ถังเหล่ยในชาติที่แล้วอยู่ในระดับราชันยุทธ์ เขาพอรู้จักผู้ฝึกตนที่อยู่ในระดับจ้าวยุทธ์และจอมราชันยุทธ์อยู่บ้าง
ความสามารถของระดับจ้าวยุทธ์คือ สามารถใช้ิญญายุทธ์ดูดซับสิ่งที่อยู่โดยรอบได้ อย่างเช่นิญญายุทธ์เพลิงโอสถของถังเหล่ยในชาติที่แล้ว หากเขาสามารถทะลวงระดับจ้าวยุทธ์ได้เขาก็สามารถใช้ิญญายุทธ์เพลิงโอสถหลอมรวมกับสิ่งที่อยู่รอบตัวได้และทำให้พลังการต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้น
หินสีแดงที่อยู่ในถ้ำก็เกิดจากการหลอมรวมของิญญายุทธ์ เคยมียอดฝีมือระดับจ้าวยุทธ์คนหนึ่งใช้พลังที่นี่ แต่นั่นคือเื่ที่ผ่านมานานหลายปีแล้ว หรือว่าจ้าวยุทธ์คนดังกล่าวจะยังมีชีวิตอยู่?
ไม่เช่นนั้นก้อนหินเหล่านี้คงจะไม่มีอุณหภูมิสูงขนาดนี้?
ถังเหล่ยหยุดความคิดนี้เอาไว้ และคาดเดาอีกทางหนึ่งว่าหากูเาแห่งนี้ยังมีจ้าวยุทธ์หลงเหลืออยู่พวกเขาก็คงถูกสังหารไปนานแล้ว ูเาซวงเฟิงมีประวัติศาสตร์นับพันปี ต่อให้เป็จ้าวยุทธ์ก็ไม่มีทางรอดชีวิตได้
หลังจากที่ได้ลองัักับก้อนหินสีแดงที่อยู่เบื้องหน้าแล้ว ถังเหล่ยจึงตระหนักได้ว่าอุณหภูมิเพียงเท่านี้ไม่สามารถทำอะไรผิวกายของเขาได้ เขาจึงขจัดเปลวเพลิงที่ปกคลุมร่างกายของเขาออกไป เพื่อไม่ให้สิ้นเปลืองพลังปราณภายในร่าง
ถังเหล่ยกวาดสายตาไปรอบๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดอยู่บริเวณนี้ เขาจึงะโลงไปในถ้ำทันที
ภายในถ้ำกว้างใหญ่กว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้มาก ทันทีที่เขาะโลงมาสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป สิ่งที่เขาคาดเอาไว้ผิดพลาดไปหมด ความลึกของถ้ำ และความมืดมิดทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นพื้นดิน เขาจึงปรับเปลี่ยนท่าทางให้พร้อมรับแรงกระแทก
ถังเหล่ยตระหนักได้ว่าหลังจากนี้เขาต้องระวังตัวให้มากที่สุด พลังปราณในร่างกายถูกรวบรวมไว้ทั้งหมด ที่นี่คือสถานที่ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนและยังเกี่ยวข้องกับยอดฝีมือระดับจ้าวยุทธ์อีกด้วย
ฟุบ!
ผ่านไปไม่กี่ลมหายใจ ในที่สุดเท้าของถังเหล่ยก็ัักับพื้น หลังจากนั้นเขาจึงตรวจสอบร่างกายของเขาว่าไม่ได้รับาเ็ใดๆ ในเวลาเดียวกันเขาก้มศีรษะลงเพื่อเป็การป้องกันกับดักไม่ให้โจมตีถูกจุดตาย
แน่นอนว่าในเวลานี้ถังเหล่ยต้องระวังตัวให้มาก และในคราวนี้ชัดเจนว่าเขาคิดมากเกินไป ภายในถ้ำมีเพียงความมืดมิดและเสียงลมหายใจของเขาเองเท่านั้น
ถังเหล่ยหยิบเอาคบเพลิงอันหนึ่งออกมาจากแหวนมิติ ทันทีที่เขาจุดคบเพลิงภายในถ้ำก็สว่างจ้าขึ้นมา ทำให้เขาต้องกลืนน้ำลายคำใหญ่และเกิดความกลัวขึ้นภายในจิตใจอย่างไม่สามารถควบคุมได้
เมื่อชาติก่อนถังเหล่ยมีชีวิตเกือบร้อยปี ชีวิตของเขาผ่านอะไรมามากมายแต่สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ทำให้เขาไม่สามารถข่มความกลัวที่อยู่ภายในใจได้
ภายในถ้ำราวกับเป็ตำหนักใต้ดินอย่างไรอย่างนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่ถูกสร้างขึ้นจากหินสีแดงและภายในก้อนหินสีแดงเ่าั้มีปราณไหลเวียนอยู่
เมื่อครู่ถังเหล่ยจุดคบเพลิง เปลวเพลิงจากมือของเขาไปกระตุ้นก้อนหินสีแดงภายในถ้ำใต้ดิน
“ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ จ้าวยุทธ์ผู้นี้ทุ่มเทพลังกายเพื่อสร้างถ้ำขนาดใหญ่แห่งนี้ไว้เพื่อสิ่งใดกัน?” ถังเหล่ยพึมพำกับตัวเอง
แม้ว่าจ้าวยุทธ์จะสามารถหลอมรวมสรรพสิ่งรอบด้านได้ แต่การสร้างถ้ำขนาดใหญ่เช่นนี้ได้ต้องใช้พลังปราณค่อนข้างมาก เป็ไปไม่ได้ที่จ้าวยุทธ์ผู้นี้จะสร้างตำหนักขนาดใหญ่ใต้พื้นโลกโดยไร้จุดประสงค์
ต้องมีเหตุผลสำคัญอย่างแน่นอน!
หินสีแดงส่องสว่างไปทุกทิศทุกทาง ทำให้สามารถมองเห็นเส้นทางด้านหน้า
ถังเหล่ยเก็บผ้าคลุม ในขณะนี้ภายในถ้ำมีเพียงเขาผู้เดียวเท่านั้น เขาไม่จำเป็ต้องปกปิดใบหน้าแล้ว เขาค่อยๆ เดินไปตามเส้นทางมือถือกริชเอาไว้เพื่อเป็การป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
หินสีแดงที่อยู่ภายในถ้ำแห่งนี้ถูกหลอมรวมเป็อันหนึ่งอันเดียวกัน ถังเหล่ยใช้กริชในมือกรีดไปที่ก้อนหินก้อนหนึ่ง หินที่ถูกกรีดมีของเหลวไหลออกมา และอุณหภูมิก็เย็นลงอย่างรวดเร็ว
“ก้อนหินเหล่านี้มีความผิดปกติยิ่งนัก มันต้องมีจุดศูนย์รวมพลังอย่างแน่นอน” ถังเหล่ยกล่าวด้วยความใ
หากคิดอีกแง่มุมหนึ่งก้อนหินเหล่านี้อาจเป็ศิลาเพลิงิญญาก็เป็ได้ ไม่เช่นนั้นพวกมันคงไม่มีอายุมากกว่าพันปีอย่างแน่นอน สิ่งนี้ทำให้ถังเหล่ยรู้สึกตื่นเต้นและดีใจขึ้นมาพร้อมๆกัน
ทันทีที่ถังเหล่ยตระหนักได้ว่าหินภายในถ้ำแห่งนี้ได้รับพลังจากที่ไหนสักแห่ง เขาจึงเดินไปตามเส้นทางทันที และหวังว่าจะเจอกับต้นกำเนิดของพลังงาน
หลังจากเดินเข้าไปได้ครู่หนึ่ง ถังเหล่ยก็ได้ยินเสียงบางอย่างจากด้านใน เขาค่อยๆ ลดความเร็วลง และเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้
หลังจากนั้นไม่นาน กิ้งก่าขนาดสองวาตัวหนึ่งก็ปรากฏออกมาส่วนลึกของถ้ำ ทั่วร่างของมันเต็มไปด้วยเกล็ดหนาราวกับหิน บนเกล็ดเปล่งประกายแสงสีแดงวูบวาบออกมา ดวงตาราวกับเปลวเพลิงอย่างไรอย่างนั้น
“กิ้งก่าเพลิง!”
ถังเหล่ยผ่อนลมหายใจ สัตว์อสูรเช่นนี้ชอบใช้ชีวิตในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูง โดยเฉพาะสถานที่ที่มีศิลาเพลิงิญญาและธารลาวา
แน่นอนว่ากิ้งก่าตัวนี้ไม่เคยพบเจอกับมนุษย์มาก่อน มันจ้องมองถังเหล่ยโดยไม่ละสายตาเลยแม้แต่ลมหายใจเดียว ทันใดนั้นมันก็พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว แสงแวววาวราวกับพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวตัดผ่านร่างของกิ้งก่าตัวนั้นทันที กิ้งก่าขนาดใหญ่ถูกตัดเป็สองท่อนอย่างรวดเร็ว
สีแดงเพลิงบนร่างค่อยๆ จางหายไป ทันใดนั้นถังเหล่ยก็ััได้ว่ามีเสียงฝีเท้าจำนวนนับไม่ถ้วนดังมาจากส่วนลึกของถ้ำ เสียงนี้ทำให้หนังศีรษะของเขาด้านชาขึ้นมาทันที
“แย่แล้ว เราอยู่ในรังของกิ้งก่าเพลิง”
ถังเหล่ยนึกขึ้นมาได้ทันทีว่ากิ้งก่าเพลิงจะอยู่รวมกันเป็ฝูง ทันใดนั้นาากิ้งก่าเพลิงหันกลับไปมองถังเหล่ย หลังจากนั้นกิ้งก่าเพลิงมากมายก็คลานออกมา
กิ้งก่าเพลิงส่วนใหญ่มีความยาวเท่ากับตัวที่ถังเหล่ยสังหารไปเมื่อครู่ แต่กิ้งก่าั์บางตัวมีความยาวเกือบสองวา เมื่อฝูงกิ้งก่าเพลิงเห็นถังเหล่ยกับกิ้งก่าเพลิงที่ถูกตัดเป็สองท่อนอยู่ด้วยกันก็พากันพุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง
ทันทีที่ถังเหล่ยเห็นกิ้งก่าเพลิงจำนวนมากพุ่งเข้ามา เขาก็วิ่งหนีด้วยความเร็วสูงสุด
พลังการเติบโตของกิ้งก่าเพลิงค่อนข้างสูง เมื่อก่อนถังเหล่ยเคยไปขุดศิลาเพลิงิญญาระดับสี่และต้องพบกับกิ้งก่าระดับห้า กิ้งก่าระดับห้าเกือบจะกลายร่างเป็มนุษย์โดยสมบูรณ์
ถังเหล่ยวิ่งหนีโดยไม่คิดชีวิตและไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเส้นทางที่เขาวิ่งอยู่นั้นจะนำพาเขาไปยังที่ใด เขาวิ่งตามเส้นทางอย่างต่อเนื่อง และกิ้งก่าที่วิ่งไล่หลังมาก็หวังที่จะเผาผู้บุกรุกผู้นี้ทั้งเป็
เขาใช้เวลาวิ่งมาได้ประมาณครึ่งก้านธูปก็พบถ้ำขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้า ถ้ำแห่งนี้สร้างขึ้นจากศิลาเพลิง มันมีขนาดใหญ่กว่าร้อยวาและสูงหลายสิบวา
ภาพที่ประจักษ์อยู่เบื้องหน้า ทำให้ถังเหล่ยรู้สึกแปลกใจกับจ้าวยุทธผู้นี้เป็อย่างมาก เขาจะต้องใช้พลังปราณภายในร่างมากเพียงใดจึงจะสามารถสร้างถ้ำขนาดใหญ่เช่นนี้ได้
อีกด้านหนึ่งกิ้งก่าเพลิงยังคงไล่ตามเขาไม่เลิก ทันทีที่กิ้งก่าฝูงที่อยู่ด้านหน้าก้าวเข้ามาในถ้ำ พวกมันก็ส่งเสียงร้องราวกับถูกโจมตีด้วยพลังมหาศาล หลังจากนั้นไม่กี่ลมหายใจกิ้งก่าที่อยู่ภายในถ้ำก็ตายอย่างน่าอนาถ
ทันทีที่ฝูงของกิ้งก่าเห็นภาพที่เกิดขึ้นก็หยุดวิ่งทันที แม้ว่าพวกมันจะมีสติปัญญาไม่มากนักแต่ก็รับรู้ได้ว่าเบื้องหน้ามีภัยอันตรายที่ไม่สามารถต้านทานได้ พวกมันจึงทำได้เพียงส่งเสียงขู่อยู่ด้านนอกเท่านั้น
หยุดไล่ล่าแล้ว!
เมื่อถังเหล่ยตระหนักได้ว่าฝูงกิ้งก่าหยุดไล่ตามเขาแล้ว เขาจึงเลิกสนใจเสียงขู่จากด้านนอกทันที และหันกลับมาให้ความสนใจเกี่ยวกับถ้ำแห่งนี้แทน
……