คิดจะทำร้ายข้ามิใช่หรือ? เหยียนอู๋อวี้คิดในใจ กระนั้นขาทั้งสองข้างกลับคุกเข่าลงโดยไม่ลังเลและเอ่ยว่า “แม่นมซูเข้าใจผิดแล้ว ครีมหยกบำรุงผิวที่ไทเฮามอบให้นั้นล้ำค่ายิ่งนัก หม่อมฉันเสียดายจึงไม่อยากใช้กับาแเพียงเล็กน้อย ยามนี้วางอยู่บนโต๊ะบูชา เพื่อจะได้สวดภาวนาขอบพระคุณในความเมตตาของไทเฮาทุกวันเพคะ!”
คำพูดของนางจริงใจและไม่มีสิ่งใดผิดปกติ ทว่าแม่นมซูกลับไม่รามือ “สิ่งของที่ไทเฮาทรงประทานให้ต้องใช้ หาก้ารำลึกถึงพระเมตตาของไทเฮา เ้าก็ควรวางสิ่งของมีค่าอย่างอื่นแทน เ้าเดินประจานาแบนใบหน้า เห็นได้ชัดว่าเนื่องจากาแเ้ายังมีความขุ่นเคืองต่อไทเฮาอยู่ในใจ หรือว่าเ้าจะให้ไทเฮาทรงทาแผลให้เ้าด้วยพระองค์เองจึงจะพอใจกระมัง?”
เหยียนอู๋อวี้โขกศีรษะทันทีและทูลว่า “กราบทูลไทเฮา คืนนั้นในตำหนักเฟิ่งชัย ไทเฮาทรงกังวลเกี่ยวกับเื่ของฝ่าา จนทำให้หม่อมฉันาเ็โดยมิได้ตั้งใจ หม่อมฉันไม่เคยคิดขุ่นเคืองอันใดเพคะ และยิ่งรู้สึกะเืใจต่อความรักที่ไทเฮามีให้ฝ่าา สาเหตุที่หม่อมฉันมิได้ใช้ครีมหยกบำรุงผิวนั้น ประการแรกเพื่อแสดงความกตัญญูต่อไทเฮาที่ทรงห่วงใย ประการที่สอง เพื่อเตือนสติตนเองว่าต่อไปจะต้องดูแลฝ่าาให้ดีกว่านี้ เพื่อมิให้ไทเฮาทรงเป็กังวลอีก ประการที่สาม เพื่อรำลึกถึงความรักที่ไทเฮาทรงมีต่อบุตรชายของตนเองเพคะ”
คำพูดของเหยียนอู๋อวี้นั้นจริงใจ ะเือารมณ์ มีเหตุมีผล ยากที่จะหักล้างคำพูดเ่าั้ได้
แม่นมซูนิ่งอึ้งพูดไม่ออกครู่หนึ่ง นางอาจไม่คิดเช่นนั้น ทว่านางไม่สามารถหาจุดผิดได้เลย
ไม่คาดคิดว่าไทเฮาจะกระชากเสียงฮึเ็าแล้วมีรับสั่งว่า “ปฏิเสธของขวัญที่ผู้าุโมอบให้ ไม่เพียงไม่เชื่อฟังคำสั่งของอายเจีย ยังกล้าที่จะโต้แย้งเล่นลิ้นเช่นนี้ รีบออกไปคุกเข่านอกตำหนักเดี๋ยวนี้!”
“เพคะ ไทเฮา ไทเฮา โปรดระงับโทสะ!” เหยียนอู๋อวี้ก้มลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว โขกศีรษะสามครั้งแล้วค่อยๆ ถอยออกไป
นางรู้ดีว่าไทเฮาจะต้องออกหน้าในเื่นี้อย่างแน่นอน ในใจยังกังวลว่าครานี้ตนเองต้องเจ็บตัวอีกเป็แน่ เมื่อได้ยินว่านางถูกลงโทษด้วยการคุกเข่า นางพลันรู้สึกโล่งใจ
เมื่อคิดอย่างละเอียดคงเป็เื่เฮ่อเสี่ยวซือเสียมากกว่า ไทเฮาทรงรู้สึกพอพระทัยในเื่นี้ จิตใจเบิกบานไม่้าเห็นเืจึงมีเมตตาไม่ลงมือหนักกว่านี้
เหยียนอู๋อวี้มิได้รู้สึกขอบพระทัยไทเฮาเลยสักนิด หนำซ้ำยังรู้สึกรังเกียจสุดขั้น การกระทำในวันนี้ทำให้เหยียนอู๋อวี้เข้าใจว่าเหตุใดไทเฮาจึงประทานครีมหยกบำรุงผิวแก่นาง
องค์หญิงใหญ่ประทานหญิงงามสองคน ส่งผลให้ไทเฮาทรงเป็กังวลอย่างยิ่ง นาง้าใช้เฮ่อเสี่ยวซือผูกมัดหัวใจของซ่งอี้เฉิน ทว่าซ่งอี้เฉินมิได้มาหานางเลยเนื่องจากถูกอู๋เจาหรงวางยาพิษ เมื่อไม่กี่วันก่อนนางมอบตะกร้าดอกไม้ให้ซ่งอี้เฉิน และต่อมาได้ยินจากซูอิ่งว่า ซ่งอี้เฉินสั่งให้เว่ยหรูไห่ปลูกดอกไม้เ่าั้ในวัง คาดว่าไทเฮาคงทราบเื่นี้แล้ว
ไทเฮากังวลว่าหลังจากซ่งอี้เฉินหายดี นางจะมัดใจเขาได้อีกครั้ง ดังนั้นไทเฮาจึง้าใช้ครีมหยกบำรุงผิวทำลายโฉมนางเพื่อให้ซ่งอี้เฉินรังเกียจนาง เปิดโอกาสให้กับเฮ่อเสี่ยวซือ กลับนึกไม่ถึงว่านางจะไม่ได้ใช้มัน
แผนที่วางไว้สูญเปล่า จะไม่พาลโกรธได้อย่างไร?
ตามอุปนิสัยของไทเฮา เกรงว่าอีกไม่นานคงต้องลงมือจัดการหญิงงามทั้งสองคนที่องค์หญิงใหญ่ส่งมา การที่นางถูกลงโทษครั้งนี้ถือว่าเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกันแล้ว
เหยียนอู๋อวี้ค่อยๆ ออกจากตำหนักอี้คุน และคุกเข่าที่หน้าประตู หลังจากนั้นไม่นานนางพลันได้ยินเสียงร้องไห้ดังมาจากห้องโถง เสียงดังหนวกหูยิ่งนัก ครู่หนึ่งเสียงฟาดไม้พลองพลันดังขึ้น ตามที่นางคาดไว้ หญิงงามทั้งสองคนนั้นคงถูกลงโทษอย่างแน่นอน!
เสียงร้องดังเข้าหูนางไม่หยุด เหยียนอู๋อวี้คุกเข่าหน้าประตูนิ่งไม่ขยับเขยื้อน ทว่าความคิดของนางกลับไม่สั่นคลอนเลยแม้แต่น้อย
ในเมื่อเข้ามาในวังหลวงแล้ว ควรเตรียมตัวเตรียมใจเช่นนี้ การร้องไห้ร้องขอความเมตตานั้นไร้ประโยชน์
เพียงแต่ในเวลานี้เหยียนอู๋อวี้พบว่านางประเมินไทเฮาต่ำเกินไป เหตุผลที่ไทเฮาไม่ลงโทษนางหนักไปกว่านี้ คงไม่ใช่เพราะนางไม่้าเห็นเื หากแต่เป็เพราะยามนั้นซ่งอี้เฉินปกป้องนาง ไทเฮาเองก็ยังหวาดกลัวแกมอิจฉาเล็กๆ เกรงว่าหากลงโทษนางมากเกินไป อาจจะทำให้ซ่งอี้เฉินขุ่นเคืองได้
ไทเฮามิได้กลัวว่าซ่งอี้เฉินจะทำอันใดกับนางหรือสอบถามสาเหตุ ก็เพราะซ่งอี้เฉินเป็บุตรชายของนาง สตรีผู้ให้กำเนิดย่อมมีจิตใจปกป้องบุตรชายของตนอยู่แล้ว
เสียงร้องไห้ค่อยๆ เบาลง เหลือเพียงเสียงสะอื้น กระนั้นเสียงไม้ฟาดลงไปยังคงไม่หยุด
ขณะที่เหยียนอู๋อวี้คิดว่าหญิงงามทั้งสองอาจมีอันตรายถึงชีวิต พลันมีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามา นางเงยหน้าขึ้นมองคราหนึ่งแล้วก้มศีรษะลงทันที องค์หญิงใหญ่เป็แขกผู้มาเยือนตำหนักอี้คุนที่หาได้ยาก สำหรับเสด็จแม่พระองค์นี้ คล้ายว่านางไม่จำเป็ต้องมาให้เห็นหน้าเลยก็ได้ แม้แต่ยามที่องค์หญิงจัดการฮูหยินเหยียนในงานร้อยบุปผาครั้งล่าสุด องค์หญิงก็ไม่เคยมาขอประทานอภัยที่ตำหนักอี้คุนเลย กระทั่งมารยาทที่พึงกระทำทั่วไปก็ไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง
องค์หญิงมาที่นี่ได้ คงเป็เพราะเื่ของอาลักษณ์อู๋กระมัง?
เหยียนอู๋อวี้มีข้อสงสัยอยู่ในใจ ทว่านางยังคงก้มศีรษะแสร้งทำเป็หมอบกราบ เนื่องจากชุดที่นางสวมใส่คล้ายกับชุดนางกำนัลในวัง องค์หญิงใหญ่เพียงแค่เหลือบมองแผ่นหลังนางและไม่สนใจอีก ก่อนจะให้ขันทีประคองนางเข้าไปในตำหนัก ขณะที่กำลังเดินผ่านประตูเข้าไปในตำหนัก นางพลันเอ่ยเสียงเ็าว่า “ไทเฮามีข้อห้ามมากมาย พวกเ้ารออยู่ด้านนอกเถิด”
บุรุษผู้หนึ่งตอบรับเสียงเบาพร้อมหยุดอยู่นอกประตู มององค์หญิงใหญ่เดินลับสายตาไป จากนั้นจึงเดินไปหาเหยียนอู๋อวี้
เหยียนอู๋อวี้ค่อยๆ ยืดตัวคุกเข่าจากท่าหมอบกราบ ได้ยินใครบางคนถามนาง “นางกำนัล เ้าทำผิดเื่อันใดหรือ?”
เมื่อซูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ นางกำลังจะตำหนิคนผู้นั้น เพียงแต่เหยียนอู๋อวี้ห้ามไว้ เหยียนอู๋อวี้หันหน้าไปมองบุรุษผู้นั้น จู่ๆ นางพลันยกยิ้มมุมปาก หากแต่สายตากลับเผยถึงความเศร้าหมอง ทำให้ผู้ที่พบเห็นรู้สึกเ็ปใจยิ่งนัก
บุรุษผู้นั้นตกตะลึง ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้โดยไม่รู้ตัวและเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแ่เบา “แม่นาง เ้าเกิดอันใดขึ้น บอกให้ข้าฟัง ข้าจะช่วยเหลือเ้า”
เหยียนอู๋อวี้ก้มหน้ามิได้ใส่ใจในคำพูดนี้ ทว่าบุรุษผู้นั้นกลับสนใจและเอ่ยอย่างกังวล “ข้าเยวี่ยเซิน บิดาข้าเป็รองเ้ากรมการคลัง ยามนี้ข้าเป็แขกขององค์หญิงใหญ่ หากแม่นางมีสิ่งใดคับข้องใจ บอกข้าได้เลย ข้าจะคืนความยุติธรรมให้เ้า”
เหยียนอู๋อวี้ยังคงเพิกเฉยและคุกเข่าเงียบๆ มองไปทางห้องโถงหลักของตำหนักอี้คุน
องค์หญิงใหญ่ก้าวไปที่ประตูห้องโถงใหญ่ของตำหนัก ทำเป็มองไม่เห็นหญิงงามฝาแฝดที่ยังนอนบนไม้กระดาน จากนั้นเชิดหน้าเดินเข้าไปด้านในโดยไม่รอให้ขันทีส่งเสียง
เดิมทีไทเฮากำลังสนทนากับคนอื่นเกี่ยวกับเื่ของเฮ่อเสี่ยวซือ เมื่อไทเฮาเห็นขันทีรีบวิ่งเข้ามา นางเอ่ยจบประโยคพอดีพลันเห็นองค์หญิงใหญ่เดินเข้ามา ไทเฮาค่อนข้างไม่พอใจ ทว่ายังคงระงับความโกรธ พลางแย้มยิ้มตรัสว่า “ิชิ่งมาแล้วหรือ?”
ิชิ่งเป็ชื่อตำแหน่งขององค์หญิงใหญ่ นางแย้มยิ้มสดใส เดินเข้ามาย่อกายถอนสายบัวเป็การทักทาย พลางเอ่ยว่า “เสด็จแม่้าให้ทุกตำหนักมาถวายพระพรทุกวัน หม่อมฉันดูแลอยู่หนึ่งตำหนัก ย่อมอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย หม่อมฉันจึงมาถวายพระพร ทว่าหม่อมมาสาย เสด็จแม่โปรดอย่าตำหนินะเพคะ”
ไทเฮามองรอยยิ้มของนาง ไร้ซึ่งท่าทีโกรธเคือง เนื่องจากโค่นอาลักษณ์อู๋ไปหนึ่งคนก็เท่ากับการตัดแขนของนางไปข้างหนึ่ง ในฐานะผู้ชนะ ไทเฮามีความอดทนเพียงพอต่อผู้พ่ายแพ้ นางคิดในใจว่าหากไม่มีเื่สำคัญนางคงจะไม่มาเข้าเฝ้าแน่นอน ครั้งนี้องค์หญิงใหญ่ต้องมีเื่อันใดเป็แน่ นางต้องระวังตัว กระนั้นสีหน้ายังคงแย้มยิ้มตรัสว่า “ไฉนจึงได้ทำตัวเกรงอกเกรงใจขึ้นมาได้ ทำให้อายเจียไม่รู้จะตอบเ้าอย่างไรจริงๆ”
ไทเฮาทรงรอให้องค์หญิงใหญ่เอ่ยจุดประสงค์ในการเดินทางมาครั้งนี้ ทว่าองค์หญิงใหญ่คล้ายจะไม่รู้ตัว นางกล่าวทักทายสองสามคำ ท่าทางขององค์หญิงแลดูอารมณ์ดีอย่างยิ่ง ในที่สุดนางก็เอ่ยปากพูดว่า “เสด็จแม่ หม่อมฉันไม่ทราบว่าแฝดหญิงงามสองคนนั้นทำผิดอันใดหรือเพคะ โดนทุบตีแต่เช้า ปกติเสด็จแม่ถือศีลสวดภาวนาแทบทั้งวัน และไม่อยากให้ตำหนักอี้คุนต้องแปดเปื้อนโลหิต”