ฉันที่นั่งทบทวนกับตัวเองอยู่สักพัก จากนั้นก็ได้เงยหน้าขึ้นไปมองเขาอย่างคนที่ปลงตก
“เฮ้อ...แค่นี้ใช่ไหมคะที่ท่านประธาน้า” ฉันถอนหายใจก่อนจะบอกออกไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“วาคิม...!!”
“ค่ะ...??” (O.O) ?
“เวลาอยู่กับผมต่อไปนี้ให้เรียกผมว่า...วาคิม ท่านประธานมันดูห่างเหินไปนิดนะถ้ามองในฐานะ...” เขาปรายตาเ้าเล่ห์เล็กน้อย หลังจากบอกถึงสิ่งที่เขา้า
“ได้ค่ะ”
“มีอะไรสงสัยอีกไหม” เขาจิบบรั่นดีในมือต่อ ก่อนจะถามโดยไม่หันมามองฉัน
“ในฐานะใหม่ที่ท่านประธาน เอ๊ย คุณวาคิมมอบให้ มนต์ต้องทำอะไรบ้างคะ” ฉันถามเพราะไม่รู้จริง ๆ เพราะฉันไม่เคยเป็นางบำเรอให้ใครมาก่อน
“ก็ทำเหมือนที่เคยทำ เพียงแต่...” เขาหยุดชะงักเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ
“เมื่อผม้าคุณต้องพร้อมเสมอ”
คำพูดที่ไม่เกินจริงเลยแม้แต่น้อย เพราะด้วยสายตาที่เขาส่งมาให้บ่งบอกได้ดีว่าเขา้าแบบนั้นจริง ๆ
“ได้ค่ะ” ฉันรับคำอีกครั้ง ด้วยใบหน้านิ่งเรียบแบบเดิม แม้ว่าข้างในหัวใจมันจะปวดหนึบกับคำพูดและการกระทำของเขา
“มีอะไรอีกไหมคะ มนต์จะได้ขอตัวไปพักผ่อนก่อน” ฉันพูดออกไปแบบนั้นเพราะรู้สึกอยากพักผ่อนจริง เนื่องจากวันนี้ทุกสิ่งอย่างที่ฉันเจอมามันหนักหน่วงเกินกว่าที่ฉันจะรับอะไรได้อีกแล้ว
“เชิญ...วันนี้ผมให้คุณพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้วันหยุดใช่ไหมขึ้นมาหาผมบนห้องตอนเช้า อ่อ แล้วก็เดี๋ยวคนที่พาคุณมาเขาจะพาคุณไปยังห้องที่ผมจัดเอาไว้ให้ แล้วถ้าขาดเหลืออะไรบอกเขาได้เลยนะ ต่อไปนี้เขาจะเป็คนดูแลคุณ” คนตัวโตที่ตอนนี้ใบหน้าคมเข้มเริ่มแดงระเรื่อด้วยฤทธิ์ของน้ำสีอำพัน เอ่ยพูดยืดยาวอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน
“คุณวาคิมกลัวมนต์หนีเหรอคะ ถึงต้องให้คนมาเฝ้าแบบนี้” ฉันอดถามไม่ได้กับสิ่งที่เขาทำ
“ผมไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นหรอกนะ มันเป็วิธีที่ผมใช้ดูแลผู้หญิงของผมน่ะ” เขาพูดพร้อมกับยกแก้วบรั่นดีขึ้นกระดกรวดเดียว และด้วยคำพูดของเขาก็ทำให้หัวใจของฉันพลันวูบไหวแปลก ๆ ก่อนที่ตัวเองจะจัดการความรู้สึกที่เกิดขึ้นให้กลับไปสงบนิ่งดังเดิม
(ก็แค่นางบำเรอ...อย่าได้คิดเกินเลย เพราะเขาบอกแล้วว่าถ้าเขาเบื่อเขาก็ปล่อยให้เราเป็อิสระ...เพราะฉะนั้นอย่าได้รู้สึกเด็ดขาด...!!)
“ขอบคุณค่ะ ท่านประธาน” ฉันลุกขึ้นโค้งตัวเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังเดินออกไป และในจังหวะที่ฉันยังไม่ทันได้ก้าวขาเดิน
“วาคิม...ผมไม่ชอบพูดซ้ำนะถึงสิ่งที่ผม้า”
เสียงเย็นลอยตามหลังมาย้ำฉันอีกครั้ง...
ณ หน้าคอนโดห้องใหม่
“นี่เป็ห้องที่นายเตรียมไว้ให้กับคุณมนตรานะครับ เชิญพักผ่อนได้เลยครับ แล้วถ้าคุณมนตรา้าอะไรเพิ่มเติมสามารถแจ้งผมได้เลยนะครับ ส่วนช่องทางติดต่อผมได้แอดข้อมูลเข้าไปยังมือถือของคุณมนตราแล้วนะครับ” บอดี้การ์ดในชุดสูทสีดำเอ่ยบอกหน้านิ่งแต่เต็มไปด้วยความนอบน้อม
“ขอบคุณนะคะคุณ...เอ่อ” ฉันเอ่ยปากขอบคุณก่อนจะพูดเชิงถามชื่อ
“เรียกผมว่าเรย์เฉย ๆ ก็ได้ครับไม่ต้องคุณหรอกครับ” บอดี้การ์ดคนเดิมพูดด้วยความนอบน้อมเหมือนเดิม
“ได้ค่ะ พี่เรย์เฉย ๆ” (^-^) ฉันเย้าเขาเล็กน้อยก่อนจะระบายยิ้มเล็ก ๆ ให้กับคนตรงหน้า เพราะไม่มีเหตุผลที่ฉันจะบึ้งตึงใส่เขาในเมื่อเรายังต้องพึ่งพาอาศัยกัน
“เหอะ เหอะ...” เสียงหัวเราะที่ฟังดูฝืนมาก ทำฉันถึงกับเหวอไปเลย
“นี่หัวเราะประชดมนต์หรือเปล่าคะ” ฉันเลิกคิ้วถามอย่างคนที่รู้สึกเสียเซลฟ์
“ปะ...ป่าวครับคุณมนตรา เอ่อ...คะ...คือ” พี่เรย์เสียอาการอย่างคนไปไม่เป็
“ไม่ต้องเกร็งค่ะ แล้วก็เรียกมนต์ว่ามนต์เฉย ๆ ก็พอไม่ต้องมนตราหรือคุณมนตราหรอกค่ะ มนต์ก็เป็พนักงานของท่านประธานเหมือนกัน” ฉันยิ้มอธิบาย
“ไม่ได้หรอกครับ คุณมนตราเป็ผู้หญิงของนายผมไม่กล้าลามปามหรอกครับ” คนที่ถูกสั่งให้มาเฝ้าฉันรีบอธิบาย และด้วยคำว่าผู้หญิงของนายก็ทำฉันถึงกับหน้าชา
“ผู้หญิงของนายอะไรกัน...ของเล่นต่างหากล่ะ” ฉันพึมพำเสียงแ่เบา ๆ กับตัวเองด้วยหัวใจที่ปวดหนึบ
“อะไรนะครับ” ก่อนที่คนตรงหน้าจะเอ่ยถามหลังจากได้ยินเหมือนว่าฉันกำลังพึมพำอะไรบางอย่าง
“อ่ะ...อ๋อ...ป่าวค่ะไม่มีอะไร” ฉันยิ้มแหย ๆ ส่งไป
“งั้นมนต์ขอตัวพักผ่อนก่อนนะคะ แล้วก็เรียกมนต์แค่มนต์เฉย ๆ ก็พอ ไม่ต้องคุณมนต์หรอกค่ะ เรามันก็ลูกจ้างเขาเหมือนกัน รับเงินเขาเหมือนกัน เพียงแต่ทำหน้าที่ต่างกันก็เท่านั้นเอง” ฉันฝืนยิ้มพูดอีกครั้งด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสั่นไหว และเหมือนกับว่าคนตรงหน้าจะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกผ่านดวงตากลมโตใส ดังนั้นในจังหวะที่ฉันกำลังจะสแกนนิ้วมือเปิดประตูห้องเข้าไป
“ได้เลยครับ คุณมนต์เฉย ๆ” (^-^) บอดี้การ์ดหน้านิ่งเลือกจะเล่นมุกตลกส่งฉันเข้าห้องพร้อมกับยิ้มฝืน ๆ และด้วยความพยายามที่จะทำให้ฉันสบายใจของคนตรงหน้าก็ได้ทำให้ฉันถึงกับยิ้มกว้างออกมาได้ในวันที่แสนวุ่นวายแบบนี้...
รุ่งเช้า ~~
ฉันตื่นขึ้นมาั้แ่เช้าตรู่ด้วยความเคยชิน หลังจากนอนหลับสนิทเลยตลอดทั้งคืน
“ฮ้าาาาว ~~ กี่โมงแล้วเนี่ย” ฉันหยัดตัวขึ้นหยิบมือถือที่วางตรงโต๊ะหัวนอนขึ้นมาดู ก่อนที่หน้าจอจะบอกว่าอีกไม่กี่นาทีจะ 7 โมงเช้าแล้ว
“ตายแล้ว สายแล้ว ไอ้มนต์เอ๊ยจะไปทำงานทันไหมเนี่ย” ฉันเด้งตัวดึ๋งออกจากที่นอนด้วยอาการร้อนรน ก่อนที่สมองจะรันงานเต็มที่แล้วเผยความจริงว่าวันนี้เป็วันหยุดประจำสัปดาห์
“ประสาทแล้วมั้ง เฮ้อออออ ~~ สงสัยไอ้เหตุการณ์บ้า ๆ บอ ๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อวานจะทำเพี้ยนไปหมด” ฉันงึมงำกับตัวเองหลังจากตั้งสติได้
“แล้วนี่ตาประธานเผด็จการ เขาให้เราไปหาทำไมั้แ่เช้า ไม่ใช่จะให้ทำอะไรแบบนั้นอีกเหรอ จะไหวไหมเนี่ยตรงนั้นยังตึง ๆ อยู่เลย” เสียงสบถเบา ๆ กับตัวเองด้วยที่ร่างกาย่ล่างยังรู้สึกหน่วง ๆ อยู่
จากนั้น...ฉันก็ได้จัดการตัวเองให้เสร็จเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว พร้อมกับถือโอกาสสำรวจห้องหรูนี้ไปพลาง ๆ ด้วยเหตุที่ว่าเมื่อวานฉันเพลียมากจริง ๆ เพราะทันทีที่เข้าห้องมาฉันก็ตรงดิ่งเข้าห้องนอนเลยทันที ไม่มีอารมณ์จะมาสำรวจอะไรทั้งนั้น
“โอ้โห...หรูขนาดนี้เลยเหรอมีทั้งโซนแยกห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องครัว พื้นที่ใหญ่พอ ๆ กับบ้านเดี่ยวเลยนะเนี่ย” ฉันเดินสำรวจพร้อมกับตื่นตาตื่นใจไปกับสิ่งที่ได้เห็น อีกทั้งข้าวของเครื่องใช้ของฉันที่มาจากห้องเก่าก็ยังถูกจัดวางได้อย่างเหมาะสมอีกด้วย
“ต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ” ฉันอดแปลกใจให้กับสิ่งที่เขาทำให้ฉันไม่ได้ และหลังจากที่ฉันสำรวจจนพอใจแล้วฉันก็ขึ้นไปยังเพนท์เฮ้าส์สุดหรูอันเป็ที่อยู่ของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็ทั้งเ้านายและเ้าชีวิตของฉันในตอนนี้
ทันทีที่ฉันได้มายืนอยู่ตรงหน้าห้องหรู ฉันก็ได้กดรหัสประตูตามที่พี่เรย์แจ้งไว้ก่อนแล้วเมื่อวาน ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป...
ติ๊ด ~~
สองขาเรียวยาวก้าวเท้าเข้าไปด้านใน พร้อมกับสายตาที่สอดส่ายมองไปทั่วเพื่อมองหาร่างที่คุ้นเคย
“ทะ...ท่าน อ่ะ...คุณวาคิมค่ะ” ฉันเดินไปยังโถงกลางเพนท์เฮ้าส์ สถานที่เดิมที่ฉันมาเมื่อวาน ก่อนจะเอ่ยปากเรียกหาคนตัวโต และทันทีสิ้นคำเรียกของฉันเสียงของบุคคลที่ฉันไม่คุ้นเคยก็ดังขึ้น
“สวัสดีค่ะ คุณคือคุณมนตราใช่ไหมคะ” ป้าแม่บ้านมีอายุดูท่าทางหน้าตาใจดีคนหนึ่งเดินตรงมาหาฉันหลังจากที่ฉันมาถึงยังห้องโถงได้ไม่นาน
“ค่ะ...สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้ด้วยท่าทางนอบน้อมทันทีที่ได้เห็นเ้าของเสียงที่เอ่ยทักทาย
“สวัสดีค่ะ พอดีนายบอกแล้วค่ะว่าวันนี้คุณมนตราจะมา ท่านยังบอกอีกว่าถ้าคุณมนตรามาถึงแล้วให้ขึ้นไปหานายบนห้องนอนได้เลยค่ะ” ป้าแม่บ้านคนเดิมบอกก่อนจะเดินนำทางฉันไปยังห้องนอนของคนที่สั่งให้ฉันมาหาในเช้านี้
จากชั้นหนึ่งขึ้นไปชั้นสองที่เป็เหมือนกับชั้นลอยของเพนท์เฮ้าส์นี้ก็พบเข้ากับห้องนอนขนาดใหญ่ของเ้าของห้อง
“เชิญตามสบายนะคะ ป้าขอตัวก่อน” ป้าแม่บ้านบอกด้วยใบหน้ายิ้มละมุน ก่อนจะเดินจากไป
และหลังจากที่ป้าแม่บ้านเดินลงไปแล้ว...
