“หึ!”
เฉียวจิ้งยวนตวัดสายตามองตี๋วั่นเสียนที่กองอยู่กับพื้นในสภาพเืกบปากราวกับศพของสุนัข นางอดกลั้นความรู้สึกชาหนึบตรงบั้นท้ายและสะบัดหน้าเดินจากไปอย่างไม่ใยดี
เยี่ยเฉินเฟิงเมื่อเห็นว่าเฉียวจิ้งยวนไม่คิดที่จะปรายตาหันมามอง เขาก็ได้หัวเราะเยาะกับตัวเองเงียบๆ
หากเป็เมื่อก่อน นอกจากเฉียวจิ้งยวนจะไม่เมินเฉยใส่ตนแล้ว ยังพยายามทำทุกอย่างเพื่อเอาอกเอาใจตนด้วยซ้ำ แต่หลังจากได้รู้ว่าจิติญญาของเขาไม่อาจรวมร่างเป็จิตอสูรได้และถูกขับไล่ออกจากตระกูลเยี่ย ทุกอย่างก็พลันเปลี่ยนไป
ด้วยเหตุนี้เองเยี่ยเฉินเฟิงจึงได้เผชิญกับความจริงที่ไม่อาจคาดเดาได้ว่าโลกแห่งความเป็จริงนั้นโหดร้ายเพียงใด
“แข็งแกร่ง ข้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้“
เยี่ยเฉินเฟิงกำหมัดแน่นและสาบานกับตัวเองในใจ แม้เขาจะรู้ดีว่าการที่เขาคิดอยากจะเป็ผู้ที่แข็งแกร่งโดยปราศจากจิตอสูรนั้นมันยากเย็นเพียงใด ไม่ว่าเบื้องหน้าจะมีขวากหนามมากมายขนาดไหน เขาก็จะมุ่งหน้าทำต่อไปอย่างกล้าหาญและไม่ย่อท้อ
หลังจากซื้อยาสมุนไพรราคาถูกมาได้ เยี่ยเฉินเฟิงก็เดินออกจากร้านโอสถไป
ถึงแม้ว่าการพักอาศัยอยู่ในสำนักไป๋ตี้จะมีทุกอย่างครบครันและสะดวกสบายมาก แต่หลังจากที่เยี่ยเฉินเฟิงถูกขับไล่ออกจากตระกูลเย่นั้น เขาก็สูญเสียการสนับสนุนด้านการเงินทั้งหมดไป เขาจำต้องเช่าบ้านหลังเล็กราคาถูกแถบชานเมืองไป๋ตี้อย่างไม่มีทางเลือกเพื่อประหยัดเงิน
“หือ นี่มันกลิ่นเืนี่ ทำไมถึงมีกลิ่นเืออกมาจากในบ้านล่ะ”
ทันทีที่เยี่ยเฉินเฟิงพาร่างกายอันเหนื่อยล้ากลับมาถึงบ้านหลังเล็ก ประสาทการดมกลิ่นอันฉับไวของเขาก็ััได้ถึงกลิ่นเืจางๆ ที่อบอวลอยู่ในอากาศ เขาจึงเกิดความหวาดระแวงขึ้นมาอย่างกะทันหัน
เยี่ยเฉินเฟิงหยุดยืนตรงหน้าประตู ในขณะที่สายตาก็กำลังสอดส่องหาสิ่งผิดปรกติ และเขาก็พบร่างอันเปื้อนเือยู่ใต้กระถางต้นไม้เก่าแก่ต้นเดียวภายในห้อง ร่างดังกล่าวถูกของมีคมแทงทะลุหน้าอกและนอนจมกองเืแน่นิ่ง
“ศพ ทำไมในบ้านของข้าถึงมีศพโผล่มาได้ล่ะเนี่ย”
เยี่ยเฉินเฟิงยืนมองร่างนั้นอยู่ห่างๆ หัวคิ้วขมวดมุ่นด้วยความลังเล แต่ก็ยังเลือกที่จะเดินเข้าไปใกล้ๆ เพื่อตรวจดูสถานการณ์
“ชุดพวกนี้หรูหรามาก ดูท่าตอนคนผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่ คงจะเป็คนใหญ่คนโตแท้เชียว”
ขณะที่เยี่ยเฉินเฟิงกำลังตรวจดูเหตุการณ์อยู่นั้น เขาก็พบว่าชุดที่ร่างนั้นสวมใส่อยู่ ถึงแม้จะฉีกขาดหลุดลุ่ย แต่เมื่อได้ลองััเนื้อผ้าดูแล้ว ผิวััเรียบลื่นนุ่มมือมาก อีกทั้งไม่มีรอยเปื้อนฝุ่นดินเลยแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าเป็ชุดที่มีพลังิญญาเป็แน่
เขาอาศัยอยู่ในตระกูลเยี่ยั้แ่เล็กจนเติบใหญ่ ได้เปิดหูเปิดตารับรู้เื่ราวต่างๆ มามากมาย แต่เขาไม่เคยพบชุดที่มีพลังิญญาสถิตเช่นนี้มาก่อน เพียงเสื้อผ้าที่ร่างนี้ได้สวมใส่อยู่นั้น ก็เป็เครื่องยืนยันได้แล้วว่าฐานะของคนผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย
“ไม่ได้การละ ต้องรีบฝังร่างเขาด่วนเลย หากปล่อยให้ศัตรูเขาล่วงรู้ว่าร่างเขาอยู่ที่นี่ ไม่แน่ข้าอาจจะถูกหมายหัวเอาได้”
เมื่อตัดสินใจได้ เยี่ยเฉินเฟิงก็เริ่มเคลื่อนย้ายร่างอันโชกเืไปทางหลังบ้าน และเตรียมขุดหลุมเพื่อฝัง
ในระหว่างที่กำลังเคลื่อนย้ายศพอยู่นั้น ก็มีแหวนวงหนึ่งหล่นออกมาจากเสื้อของร่างนั้นโดยบังเอิญ ตัวแหวนทำมาจากโลหะคล้ายทองคำ ตรงกลางฝังพลอยสีทองทึบและมีรอยแตกร้าวทั่วทั้งวง
“นี่คงไม่ใช่แหวนเอกภพหรอกนะ” ตระกูลเยี่ยมีแหวนที่คล้ายคลึงกันอยู่หนึ่งวง เป็สมบัติตกทอดประจำตระกูลซึ่งคนทั่วไปไม่อาจพบเห็นได้ มูลค่าของมันนั้นมหาศาลยากที่จะประเมินค่า
ในตอนที่เยี่ยเฉินเฟิงทดสอบพร์และกำลังรุ่งโรจน์ เขาเคยเห็นแหวนวงนั้นอยู่ครั้งหนึ่ง
พอนึกถึงห้วงมิติที่ซ่อนอยู่ในแหวนเอกภพ ประกอบกับฐานะของคนผู้นี้ที่ไม่ธรรมดา ดวงตาของเยี่ยเฉินเฟิงพลันวาววับ
“แหวนเอกภพวงนี้คิดเสียว่าเป็ค่าเหนื่อยที่ข้าช่วยฝังศพของเ้าก็แล้วกัน” เยี่ยเฉินเฟิงพุ่งไปที่ร่างซึ่งหน้าอกถูกเจาะทะลุ คว้าเอาแหวนเอกภพที่มีสภาพร้าวนั้นขึ้นมา
“ตูม!”
มือขวาของเยี่ยเฉินเฟิงเผลอออกแรงมากไปหน่อย จึงไม่ทันระวังบีบแหวนเอกภพที่อยู่ในสภาพซอมซ่อจนแตกละเอียด พลังผนึกป้องกันจึงะเิออกมา สะท้านะเืจนแขนของเขาชาไปทั้งแถบ เืลมทั่วร่างปั่นป่วน กระอักเืออกมาอึกใหญ่ ร่างเอียงกระแทกพื้นแทบจะล้มทั้งยืน
หากไม่ใช่เพราะแหวนเอกภพวงนี้ชำรุดอย่างหนักและสูญเสียพลังผนึกป้องกันไปเกือบหมดแล้ว แรงจากการะเิตัวเองของพลังผนึกในแหวนเอกภพคงมากพอทำให้เยี่ยเฉินเฟิงเสียชีวิตได้ในทันที
“หืม นั่นอะไรน่ะ?”
หลังจากพลังผนึกจางหายไป เยี่ยเฉินเฟิงที่าเ็หนักก็สังเกตเห็นว่า นอกจากกล่องโลหะสี่เหลี่ยมสีดำเข้มกล่องหนึ่งและผลึกิญญาที่แตกหักอีกหลายก้อน สิ่งของอื่นล้วนเสียหายอย่างหนักจนไม่สามารถใช้งานได้ ทำให้เขารู้สึกเสียดายและเจ็บใจอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
“ไม่รู้ว่าในกล่องดำใบนี้บรรจุอะไรเอาไว้บ้าง?” เยี่ยเฉินเฟิงรู้สึกสงสัยจึงเปิดกล่องออกดู ภายในกล่องดำนั้นปรากฏก้อนกลมๆ แปลกประหลาด...มันคือสมองมนุษย์ที่เซลล์กล้ามเนื้อยังเต้นตุบๆ
“สมอง กล่องใบนี้ใส่สมองคนสดๆ เอาไว้หรือนี่” เยี่ยเฉินเฟิงมองสมองสีแดงสดในกล่องอย่างงวยงง
“นี่มันสมองของคนแบบไหนกัน ทำไมเซลล์กล้ามเนื้อถึงยังเต้นอยู่ล่ะ”
ในความทรงจำของเยี่ยเฉินเฟิง ถ้าสมองถูกแยกออกจากกะโหลกจะต้องสูญเสียพลังชีวิตในทันที ไม่มีทางเต้นตุบๆ ราวกับมีชีวิตเช่นสมองตรงหน้านี้ได้
“ซี๊ด!”
ขณะที่เยี่ยเฉินเฟิงใช้นิ้วจิ้มก้อนสมองสีแดงสดเบาๆ ด้วยความสงสัย นิ้วของเขาก็ราวกับถูกบางอย่างทิ่มแทง ความปวดแปลบแล่นขึ้นอย่างฉับพลัน
เมื่อเขาคิดจะชักนิ้วออกมา เขากลับพบว่านิ้วของตนนั้นถูกสมองตรงหน้าดูดยึดเอาไว้ เืสดๆ ปริมาณมากจากร่างเขารินไหลเข้าไปในสมองก้อนนั้น
หลังจากดูดเืจากนิ้วของเยี่ยเฉินเฟิงเข้าไป เซลล์สมองสีแดงสดก็ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น เืแดงสดจำนวนหนึ่งไหลกลับเข้ามาตามนิ้วมือและเจาะทะลวงเข้าไปในร่างกายของเขา
“ตุ้บ!”
เยี่ยเฉินเฟิงคล้ายถูกค้อนหนักๆ ทุบเข้าที่ศีรษะอย่างจัง ะเืจนจิติญญาของเขาสั่นระริก แทบจะล้มทั้งยืนในทันที
ครู่ต่อมา ความเ็ปรวดร้าวปานจะขาดใจตายก็ปรากฏขึ้นในสมองของเยี่ยเฉินเฟิง ความรู้สึกคล้ายกับถูกเข็มเหล็กนับไม่ถ้วนทิ่มแทงเข้าไปในหัวสมองของเขา
ปวดร้าวจนเยี่ยเฉินเฟิงต้องยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากุมศีรษะ เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดออกจากหน้าผากเขาอย่างไม่ขาดสาย กลิ้งตัวทุรนทุรายอยู่บนพื้น ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน
“นี่มันตัวบ้ากันอะไรวะ มันคิดจะกลืนกินสมองของข้างั้นเรอะ” ความเ็ปอย่างแสนสาหัสส่งผลให้เยี่ยเฉินเฟิงรู้สึกหายใจไม่ออกคล้ายร่างกำลังจะแตกสลาย
สิ่งที่มีมากกว่าความเ็ปคือความหวาดกลัว เขากลัวว่าสมองของตนเองจะถูกสมองประหลาดก้อนนั้นกลืนกิน แล้วเขาก็จะกลายเป็เพียงร่างเนื้อเดินได้ ไร้ซึ่งความรู้สึกนึกคิด
“ไม่ ข้ายังอยากไล่ตามวิถีแห่งการฝึกยุทธ์ถึงที่สุด ข้าจะตายไปพร้อมความคับแค้นใจเช่นนี้ไม่ได้”
เยี่ยเฉินเฟิงะเิเสียงคำรามออกมาท่ามกลางความปวดร้าว ปลายนิ้วจิกลึกลงบนหนังศีรษะ พยายามรักษาจิตใจของตนสุดกำลัง รั้งสติสัมปชัญญะเฮือกสุดท้ายไว้สุดแรง ต่อสู้ดิ้นรนด้วยใบหน้าซีดเซียว
หนึ่งนาที สองนาที สามนาที...
แม้จะเป็่เวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งร้อยแปดสิบวินาที แต่สำหรับเยี่ยเฉินเฟิงแล้วนั้น มันช่างยาวนานคล้ายผ่านไปหนึ่งศตวรรษ ในตอนที่เขาเกือบจะสิ้นสติเพราะความเ็ปทรมานอย่างแสนสาหัส โลหิตสีทองแปลกตาก็ปรากฏขึ้นที่เส้นชีพจรของเขาและไหลเวียนเข้าสู่สมอง
ครู่ต่อมา สมองประหลาดก้อนนั้นก็หยุดการกลืนกิน ภาพจำนวนมากไหลรินเข้าสู่ห้วงสมองของเยี่ยเฉินเฟิง
ในขณะที่สมองของเยี่ยเฉินเฟิงกำลังหลอมรวมภาพความทรงจำเ่าั้ ดวงตาแดงฉานของร่างที่หน้าอกถูกแทงทะลุและเืที่รินไหลจนเกือบจะเหือดแห้งก็พลันเบิกโพลง
เมื่อเขาเห็นว่าสมองโลหิตในกล่องสีดำนั้นหายไป และมีกลุ่มหมอกโลหิตกำลังล้อมรอบศีรษะของเยี่ยเฉินเฟิงอยู่ ดวงตาสีแดงฉานของเขาก็ฉายแววประหลาดใจ
หลังจากนั้นความประหลาดใจในแววตาก็ถูกแทนที่ด้วยจิตสังหารทันที และเป็จิตสังหารที่ดุดันเสียด้วย
