คนในห้องหารู้ไม่ว่าเหล่าผู้ที่ยืนรออยู่ข้างนอกกำลังตกอยู่ในอาการทุรนทุรายเหมือนแมวกำลังคัน
อาเหมิ่งต๋าสะดุ้งลุกพรวดพราดขึ้นมาก่อนเดินไปข้างเตียงเดิมทีเขาก็ตัวใหญ่มากอยู่แล้ว พอมายืนที่ข้างเตียงเช่นนี้ทำเอาหลิ่วจิ้งรู้สึกกดดันเหมือนถูกพญาเหยี่ยวแก่จับจ้องเหยื่อจากบนท้องฟ้า
นางเงยหน้ามองหั่วอี้อย่างไม่เข้าใจว่าเหตุใดเมื่ออีกฝ่ายบอกว่าจะแต่งงานอาเหมิ่งต๋าถึงต้องมีท่าทีตอบสนองรุนแรงเพียงนี้ ครั้งก่อนที่หั่วอี้รับนางเข้าจวนก็มิใช่เคยบอกกล่าวกับพวกพ้องเอาไว้แล้วหรือว่านางผู้เป็องค์หญิงแห่งต้าเว่ยคือภรรยาเอกของหั่วอี้?
ในความเข้าใจของหลิ่วจิ้ง พิธีสมรสที่หั่วอี้เอ่ยถึงคงจะเป็ขั้นตอนตามธรรมเนียมง่ายๆเพราะอย่างไรหั่วอี้ก็เคยบอกไว้แล้วว่านางเป็ภรรยาเอก เื่นี้เป็เื่ที่แน่นอนอย่างมิจำเป็ต้องสงสัยอันใด
อาเหมิ่งต๋าะโเสียงดังใส่หั่วอี้“ท่านแม่ทัพ ท่านไตร่ตรองให้ดีเถิด นี่มิใช่ละครหลอกเด็กอย่าเอาทั้งชีวิตท่านจมปลักไปในนั้นเลย”
หั่วอี้ไม่ได้เป็อะไรแต่ทางหลิ่วจิ้งกลับโมโหใหญ่ อาเหมิ่งต๋าผู้นี้เป็อันใดนักหนาหั่วอี้จะแต่งงานและแต่งกับตน เหตุใดเขาต้องรับไม่ได้เพียงนี้ด้วยดูท่าทางโมโหโกรธาของเขาแล้ว คล้ายว่าหากหั่วอี้ไม่อยู่ที่นี่ก็มีความเป็ไปได้อย่างยิ่งว่าเขาจะถลกหนังและกลืนนางลงไปทั้งเป็
ตอนนางเพิ่งเข้ามาที่จวนแม่ทัพเสียแรงที่หั่วอี้อุตส่าห์พูดกับตนอย่างขึงขังว่า วันหน้าหากมีสิ่งใดไม่คุ้นเคยก็จงไปขอให้อาเหมิ่งต๋าช่วยเหลือ
ดูทีแล้วหากอาเหมิ่งต๋ามีโอกาสก็คงทำให้นางตายเสียมากกว่าหลิ่วจิ้งแอบเย้ยหยันอยู่ในใจ
“มีอันใดหรืออาเหมิ่งต๋า เหตุใดเ้าจึงคัดค้านการแต่งงานของข้าถึงเพียงนี้” หั่วอี้มองอาเหมิ่งต๋าอย่างไม่เข้าใจ
อาเหมิ่งต๋าหันไปถลึงตาใส่หลิ่วจิ้งก่อนพูดกับหั่วอี้ด้วยท่าทีไม่ยินยอมพร้อมใจว่า “ท่านแม่ทัพ ท่านก็รู้นี่ว่าการแต่งงานนี้เกี่ยวพันถึงชะตาชีวิตของท่านในภายภาคหน้าจะทำลวกๆ มิได้ โดยเฉพาะคนที่ท่านจะแต่งด้วยนั้นยังเป็สตรีต่างแคว้นที่ไม่รู้เบื้องลึกเื้ัอีกด้วย”
อาเหมิ่งต๋าย่างสามขุมเข้ามาใกล้ ทว่าสิ่งนี้กลับปลุกเร้าิญญาการต่อสู้ของหลิ่วจิ้งขึ้นมาเดิมทีนางก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับตำแหน่งฮูหยินแห่งจวนแม่ทัพแต่อย่างใดแต่ในเมื่ออาเหมิ่งต๋าคัดค้านถึงเพียงนี้กลับยิ่งทำให้หลิ่วจิ้งต้องตั้งตัวเป็อริกับเขาให้จงได้
“ท่านแม่ทัพ แต่แรกที่ท่านช่วยข้ากลับมาท่านเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าคนในจวนแม่ทัพจะยอมรับข้าได้หรือไม่สหายท่านจะยอมรับข้าได้หรือไม่ว่ากันตามตรงแล้วข้าก็เป็เพียงของเดิมพันที่ท่านมีชัยและนำกลับมาด้วยความอยากเอาชนะเพียงชั่ววูบเพื่อพิสูจน์ความสามารถของท่านเท่านั้นหากการมีตัวตนของข้าสร้างความลำบากใจให้ท่าน คำที่ท่านประกาศกับทุกคนในจวนยามที่ท่านพาข้ากลับมาตอนแรกว่าข้าเป็ภรรยาเอกของท่านนั้นท่านก็สามารถเก็บกลับไปเสีย อย่างไรคำพูดเหล่านี้ก็มีเพียงคนในจวนเท่านั้นที่รู้คนนอกหารู้ไม่ ต่อให้ท่านพูดแล้วคืนคำก็ไม่สลักสำคัญอันใด”
หลิ่วจิ้งพูดจบก็ผลักท่อนแขนของหั่วอี้ที่โอบรอบตัวนางออกก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงโดยไม่สนใจว่าในห้องยังมีชายอื่นอยู่ นางลงจากเตียงมาทั้งเท้าเปล่าสองเท้าดั่งหยกขาวนวลแต่แดงระเรื่อยามต้องแสงโคมยิ่งทำให้ดูขาวนวลเนียนกว่าเดิม
หลิ่วจิ้งจงใจสวมรองเท้าให้ช้าลงด้วยมีเจตนาให้เหล่าบุรุษในห้องต้องหวั่นไหวเพราะนาง
อาเหมิ่งต๋านึกไม่ถึงว่าองค์หญิงแห่งต้าเว่ยผู้นี้ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ลงจากเตียงมาทั้งเท้าที่เปล่าเปลือยเขาเหลือบมองไปอย่างไม่ทันได้เตรียมใจมาก่อน แล้วรีบเงยหน้าขึ้นไม่อาจมองไปตรงๆได้อีก เพราะไม่ว่าอย่างไรเวลานี้องค์หญิงก็เป็สตรีของแม่ทัพหั่วอี้
แม้บางคราในแคว้นชางอี้จะมีเื่แลกเปลี่ยนสตรีกันระหว่างพี่น้องแต่อาเหมิ่งต๋าก็รู้สึกขึ้นมาตามสัญชาตญาณว่าตนเองไม่ควรมอง
หั่วอี้ก็ใกับการกระทำขององค์หญิงเช่นกันแม้ก่อนหน้านี้ทั้งเขาและองค์หญิงจะเคยอยู่ให้ห้องกันสองต่อสอง แต่พวกเขากลับยังไม่เคยเกินเลยจากกรอบประเพณี
หั่วอี้มองดูเท้าหยกขาวงามขององค์หญิงโดยเฉพาะยิ่งหลิ่วจิ้งทาน้ำมันทาเล็บที่สกัดออกมาจากเทียนดอกด้วยแล้วสีเล็บยิ่งขับให้ผิวขาวเนียนเด่นขึ้นมาจนทำเอาเขาต้องกลืนน้ำลายดังเอื๊อก กระทั่งเห็นว่าอาเหมิ่งต๋าเงยหน้าขึ้นมองเพดานหั่วอี้ถึงได้สติกลับคืน
หั่วอี้รีบลุกขึ้นพาตัวอาเหมิ่งต๋าเดินไปทางโต๊ะที่ท่านหมอจินนั่งอยู่แต่แม้จะนั่งอยู่ข้างโต๊ะก็ยังมองเห็นที่เตียงได้เช่นเดิม เพราะความจริงแล้วก็ห่างออกไปเพียงไม่ไกลเท่านั้น
เมื่อหั่วอี้พาอาเหมิ่งต๋าเดินไปนอกห้องนอนหลิ่วจิ้งก็แอบยิ้มได้ใจอยู่ภายใน ผู้ชายตัวโตสองคนนั่นคิดจะมาต่อกรกับนางยังอ่อนหัดเกินไปนัก บุรุษหรือจะมีวันเข้าใจมารยาหญิง
“พวกท่านสองคนค่อยๆ คุยกันไปเถิด ข้าหิวแล้วจะไปหาอะไรกินเสียหน่อย”
หลิ่วจิ้งพูดจบก็ไม่รอให้หั่วอี้ตอบหากแต่เดินผ่านตัวพวกเขาไปอย่างเนิบช้า และทุกที่ที่นางเดินผ่านล้วนทิ้งกลิ่นหอมไว้ทั่วห้อง
ท่านหมอจินเห็นดังนั้นจำต้องแสร้งกระแอมแห้งๆสองสามครั้ง ก่อนส่งใบสั่งยาที่เขียนเสร็จนานแล้วให้แก่แม่ทัพหั่วอี้ ตอนที่เขียนเสร็จดันประจวบเหมาะว่าอาเหมิ่งต๋าก็เข้ามาในห้องพอดีจึงทำให้เขาต้องได้ยินเื่ที่ไม่ควรได้ยินเข้าอีกครา
เขาโอดครวญอยู่ในใจการออกมารักษาในวันนี้ ไม่รู้ว่าจะเป็การรู้มากเกินไปจนนำผลร้ายมาสู่เขาในภายหลังหรือไม่
ดังนั้นเมื่อท่านหมอจินเห็นฮูหยินลุกขึ้นเดินไปนอกห้องจึงรีบคว้าโอกาสนี้มอบใบสั่งยาให้แม่ทัพหั่วอี้จากนั้นก็อ้างว่าจะไปบอกกล่าวเื่ที่ต้องระวังตอนต้มยาแก่สาวใช้และออกมาจากในเรือนหลักเสีย
ตอนที่หลิ่วจิ้งผลักประตูจะเดินออกมาข้างนอกอาหนูกำลังเอาหูแนบประตูแอบฟังอยู่ทีเดียวนางคิดไม่ถึงว่าหลิ่วจิ้งจะมาถึงประตูเร็วเพียงนี้จึงเกือบถูกประตูที่ผลักออกมาข้างนอกชนจนล้มเสียแล้วดีที่ป้าจ้าวที่เอาหูแนบประตูแอบฟังอยู่ด้วยกันตาเร็วมือไวประคองอาหนูไว้ทันนางจึงมิได้ล้มลง
หลิ่วจิ้งเองก็ไม่คิดมาก่อนว่าข้างนอกห้องจะมีคนยืนอยู่มากมายคนเหล่านี้ก็ทำนางใยกใหญ่เช่นกัน
“นี่พวกเ้ามาออกันอยู่ตรงนี้ทำสิ่งใดกันวันนี้เป็วันอะไร ทุกคนล้วนหยุดพักไม่ต้องทำงานทำการกันแล้วหรือ?”
หลิ่วจิ้งมองทุกคนนอกห้องด้วยสีหน้าฉงน
อาหนูจับจ้องหลิ่วจิ้งอยู่เนิ่นนานแอบนึกชิงชังในใจ องค์หญิงแห่งต้าเว่ยผู้นี้มีคุณงามความดีใดนักหนา ท่านแม่ทัพจึงปฏิบัติต่อนางแตกต่างจากผู้อื่นถึงขั้นจะให้ฐานะที่ชัดเจนแก่นาง
ผู้ที่ตั้งสติได้เป็คนแรกคืออวี้จิ่นนางคิดจะเข้าไปประคองมือหลิ่วจิ้ง แต่เมื่อนึกถึงท่าทีเป็อริที่นางเคยมีต่อหลิ่วจิ้งแต่เก่าก่อนนางก็ไม่กล้าเข้าไป
แม้จะเตรียมพร้อมแล้วว่าวันหน้าจะร่วมเป็ร่วมตายกับหลิ่วจิ้งแต่ทุกสิ่งที่นางทำไปเพื่อหลิ่วจิ้งเมื่อครู่นี้ หลิ่วจิ้งกลับยังไม่ทันได้รู้เห็น
ด้วยเหตุนี้นางจึงไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้าไปใกล้ชิดในทันทีกลัวว่าหากถูกอีกฝ่ายปฏิเสธขึ้นมาแล้วนางจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เพราะแต่ก่อนอวี้จิ่นเป็หัวหน้านางในข้างกายองค์หญิง จึงทะนงตนเสียจนชินแล้ว
ท้ายที่สุดอวี้จิ่นจึงไม่ได้เข้าไปอยู่ข้างๆหลิ่วจิ้งอย่างกระตือรือร้น กลับเป็อิ๋งเหอที่พอเห็นว่าหลิ่วจิ้งฟื้นแล้วก็ยินดีจากใจจริงรีบวิ่งไปข้างกายหลิ่วจิ้งพลางเอ่ยถามนั่นนี่ขึ้นมา
หลิ่วจิ้งไม่มีแก่ใจจะมาตอบคำถามของอิ๋งเหอในเวลานี้เพราะนางเห็นว่ามีคนตั้งมากมายออกันอยู่ที่นี่และเห็นชัดว่าไม่ได้มาเพราะเหตุผลง่ายๆ ว่านางหมดสติไปเพียงเท่านั้น
โดยเฉพาะเมื่อครู่ตอนหลิ่วจิ้งเพิ่งเปิดประตูออกมาแม้อาหนูและป้าจ้าวจะหลบไปได้อย่างรวดเร็วแต่นางก็มองเห็นชัดเจนที่หางตาว่าทั้งสองกำลังยืนแอบฟัง
หลิ่วจิ้งคิดว่าเื่ที่ตนหมดสติไปยังไม่เพียงพอให้คนในแต่ละเรือนตื่นเต้นจนมาเฝ้าคอยจะต้องมีสาเหตุอื่นที่นางไม่รู้อยู่ในนั้นเป็แน่
_____________________________