดับเจ็ด หรือก็คือผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบนั่นเอง แล้วบวกกับพวกเราที่รวมร่างกัน พลังิญญาของท่านรวมกับพลังิญญาของข้า เมื่อใช้วิชาต่อสู้ร่างอสูรคาดว่าพลังิญญาคงบรรลุถึงระดับขั้นสูงสุดขอบเขตจ้าวนักรบ...แล้วอย่างนี้ท่านคิดว่าสังหารหมู่นักรบเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนกลุ่มเล็กๆ เพียงเท่านี้จะไม่ใช่เื่ที่ง่ายดายหรอกรึ?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้