“แม่นางเฟิง เชิญ!” ภายใต้การนำทางของชายหนุ่มในชุมนุมเดินหมาก เฟิ่งเฉี่ยนและมู่ชิงเซียวได้มาถึงห้องพิเศษ หวง ที่อยู่บนชั้นสอง
ห้องพิเศษ หวง นั้นอยู่ตรงข้ามกับห้องพิเศษ เสวียน มองจากไกลๆ มีธงกระดานหมากกั้นกลางระหว่างทั้งสองห้อง และในห้องพิเศษนี้ยังมีกระดานหมากอันเล็กวางอยู่ไม่น้อย ยังมีเด็กถือตัวหมาก และมีเด็กที่รับผิดชอบแจ้งการเดินหมาก รวมไปถึงเด็กที่ทำหน้าที่รับผิดชอบเดินหมาก นี่เป็การประลองเดินหมากของยอดฝีมือระดับต้าซือ วันนี้เฟิ่งเฉี่ยนมีโอกาสได้รับการดูแลเยี่ยงนี้
มู่ชิงเซียวอดที่จะทอดถอนใจไม่ได้ “ดูจากการจัดการของชุมนุมหมากล้อมแล้ว พวกเขาเห็นเ้าเป็คู่ต่อสู้ที่มีฝีมือร้ายกาจ เฉียนเฉี่ยน เ้าอย่าได้มีความกดดันเกินไปเล่า!”
เฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ “ข้าจะมีแรงกดดันอันใด ผู้ที่มีความกดดันควรจะเป็ฝ่ายพวกเขา!”
เดิมทีนางก็ไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังในวงการเดินหมากล้อม แพ้ก็แค่แพ้ ไม่ได้สลักสำคัญอันใด อีกทั้งนางเอาชนะได้แล้วสองกระดาน ชนะด้วยฐานะนักเดินหมากมือสมัครเล่นที่เอาชนะยอดฝีมือระดับเจ็ดถึงสองกระดาน นางเอาชนะได้แล้ว! ดังนั้นหากนางจะมีความกดดันก็มิใช่ด้วยสาเหตุอื่น แต่เป็เพราะแมวเทพ!
มู่ชิงเซียวพูดขึ้นว่า “พูดแล้วก็ใช่! ตอนนี้หานไท่ฟู่นับว่าต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อแล้ว!”
เวลานี้ หานไท่ฟู่ที่กำลังจะเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกำลังอยู่ในห้องพิเศษ เสวียน เขาเดินไปเดินเหมือนชะมดติดจั่น
เมื่อสักครู่ที่เฟิ่งเฉี่ยนเดินเข้ามาในชุมนุมเดินหมาก คำพูดของคนข้างล่าง เขาล้วนได้ยินทั้งสิ้น เขาแทบจะกระอักออกมาเป็เือยู่แล้ว...
พวกเ้าแต่ละคนหมายความอย่างไร
ชื่นชมนางว่าเดินหมากได้เก่งกาจหรือ
หมายความว่าตาแก่เช่นข้าเดินหมากได้แย่มาก
ชื่นชมว่าการเดินหมากของนางถือเป็ตำนานหรือ
หมายความว่าการเดินหมากของตาแก่เช่นข้าถูกมองข้าม
หวังว่าบ่ายนี้นางจะเดินหมากได้อย่างมีสีสัน
หมายความว่า้าเห็นตาแก่เช่นข้าถูกดูแคลนอีกหรือ
คาดหวังว่านางจะชนะการแข่งขันในตอนบ่ายหรือ
หมายความว่าพวกเ้า้าเห็นตาแก่เช่นข้าพ่ายแพ้อย่างอเนจอนาถอีกครั้งหรือ
...
น่าโมโห!
น่าโมโหเหลือเกิน!
ไฟโทสะของหานไท่ฟู่แทบจะบดบังสติสัมปชัญญะของเขาทั้งหมด “ไม่ได้! หมากกระดานนี้ข้าจะต้องเล่นเอง ข้าไม่เชื่อหรอกว่าข้าจะพ่ายแพ้ให้นางถึงสามกระดานติดๆ กัน!”
หานหลินเยว่ถอนใจ ปลอบโยนว่า “ท่านปู่ ท่านมักจะอบรมสั่งสอนข้าเสมอว่าข้อห้ามที่ร้ายแรงที่สุดของการเดินหมากก็คือสติอารมณ์ ท่านดูท่านสิเ้าคะ ตอนนี้ไม่เหลือความสุขุมหนักแน่น ไม่อาจเดินหมากได้อย่างที่ทำได้ตามปกติ หากเป็ยามปกติข้าจะไม่ขัดขวางท่าน แต่วันนี้แตกต่างออกไป การเดินหมากในวันนี้จะแพ้ไม่ได้! ดังนั้น ท่านต้องสงบสติอารมณ์ ตอนบ่ายให้เยว่เอ๋อร์ลงสนามแทนท่าน ท่านวางกลยุทธ์อยู่ข้างหลังเยว่เอ๋อร์”
นางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและมีจังหวะจะโคน อารมณ์ของหานไท่ฟู่จึงคลายความขุ่นมัวลงได้มาก เมื่อไตร่ตรองดูแล้วเขาจึงพยักหน้าเห็นด้วย
“ได้ ทำตามที่เยว่เอ๋อร์บอกก็แล้วกัน! เยว่เอ๋อร์ก้าวขึ้นสู่ยอดฝีมือระดับเจ็ดั้แ่เมื่อสามปีก่อน เ้าทั้งยังสาวและคิดการรอบคอบ การเดินหมากของเ้าปรับเปลี่ยนว่องไว รุกและรับได้อย่างเป็ธรรมชาติ เก่งกาจกว่าปู่มาก วันนี้ปู่ขอมอบหน้าที่และความผิดชอบอันยิ่งใหญ่นี้ให้กับเ้า เ้าอย่าทำให้ปู่ผิดหวัง!”
“ท่านปู่ ท่านวางใจเถิดเ้าค่ะ!” หานหลินเยว่พูดยิ้มๆ
หานไท่ฟู่พยักหน้า เขาใคร่ครวญแล้วยังคงไม่วางใจอยู่นั่นเอง เขาหันมากำชับเด็กเดินหมากสองคนในห้องว่า “พวกเ้าต้องจดจำไว้! เื่การเดินหมากแทนกันจะพูดออกไปไม่ได้ รู้หรือไม่”
เด็กเดินหมากทั้งสองคนเกรงกลัวเขาอย่างยิ่งจึงรีบพยักหน้าหงึกๆ
มีคนผลักประตูห้องเดินเข้ามาในตอนนี้เอง คนที่มาคือชายหนุ่มในชุมนุมเดินหมาก ดูเหมือนเขาจะได้ยินเื่ะเืฟ้าะเืดินเข้า สีหน้าจึงตื่นตระหนก “เดินหมากแทนกันหรือ เมื่อสักครู่ข้าไม่ได้ฟังผิดไปกระมัง ศิษย์น้องหญิงหาน เ้าจะลงสนามเดินหมากแทนท่านาุโหานจริงๆ หรือ”
หานไท่ฟู่เดินเข้ามาลากแขนชายหนุ่มแล้วลากเข้าห้องพิเศษทันที จากนั้นปิดประตูตามหลัง เขาถลึงตากล่าวว่า “เ้าพูดเบาหน่อย! เ้า้าให้ทุกคนรู้เื่นี้ใช่หรือไม่”
ลู่ซงเทาหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “ท่านาุโหาน เื่นี้จะบอกว่าใหญ่ก็ใหญ่เล็กก็เล็ก ท่านควรจะไตร่ตรองให้ดีนะขอรับ หาไม่แล้วหากไม่ระวังแล้วถูกแพร่งพรายออกไป จะต้องส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของชุมนุมเดินหมากของพวกเราไม่น้อย”
หานไท่ฟู่โมโหฮึดฮัด “เช่นนั้นหากข้าแพ้ ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของชุมนุมเดินหมากหรือ”
“เื่นี้...” ลู่ซงเทายิ้มเฝื่อน ชัดเจนเหลือเกินว่าเขาเถียงข้างๆ คูๆ!
เขายังคิดจะพูดอะไรอีก ทว่าหานหลินเยว่กลับห้ามปรามเขา “ศิษย์พี่ลู่ ท่านอย่ายุ่งเื่นี้เลย พวกเรามีความจำเป็ที่อธิบายไม่ได้ หมากกระดานนี้ท่านปู่ต้องชนะเท่านั้น!”
ลู่ซงเทาประหลาดใจ “ความจำเป็อันใดเล่า”
หานหลินเยว่โบกมือห้ามไม่ให้เขาซักไซ้ไล่เลียงอีก “ท่านอย่าถามอีกเลย ต่อไปหากถึงเวลาที่เหมาะสมข้าจะบอกกับท่านเอง”
ลู่ซงเทาคิดแล้วก็พยักหน้าในที่สุด “ก็ได้ ในเมื่อพวกท่านตัดสินใจแล้ว ข้าก็จะไม่ขัดขวางพวกท่าน!”
หานหลินเยว่คลี่ยิ้ม “ขอบคุณศิษย์พี่ลู่”
ลู่ซงเทาพูดอีกว่า “ในเมื่อพวกท่านต้องชนะเท่านั้น เช่นนั้นข้าจะรั้งอยู่ที่นี่ช่วยพวกท่านวางแผนก็แล้วกัน!”
หานไท่ฟู่ได้ยินเช่นนั้นจึงมีท่าทางพึงพอใจยิ่งยวด เขาตบไหล่ชายหนุ่ม “คำพูดนี้ข้าชอบฟัง อย่างไรการต่อสู้ระหว่างข้าและนางเด็กคนนั้นก็ไม่ได้มีกฎว่าห้ามไม่ให้มีคนช่วย! เ้าเป็นักเดินหมากระดับแปด ฝีมือการเดินหมากของเ้าเก่งกาจกว่าเยว่เอ๋อร์อยู่บ้าง มีเ้าอยู่ด้วย ความเป็ไปได้ที่พวกเราจะชนะย่อมมีมากขึ้น! ฮ่าๆๆ!”
ลู่ซงเทายิ้มขม เขาเป็ถึงนักเดินหมากระดับแปด ถึงกับช่วยคนอื่นต่อกรกับนักเดินหมากมือสมัครเล่นคนหนึ่ง หากเื่นี้ถูกแพร่งพรายออกไปคงถูกคนหัวเราะเยาะจนฟันร่วง!
แต่ในใจของเขาแจ่มแจ้งดีว่า หากมิใช่เพราะมีความจำเป็จริงๆ ด้วยนิสัยของศิษย์น้องหญิงหาน นางไม่ทางทำเื่คดโกงเช่นนี้ออกมาได้ ดังนั้น หากเขาสามารถช่วยได้อีกแรงก็จะช่วย!
ภายในห้องพิเศษทั้งสองห้อง ทั้งสองฝ่ายล้วนกำลังเตรียมลงสนาม ผู้คนที่เข้ามาชมการเดินหมากในห้องโถงใหญ่มีมากขึ้นเรื่อยๆ
มู่ชิงหว่านสะกดรอยตามมู่ชิงเซียวและเฟิ่งเฉี่ยนมาถึงชุมนุมเดินหมาก คิดไม่ถึงว่าจะมาพบเห็นภาพเหตุการณ์ยิ่งใหญ่อลังการเช่นนี้
นางและสาวใช้เบียดเสียดผู้คนเข้ามาอย่างมิง่ายดาย พบว่าไม่เห็นพวกเขาแล้ว นางหงุดหงิดใจและอดไม่ได้ที่จะพูดกับตนเองว่า “วันนี้เกิดเื่อะไรขึ้นในชุมนุมเดินหมาก เหตุใดจึงมีคนมากมายเช่นนี้”
คนข้างๆ ที่ได้ยินเข้าจึงมองนางด้วยแววตาประหลาดใจปราดหนึ่ง “แม่นาง เ้าไม่รู้หรือ ในนี้กำลังจะเริ่มการประลองเดินหมากรอบชิงชนะเลิศที่มีสีสันกระดานหนึ่ง!”
มู่ชิงหว่านพูดอย่างดูแคลน “เช่นนั้นก็ไม่จำเป็ต้องไปเรียกคนมากมายเช่นนี้นี่นา!”
คนผู้นั้นกล่าวว่า “นี่เ้าคงไม่รู้กระมังว่าเช้าวันนี้มีนางกำนัลคนหนึ่งท้าประลองท่านาุโหาน ปรากฏว่าเ้าลองทายดูสิ นางกำนัลคนนั้นถึงกับเอาชนะท่านาุโหาน และเป็การเอาชนะสองกระดานติดๆ กัน!”
มู่ชิงหว่านยังคงไม่ยี่หระดังเดิม “เื่นี้จะมีอะไรแปลก หรือเป็นางกำนัลก็ไม่อาจเอาชนะการเดินหมากได้”
คนผู้นั้นพูดว่า “ทว่าปัญหาคือ พวกเขาคนหนึ่งมีฐานะต่ำต้อยเป็นางกำนัล อีกคนหนึ่งสูงส่งถึงขั้นเป็รองหัวหน้าชุมนุมเดินหมาก คนหนึ่งเป็นักเดินหมากมือสมัครเล่นที่ไม่มีใครได้ยินชื่อมาก่อน อีกคนหนึ่งนั้นเป็นักเดินหมากมืออาชีพและเป็ยอดฝีมือระดับเจ็ด สุดท้ายยอดฝีมือระดับเจ็ดที่เป็รองหัวหน้าชุมนุมเดินหมากกลับพ่ายแพ้ให้กับนางกำนัลคนหนึ่งที่เป็เพียงมือสมัครเล่น เ้าว่าเื่นี้ยังมหัศจรรย์ไม่พอหรือ”
มู่ชิงหว่านลอบตกตะลึง “นางกำนัลคนนั้นเป็เพียงนักเดินหมากมือสมัครเล่นจริงๆหรือ”
คนผู้นั้น “อย่างไรก็คือไม่ติดอันดับ! นักเดินหมากที่ติดอันดับคนที่อยู่ในวงการเดินหมากย่อมรู้จัก!”
มู่ชิงหว่านพยักหน้าหงึกหงัก “เช่นนั้นก็ถือเป็เื่แปลก!”
คนผู้นั้นพูดอีกว่า “ที่มหัศจรรย์ยิ่งกว่านั้นก็คือ กระดานที่สอง นางกำนัลคนนั้นยังต่อให้ท่านาุโหานอีกสองก้าว!”
มู่ชิงหว่านตกตะลึง “ความหมายของท่านคือ นางกำนัลต่อให้สองก้าว และยังพลิกกลับมาเอาชนะรองหัวหน้าชุมนุมเดินหมากอีกด้วยหรือ”
คนผู้นั้นพยักหน้า “ถูกต้อง! อีกทั้งยังชนะอย่างขาวสะอาด! ถึงกับเป็ตำนานในการเดินหมากอีกตำนานหนึ่ง!”
มู่ชิงหว่านไม่อยากเชื่อ “เช่นนั้นก็เก่งกาจเกินไปแล้ว!”