เป็เื่ปกติอย่างยิ่งที่มู่หรงหว่านหรูจะสร้างเื่ยุ่งยากให้กับหานอวิ๋นซี ส่วนมู่หลิวเยวี่ย ฮูหยินสวี่ได้ยินอย่างคลุมเครือจากหานรั่วเสวี่ยว่า หานอวิ๋นซีและมู่หลิวเยวี่ยทำการเดิมพันกัน เพียงแต่นางไม่รู้รายละเอียด
มีสตรีผู้สูงศักดิ์สองคนนี้เป็ผู้รับประกัน ฮูหยินสวี่เลยกล้าที่จะก่อปัญหาขึ้นมา
อย่างไรนางก็มาจากครอบครัวที่ร่ำรวย แม้ว่าเหตุการณ์จะวุ่นวายจนกลายเป็เช่นนี้ แต่เมื่ออี้ไท่เฟยออกมา ฮูหยินสวี่ก็ยังโค้งคำนับด้วยความเคารพ “สวี่ซื่อจากตระกูลหาน ถวายบังคมอี้ไท่เฟยและฉินหวังเฟยเพคะ”
อี้ไท่เฟยเกลียดจนอยากจะไล่ตะเพิดสตรีปากร้ายคนนี้ออกไปออกไปเสียเหลือเกิน ทว่านางต้องระงับความโกรธเอาไว้และวางตัวตามปกติ นางก้มลงมองอย่างดูถูกและถามว่า “สวี่ซื่อ การรวบรวมผู้คนมาก่อความวุ่นวายหน้าประตูจวนอ๋อง เ้ารู้หรือไม่ว่ามีความผิดอย่างไร?"
เมื่อได้ยินคำถามของอี้ไท่เฟย ฮูหยินสวี่ก็คุกเข่าลงทันทีและส่งเสียงดัง และในท่ามกลางความเงียบเสียงมันจึงดังเป็พิเศษ
“เข้าใจผิดแล้วเพคะ! อี้ไท่เฟย หม่อมฉันสิ้นหวังไร้หนทาง เลยต้องมาที่ประตูจวนฉินอ๋องเพื่อขอความช่วยเหลือ หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะทำเช่นนี้เพคะ!”
ฮูหยินสวี่ะโเสียงดัง ทันทีที่พูดจบ เหล่าสตรีข้างๆ ต่างคุกเข่าลงและขอร้องโดยพร้อมเพรียงกัน
ช่วย?
เห็นๆ กันอยู่ว่าเมื่อครู่สตรีปลิ้นปล้อนเหล่านี้กำลังพูดจาใส่ร้าย ยุยงฝูงชน อย่างนี้เรียกว่าขอความช่วยเหลืออย่างนั้นหรือ?
“ฮูหยินสวี่ เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่ท่าน...”
หานอวิ๋นซีที่กำลังจะโต้กลับ ทว่าอี้ไท่เฟยกลับขัดขึ้นอย่างรวดเร็ว “เ้า้าขออะไร ถึงได้มาถึงหน้าประตูจวนอ๋องขนาดนี้?”
ทันทีที่อี้ไท่เฟยพูดประโยคนี้ออกมา ทุกคนที่อยู่รอบๆ ก็ประหลาดใจ หลายคนเริ่มพูดซุบซิบกัน เป็ไปได้หรือไม่ว่าอี้ไท่เฟยไม่รู้ว่าฮูหยินสวี่มาทำอะไรที่นี่?
ดูจากตอนนี้แล้ว ทุกคนเข้าใจอี้ไท่เฟยผิด และเื่การแย่งชิงสมบัติของตระกูล ดูเหมือนว่าจะเป็เื่ของหานอวิ๋นซีคนเดียว
และในเวลาเดียวกัน การเย้ยหยันฉายผ่านแววตาของมู่หรงหว่านหรู นางรีบเอ่ยปากพูดโดยไม่ได้มีความเย่อหยิ่งของสตรีผู้สูงศักดิ์ แต่น่าเข้าใกล้และน่าคบหา “ฮูหยินสวี่ ท่านคงไม่ใช่คนที่ไม่มีเหตุผล การที่ท่านมาเอะอะโวยวายหน้าประตูจวนอ๋องคงต้องมีเื่ใหญ่ ในเมื่อทุกคนอยู่ที่นี่แล้ว ท่านพูดออกมาเถิด หมู่เฟยของข้าจะตัดสินใจให้ท่านอย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินสิ่งที่มู่หรงหว่านหรูพูด ยิ่งทำให้ทุกคนเชื่อว่าอี้ไท่เฟยไม่ใช่ผู้ที่อยู่เื้ัยุยงหานอวิ๋นซี และมู่หรงหว่านหรูเองก็ทำให้ตัวเองเป็ผู้บริสุทธิ์เช่นกัน
ดูเหมือนว่าหานอวิ๋นซีจะเป็คนเดียวที่ผิด ทั้งอี้ไท่เฟยและมู่หรงหว่านหรูต่างไม่รู้อะไรทั้งสิ้น
ขณะที่มู่หรงหว่านหรูพูด นางก็ขยิบตาให้กลุ่มคนตรงหน้า ทันใดนั้นก็มีคนะโขึ้นมา
“อี้ไท่เฟย ฮูหยินสวี่มาที่นี่เพื่อทรัพย์สินของตระกูลหาน ต้องจัดการอย่างเป็ธรรมนะเพคะ!”
อี้ไท่เฟย ข้าได้ยินมาว่าท่านเป็คนที่ยุติธรรมในการจัดการกับผู้คน ทั้งยังได้รับการชื่นชมจากฮ่องเต้องค์ก่อนหลายครั้งหลายครา วันนี้ท่านต้องตัดสินให้ฮูหยินสวี่นะเพคะ!”
…
อี้ไท่เฟยที่ไม่ได้ไล่นางออกไป กลับกันยังระงับความโกรธไว้และถามฮูหยินสวี่ว่าเหตุใดถึงได้มาร้องขอความเป็ธรรมเช่นนี้ สิ่งที่นาง้ามีเพียงเื่นี้เท่านั้น!
เื่ของตระกูลหานนั้นไม่ใช่เื่สำคัญ ที่สำคัญคือชื่อเสียงของนาง ความบริสุทธิ์ของนาง ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ต้องทำให้ตัวเองหลุดพ้นจากการครหาก่อน
ด้วยคำพูดของมู่หรงหว่าน บวกกับคำเยินยอของฝูงชน ภาพลักษณ์ของอี้ไท่เฟยก็ดูดีขึ้น ความโกรธที่มีต่อฮูหยินสวี่ก็ลดน้อยลงไปเล็กน้อย
หลังจากได้การยอมรับจากฝูงชนแล้ว แน่นอนว่าอี้ไท่เฟยต้องเริ่มจัดการอย่าง “ยุติธรรม”
“ทรัพย์สินของตระกูลหาน? เกิดอะไรขึ้น?” นางถามทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้ว
ฮูหยินสวี่รีบตอบกลับไปว่า “ไท่เฟย ตระกูลของหม่อมฉันมีกุญแจห้องเก็บของอยู่หนึ่งดอก ซึ่งผู้ที่ถือกุญแจจะต้องเป็ผู้นำของตระกูล เพื่อดูแลทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลหาน รวมไปถึงตำราการแพทย์ของตระกูลหานเช่นกัน ทว่าโชคไม่ดีที่นายท่านของหม่อมฉันถูกคุมขัง เดิมทีกุญแจจะต้องส่งให้กับคุณชายดูแล และแต่งตั้งเป็ผู้นำตระกูลคนใหม่ กุญแจอยู่กับนายท่าน หม่อมฉันและเหล่าพี่น้องไปที่ศาลต้าหลี่อยู่หลายครั้ง เพื่อที่จะปรึกษาเกี่ยวกับการแต่งตั้งผู้นำตระกูลคนใหม่ ทว่ากลับไม่สามารถเข้าเยี่ยมได้ คนของศาลต้าหลี่บอกว่ามีคนเบื้องบนสั่งไม่ให้พวกเราพบนายท่านเพคะ”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ มู่หรงหว่านหรูก็ขัดจังหวะขึ้นมาด้วยใบหน้าที่โกรธเกรี้ยว “ทำไมกันล่ะ? แม้แต่นักโทษที่โดนจำคุกตลอดชีวิตยังสามารถขอเข้าเยี่ยมได้ปีละครั้งสองครั้งเลย! ใครคือคนเบื้องบนที่ละเมิดกฎหมายและใช้อำนาจเช่นนั้นกัน?”
คำพูดเช่นนี้ของมู่หรงหว่านหรูได้ขจัดความสงสัยก่อนหน้านี้ของฝูงชนเกี่ยวกับอี้ไท่เฟยออกไปอีกครั้ง อี้ไท่เฟยตีถือโอกาสตี่ที่เหล็กกำลังร้อน ถามอย่างรวดเร็วว่า “เ้าพูดมาสิ ว่าเป็ใคร?”
ฮูหยินสวี่ก้มศีรษะลง โดยจงใจทำท่าลังเลที่จะพูด “หม่อมฉันไม่ทราบเพคะ แต่...แต่...”
“แต่อะไร? พูดออกมาเถอะ เื่นี้ข้าจะจัดการให้เ้าเอง!” อี้ไท่เฟยพูดอย่างชอบธรรม
ฮูหยินสวี่เงยหน้าขึ้นและมองไปที่หานอวิ๋นซี ก่อนที่จะพูดอย่างโศกเศร้าว่า “หม่อมฉันไม่ทราบว่าคนผู้นั้นเป็ใคร แต่กุญแจโกดังของตระกูลหานอยู่ที่...อยู่ที่...”
เมื่อพูดมาถึงจุดนี้ ทุกคนต่างอยู่ในความเงียบ ถึงกับกลั้นหายใจรอให้ฮูหยินสวี่สารภาพว่า “หานอวิ๋นซี”
ท้ายที่สุดแล้วกฎหมายไม่ลงโทษประชาชน หากประตูจวนฉินอ๋องปิดอยู่ ทุกคนคงกล้าที่จะพูดซุบซิบนินทากัน ถึงจะตื่นเต้นทว่าก็ไม่ลังเลที่จะพูดขึ้นมา แต่ตอนนี้อี้ไท่เฟยและฉินหวังเฟยกำลังยืนอยู่ที่ประตู จึงไม่มีใครกล้าที่จะซุบซิบนินทา
ทั้งยังต้องใช้ความกล้าหาญในการชี้ตัวฉินหวังเฟยต่อหน้านาง
เมื่อมองไปตามสายตาของฮูหยินสวี่ อี้ไท่เฟยค่อยๆ มองไปที่หานอวิ๋นซีและถามอย่างเสแสร้งว่า “ทำไมล่ะ หรือว่ากุญแจห้องเก็บของตระกูลหานอยู่ในมือของฉินหวังเฟย?”
เช่นนี้ฮูหยินสวี่จึงรีบอธิบายอย่างรวดเร็วว่า “ทูลไท่เฟย กุญแจห้องเก็บของตระกูลหานของหม่อมฉัน ความจริงแล้วอยู่ในมือฉินหวังเฟยเพคะ! หม่อมฉันขอกุญแจซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ฉินหวังเฟยก็ปฏิเสธที่จะมอบให้ นางบอกว่ากุญแจนั้นนายท่านมอบให้นาง และนางก็รับปากกับหม่อมฉันว่าเมื่อวานนี้จะพาเหล่าคุณชายของตระกูลหานไปพบนายท่าน ทั้งตระกูลก็รอคอยนางทั้งวัน แต่นางก็ไม่ปรากฏตัวเลย เมื่อวานหม่อมฉันมาที่จวน ก็ไม่พบใครเช่นกัน หม่อมฉันจึงต้องมาที่นี่เป็ทางเลือกสุดท้าย”
ขณะที่นางพูด ก็คุกเข่าลงและะโว่า “อี้ไท่เฟย หม่อมฉันมิบังอาจที่จะสร้างปัญหา หม่อมฉันถูกใส่ร้าย ไม่ได้รับความยุติธรรม โปรดอี้ไท่เฟยช่วยตัดสินให้ตระกูลหานด้วยเพคะ! หม่อมฉันแค่้าพบนายท่านเท่านั้น”
อี้ไท่เฟยยกมือขึ้นเพื่อบอกให้ฮูหยินสวี่ปิดปาก จากนั้นก็มองไปที่หานอวิ๋นซีอย่างเ็า “หานอวิ๋นซี สิ่งที่ฮูหยินสวี่พูดเป็ความจริงหรือไม่?”
“ถูกต้อง! มันเป็เื่จริงเพคะ” หานอวิ๋นซียอมรับแต่โดยดี
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ทุกคนก็อ้าปากค้าง พวกเขาไม่คิดว่านางจะยอมรับง่ายๆ
หานอวิ๋นซีกระตุกมุมปาก สิ่งที่ฮูหยินสวี่พูดคือความจริง ในเมื่อมันเป็เื่จริง นางจะไปโกหกได้อย่างไรกัน?
“ฮูหยินสวี่ หลายวันที่ผ่านมาข้าป่วยเป็หวัด นอนซมอยู่บนเตียง ช้าไปแค่หนึ่งวัน ท่านก็ไม่เชื่อใจข้าขนาดนั้นเลยหรือ?” หานอวิ๋นซีถามกลับ
คนเหล่านี้เล่นละครกันเสร็จแล้วใช่หรือไม่ ถึงเวลาที่นางจะได้พูดแล้วสินะ?
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ฮูหยินสวี่ก็ปกป้องตัวเองทันที แต่ใครจะรู้ว่าหานอวิ๋นซีกลับแย่งพูดขึ้นมาอย่างเหยียดหยามว่า “ช้าไปแค่วันเดียว แล้วข้าก็ไม่ได้พูดด้วยว่าจะไม่พาไป ฮูหยินสวี่ ท่านถึงขั้นต้องมาเอะอะที่ประตูเช่นนี้เลยหรือ? ท่านอย่าคิดนะว่าสิ่งที่ท่านพูดเมื่อครู่ ข้ากับหมู่เฟยที่อยู่ที่ประตูจะไม่ได้ยิน ข้าจะบอกท่านไว้เลยนะ เราได้ยินมันทั้งหมด!”
คำพูดนี้...
ช่างเหลือเชื่อ!
คำพูดนี้ของหานอวิ๋นซีหักหน้าอี้ไท่เฟย เช่นนี้อี้ไท่เฟยได้ยินคำพูดเ่าั้เมื่อครู่ทั้งหมดเลยอย่างนั้นหรือ?
ครู่หนึ่ง ทุกคนที่อยู่รอบๆ ต่างอยู่ในความโกลาหล ไม่คาดคิดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น อี้ไท่เฟยรู้ความจริงของเื่นี้ แต่เมื่อครู่นางก็ยังถามออกมา?
นี่มันหลอกลวงเกินไปหรือไม่? สรุปแล้วมันเป็อย่างไรกันแน่?
ฮูหยินสวี่ไม่คิดว่าหานอวิ๋นซีจะกล้าลากอี้ไท่เฟยลงน้ำท่ามกลางฝูงชนอีกครั้ง นางอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง และพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่ง
มู่หรงหว่านหรูเองก็ตกตะลึงเช่นกัน นางไม่เข้าใจ หานอวิ๋นซีเป็คนฉลาดไม่ใช่หรือ? ไม่รู้หรือว่าการทำให้หมู่เฟยขุ่นเคืองใจเช่นนี้ มันจะจบลงอย่างเลวร้าย?
หรือว่านาง้าให้ฮูหยินสวี่ประสบความพินาศด้วยกัน?
เมื่อคิดเช่นนี้ มู่หรงหว่านหรูก็หวาดกลัวขึ้นมา ถ้าฮูหยินสวี่ไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ นางต้องสารภาพออกมาอย่างแน่นอน
พระเ้า นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!
ท่ามกลางความโกลาหล สีหน้าของอี้ไท่เฟยนั้นน่ากลัวมากที่สุดเท่าที่จะเป็ไปได้ สายตาที่ดุร้ายเช่นนั้น เรียกได้ว่าเกือบจะกลืนหานอวิ๋นซีทั้งเป็ ภาพลักษณ์ของนางที่กว่าจะกู้กลับมาได้ด้วยความพยายาม ก็พังยับเยินไปแบบนั้นและมันก็พังยับเยินยิ่งกว่าเดิม
ในตอนที่ทุกคนต่างไม่เชื่อ หานอวิ๋นซีก็พูดขึ้นมาอย่างเสียงดังว่า “ฮูหยินสวี่ หมู่เฟยของข้าเป็ผู้ที่ยึดมั่นในพระพุทธศาสนา มีความอดทนและมีเมตตาอย่างมาก นางได้ยินแต่ก็ทำราวกับว่าไม่ได้ยินอะไรเลย ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับท่าน ทั้งยังรับฟังคำร้องทุกข์ของท่าน แต่ข้าจะปล่อยผ่านเื่นี้ไปไม่ได้!”
คนบางคนพูดออกมาก็ไม่มีใครฟัง แต่คำพูดของคนบางคนกลับเพียงพอที่จะทำให้เื่เปลี่ยนไป
ทันทีที่หานอวิ๋นซีพูดออกมา สถานการณ์ทั้งหมดก็เปลี่ยนไปอย่างน่าอัศจรรย์ ในชั่วพริบตานางทำให้อี้ไท่เฟยเป็ผู้บริสุทธิ์อีกครั้ง และยังยกย่องนางอีกด้วย
อี้ไท่เฟยตั้งสติ สมองของนางขาวโพลนไป แต่ในที่สุดก็ถอนหายใจออกมา
โชคดีที่การเบี่ยงเบนของหานอวิ๋นซีทำให้นางมีทางออก มิฉะนั้นวันนี้นางคงไม่รู้วิธีที่จะทำให้สิ่งต่างๆ ราบรื่นได้
ฮูหยินสวี่ตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าหานอวิ๋นซีจะเก่งกาจขนาดนี้ นางยอมถอยเพื่อชนะใจ ใช้วิธีนี้ลากอี้ไท่เฟยมาเกี่ยวข้องด้วย
มู่หรงหว่านหรูเองก็ตระหนักถึงความตั้งใจของหานอวิ๋นซี นางจึงรีบถามด้วยความสงสัยว่า “พี่สะใภ้ คนเบื้องบนสั่งไม่ให้ตระกูลหานไปเยี่ยมที่คุกไม่ใช่หรือ? ท่านจะพาพวกเขาไปพบหมอเทวดาหานที่ศาลต้าหลี่ได้อย่างไร? ท่านมีวิธีอย่างนั้นหรือ?”
ขณะนี้เวลานี้ การแสดงออกของมู่หรงหว่านหรูนั้นดูไร้เดียงสามาก แต่นางก็เข้าใจประเด็นของเื่นี้
คำพูดนั้นน่าฟังมาก แต่แม้แต่คนโง่ก็สามารถเข้าใจได้ว่าพวกเขากำลังตั้งคำถามกับหานอวิ๋นซี และหานอวิ๋นซีก็คือ “คนเบื้องบน” ท่านนั้น
หานอวิ๋นซีควรตอบอย่างไรดี?
ความจริงแล้วนางออกคำสั่งให้ศาลต้าหลี่ ห้ามอนุญาตให้ตระกูลหานไปเยี่ยมที่คุก เป็เพราะสิ่งที่หานฉงอันบอกนางไว้ นางไม่รู้ว่าหานหยุนอี้จะเป็เด็กแบบไหน และนางไม่้าให้ตระกูลหานรู้ถึงตัวเลือกของหานฉงอันเร็วเกินไป
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่นางได้รู้จักกับหานหยุนอี้ นางจึงไม่กลัวที่จะให้ตระกูลหานไปพบกับหานฉงอัน เพราะนางมองหานหยุนอี้ในแง่ดีพอๆ กับหานฉงอัน
อย่างไรก็ตาม หากพูดเหตุผลนี้ออกไป ก็คงไม่มีใครเชื่อนาง
หานอวิ๋นซีที่ไม่ได้คิดถึงเื่นี้ ก็พูดอย่างใจเย็นว่า “เป็ความจริงที่ข้าห้ามไม่ให้ตระกูลหานไปเยี่ยมที่คุก แต่นี่ไม่ใช่ความตั้งใจของข้า และเป็ความตั้งใจของท่านพ่อของข้า!”
มีคำอธิบายบางอย่างที่เรียกว่ายิ่งอธิบายยิ่งงง นางไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนและผลักทุกอย่างไปที่หานฉงอัน ในเมื่อหานฉงอัน้าให้นางสนับสนุนหานหยุนอี้และฟื้นฟูตระกูลหาน เช่นนั้นเขาต้องยืนเคียงข้างนางอย่างแน่นอน
ในประเด็นสำคัญนี้ หานอวิ๋นซียังคงเต็มไปด้วยความมั่นใจ
แต่ใครจะรู้ ทันทีที่นางพูดจบ ฮูหยินสวี่ก็รีบถามว่า “ทำไมล่ะ? นายท่านทำไมแบบนี้ทำไมกัน? หวังเฟย ท่านเป็บุตรสาวที่ออกเรือนแล้ว เื่ของตระกูลหาน ท่าน...ท่านต้องเข้ามายุ่งด้วยหรือ?”
แม้ว่าฮูหยินสวี่จะพูดอย่างสละสลวย แต่ก็กลับเต็มไปด้วยความสงสัย
หานอวิ๋นซีที่ไม่ถือสาและตอบตามจริงว่า “เพราะท่านพ่อกระทำความผิดร้ายแรง เขารู้สึกละอายใจต่อบรรพบุรุษของตระกูลหาน ไม่มีหน้าที่จะเผชิญกับตระกูลหาน วันนั้นที่ข้าไปเยี่ยมเขา เขากังวลว่าหากคุณชายน้อยของตระกูลหานไม่ได้เื่ ไม่รู้การศึกษา หรือเด็กเกินไป ก็คงเป็ผู้นำของตระกูลไม่ได้ เช่นนั้นเลยมอบกุญแจห้องเก็บของให้ข้าเก็บไว้ชั่วคราวจนกว่าจะเลือกผู้นำของตระกูลได้ เช่นนั้นค่อยเอากุญแจห้องเก็บของออกมา”
ทันทีที่นางพูดจบ ฮูหยินสวี่ก็ยิ้มออกมา...
